ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักใสใส ในเดือน ธันวาคม

    ลำดับตอนที่ #4 : วันกีฬาสี

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 50


                    ในวันนี้  เป็นวันที่เรียกได้ว่าทุก ๆ คนอยากที่จะมาโรงเรียนกันมากที่สุดวันหนึ่ง เลยทีเดียว เนื่องจากว่า  วันนี้เป็นวันกีฬาสีของโรงเรียนนั่นเอง  ทำให้บรรยากาศในโรงเรียนค่อนข้างเป็นอะไรที่ครึกครื้นเป็นพิเศษ   ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ๆ ในโรงเรียน  ดูเหมือนว่าโรงเรียนกำลังจะกลายเป็นโรงเรียนแห่งรอยยิ้มไปเสียแล้ว  เนื่องจากว่าแต่ละคนต่างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขความสนุกอยู่บนใบหน้ากันทุกคน  รวมไปถึงคนาอาจารย์ด้วย  เพราะจะได้ไม่ต้องเครียดกับการตรวจงานและทำหน้าดุเด็กให้ตีนกาขึ้นได้หนึ่งวัน

                    ความจริงก่อนหน้าวันกีฬาสีนี้  พวกบรรดาเด็กนักเรียน ม.6 ที่ถูกมองว่าเป็นพี่ใหญ่สุดจะต้องนัดน้อง ๆ มาทำการซ้อมร้องเพลงเชียร์ต่าง ๆ ที่ได้ร้องกันาทุกปีและซ้อมท่าเต้นให้กับลีดเดอร์ทีถูกคัดเลือกมาแล้วในแต่ละสีกัน  จะเห็นได้ว่าพวกของบิวไม่ได้สนใจและใส่ใจจะไปแหกปากสอนน้อง ๆ ซ้อมเพลงเชียร์ให้คนแตกนั่นเพราะ  พวกบิวทั้งห้าคนลงเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล  ทำให้ได้สิทธิพิเศษจากเพื่อน ๆ ไม่ต้องไปเหนื่อยต้อนน้อง ๆ มัธยมต้นมาซ้อมเชียร์อย่างคนอื่น  เช่นเดียวกับอิ๋ว  ก็ลงกีฬาประเภทบาสเก็ตบอลหญิงเหมือนกัน  ทำให้ไม่ต้องมาตบมือแหกปากสอนน้อง ๆ เชียร์เหมือนกัน  ยกเว้นอั๋นที่ไม่ได้ลงเล่นกีฬาประเภทอะไร  และไม่ได้มาช่วยเพื่อน ๆ ซ้อมเชียร์น้องหรือเชียร์ลีดเดอร์แต่อย่างใด  ที่สำคัญเธอไม่ได้ทำอะไรเลย  แอบ ๆ แวบ ๆ มาอยู่กับอิ๋วตลอด ( นั่นมันก็เรื่องของฉันอีกนั่นแหละย่ะ -+- : อั๋น )

     

                    จนกระทั้งเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนบ่ายที่แดดกำลังร้อนได้ที่  จุดสนใจของโรงเรียนถูกเทไปที่สนามหญ้าประจำโรงเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่   เพราะมีการแข่งขันฟุตบอลชายรอบชิงชนะเลิศซึ่งถือเป็นจุดที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุดเลยทีเดียว  ทำให้คนที่ในสนามแห่งนี้เนืองแน่นไปด้วยบรรดาเด็กนักเรียนในโรงเรียนอย่างไม่ยากนัก  และยังรวมไปถึงคณาอาจารย์หลาย ๆ ท่านที่มาเชียร์ด้วย  ถึงแม้ว่าในสนามอื่นๆ เองก็มีการแข่งขันกีฬาประเภทอื่นอยู่ด้วยก็ตาม  ที่สนามแห่งนี้เป็นเกมส์การแข่งขันกันระหว่าง  สีฟ้าที่พวกของบิวลงด้วย  พบกับสีฟ้า  ที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในสนาม  และบรรดากองเชียร์ของทั้งสองฝั่งที่แหกปากร้องเพลงประชันกันด้วย  แต่ด้วยเพราะอากาศที่ออกจะเย็นอยู่นิด ๆ ทำให้ใครหลาย ๆ คนที่นั่งอยู่บนสแตนด์เชียร์  ยังคงแหกปากร้องเพลงเชียร์สีของตนพร้อมกันกับการทำท่าประกอบจังหวะของเชียร์ลีดเดอร์ได้อย่างที่ไม่ออกอาการเหนื่อยอ่อนมากนัก  ทำให้ผ่ายพยาบาลเคลื่อนที่ของแต่ละสีไม่ได้ต้องทำงานกันหนัก 

