ตอนที่ 1 : Prologue : Love is not enough for you 100%
Love is not enough for you…
ผมก้าวลงจากรถแท็กซี่ในชุดเสื้อกล้ามสีแดงสด ที่โชว์ผิวขาวกระจ่างใส่ล้อกับแสงไฟยามค่ำคืนกับกางเกงยีนส์เข้ารูปทำให้ขาเรียวๆ ของผมดูเซ็กซี่ขึ้นในสายตาคนมองก่อนจะรีบสาวเท้าเดินเข้าไปด้านในให้เร็วที่สุด
สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้ชาย ไม่สิ...ที่นี่เป็นผับเกย์ เพราะฉะนั้นผู้ชายมากมายที่ยืนเกาะกลุ่มดื่มกันตามทางเดินนี่คงจะเป็นเกย์สินะ ระหว่างที่ผมเดินผ่านไปก็จะได้ยินเสียงแซวต่างๆ นาๆ ให้หงุดหงิดใจแต่ผมไม่มีเวลาเล่นด้วยหรอกนะ ที่มาผับนี้เพราะผมมีเป้าหมายต่างหาก!
“ไงๆ หนุ่มน้อย มาคนเดียวแบบนี้สนใจอยากได้คนนั่งดื่มเป็นเพื่อนไหมเอ่ย”
“โอ้โห ผิวขาวแบบนี้แสดงว่าไม่เคยออกจากบ้านเลยสินะ พี่ล่ะอยากทำให้มันเป็นรอยแดงๆ จัง”
“ขอเบอร์หน่อยได้ไหมครับ แล้วเราไปดินเนอร์กัน บ้านผมรวยนะ เลี้ยงนายได้สบายอยู่แล้ว”
ผมรีบเดินผ่านเสียงเห่าหอนเหล่านี้ไปให้เร็วที่สุด พอเข้ามาถึงด้านในแล้วก็รู้สึกอยากอาเจียนออกมากับกลิ่นเหล้าและกลิ่นน้ำหอมที่คนด้านในใช้ ผมเป็นคนไม่ดื่มมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเพราะแอลกอฮอล์ทำให้คนขาดสติ ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้จนทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดออกมา ผมเลยเลือกที่จะหันหลังให้มันไปเลย
“อยู่ไหนของนายนะ” ผมมองซ้ายมองขวาหาคนที่ผมตั้งใจมาเจอ แต่แสงหลากสีจากลูกดิสโก้บนเพดานที่สาดส่องไปมากำลังจะทำให้ผมเสียสติเพราะมันชวนให้เวียนหัวเหลือเกิน คนก็เบียดกันไปมาแบบนี้ นี่ยังไม่รวมเกย์แก่โรคจิตบางคนที่ตั้งใจขยับมาถูกเนื้อต้องตัวผมแล้วเอามือจับไปตามร่างกายหรอกนะ ให้ตายสิ! ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่มาที่นี่อีกเลยคอยดูเถอะ!
ผมเดินไปด้านหน้าอีกสักนิดเพื่อหามุมที่มีคนน้อยหน่อยก่อนที่ผมจะหมดสติไปจริงๆ และโชคดีที่ซอกข้างโซฟานั้นไม่มีคนอยู่เลย อาจเป็นเพราะตอนนี้เป็นช่วงพีคของผับมั้ง ดีเจเลยเปิดเพลงมันส์ๆ ชวนให้คนลุกออกไปเต้นกันหมด
“เฮ้อ เกือบถูกอัดเป็นปลากระป๋องแล้วเชียว” ผมพึมพำแล้วหย่อนก้นนั่งลงบนขอบโซฟาขณะที่สายตาก็ยังกวาดมองไปเรื่อยเพื่อหาเป้าหมายที่ต้องการ
“นายทำแบบนี้มันจะดีเหรอ? ถ้าแฟนนายรู้เข้าจะแย่เอานะ” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ผมพอจะเดาออกว่าคงมีคนสองคนแอบมาสวีทหาความแปลกใหม่กันข้างหลังนี่แน่ๆ เลยไม่หันไปมองให้เสียเวลา ยิ่งได้ยินว่าแอบแฟนมาหาแบบนี้ยิ่งไม่สมควรเข้าไปใหญ่ ผมล่ะไม่ชอบเลยจริงๆ พวกที่ชอบแอบกินของชาวบ้าน น่ารังเกียจ!
