ตอนที่ 4 : Chapter 3 : Something in the bathroom 2 100%
Something in the bathroom 2
ร้อน...
สิ่งที่ผมรู้สึกตอนนี้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
แทนภูมิซุกไซ้ใบหน้าลงมาที่ซอกคอผมก่อนจะกดจูบสลับกับขบเม้มไปทั่วลำคอ และลากริมฝีปากมากัดที่ใบหูเรียกความสะท้านไปทั่วร่างกายผมได้ไม่ยาก ความร้อนที่สุมอยู่บนใบหน้าแผ่กระจายไปรอบตัวจนผมแทบขาดสติ อารมณ์ดิบเถื่อนในตัวที่ผมพยายามสะกดมันไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดดูเหมือนมันจะไม่เชื่อฟังผมอีกต่อไปแล้ว เหงื่อกาฬไหลออกมาจากความร้อนในห้องอาบน้ำแคบๆ นี่และอารมณ์ที่ต้องการปลดปล่อย
“อื้อ...”
ผมหลุดครางออกมาอย่างน่าอาย เมื่อเขาเผลอเป่าลมร้อนรดใบหูผมอย่างต้องการจะหยอกล้อ
ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมไม่ได้ปฏิเสธแถมยังมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงแบบนี้ มันเข้าทางเขาชัดๆ เลยนี่นา ทั้งที่ผมพยายามห้ามร่างกายตัวเองไม่ให้ไปตามการชักนำของเขา แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด ยิ่งเขาลากลิ้นร้อนๆ นั่นผ่านตัวผมไปตามจุดไหนราวกับบริเวณนั้นจะร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แบบนี้มันเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีต วันเวลาที่มีแค่เราสองคนกับความสุขที่คนทั้งโลกต้องอิจฉา...
“ดูเหมือนนายจะไม่สามารถผลักไสฉันได้อีกแล้วนะนับหนึ่ง” เขากระซิบข้างหูผมด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่ บ้าเอ้ย! เขาจะรู้ไหมว่าการทำแบบนี้มันทำให้ผมเครื่องร้อนจนควบคุมตัวเองยากขึ้นไปอีก ไม่เพียงเท่านั้นเขายังซุกไซ้ซอกคอผมชวนให้จั๊กกะจี้เล่นด้วย
ซ่า!
แทนภูมิเอื้อมมือไปหมุนเปิดฝักบัวเพื่อคลายความร้อนในห้องแคบๆ นี้ลง เสียงน้ำฝักบัวที่ไหลรดลงมาทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย สติที่กระจัดกระจายไปตอนแรกกลับมารวมกันอีกครั้งทันที
ผมรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ผละตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของแทนภูมิทันทีแล้วพิงผนังตัวเองไว้อีกด้าน รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ขาไม่มีแรงจะทรงตัวยืนจนต้องเอื้อมมือไปจับสายฝักบัวไว้เพื่อประคองตัวเอง
แทนภูมิตาเยิ้มไปหมดตอนมองมาที่ผม พอเลื่อนสายตาให้ต่ำลงไปถึงได้เห็นว่าตรงนั้นของเขากำลังชี้หน้าผมอย่างหมายมาด เกือบไปแล้วเชียว ถ้าผมไม่ได้สติมีหวังเมื่อกี้เราคงมีอะไรกันและผมต้องรู้สึกแย่กับตัวเองมาไปกว่านี้แน่ เท่าที่ผ่านมาจนถึงเมื่อครู่ผมก็รู้สึกขยะแขยงตัวเองจนอยากเอาน้ำยาล้างห้องน้ำมาขัดตัวให้ถลอกปอกเปิกไปเลย
“นายจะหยุดทำไม” เขาถามผมหน้าตาเฉย
“มันไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ทุกอย่างเป็นเพราะนายชักนำฉันไปทั้งนั้น”
“ฉันผิดเหรอ? ในเมื่อนายเต็มใจ ร้องเสียงดังขนาดนั้น” แทนภูมิพูดแล้วยิ้มเยาะๆ ออกมา บ้าที่สุด! เขานี่มันไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย ใครเขาให้เอาเรื่องแบบนี้มาพูดเยาะเย้ยล่ะ!