    และแน่นอนว่า  วันนี้เป็นวันกีฬาสี  ทำให้กีฬาประเภทต่าง ๆ กำลังแข่งขันกันอยู่  จะเป็นรอบชิงชนะเลิศเสียเป็นส่วนใหญ่ 

                    ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มอยู่ตลอดจากทั้งสองฝั่งสนามของทั้งสีแดงและสีฟ้า  จนยากที่จะแยกออกว่าสีอะไรเสียงดังกว่ากัน  ที่ในสนามตอนนี้สีฟ้าของบิว  ถูกยิงนำไปก่อนหนึ่งประตูต่อศูนย์โดยที่สีฟ้ายิงคืนยังไม่ได้แถมยังโดนสีแดงบุกกลับอยู่ตลอดจึงทำได้แค่ตั้งรับ  และหาจังหวะโต้กลับได้เท่านั้น  จนมาถึงช่วงท้ายของครึ่งแรก

                    ปรี๊ดดดด  สีฟ้าได้เตะมุมกรรมการเป่านกหวีดเสียงดังฟังชัดไปทั่วท่ามกลาง  เรียกสายตาเด็กนักเรียน    ที่สนามประจำโรงเรียนได้ทั้งสนาม  หลังจากที่สีแดงเป็นฝ่ายทำออกหลังไป

                    แบงค์  ซึ่งเล่นตำแหน่งปีกซ้ายจอมเลื้อย  และยังได้รับตำแหน่ง  เป็นผู้เตะมุมอีกด้วย  รีบวิ่งมาหยิบฟุตบอลที่กระดอนมาด้วยเหงื่อไคลที่โทรมกาย  เดินไปที่มุมธงของสนามอย่างไม่รีบร้อนอะไร  ก่อนจะนำมาบรรจงวางตรงมุมธงพอดี  ตอนนี้ผู้เล่นทางฝั่งของสีแดงลงมาที่หน้าประตูเพื่อป้องกันประตูพร้อมกับผู้เล่นของสีฟ้า  ก็ขึ้นมาที่หน้าประตูของสีแดงเพื่อลุ้นทำประตู้กันจนแน่นไปหมด  รวมทั้งบิวที่เล่นตำแหน่งกองหลังด้วย ขึ้นมาเพื่อช่วยโหม่ง  และต่างยื้อยุดชิงจังหวะกันอยู่อย่างนั้น  มีแต่ต้อมและน็อทที่นั่งลุ้น  เชียร์เพื่อนๆ อยู่ข้างสามด้วยเพราะได้เล่นเป็นตัวสำรอง

                    แบค์มองเข้าไปที่หน้าประตูก่อนจะจับจ้องสายตาไปที่บิว  พลางทำขมวดขมวดคิ้วจิ๊กตาไปที่กรอบเขตประตูห้าหลา  เป็นการบอกว่า  เฮ้ย !  ไอ้บิว  ตรงนั้นนะเว้ย  ไปตรงหน้าประตู  บิวก็พะยักหน้าเป็นสื่อสัญญาณว่า  เออ  รู้แล้ว  ก่อนที่แบงค์จะวิ่งมาสับไก  หวดด้วยรองเท้าฟุตบอลอย่างดี  ที่ปลายนิ้วโป้งที่ท้าวข้างถนัด  ให้ลูกบอลพุ่งวิถีโค้งเข้ายังที่หัวของบิว

                    เสร็จตูละ  บิวนึกใจอย่างหวานหมู  ก่อนจะเทคตัวขึ้นโหม่งลูกบอลเต็ม ๆ หน้าผากทำเอาบิวหน้าชาไปเหมือนกัน  ด้วยความแรงของลูกเข้ามา ทำให้เกิดแรงบวก  ลูกพุ่งออกไปเร็วมาก 

                    เป้งงงงงงเสียงจากลูกฟุตบอลที่ไปชนคานดังสนั่นหวั่นไหวก่อนจะลอยขึ้นข้างบน  อ๊ากกกกกกกก  T{}T ไม่!!  ตูจะเป็นฮีโร่ซะหน่อย  บิวคิดก่อนจะเอามือทั้งสองมากุมหัวด้วยความเสียดายอย่างไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นต่อ

