คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1
บทที่ ๑
ในมุมมืดหนึ่งของร้านกาแฟชานเมืองหลวง ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ กำลังนั่งจ้องควันสีขาวหอมกรุ่นของกาแฟดำอย่างเลื่อนลอย ในใจเขากำลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน เมื่อเช้านี้เขาถูกปลุกโดยเสียงโทรศัพท์ในห้องพัก เมื่อรับสายเขาก็ต้องตาสว่างและรีบกุลีกุจอลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะปลายสายแจ้งให้เขาทราบว่า หัวหน้าแผนกเรียกตัวเขาให้ไปพบด่วน และเมื่อเขาไปถึงยังห้องทำงานของหัวหน้าแผนกแล้ว หัวหน้าก็ถามขึ้นเฉย ๆ ว่า
“คุณร้อนเงินอยู่ใช่ไหม กานต์”
ชายหนุ่มชื่อกานต์ได้แต่ยืนอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าหัวหน้ามาไม้ไหนกันแน่
“ผมมีงานให้คุณทำ เห็นว่าเบื้องบนฝากลงมา นี่คือนามบัตรของผู้รับผิดชอบ ถ้าคุณตกลงรับงานช่วยโทรไปหาเขาด้วย เห็นว่าได้รายได้งามทีเดียว”
หัวหน้าวางนามบัตรบนโต๊ะ กานต์จึงหยิบมันขึ้นมาเก็บในกระเป๋าเสื้อ
“ขอบคุณครับ แล้วเรื่องเปอร์เซนล่ะครับ”
“แบ่งให้TSJสามเปอร์เซนเหมือนเดิม”
“รับทราบครับ”
กานต์โค้งคำนับและออกจากห้องไป จากนั้นเขาจึงรีบโทรหาผู้รับผิดชอบทันที ผู้รับผิดชอบจึงนัดเขาที่ร้านกาแฟย่านชานเมืองแห่งนี้ ตอนนี้เป็นเวลาของชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเย็นของวันศุกร์ เขานั่งทอดสายตาผ่านหน้าต่างร้าน ซึ่งห่างออกไปหนึ่งโต๊ะ ผู้คนกำลังเดินขวักไขว่ ร้านรวงต่าง ๆ ก็เปิดและมีการเรียกลูกค้าอย่างคึกคัก คนที่เดินผ่านไปมามีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ หรือแม้แต่คนแก่วัยแง้มฝาโลง ต่างคนต่างอุ้มลูกจูงหลานเข้าไปในร้านรวงต่าง ๆ เป็นภาพที่เขาดูอย่างไรก็ไม่เบื่อ เพราะสำหรับเขา เขาไม่มีโอกาสได้อยู่อย่างอบอุ่นอย่างนั้นเป็นเวลาสามปีเข้าไปแล้ว หลังจากที่พ่อแม่ลุงป้าน้าอาของเขาเสียชีวิตไปพร้อมกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำบ้านของเขาในกลางดึกคืนหนึ่ง ผู้รอดชีวิตมีเพียงน้อง ๆ สี่คนที่เขาช่วยออกมาได้ทัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ต้องทำหน้าที่พี่ชายคนโตดูแลน้องทุก ๆ คน ต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เขาภูมิใจ แม้จะทำให้เขาเหนื่อยแทบขาดใจก็ตาม
“คุณกานต์ใช่ไหมครับ”
เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นข้าง ๆ เรียกสติของเขาให้กลับมาอีกครั้ง เมื่อเขาหันไปยังต้นเสียง เขาก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งสวมชุดสูทเรียบร้อยหน้าตาเคร่งขรึมยืนอยู่ เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนคำนับ และเอ่ยถามชายผู้นั้นว่า
“ใช่ครับ คุณคือคุณดัสกรใช่ไหมครับ”
ชายวันกลางคนพยักหน้า
“ครับ ผมเอง ผมไม่มีเวลามากนัก จะขออธิบายงานที่จะขอให้คุณช่วยทำเลยนะครับ”
