คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 คุณสามีซื้อบื้อ
บทที่ 2
คุณสามีซื้อบื้อ
พระจันทร์สีเหลืองนวลเคลื่อนตัวมาอยู่เหนือศีรษะ ดวงดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับสวยงาม เสียงนกฮูกส่งเสียงราวกับว่าค่ำคืนไม่มีผู้ใดนอกจากพวกมัน ดึกเพียงนี้แล้วหรือ?
“สามี!!??”เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ เสียงของชายที่ข้าเฝ้ารอมานานแสนนาน
“ก็ใช่น่ะสิ คุณสามีขา...”ข้ายิ้มน้อยๆให้เจ้าพร้อมจงใจพูดเสียงยานเพื่อจะได้ดูอ่อนหวานขึ้นสักนิด
แต่เจ้าคงได้ยินเป็นเสียงที่น่ากลัวสินะ...
“ผมไม่ใช่สามีเธอ!!!”เจ้าตะโกนออกมาสุดเสียง บ้ารึเปล่า...ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้วฮึ แต่แบบนี้สิถึงจะน่ารัก...
“ไม่จริง คุณสามีขา...”ข้านึกสนุกเลยพูดเถียงออกไป และแน่นอน เขาก็เถียงกลับมาเสียยกใหญ่ และสงครามฝีปากที่ดูจะเป็นการทดสอบความอดทนมากกว่าก็เริ่มขึ้น (ก็ใครใช้ให้พูดกันแต่ “คุณสามีขา...” กับ “ไม่ใช่”กันล่ะ)
เราสองคนเถียงกันไปเถียงกันมาอย่างสนุกสนาน(?) จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน...แต่มันก็สนุกดีนะ
“ฮึอๆๆๆ คุณสามีแกล้งข้า”เมื่อนานๆเข้าการโต้เถียงครั้งนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงซักที ข้าเลยใช้ไม้ตายสุดยอด “น้ำตาสยบแผ่นดิน”เล่นงานเขาสักหน่อย ซึ่งมันก็ได้ผลด้วยล่ะ
“อ่า...ผมขอโทษนะ”ได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนแล้วสะใจเป็นบ้า ข้าบินเข้าไปกอดเขาเอาไว้ทันทีและใช้มารยาพูดเสียงดีอกดีใจสุดๆ
“เย้...ที่รักจำข้าได้แล้ว”ข้าส่งเสียงดีอกดีใจสุดฤทธิ์ เขาได้แต่ทำหน้าเหลอหลา แถมยังแดงก่ำอีกต่างหาก ฮ่าๆ...นี่เจ้าคงไม่เคยโดนผู้หญิงตัวเป็นๆกอดล่ะซี่ งั้นโดนวิญญาณกอดไปก่อนล่ะกัน
“ปล่อยข้านะ”เขาพูดเสียงดังลั่นเล่นเอาหูแทบแตก แต่เรื่องอะไรข้าจะปล่อยล่ะ
“แหม ที่รักล่ะก็...แค่นี้ทำเป็นอายหรอคะ”
“ผมไม่ใช่ที่รักของคุณ!!!”แหมๆตะโกนลั่นห้องเลยนะ ไม่พอยังดิ้นใหญ่เลยด้วย เจ้านี่มัน...น่าแกล้งจริงๆเลยให้ตาย
“น่าๆ จะใช่ไม่ใช่จากนี้ข้าก็ขอฝากตัวด้วยนะ”จู่ๆข้าก็ตัดบทเดื้อๆแถมยังยิ้มให้เขาแบบน่ารักสุดๆ(แน่นอนก็ข้ามันน่ารักนี่) เล่นเอาเขาอิ้งไปพักใหญ่เลยทีเดียว
“แล้ว...”ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากพูด ทางเข้าออกเพียงหนึ่งเดียวก็ถูกเปิดเสียงดังลั่น พร้อมๆกับวัยรุ่นทั้งชายหญิงกรูกันเข้ามามากมาย
“เฮ้ยกล้า!!! เป็นไรของแกวะ ร้องซะลั่นค่ายเลย”เสียงชายคนหนึ่งร้องทักเขาอย่างห่วงใย
“เอ่อ...มะ.ไม่มีอะไร”คิกๆๆๆๆ ที่เขาตอบไปอย่างนั้นก็เพราะข้าเองแหละ ก็ข้าเล่นจ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้เลยทีเดียว
“แน่ใจนะคะ”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เสียงใสๆของเธอทำเอาข้าต้องหันไปมอง
เจ้าของเสียงเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักอายุไม่น่าเกิน 18 ผิวของเธอนวลผ่อง แก้มสีแดงระเรื่อดูน่ารัก ตาโตใสดูเข้ากับผมม้าสั้นเพียงบ่าของเธอเยี่ยงนัก ถ้าไม่ติดว่าตัวเธอเล็กไปหน่อย คงได้กลายเป็นสาวที่หนุ่มๆตามจีบเป็นพรวนแน่
“อื้อ...ผมไม่เป็นอะไร”แล้วทำไมหมอนี่ถึงหน้าแดงล่ะ?? หรือว่า...