“ไม่รู้หรอก หมอนั่นโง่จะตาย แค่ฉันบอกว่ารักหน่อยก็ยอมทั้งตัวทั้งใจแล้ว ถ้าจะมาเจอก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันมีเหตุผลในการเกลี้ยกล่อมก็แล้วกันน่า”
เสียงอีกฝ่ายที่คุยกันดังเข้ามาในหูผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่เสียงนี้มันคุ้นหูเหลือเกินราวกับว่าเพิ่งได้ยินมันเมื่อตอนกลางวันนี้นี่เอง
“นายนี่ฉลาดจังเลยนะแทนภูมิ”
“ฉลาดแบบนี้พอจะยอมให้ฉันจับนายกินได้หรือยังล่ะ”
ถูกเผง! ผมกัดฟันกรอดแล้วหันหน้าเดินสาวเท้าเข้าไปหาผู้ชายสองคนที่กำลังนัวเนียกันหลังโซฟานั่นแล้วกระชากตัวพวกเขาสองคนออกจากกันอย่างแรง
พลั่ก!
“โอ๊ย!”
ร่างบางนั้นกระเด็นไปกระแทกผนังอย่างแรงแต่ผมไม่สนใจแล้วหันหน้ามาเอาความกับผู้ชายอีกคนที่ยืนทำหน้าเย็นชาอยู่
“ฉันขอคำตอบกับเรื่องนี้ว่ามันหมายความว่ายังไง!” ผมตะคอกใส่เขาเสียงดังด้วยแรงอารมณ์ โชคดีที่ตรงนี้เป็นมุมอับมืดๆ ไม่มีใครอยู่ทั้งเสียงเพลงที่ดังก้องนั่นทำให้ทุกคนไม่สนใจว่ากำลังมีเหตุการณ์แย่งผัวแย่งเมียกันเกิดขึ้น
ใช่! ผู้ชายตรงหน้านี้ชื่อ ‘แทนภูมิ’ แฟนของผมเองครับ!
เราสองคนคบกันมาได้เกือบจะเดือนหนึ่งแล้ว ตอนแรกเขามาจีบผมก่อนและผมไม่ได้สนใจอะไรมากมาย แต่เพราะความมั่นคง สม่ำเสมอ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ให้เกียรติผม วางผมเป็นที่หนึ่งเสมอทุกเรื่องทำให้ในที่สุดผมก็ตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เชื่อไหมล่ะครับ...ว่าหลังจากที่เราคบกันแล้วท่าทางของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยดูแลกันดี โทรหาวันละสามเวลาหลังอาหารก็หายไปกลายเป็นผมต้องโทรไปบ่อยจนเหมือนว่าตามตื้อตามจิกซึ่งไม่ใช่นิสัยของผมเลย ก็เพราะรักยังไงล่ะถึงได้ยอมทำมากขนาดนี้ นั่นมันไม่เทียบเท่ากับสิ่งที่เขาทำตอนนี้เลย พฤติกรรมที่เขาทิ้งๆ ขว้างๆ ผมในตอนแรกยังพออภัยได้บ้าง จนวันนี้ตอนที่ผมทำรายงานกับเพื่อนในคณะเสร็จกลับไปถึงคอนโดมีเพื่อนโทรมาบอกว่าเจอแทนภูมิกับหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนข้างมหาลัยเรานั่นเองกำลังเดินกอดกันกลมอย่างกับเป็นผัวเมียกันมาแล้วสิบปีเข้าไปในผับเกย์ ทำให้ผมโกรธมากและอยากออกมาเห็นกับตาตัวเองให้เร็วที่สุดจนลืมคว้าเสื้อกันหนาวออกมาด้วยทั้งที่อากาศกลางเดือนพฤศจิกายนมันหนาวขนาดไหน!