“หยุดพูดนะ!” ผมตะโกนออกมาด้วยโกรธ หน้าร้อนจนอยากเอาน้ำมาราดสักที ไม่แน่ใจว่านี่เป็นความเขินหรือว่าความโกรธกันแน่ แต่ไม่ว่าจะความรู้สึกไหนผมก็ไม่อยากแสดงออกมาทั้งนั้นถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าผมคือแทนภูมิ! “ฉันจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเหมือนเรื่องในอดีตของเรา เพราะฉะนั้นนายอย่ามาให้ฉันเจออีก ห่างกันไปนานขนาดนั้นจะแบกหน้ากลับมาหาฉันอีกทำไม คนสองคนที่เกลียดกันไม่สมควรจะอยู่ใกล้กัน!”
ผมระเบิดคำพูดเหล่านั้นออกมาด้วยความโกรธ พูดทุกอย่างที่อยู่ในหัวใจออกมา...มันคงเป็นสิ่งที่ผมอยากบอกเขาตั้งแต่เราจูบกันเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วมั้ง
แทนภูมินิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอามือมายันกำแพงงห้องน้ำไว้บังคับให้ผมสบตาเขาโดยไม่สามารถหนีไปไหนได้ เบื่อจริงๆ กับสถาณการณ์แบบนี้...ทำไมเขาต้องกักผมเอาไว้ในวังวนของเขาและใช้สายตาสุดเท่นั่นมองมาด้วย ผมจะหนีไปไหนพ้นได้ยังไง
แบบนี้ทุกอย่างที่ผมทำมาก็สูญเปล่าหมดน่ะสิ ทั้งที่พยายามลืมเขามาตลอดจนอาการดีขึ้นแล้วแท้ๆ แต่เขาก็กลับมาทำให้ผมหวั่นไหวอีกครั้ง แบบนี้เมื่อไหร่กันล่ะที่ผมจะลืมเขาได้
แค่คิดหัวใจก็สั่นสะท้านแล้ว...ผมไม่อยากมองหน้าเขานานไปกว่านี้อีกแล้ว!
“ฉันบอกตอนไหนเหรอว่าเกลียดนายน่ะนับหนึ่ง”
“…”
ผมอึ้งไปอย่างจนด้วยคำตอบเมื่อสิ่งที่แทนภูมิพูดออกมาเป็นความจริง ตลอดเวลาที่เราคบกัน เรามีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน แม้ตอนจบสิ่งที่ผ่านมาอาจจะเป็นแค่เกมการแก้แค้นของใครบางคนจนเราห่างกันไป ผมก็ไม่เคยได้ยินเลยสักครั้งว่าเขาเกลียดผม
แต่มันไม่จำเป็นต้องพูดออกมานี่ ผมเชื่อว่าทุกคนก็เคยเป็น รู้สึกเกลียดหรือไม่ชอบใจใครโดยไม่มีเหตุผลบ้าง สิ่งที่แทนภูมิทำออกมาก็เป็นเหตุผลอย่างดีที่ทำให้ผมรู้แล้วว่าเขาเกลียดผมขนาดไหน เพราะถ้าเขาไม่เกลียดผม...เขาคงไม่ทำให้ผมเจ็บเจียนตายมากขนาดนั้น
“บอกหน่อยสิ...อะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันเกลียดนายกันล่ะ” เสียงเรียกของแทนภูมิเรียกสติผมกลับมายังเบื้องหน้า แววตาที่แสนจริงจังของเขาจ้องมายังผมราวกับจะค้นหาสิ่งที่ผมซ่อนไว้ลึกที่สุดของหัวใจ
“การกระทำของนายในอดีตไงที่ทำให้ฉันคิดว่านายเกลียดฉัน” ในเมื่อเขาพูดกับผมดีๆ ผมก็จะหยุดอคติแล้วใช้เหตุผลในการพูดคุยมากกว่าเดิม เย็นไว้นะ...นับหนึ่ง
แทนภูมิแสยะยิ้มมุมปาก “ฉลาดนี่ที่ตีความได้แบบนั้น แต่จะบอกให้นะว่าฉันไม่ได้เกลียดนาย เรียกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายเลยมากกว่า!”
