ความคิดจากเมื่อวันวาน - ความคิดจากเมื่อวันวาน นิยาย ความคิดจากเมื่อวันวาน : Dek-D.com - Writer

    ความคิดจากเมื่อวันวาน

    เพลินซาบซึ้งกับมิตรภาพที่ธันมีให้เธอ เเต่เมื่อวันหนึ่ง...

    ผู้เข้าชมรวม

    319

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    319

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ต.ค. 54 / 16:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    สวัสดีขอรับ
    ข้าพเจ้า Ryoma+ หรือ เจ จากผู้เเต่งเรื่องThe key นะขอรับ
    เจได้มีโอกาสเอาเรื่องสั้นลงเด็กดีเป็นเรื่องที่สองเเล้ว
    จากที่เรื่องเเรกคือเรื่อง ' นัยน์ตาของผม ' ซึ่งมีเค้าโครงเรื่องมาจากเรื่องจริง

    ส่วนเรื่อง ' ความคิดจากเมื่อวันวาน ' นี้
    เจได้เขียนไว้ตั้งเเต่ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่4
    ซึ่งตอนนั้นต้องเขียนส่งอาจารย์ในวิชาการเขียนเเต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเรื่อง

    ต่อมาไ้ด้ส่งเรื่องนี้ตีพิมพ์ลงจุลสารของกลุ่มวรรณศิลป์ มหาวิทยาลัยบูรพา
    เเม้กลุ่มดังกล่าวจะเป็นเพียงกลุ่มคนจำนวนไ่ม่มากเเต่ก็มีใจชื่นชอบในงานเขียนเป็นอย่างมาก

    อย่างไรซะเราก็ดูวิชาการกันมามากเเล้ว
    ฮ่าๆๆๆ
    ตรงๆเลยเเล้วกัน
    เจฝากงานเขียนงงๆเเปลกๆเรื่องนี้ด้วยเเล้วกันนะขอรับท่านนักอ่านผู้เเสนน่ารัก
    ^___^

     
    Ryoma+
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      ความคิดจากเมื่อวันวาน

       

                   เสียงเอะอะดังรบกวนโสตประสาทอยู่รอบกายเป็นเหตุให้เปลือกตาแสนอิดโรยต้อง เผยอขึ้นช้าๆ ผู้คนมากมายทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักรายล้อมอยู่รอบด้านขณะที่ร่างของเธอ ทอดกายอยู่บนรถเข็นซึ่งกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

                      เธอรู้ว่าที่นี่คือที่ไหนและรู้ว่าต้องมาทำอะไรในที่แห่งนี้ แต่เธอไม่เคยรู้สึกดีกับที่แห่งนี้เลยสักครั้ง

      โรงพยาบาล คือสถานที่ที่ใครหลายๆคนรังเกียจ คงไม่มีใครอยากย่างกายมาเหยียบนอกจากหมอหรือพยาบาลที่มีความจำเป็นต้องใช้ โรงพยาบาลเป็นแหล่งเลี้ยงชีพ และเธอเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่ไม่เคยรู้สึกดีกับมัน

                      ‘ฉันเกลียดโรงพยาบาล

                      กว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกพาเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมสลัวๆห้องหนึ่งซึ่ง ปราศจากบุคคลที่เธอคุ้นหน้า นายแพทย์และนางพยาบาลช่วยกันจัดการกับสายระโยงระยางที่อยู่รอบตัวเธออย่าง รวดเร็ว แสงไฟถูกสาดมายังดวงหน้าก่อนที่ดวงตาสะลืมสะลือจะค่อยๆปิดลงอีกครั้ง

                      สถานที่อันคุ้นตาปรากฏเบื้องหน้า ตึกใหญ่ตั้งตระหง่านประกาศศักดาไปทุกพื้นที่ รถไฟที่เคยวิ่งแต่เพียงพื้นดินถูกยกระดับให้ขึ้นไปวิ่งบนฟ้า และยังมีอีกมากลงไปวิ่งใต้พื้นดิน ผู้คนเร่งรีบราวกับเกรงว่าจุดหมายจะหายไป ทั้งที่กิจกรรมมากมายยังคงดำเนินต่ออย่างไม่สิ้นสุดแต่ ณ ขณะนี้เธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้าง