ดัสกรนั่งลงฝั่งตรงข้ามกานต์ เขาหยิบรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋าเสื้อสองใบ ใบหนึ่งเป็นรูปเด็กสาววัยรุ่นน่าจะอายุพอ ๆ กับน้องสาวคนเล็กของกานต์ คือราว ๆ สิบสี่ปี เธอมีดวงหน้ารูปไข่ นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโต และผมหยักศกสีน้ำตาลอมดำรวบเป็นหางม้าเรียบร้อย ผิวของเธอเป็นผิวสองสี ดูปราดเดียวก็รู้เลยว่าเป็นคนไทยแท้ ๆ ส่วนอีกรูปหนึ่งเป็นรูปของเด็กหนุ่มหน้าตาบ้าน ๆ ซึ่งผิวขาวกว่าเด็กสาวในรูปเพียงเล็กน้อย มองไปแล้วแทบไม่มีจุดเด่นบนใบหน้าเลย ผมของเขาก็เป็นทรงรองทรงธรรมดา แต่นัยน์ตาสีดำคู่นั้นกลับมองแล้วรู้สึกถึงอำนาจบางอย่าง ถ้าบอกว่าเด็กคนนี้เป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาล กานต์ก็จะเชื่อย่างสนิทใจทีเดียว
“งานที่ผมจะให้คุณช่วยทำคือ งานคุ้มครองความปลอดภัยของเด็กสองคนนี้”
กานต์มองรูปเด็กทั้งสองอย่างพิจารณาอีกครั้ง ทั้งสองคนไม่น่าจะใช่พี่น้องกัน เพราะหน้าตาไปคนละทาง สีผิวก็ไม่เหมือน และไม่มีใครเลยที่หน้าตาคล้ายกับดัสกร จึงไม่น่าใช่การจ้างเพื่อรักษาความปลอดภัยธรรมมดา ๆ เหมือนการจ้างบอดีการ์ดให้ดูแลลูกคุณหนูของมหาเศรษฐีที่งานยุ่งจนไม่มีเวลาดูแลลูก แต่เพื่อให้เกิดความแน่ใจ เขาจึงถามดัสกรว่า
“คุณเป็นผู้ปกครองของเด็กสองคนนี้หรือครับ”
ซึ่งก็เป็นดังคาด ดัสกรปฏิเสธ
“เปล่า พอดีผมรับงานมาจากเบื้องบนอีกที แต่ดันต้องไปต่างประเทศกะทันหัน ผมเลยติดต่อหัวหน้าของคุณ”
กานต์มองดัสกรอย่างสงสัย เบื้องบน ? เบื้องบนที่ว่าน่ะใครกัน ทำไมต้องปิดบังชื่อด้วย แล้วทำไมอยู่ ๆ ต้องลงทุนขนาดไปติดต่อหัวหน้าของเขา ? เท่าที่ดูจากนามบัตร ดัสกรทำงานอยู่ในสภาเวทมนตร์ ตำแหน่งของเขาก็น่าจะไม่ใช่เล่น ๆ ลูกน้องก็น่าจะมีเยอะ ทำไมถึงไม่วานให้ลูกน้องทำแทน มาจ้างเขาให้เสียเงินทำไม
“เอ่อ ที่ว่าเบื้องบนเนี่ย ใครเหรอครับ”
กานต์ถามคำถามที่ไม่น่าถามออกไป ทั้ง ๆ ที่พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากตอบ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ และอีกฝ่ายมีสีหน้ารำคาญนิด ๆ ด้วยซ้ำไป
“ผมบอกไม่ได้ เป็นความลับ บอกได้แค่เป็นผู้มีตำแหน่งสูงในสภาเวทมนตร์เท่านั้น”
“แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ ผมแค่อยากทราบไว้ก่อนว่าผมกำลังทำงานให้ใคร จะได้ไม่ทำงานพลาด ก็เท่านั้นแหละครับ”
ดัสกรพยักหน้า แล้วก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่าง แล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กานต์
“นี่คือที่อยู่ของเด็กสองคนนี้ พวกเขาอยู่บ้านติดกัน บ้านเลขที่ในกระดาษเป็นของเด็กผู้ชาย”
กานต์มองตัวอักษรขยุกขยุยบนกระดาษในมือ และอ่านทวนอีกรอบ
“บ้านเลขที่xxx ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร...เอ๋ พวกเขาอยู่ที่เอิร์ธเหรอครับ”
“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
กานต์ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ
“เปล่าครับ”
เขาปฏิเสธไป แต่ในใจแอบคิดว่า งานนี้ท่าทางจะหนักเอาเรื่อง คงไม่ได้กลับบ้านหลายวัน