และที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้น คือ สิ่งที่เพื่อนผมบอกดันเป็นความจริงน่ะสิครับ! เท่ากับว่าแทนภูมินอกใจผมจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? ที่มีท่าทางเปลี่ยนไปไม่ดูแลกันเหมือนแต่ก่อนเป็นเพราะยังมีคนอื่นให้กอดกกแบบนี้อีกอย่างนั้นสินะ!
“นายก็เห็นกับตานายแล้วนี่ยังต้องให้ฉันตอบอะไรอีก” แทนภูมิตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปต่างจากวันแรกที่เขาเข้ามาขอเบอร์ผมเลยอย่างเทียบไม่ได้
ผมโกรธมาก...โกรธที่เขาทำกับผมแบบนี้ ถ้าจะมักมากหลายใจ อยากได้คนอื่นไปทั่วขนาดนี้จะเข้ามาจีบผมทำไม จะมาบอกว่ารักผมทำไม บ้าเอ้ย!
“คำตอบที่ว่าคือนายไปหาเด็ก ม.ปลายมายืนจูบกันในผับลับหลังฉันแบบนี้น่ะเหรอ!” ผมพยายามจะพูดดีๆ แล้วนะ พยายามจะเอาอารมณ์โมโหส่วนตัวออกไปแล้วใช้เหตุผลในการเจรจา เรื่องความรักหากใช้อารมณ์ในการตัดสินอาจจะทำให้เจอกับจุดจบที่เจ็บปวดได้ แต่ผมก็ทนไม่ไหวจริงๆ ยิ่งเห็นหนุ่มน้อย ม.ปลายคนนั้นเข้าไปยืนหลบข้างหลังแทนภูมิเหมือนกลัวว่าผมจะเข้าไปทำร้ายอีก
หึ! จะบอกให้นะว่าคนที่ทำให้ผมโกรธน่ะไม่ใช่เด็กคนนี้หรอก! แต่เป็นเพราะแทนภูมิต่างหากที่ทำให้ผมเป็นบ้ามากขนาดนี้ โธ่เว้ย! ถ้าผมรู้ว่าเขาจะเลวแบบนี้ตั้งแต่แรกคงห้ามใจตัวเองทันไม่ให้หลงรักเขา ตอนนี้มันไม่ทันแล้วล่ะ...เพราะผมหลงรักเขาหมดใจไปแล้ว!
“ฉันว่านายหยุดพูดจาเหมือนฉันกำลังทำร้ายนายแบบนั้นสักที” แทนภูมิยังคงพูดออกมาแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ฮะ? นายจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้เป็นเรื่องปกติที่ใครๆ เขาทำก็กัน และการที่ฉันมาด่านายนี่เป็นเรื่องผิดอย่างนั้นเหรอ”
“แล้วทำไมฉันต้องยอมรับผิดด้วยล่ะ ในเมื่อจริงๆ แล้วฉันไม่ได้รักนาย”
“...!” ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ทั้งที่พอจะจับอาการจากพฤติกรรมทั้งหลายของเขาได้แล้วแท้ๆ ว่าเขาคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่ผมก็ยังหลอกตัวเองด้วยการคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงพูดเล่นและที่ออกมากับเด็กหนุ่มคนนั้นก็เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ พอผ่านคืนนี้ไปทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แค่เขาบอกว่าขอโทษเท่านั้น ผมจะถือว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันไม่เคยเกิดขึ้น แล้วนี่มันอะไรกัน...
แทนภูมิเหยียดยิ้มสะใจก่อนจะเล่าความจริงทุกอย่างที่ผมไม่เคยรู้ออกมา
“นายนี่มันโง่จังนะนับหนึ่ง หลอกนิดเดียวนายก็ติดกับฉันแล้ว ยอมมอบหัวใจและร่างกายตัวเองให้ฉันอย่างไร้ข้อกังขา ทั้งที่จริงๆ แล้วฉันหลอกใช้นายต่างหาก”
“หมายความว่ายังไง...นายพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจเลย” ผมรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบขย้ำหัวใจผมอย่างรุนแรง สายตาเย็นชาที่ส่งมานั่นทำให้ผมหายใจไม่ออก ความอ่อนโยนที่เคยสัมผัสได้ในวันแรกที่เจอกันจางหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน
ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียเขาไป...