                      เท้าก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่ไปตามเส้นทาง ทุกซอกทุกมุมล้วนแต่ผ่านการสำรวจของเธอมาแล้วทั้งสิ้นก่อนที่ฝีเท้าจะหยุดลง ที่หน้าร้านอาหารเล็กๆข้างทาง ความทรงจำเมื่อวันวานปรากฏชัดขึ้นในมโนภาพ ชายคนนั้นยังอยู่ที่เดิม เขายังคงนั่งอยู่กับเธอภายในร้านที่ไร้ผู้คน

                      “อะไรน่ะธันเธอเอ่ยถามเมื่อเขายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ตรงหน้าทั้งๆที่พอจะรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร

                      “รายละเอียดการประกวดร้องเพลงไง เพลินสัญญากับเราแล้วนะว่าจะประกวดเป็นเพื่อนกันเขาเอ่ยพร้อมส่งสายตาปริบๆเป็นเชิงขอร้องมาให้ซึ่งเป็นภาพที่เธอเคยเห็นจน ชิน

                      เธอรู้ดีว่าเขาหลงใหลในเสียงเพลงมากเท่าใด และรู้ว่ามันเป็นความฝันสูงสุดของเขา เธอดีใจที่เขามุ่งมั่นไต่เต้าเพื่อความฝันของตน แต่ที่สร้างความประทับใจยิ่งกว่านั้นคือ เขาหยิบยื่นมิตรภาพอันบริสุทธิ์ให้กับเธอ ทำให้เธอได้รู้จักคำว่าเพื่อนแท้ และเธอเองก็พร้อมจะเป็นที่พึ่งให้เพื่อนรักคนนี้

                      “ก็ได้ แต่ฉันร้องเพลงไม่เก่งนะเธอยิ้ม

       

                      และแล้วการประกวดก็ผ่านไปด้วยดี...

                      “ดีใจด้วยนะธันที่ผ่านเข้ารอบห้าคนสุดท้ายได้เธอเอ่ยขณะเดินทางไปยังร้านประจำแห่งเดิม

                      “ขอบใจ เพราะมีเพลินนี่แหละเราถึงเข้ารอบมาได้เขาตอบอย่างร่าเริง

                      ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของเขา เธอกลับยิ้มได้ แต่รอยยิ้มคงอยู่ได้เพียงไม่นานก็ต้องจางหายไปเมื่อเธอรู้สึกว่าศีรษะตัวเอง เริ่มหนักอึ้ง สีหน้าซีดเซียวปรากฏแทบจะพร้อมกับความทรมานที่เธอไม่เคยชินกับมันเสียที ร่างกายซวนเซจะล้มหากแต่โชคยังดีที่เพื่อนที่อยู่ข้างกายเธอคนนี้สามารถพึ่ง พาได้เสมอ

                     “เพลินเป็นอะไรไป!เขาถลาเข้ามาประคองเธออย่างตื่นตระหนก

                     แต่มันไม่ได้เป็นเรื่องน่าตกใจเท่าไหร่เพราะถึงอย่างไรเสียมันก็เป็นอาการปกติของคนร่างกายอ่อนแออย่างเธออยู่แล้ว เพราะโรคร้ายที่คอยรุมเร้าอยู่นี่ทำให้เธอต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และเพราะมันเธอจึงเกลียดโรงพยาบาล

                     “ช่วยหยิบยาในกระเป๋าให้ทีเธอขอร้องเบาๆด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกแย่เต็มทน

                      เขาควานหาขวดยาในกระเป๋าแต่ก็พบเพียงขวดเปล่า ครั้นพอเหลือบสายตาพบร้านขายยาฝั่งตรงข้ามทำให้เขาคลี่รอยยิ้มได้อีกครั้ง

                      “เดี๋ยวเราข้ามถนนไปซื้อยามาให้แล้วกัน เพลินนั่งรออยู่ตรงนี้แหละเขาพยุงเธอไปนั่งรอที่ม้านั่งริมทางก่อนจะรีบวิ่งไป