คำพูดหยิ่งยโสนั่นทำให้ผมอยากตบปากตัวเองเหลือเกินที่คิดผิดยอมพูดจาดีๆ กับเขา! นั่นสินะ...คนอย่างเขานี่มันสารเลวจริงๆ ไม่มีทางคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นหรอก
“แล้วนายจะกลับมายุ่งกับฉันอีกทำไม ในเมื่อรู้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกดีกับนายอีกต่อไปแล้วก็ไม่ควรทำแบบนี้ รู้ไหม...ว่ามันทำให้ฉันขยะแขยงนายมาก!”
ผมตะโกนออกไปอย่างหงุดหงิด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ซึมเข้าไปในสมองของคนตรงหน้าเลยสักนิด
แทนภูมิไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดผมเลย เขายกมือขึ้นมาไล้ที่พวงแก้มผมอย่างหยอกล้อโดยไม่ดูสถาณการณ์ตรงหน้าสักนิด “ก็เพราะฉันคิดถึงของเล่นอย่างนายไง ฉันไม่ได้เกลียดนายแต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธของเล่นอย่างนายอยู่แล้ว”
“ฉันไม่ใช่ของเล่นของนาย!”
“ใช่หรือไม่ใช่...ก็รอดูหลังจากนี้แล้วกัน!”
อีกแล้ว...เขาบดจูบลงมาอีกแล้ว ผมพยายามดิ้นขัดขืนตัวไปมาไม่ให้เขาได้ใจไปมากกว่านี้ เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาผมถูกเขาชักจูงไปอย่างง่ายดายเหลือเกิน
แทนภูมิลูบไล้ไปทั่วร่างกายผมหมายจะปลุกอารมณ์ขึ้นอีกครั้งซึ่งมันได้ผลดีเสียด้วย คราวนี้เขาไม่จูบปากผมนานอย่างที่คิดแต่รวบสองมือผมขึ้นไปไว้เหนือศีรษะด้วยมือเดียว และใช้อีกมือที่เหลือพลิกตัวผมให้หันหลังชนแผ่นอกผมเหมือนตอนแรกที่เราเข้ามาในห้องน้ำ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาเมื่อความรู้สึกไร้ค่าในตัวเองเข้ามาแทนที่ ความเป็นจริงกลับเข้ามาสู่สมองเมื่อคิดได้ว่าผมกับแฟนเก่าที่เกลียดที่สุดได้หลวมตัวเกินเลยจนเกือบจะมีอะไรกันไปแล้ว
เจ็บ...ที่ผมรู้สึกมีความสุขไปกับการจูบกันไม่กี่ครั้งของเราสองคน
เจ็บ...เมื่อรู้ความจริงว่าแทนภูมิได้กลับมากระตุ้นความโหยหาในตัวเขาให้ผมอีกครั้ง และเขาพร้อมจะออกไปจากชีวิตผมเมื่อไหร่ก็ได้
มันไม่แฟร์เลยนะว่าไหม...ตั้งแต่ต้นจนจบผมเจ็บอยู่คนเดียว
“เงียบทำไมล่ะ” แทนภูมิพูดขึ้นมาแล้วพลิกตัวผมหันหน้ากลับมาสบตาแล้วให้หลังแนบอิงไปกับขอบกำแพง
“นายทำแบบนี้ทำไม นายมารั้งฉันไว้แบบนี้ทำไม ต้องการอะไรกันแน่...อยากให้ฉันเจ็บมากกว่านี้อีกเหรอ” ผมถามออกไปอย่างเลื่อนลอย ไม่ได้หวังว่าเขาจะให้คำตอบนี้ได้
ปราการสุดท้ายที่ผมใช้ป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดได้พังสลายไปแล้ว หัวใจผมกลับมาเต้นแรงด้วยความหวั่นไหวจากผู้ชายตรงหน้าอีกครั้งและมันคงจะไม่สามารถหยุดเต้นไปได้อีกนาน
“บอกแล้วไงว่าฉันคิดถึงของเล่นชิ้นเดิมที่เคยเล่น”
เขาจะคิดบ้างไหมว่าคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขากำลังฆ่าผมทั้งเป็น
ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ จะไม่ยอมให้มันไหลลงมาต่อหน้าแทนภูมิเด็ดขาด “ถ้าอย่างนั้นถือว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะเจอกัน หลังจากนี้อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกเลย”
“…”
“ได้โปรด...”