“พ่อแม่ของเด็กทั้งสองคนเป็นชาวพาโลเนีย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะย้ายไปอยู่ที่เอิร์ธพร้อม ๆ กันเมื่อสิบห้าปีก่อน ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรเท่าไร แต่เท่าที่ดูพ่อแม่เขาน่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสำคัญในองค์กรไหนสักองค์กรหนึ่ง ดีไม่ดีอาจจะเคยทำงานในสภาเวทมนตร์ก็เป็นได้”
อาจจะเคยทำงานในสภาเวทมนตร์ก็เป็นได้ ? พูดอย่างกับตัวเองไม่ได้ทำงานในสภาเวทมนตร์เลยไม่รู้จักอย่างนั้นแหละ สมาชิกสภามีไม่กี่คน ต่อให้ลาออกแล้วก็น่าจะเคยได้ยินชื่อบ้าง คน ๆ นี้มีพิรุธจริง ๆ จะจ้างเราทั้งทีปิดบังข้อมูลจนหมดเลย เขาทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน
กานต์ยกกาแฟขึ้นดื่มพลางคิดในใจ เมื่อเขากลืนกาแฟลงคอแล้ว เขาจึงเอ่ยขัดขึ้นว่า
“ผมว่าไม่ใช่หรอกครับ ถ้าพ่อแม่ของพวกเขาเป็นคนของสภาเวทมนตร์จริง ๆ ผู้จ้างวานก็น่าจะจ้างให้คุ้มครองทั้งครอบครัวสิครับ...”
กานต์ยังไม่ทันได้ถามว่า คุณตั้งใจจะให้ผมรับงานอะไรกันแน่ ดัสกรก็เอ่ยตัดบทขึ้น
“ก็ไม่รู้สิครับ ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าผู้จ้างวานเขาคิดอะไรอยู่”
เขางั้นหรือ ไม่ใช่ท่านหรอกเหรอ ?
กานต์เผลอจ้องหน้าดัสกรอย่างคลางแคลงใจ ทำให้ดัสกรรู้สึกเหมือนกำลังโดนจับผิด
“ผมไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับคุณนะครับ นี่ก็ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ผมเป็นผู้ว่าจ้างของคุณ คุณ-ไม่-มี-สิทธิ์-สง-สัย-ผม”
ดัสกรเน้นท้ายประโยคอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำให้กานต์ต้องเอ่ยขอโทษ ดัสกรจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“ระยะเวลางานคือสี่เดือน เริ่มงานตั้งแต่พรุ่งนี้เลย ที่สำคัญถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องให้เด็ก ๆ รู้นะว่าคุณตามคุ้มครองพวกเขาอยู่ แล้วนี่คือค่าจ้างครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งจะจ่ายหลังทำงานเสร็จ ฉันขอตัวก่อนล่ะ จะไปขึ้นเครื่องไม่ทัน”
ดัสกรพูดรัวเร็ว พอเขาวางซองเงินไว้บนโต๊ะเสร็จก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้กานต์นั่งงงอยู่ที่โต๊ะ
จะไปก็ไปกันดื้อ ๆ อย่างนี้เลยเหรอ ? ไม่คิดจะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเลย ? แล้วเมื่อกี้เขาพูดสินะว่า ระยะเวลางานคือสี่เดือน ? สี่เดือน ? ไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้เจอใคร...นรกชัด ๆ
คิดได้แล้วก็ได้แต่นั่งคอตก จะเบี้ยวไม่รับงานก็ไม่ได้ เพราะดัสกรวางซองเงินไว้แล้ว
พูดถึงซองเงิน รับงานรอบนี้จะได้สักเท่าไรหว่า