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะจ๊ะ...”เธอส่งยิ้มหวานให้ตาซื่อบื้อ แถมตานั่นยังยิ้มตอบอีก นะ...นี่มัน!!
“งั้นไปงานบายศรีกันนะ”เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน กริ๊ด!!... มันจะเกินหน้าเกินตาชั้นไปแล้วนะ
“เอ๋...ตอนนี้ยังทันหรอครับ”
“ทันสิคะ นี่งานเพิ่งจะเริ่มเอง”เธอยิ้มอีกแล้ว... ยัยนี่มันยิ้มเชือดใจชายชัดๆ ตาบ้าลังเลอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาในที่สุด
“งั้นเราไปกันเถอะครับ”ว่าแล้วเขาก็ลุกจากเตียงเดินไปทันที เฮ้ย!! แล้วข้าล่ะ...
ไม่ทันที่ข้าจะเอ่ยปากท้วงอะไรออกไป เจ้าบ้าติ๊งต๊องโง่ดักดานก็ออกจากห้องไปเรียบร้อย ทิ้งให้ข้าอาละวาดอยู่คนเดียวเฉยเลย จนในที่สุดข้าก็ต้องจำใจตามพวกเขาไปแบบเคืองที่สุด...
ความจริง...ข้ารู้อยู่แล้วล่ะเรื่องที่เขาไม่ใช่สามีของข้า
ก็ข้าตายมาตั้งกว่าสองร้อยปีได้แล้วนี่ ใครมันจะมีชีวิตอยู่กันล่ะ...
สามีข้าน่ะนะ เป็นคนที่ทั้งอ่อนโยน ทั้งแข็งแกร่ง เวลาอยู่ใกล้ๆก็อบอุ่นเป็นที่สุดที่สุด และที่สำคัญท่านช่างหล่อและเท่เหนือคำบรรยายจริงๆ
แม้อีตาซื้อบื้อนี่จะหน้าเหมือนคุณสามีสุดที่รักของข้าจริงๆก็เถอะ
แต่ความรู้สึกเท่ๆนี่ไม่มีออกมาให้เห็นเล้ย ให้ตายสิ...ทำไมตาบ้านี่ต้องมาหน้าเหมือนกับสามีข้าด้วยนะ
ส่วนเหตุผลที่ข้าคิดจะติดตามตาซื่อบื้อคนนี้น่ะหรอ
ข้าก็แค่รู้สึกว่า ถ้าติดตามเจ้าหมอนี่ไปต้องมีเรื่องสนุกๆแน่นอน
แล้วก็เหงานิดหน่อยด้วยล่ะ...
อ๊า...ยอมรับก็ได้ๆ
ก็ใครใช้ให้อีตาซื่อบื้อนี่ทำให้ข้าคิดถึงสามีสุดที่รักของข้ากันเล่า
พิธีบายศรีจบลงได้ด้วยดี พวกเราอวยพรน้องๆกันท่ามกลางแสงเทียน บรรยากาศอันแสนอบอุ่นอบอวลไปทั่วห้องกิจกรรมของเรา น้ำตาแห่งความปลาบปลื้มและความสุขปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหลายๆคน เสียงหัวเราะดังขึ้นบ้างประปราย เล่นเอาหัวหน้างานอย่างผมมีความสุขมากเลยทีเดียว ต้องขอบคุณเพื่อนๆทุกคนล่ะนะที่ทุ่มเททำมันขึ้นมาจนสำเร็จ
วันรุ่งขึ้นพวกเราก็นั่งรถกลับกันในตอนเที่ยง ผมนั่งอยู่คนเดียวที่แถวหน้าสุดอย่างสบายอารมณ์ แล้วจึงหลับตาลงและไม่สนใจเพลงแด้นซ์ที่คนขับเปิดอย่างรู้ใจทุกคน เพื่อนๆยังคงร้องเล่นเต้นรำกับเหล่ารุ่นน้องอย่างสนุกสนาน เสียงโหวกเหวกทำเอาบางครั้งรู้สึกว่าหนวกหูไปบ้าง แต่ก็แผงไปด้วยความสุข พวกเราได้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ดีไว้เบื้องหลังพร้อมกับนำความทรงจำดีๆที่ร่วมกันสร้างขึ้นมากลับมาอย่างมีความสุข
ช่างเป็นค่ายที่น่าประทับใจจริงๆ...