“เหอะ!”
แทนภูมิถอนลมหายใจออกมาเสียงดังทันทีที่ผมพูดจบประโยค สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดนั่นทำให้ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไรกันแน่
“นายนี่โง่กว่าที่ฉันคิดอีกนะนับหนึ่ง” เขาพูดออกมาอย่างหมดความอดทน ซึ่งไม่ได้ทำให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลย
“นายหมายความว่ายังไง? ฉัน...ไม่เข้าใจ”
เขาสบตาผมด้วยแววตาจริงจังกว่าที่เคยจนผมรู้สึกเขินขึ้นมา ให้ตายสิ ยิ่งตอนนี้เราไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นผมยิ่งรู้สึกอาย เหมือนเขามองเห็นผมทั้งตัวแลวอยากจับกินเข้าไปอีกรอบอย่างนั้นแหละ
“ฉันเบื่อแล้วล่ะ”
“…?” ผมไม่เข้าใจคำพูดของแทนภูมิเลยสักนิด เขาต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่ ทำไมไม่พูดมันออกมาตรงๆ ล่ะ อมพะนำแบบนี้ชาติหน้าก็ไม่รู้เรื่องหรอก
“ฉันไม่อยากให้นายเป็นของเล่นแล้ว...อยากให้นายเป็นอย่างอื่นมากกว่า”
“หา...!” อึ้งครับ ผมอึ้งมาก ประโยคนี้มันแอบแฝงอะไรไว้ลึกๆ หรือเปล่า ทำไมผมมีความรู้สึกว่าเขาจะขอผมเป็นแฟนกันนะ แล้วทำไมหัวใจผมเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งแบบนี้กันเนี่ย!
“นายได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันหมายความตามนั้นจริงๆ”
แทนภูมิเดินมาประคองใบหน้าผมไว้ให้เงยขึ้นสบตาเขาแล้วก้มหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจของเราสองคนประสานเป็นหนึ่งเดียวก่อนจะจูบปิดปากผม อืม...ครั้งนี้มันไม่ใช่จูบร้อนแรงแสนฉาบฉวยแบบที่ผ่านมา ผมรู้สึกได้ถึงความเอาใจใส่ ความห่วงหา อาลัยอาวรณ์ในนั้น
มันเป็นไปได้เหรอ...ทั้งที่เขาสร้างรอยแผลในใจให้ผมไว้มากขนาดนั้น เราจะกลับมามองหน้ากันแบบสนิทใจได้เหรอ อย่าพูดถึงความสัมพันธ์แบบคนรักเลย แค่เพื่อน...เราจะสามารถเป็นกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาอาจจะรู้สึกเฉยๆ เพราะตอนนั้นไม่ได้เป็นฝ่ายเจ็บปวด แต่ผมที่เป็นคนรับความรู้สึกนั้นเต็มๆ มาน่ะสิ จะรู้สึกยังไง
“ที่ฉันกลับเข้ามาในชีวิตนายอีกครั้ง เพราะฉันอยากลอง...อยากทำให้นายรู้สึกดีกับฉัน แบบที่ฉันกำลังรู้สึกกับนายตอนนี้”
เขาจับมือผมไปวางไว้บนแผ่นอกซ้ายนั้น
ตึก ตัก ตึก ตัก...