“นายจำก้องฟ้าได้ไหม”
‘ก้องฟ้า’ อย่างนั้นเหรอ?
ใบหน้าอ่อนโยนของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในความทรงจำอันเลือนรางของผม ก้องฟ้าคือผู้ชายท่าทางนิสัยดีน่ารักคนหนึ่ง เขาเคยมาสารภาพว่าแอบชอบผมมานานแล้ว อยากขอโอกาสคบเป็นแฟนดู ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นผมปฏิเสธเขาไปเพราะมันเร็วเกินไปและไม่พร้อมที่จะมีความรัก อยากตั้งใจเรียน ทำกิจกรรมของมหาลัยอย่างเต็มที่แล้วเก็บเรื่องพวกนั้นไปคิดทีหลัง
แล้วเขามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องระหว่างผมกับแทนภูมิล่ะ?
“ดูเหมือนว่านายจะนึกออกแล้วสินะ หึ” ชายหนุ่มตรงหน้าผมยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนแต่แววตาเชือดเฉือนจนผมขนลุกออกมา ไม่ใช่กลัวว่าแทนภูมิจะทำอะไรผมแต่กลัวความจริงที่เขากำลังจะบอกผมให้เข้าใจหลังจากนี้ต่างหาก
“ก้องฟ้าเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง...และมันก็จ้างฉันให้มาจัดการนาย ทำให้นายชอบฉันและหักอกนายเป็นการแก้แค้นที่นายเคยปฏิเสธเพื่อนฉันยังไงล่ะ!”
“อะไรกัน...”
ผมรู้สึกมึนงงกับความคิดของก้องฟ้ามาก แค่ผมปฏิเสธเขา ไม่รับรักเขาถึงขั้นต้องเล่นแรงขนาดนี้เลยเหรอ ใจร้ายเกินไปแล้วนะ...แล้วแทนภูมิดันทำสำเร็จทุกขั้นตอนแบบนี้ด้วย ความสัมพันธ์ของเราสองคนคงจะหยุดลงแค่นี้แล้วสินะ
“นายอย่าแค้นก้องฟ้าไปเลย เพราะหมอนั่นย้ายมหาลัยไปแล้วตั้งแต่อกหักจากนาย นี่คงเป็นเรื่องที่นายไม่รู้สินะ ถึงตอนนี้นายจะตามหาหมอนั่นยังไง ก็ไม่มีทางเจอแล้วล่ะ”
ผมรวบรวมสติที่เหลือน้อยนิดนั่นแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาแทนภูมิอย่างจริงจัง ความรู้สึกโกรธแค้นในตอนแรกหายไปจนหมดเหลือเพียงความเจ็บปวดที่ไหลเวียนในร่างกาย
“ฉันไม่สนใจเรื่องทั้งหมดนั่นที่นายพูดมา คนที่ชื่อก้องฟ้าจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉัน”
“…” แทนภูมิอึ้งไปนิดหน่อยเมื่อผมไม่แย่แสเพื่อนเขาที่จ้างมาแก้แค้นครั้งนี้เลย
“สิ่งที่ฉันอยากรู้คือนายเคยรักฉันบ้างหรือเปล่าเท่านั้นเอง...แค่เพียงนายบอกว่ารักฉัน ทุกอย่างที่ผ่านมาฉันจะไม่โกรธเลย เราสองคนสามารถเริ่มใหม่ด้วยกันได้โดยไม่มีเงื่อนไขของเพื่อนเลวๆ นั่นมาผูกมัด”
ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาราวกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยว่าบางทีเขาอาจจะคิดแบบเดียวกับผมก็ได้ แต่รอยยิ้มผมก็ต้องจางหายไปกลายเป็นความเจ็บปวดเข้ามาแทนที่เมื่อแทนภูมิเอื้อนเอ่ยคำตอบที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดออกมา
“เสียใจด้วยนะนับหนึ่ง...เพราะฉันไม่เคยเห็นนายเป็นอย่างอื่นเลยนอกจากของเล่นฆ่าเวลาและเครื่องทำเงินให้ฉันเท่านั้น”
น้ำตาผมไหลออกมาหนึ่งหยด ผมปล่อยให้มันไหลออกไปแบบนั้นโดยไม่คิดจะยกมือขึ้นเช็ดเลย
แทนภูมิเป็นรักครั้งแรก จูบแรก และผู้ชายคนแรกของผม การที่ได้รู้ว่าที่ผ่านมานั้นระหว่างเราเป็นแค่ฉากหนึ่งในการแก้แค้นของเพื่อนเขาทำให้ผมไม่อยากจะยืนอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป มันโหดร้ายเกินไปสำหรับผมที่มอบหัวใจทั้งหมดให้กับเขา...ผู้ชายที่แสนเลือดเย็นคนนี้
“ฉันจะให้โอกาสนายเลือกอีกครั้งนะแทนภูมิ ถ้านายพร้อมที่จะกลับมาหาฉัน ฉันก็พร้อมจะทำให้นายกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุด นายมีสิทธิ์เลือกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้านายเลือกแล้วจะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้อีก”
แทนภูมิยังคงยิ้มอ่อนโยนหลอกลวงคนรอบข้างต่อไปและตอบด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด “ฉันไม่เคยรักนายเลย และนายควรรีบออกไปจากชีวิตฉันได้แล้ว ก่อนที่จะถูกเด็กน้อยคนใหม่ของฉันมองว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมถึงยังมาแย่งของเด็กอีก” พูดจบเขาก็โอบเอวเด็กน้อยคนนั้นเข้ามาใกล้ชิด
เพียะ!
ผมตบหน้าแทนภูมิจนหน้าหันอย่างไม่ออมมือเลยสักนิด...นี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ผมจะมอบให้เขาแล้วล่ะ
พอเขาหันหน้ามามาผมจึงเห็นว่ามีเลือดไหลออกจากมุมปากเขาเล็กน้อยเวลาล้อกับแสงไฟจากดิสโก้ในผับช่างเหมือนแวมไพร์หนุ่มกำลังล่าเหยื่อเหลือเกิน
“นายตบฉันทำไม!”
แทนภูมิตะคอกใส่ผมเสียงดัง นี่คงเสียหน้ามากสินะที่ถูกผมตบต่อหน้าเด็กใหม่แบบนี้น่ะ เหอะ แค่นี้มันยังน้อยไปกับสิ่งที่เขาทำกับผมเยอะเลยล่ะ
ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มไปที่หน้าผากใสไร้สิวของแทนภูมิแล้วผลักจนร่างของเซถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเหยียดๆ พร้อมคำพูดสุดท้ายก่อนที่เราสองคนจะไม่ได้เจอกันอีก
“นายมันเลวกว่าหมา!”
“…!”
“ชาตินี้นายไม่มีทางหารักแท้ดีๆ ได้หรอก ในเมื่อมีคนที่รักนายมากอย่างฉันคนนี้แล้วแท้ๆ นายยังเห็นฉันเป็นแค่ส่วนหนึ่งในแผนการสั่วๆ ของนายได้ สักวันกรรมจะตามทันนาย!”
“…”
“แล้วอย่าซมซานกลับมาขอความเห็นใจจากฉันเด็ดขาด! เพราะต่อให้นายเอาลิ้นเลียฝ่าเท้าเช็ดฝุ่นให้ฉันก็ไม่มีวันกลับไปจมอยู่กับผู้ชายนิสัยแย่ๆ แบบนายอีกแล้ว!”
-100%-
◊ ◊ SQWEEZ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านไม่สะดวกเลยอ่ะ แต่สนุกกก