ถ้าเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงแค่ความฝันจะยิ่งสุดยอดใหญ่
“เหนื่อยไหมคะที่รัก”เสียงของสาวน้อยคนหนึ่งปลุกผมขึ้นจากภวังค์ ผมลืมตาช้าพลันสบตากับสาวน้อยที่นั่งข้างๆเข้าให้ ผมยาวสยายของเธอเข้ากับใบหน้าสวยใสยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมือนเดิม แต่ผมไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด...ก็นี่มันสาวน้อยคนเมื่อวานนี่นา
สาวน้อยที่มาเรียกผมว่าสามีคนนั้น...
“นี่เธอมาได้ไงเนี่ย!!!”ผมตะโกนลั่นรถโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า รุ่นน้องคนหนึ่งกำลังกล่าวขอบคุณทีมงานทุกคนอยู่ที่หน้ารถ ดวงตานับร้อยหันมาจ้องผมเป็นตาเดียว เสียงทุกอย่างพลันเงียบกริบเหลือเพียงแต่เสียงรถที่กำลังวิ่งไปช้าๆ
“ขะ...ขอโทษ พอดีฝันร้ายน่ะครับ”ผมพูดขอโทษ ก่อนจะส่งยิ้มอายๆให้รุ่นน้องข้างหน้าที่กำลังจะร้องไห้(เพราะคิดว่าตะโกนว่าเธอ) และเมื่อเหตุการณ์กลับเป็นปกติ ผมก็หันไปคำรมใส่ตัวการที่ทำให้ผมต้องอับอายเช่นนี้
“เธอทำบ้าอะไร ห้ะ!!”ผมกระซิบเบาๆให้เราได้ยินแค่สองคน
“ที่รักนั่นแหละ เสียงดังทำไมเล่า!!”เธอตะโกนเสียงดังลั่น จนผมสะดุ้ง และรีบเอามือปิดปากเธอทันที
น่าแปลก...คราวนี้ไม่มีใครสนใจมองมาที่ผมเลย...ทั้งๆที่คุณเธอออกจะเสียงดังขนาดนั้นเนี่ยนะ
อ้อ...ก็เธอเป็นวิญญาณนี่นา...
ผมถอนหายใจอีกครั้งพลางลดมือที่ปิดปากเธอลง เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะเอ่ยเสียงเบา
“ไม่มีใครได้ยินที่ข้าพูดหรอก”
“มีเพียงที่รักเท่านั้นแหละที่จะได้ยิน”
“ทำไมล่ะ...”
“ก็เจ้าเป็นสามีของข้าไง”เธอยิ้มอีกแล้ว
“ไม่ตลกนะ”ผมกัดฟันกรอด นี่เธอไม่เคยคิดจะเลิกเล่นเลยใช่ไหม
“ก็ใครว่าข้าพูดเรื่องตลกล่ะคะ...ที่รัก”
“บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ที่รักของคุณ...”ผมตัวสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ แต่เธอก็ยังยิ้มให้อยู่ดี
“แล้วนี่เธอตามผมมาทำไม...”ผมสะกดอารมณ์โกรธไว้อย่างยากเย็น แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
“ก็ตามพ่อทูนหัวมาไงคะ”เธอยิ้มอีกแล้ว
“ผมไม่ใช่พ่อทูนหัวของคุณ!!”และในที่สุดผมก็หลุดตะโกนเสียงดังลั่นอีกครั้งไม่ได้ และมันก็ทำให้รุ่นน้องผู้น่ารัก น้ำตาไหลออกจากนัยน์ตาคู่สวยทันที
โอ...ไม่นี่ชีวิตผมมันเป็นอะไรไปแล้วนี่...
ความคิดเห็น