เสียงหัวใจของแทนภูมิและของผมเต้นไปตามจังหวะเดียวกันราวกับวินาทีนี้บาดแผลในอดีตไม่ได้มีส่วนสำคัญอีกแล้ว แค่เพียงความรู้สึกของใจสองดวงที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รักกันก็เพียงพอแล้ว
“ฉันชอบนายนะนับหนึ่ง”
พูดจบเขาก็เปิดประตูห้องน้ำเดินผิวปากออกไปทันที ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นทำให้สายน้ำจากฝักบัวรินรดลงมา ความรู้สึกเจ็บปวดเริ่มส่งตรงไปถึงหัวใจ น้ำตาไหลลงมาปะปนกับหยดน้ำ
ทั้งที่ผมควรดีใจที่เรื่องราวเป็นไปตามที่ผมเคยต้องการมาเสมอ เขาบอกว่าเขารู้สึกดีกับผมแล้ว มันเชื่อได้จริงๆ เหรอ ในเมื่อคราวนั้นเขาก็ใช้ความไว้ใจที่ผมมีหักหลังผมอย่างเลือดเย็น วันดีคืนดีก็มาบอกว่าชอบผมแล้วทุกอย่างที่เคยแตกสลายจะกลับมาได้หรือไง เขาคิดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
ผมเจ็บ...ที่เชื่อไปครึ่งใจแล้วว่าเขารู้สึกแบบนั้นกับผมจริงๆ กลัวเหลือเกินว่าประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยอีก...ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมคงไม่เหลือใจไว้รักใครอีกแล้วล่ะ ฮึ่ย! ทำไมผมต้องมาคิดมากเป็นกังวลอยู่คนเดียวด้วยนะ ทั้งที่เขาดูมีท่าทางสบายๆ ไม่คิดอะไรเลย แค่บอกชอบแล้วออกไปเนี่ยนะ จะให้ผมเชื่อง่ายๆ ได้ยังไงว่าเขาชอบผมจริง!
‘คนเราไม่สามารถมีความสุขได้ หากยังใช้อดีตเป็นตัวตัดสินอนาคต’
อยู่ดีๆ คำพูดของอั่งเปาที่เคยบอกผมเมื่อนานมาแล้วก็ดังขึ้นมา
ตอนนี้ผมยังใช้อดีตในการตัดสินการมีชีวิตในปัจจุบันอีกเหรอ...? ที่ผมไม่มีความสุขและยังแค้นกับทุกอย่างที่แทนภูมิทำเอาไว้เพราะผมยังไม่ปล่อยวางอย่างนั้นสินะ
เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมควรจะลืมทุกอย่างในอดีตและเริ่มต้นกับความเสี่ยงนี้ได้หรือยัง แล้วอะไรคือหลักประกันว่าผมจะไม่เป็นฝ่ายเสียใจซ้ำสองอีก แทนภูมิมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแค่ไหนก่อนจะพูดคำสำคัญนั้นออกมาหรือพูดแค่อยากแกล้งผมให้ใจเต้นเฉยๆ
คำถามเหล่านี้ผมไม่สามารถหาคำตอบให้ได้จริงๆ
-100%-
◊ ◊ SQWEEZ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

14 ความคิดเห็น
-
#7 ผู้เกลียดชังต่อพระเจ้า (จากตอนที่ 4)วันที่ 25 ธันวาคม 2557 / 15:16อยากฆ่าแทนภูมิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิ#70