กานต์หยิบซองเงินมาเปิดดู และนั่นทำให้เขาลืมความทุกข์ทุกอย่างทันที ในซองนั้นมีเช็คจำนวนเงินสี่แสนบาท และนี่คือค่าจ้างแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น หากเขาทำงานจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เขาจะได้เงินเพิ่มเป็นแปดแสนบาท ณ วินาทีนั้นเขาแทบอยากจะกระโดดกู่ร้องอย่างดีใจ เขารีบไปขึ้นเงินที่ธนาคาร พร้อมกับโอนเงินเขาบัญชีส่วนตัว จากนั้นเขาก็รีบกลับไปที่หอเพื่อจัดกระเป๋า ระหว่างจัดของนั้นเอง เขาก็โทรศัพท์ไปหาน้องสาวคนโต ซึ่งเป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้คือ เธอปิดเครื่อง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเธอไม่ชอบเปิดโทรศัพท์ระหว่างทำงาน ตอนนี้ก็คงทำงานอยู่ที่ไหนสักแห่ง กานต์จึงเปลี่ยนไปโทรหาน้องสาวคนเล็กแทน จะเรียกว่าน้องสาวคนเล็กคงไม่ถูกนัก เพราะเธอมีฝาแฝดด้วย
เสียงรอสายโทรศัพท์ดังขึ้นเพียงสองครั้ง ปลายสายก็กดรับ
“ฮาโหล พี่กานต์เหรอ”
เสียงที่ดังขึ้นปลายสายกลับไม่ใช่เสียงเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ ทำให้กานต์แปลกใจเล็กน้อย
“อือ ทำไมอินรับสายล่ะ วันนี้ไม่มีซ้อมเหรอ แล้วอันล่ะอยู่ไหน”
ปลายสายหัวเราะคิก
“ก็อยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ อินคิดว่าพี่จะแยกเสียงอินกับอันไม่ได้ซะอีก วันนี้อินอยากกินเค้ก เลยลาซ้อมแล้วเข้าเมืองกับอัน พี่กานต์อยากกินไหมล่ะ จะได้ซื้อเผื่อ ไหน ๆ พรุ่งนี้เราก็เจอกันอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องซื้อเผื่อหรอก เอ่อ...คือว่าจะโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้พี่รับงานน่ะ”
“ก็กลับมากินตอนเย็นก็ได้นี่”
“พี่ก็อยากทำอย่างนั้นอยู่หรอก แต่รอบนี้พี่ไปทำงานสี่เดือน”
“ห๊ะ!? อะไรนะพี่กานต์”
“ฟังไม่ผิดกหรอก พี่ต้องไปทำงานที่เอิร์ธสี่เดือน”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า
“ไม่ได้กลับบ้าน ?”
“ใช่”
“ต้องอยู่ทีนั่นตลอด”
“ใช่”
“จะไม่ได้มาหาอิน”
“...ก็ใช่”
สิ้นเสียงของกานต์ ปลายสายก็โอดครวญใส่หูเขา จนหูเขาแทบชา สรุปน้องเขามันอายุสิบสี่หรือสี่ขวบกันแน่เนี่ย ?
“แล้วทำไมพี่กานต์ต้องรับงานนี้ด้วยล่ะ”
“เขายัดเงินมาให้พี่แล้ว ตั้งสี่แสน”
“ห๊ะ!? อะไรนะ สี่แสน !”
“ใช่สี่แสน”
ปลายสายถอนหายใจปนหัวเราะ
“เออตามใจพี่กานต์แล้วกัน ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“รับทราบ อินก็ดูแลตัวเองดูแลอันด้วยนะ แค่นี้นะ บาย”
หลังจากวางสายไปแล้ว กานต์ก็จัดของต่อ เมื่อจัดของเสร็จแล้ว เขาก็อาบน้ำและมาวางแผนเดินทางต่อ พรุ่งนี้เขาต้องไปที่เกทเชื่อมมิติตั้งแต่แปดโมงเช้า และต่อรถไฟฟ้าไปลงสถานีหมอชิต และต่อรถเมล์ไปลงหน้าปากซอยบ้านของเด็กทั้งสองคน
เขาหยิบรูปของเด็กสองคนออกมาดูอีกครั้ง ด้านหลังรูปมีชื่อ นามสกุล และอายุเขียนไว้ เด็กผู้หญิงชื่อพิมพ์พกา สิริสิทธิ์พัฒนา ชื่อเล่นชื่อพิมพ์ ส่วนเด็กผู้ชายชื่อวริศ โสภานิมิต ที่บังเอิญคือชื่อเล่นชื่อเดียวกับเขาคือกานต์ ทั้งคู่อายุสิบสี่ปีเท่ากัน ก็เท่ากับอินและอัน
“ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ”
เขากระซิบกับรูปถ่ายเบา ๆ และทิ้งตัวลงนอนหลับไปทันที
ความคิดเห็น