                      เพียงสักพักชายฉกรรจ์ราวห้าคนย่างสามขุมตรงมาที่เธอ

                      “มีเงินเท่าไหร่ ส่งมา!หนึ่งในนั้นเอ่ย แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆแต่น้ำเสียงแกมบังคับนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกกลัว ขึ้นมาอย่างจับใจ

                      ร่างบางๆของเธอสั่นเล็กน้อยขณะกอดกระเป๋าแน่น ชายพวกนั้นเข้ามากระชากกระเป๋าไปอย่างไม่ใส่ใจแม้ว่าเธอจะเป็นเพียงผู้หญิง ไม่มีทางสู้ นัยน์ตาของเธอสั่นระริกยามจ้องมองคนเหล่านั้นค้นของในกระเป๋าตน ทั้งอาการปวดหัวก็ยังกำเริบจนเธอแทบอยากจะทรุดลงไปกับพื้นเสียตอนนี้

                      “มีเงินแค่นี้กับกระดาษใบหนึ่งเจ้าของเสียงคว้าเงินเข้ากระเป๋าตนเองก่อนจะโยนแผ่นกระดาษที่ว่านั้นทิ้ง

                      ไม่นะ! นั่นคือหลักฐานการผ่านเข้ารอบห้าคนสุดท้ายของการแข่งขันร้องเพลง ถ้าหากไม่มีมันเขาก็จะแข่งต่อไปไม่ได้

                      เธอออกวิ่งตามไปคว้ากระดาษที่ปลิวไปกลางถนน รถยนต์วิ่งมาด้วยความเร็วสูงกำลังจะพุ่งเข้าชนร่างเธอ เพียงชั่วเสี้ยวนาทีเธอหลับตากำแผ่นกระดาษในมือไว้แน่น

                      โครม!

                      รถพุ่งปะทะร่างหนึ่ง แต่เหตุใดเธอจึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เปลือกตาเผยอขึ้นพบตัวเองถูกผลักมาอยู่ข้างถนนเธอไม่ได้ถูกรถชนแล้วใครล่ะ ที่ถูกชนแทนเธอ

                      ภาพของคนที่เธอคุ้นเคยนอนจมกองเลือดอยู่กลางถนนในสภาพที่ไร้สัญญาณแห่งชีวิต ขวดยายังอยู่ในมือข้างนั้น ใจเธอหายวาบก่อนที่หยาดน้ำใสๆจะไหลรินอาบสองข้างแก้ม

                      “ธัน!!!เธอตะโกน

                      ทั้งทีความฝันของเขากำลังจะเป็นจริง ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่เหตุใดโชคจึงไม่เคยเข้าข้างกันสักครั้ง ความเศร้าและรู้สึกผิดอัดแน่นอยู่ภายในอก หากอาการของเธอไม่กำเริบ ถ้าร่างกายนี้แข็งแรงเรื่องก็คงไม่มีวันเกิด

                      หลังจากเหตุการณ์นั้น เธอได้เลื่อนขึ้นมาเป็นผู้เข้ารอบแทนเขา แต่ก็เหมือนชะตากลั่นแกล้ง เมื่ออาการของเธอทรุดหนักลงอีกจนต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นเหตุทำให้เธอต้องมานอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสลัวๆแห่งนี้

                      และก่อนที่ภาพทุกอย่างจะเลือนหายไป สวนดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตาที่เธอเคยวาดไว้ในความฝันปรากฏเข้ามาแทนที่ มือหนึ่งวางลงบนไหล่เธออย่างแผ่วเบาทำให้เธอหันขวับ  

                      เขานั่นเอง... รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงประดับบนใบหน้าอย่างที่เธอมักเห็นประจำทุกครั้ง

                      แต่เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

                      “เพลินไปเป็นเพื่อนเรานะเขาชวน ซึ่งเธอก็ตอบรับคำชวนนั้นได้โดยไม่ต้องคิด

                      “ได้ซิเธอยิ้มรับ แต่ธันจะไปไหนล่ะ

                      เขายื่นมือส่งให้ก่อนจะพาเธอก้าวเดินไปด้วยกัน

                      ภายในห้องสี่เหลี่ยมสลัว ร่างของเธอนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงรถเข็น ในขณะที่ผู้คนรอบข้างต่างหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของเธอ จากไปอย่างไม่มีวันกลับตลอดกาล...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×