                    ขณะที่ลูกย้อยลงมานั่นเอง  ท็อปที่ได้เล่นตำแหน่งศูนย์หน้ากำลังยื้อยุดกับกองหลังของสีแดงอยู่ ก่อนที่จะเทคตัวขึ้นพักอก  เอาบอลไว้กับตัวได้  ในระยะเพียงแค่เดินสามก้าวก็ถึงประตูเท่านั้น  วินาทีนั้น  ทำเอาสีหน้าของผู้รักษาประตูสีแดงซีดเซียวอย่างกับผากาหลีญี่ปุ่นตามในหนังและกำลังจ้องมาที่ลูกฟุตบอลอย่างไม่กระพริบตา  ท่ามกลางความลุ้นระทึกของคนดูรอบสนามพากันอ้าปากค้างและลูกขึ้นยืนดูไปที่ท็อปอยู่นั่นเอง

     

              คราวนี้แหละ >w<”ท็อปนึกก่อนกำหมัดกัดฟัน  หวดลูกด้วยท้าวขวาอย่างเต็มแรง 

                   

              ฟิ้ว!!” เสียงของลูกบอลเหินข้ามคาน  อย่างไม่น่าเชื่อ  เพราะถ้าเตะเบา ๆ ก็เข้าอยู่แล้ว 0[]0! อะไรวะเนี้ยตู  ท็อปพูดพลางปาดเหงื่อ  เช่นเดียวกับสีหน้าของทุกคนในทีมสีฟ้า T[]T  ว่าอยากบ้าพลังไม่ดูจังหวะ  ท่ามกลางความโล่งอกของทีมสีแดงและกองเชียร์  ซึ่งตรงกันข้ามกับเสียงที่อื้ออึงของเพื่อนร่วมทีมสีฟ้ากับกองเชียร์สีฟ้าที่อื้ออึงเพราะต่างพากันตะโกนด่าท็อปอยู่

                    ปรี๊ดดดดด !! หมดเวลาครึ่งแรกครับ !”  กรรมการเป่านกหวีดเสียงยาว  เพื่อบอกว่าหมดเวลาการแข่งขันของครึ่งแรกแล้ว   ก่อนจะเดินออกไปหาน้ำกินเพื่อมาตัดสินต่อในครึ่งหลัง

                    ไอ้  ท็อปปปปปปปป !!! >[]< ”เสียงของเพื่อนๆ ทุกคนในทีม  ที่กรูกันเข้ามาเพราะกะจะเอาท็อปไปเตะแทนลูกฟุตบอลในครึ่งหลังให้ได้ =”=!  แต่ตอนนี้ขอเตะเพื่อวอล์มเท้ากันก่อน T{}T  ต่างกับบิว  ที่ตอนนี้ไม่มีกะใจจะไปเตะท็อปด้วย  พลางรีบเดินมาดื่มน้ำเพื่อดับกระหายก่อนเอาผ้าเย็นที่อยู่ในกระติกสำหรับนักกีฬาออกมาซับเหงื่อผื่นหนึ่งและพาดคอไว้  ก่อนจะเดินไปที่สนามบาสที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบอลนัก

     

                    หุหุ !! ^_^ ไปดูอิ๋วแข่งบาสดีกว่า  เวลาพักครึ่งพอดี  ไม่รู้ว่าป่านนี้อิ๋วจะแข่งเสร็จแล้วหรือยัง ?  บิวเดินยิ้มระรื่นไปที่สนามบาสที่อยู่ถัดไปจากสนามฟุตบอลไม่ไกลนัก  เมื่อไปถึงสนามบาส  ก็มีผู้คนมากมายที่มามุงดูอยู่เพราะเป็นการแข่งขันบาสเก็ตบอล ม.ปลายรอบชิงชนะเลิศกันระหว่างสีฟ้ากับสีแดง  ซึ่งอิ๋วก็อยู่ในสนามด้วย  โดยแข่งในนามของทีมสีแดง  บิวใส่ชุดนักฟุตบอลสีฟ้ามายืนดูอยู่ที่ข้าง ๆ สแตนด์เชียร์ของสีแดงเพื่อมาแอบยืนดูอิ๋วเล่นบาสอยู่พลางเช็ดหน้าด้วยผ้าเย็นที่พาดคอมาด้วย  เพราะการแต่งกายของบิวทำให้ดูค่อนข้างแตกต่างจากคนดูและนักกีฬาบาสอยู่มากทำให้สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ และไม่ยากที่จะสังเกตเห็น  แต่อิ๋วคงจะมีสมาธิอยู่กับเกมส์ในสนาม  หรือไม่ก็คงมองไม่เห็นบิว  หรือไม่ก็ไม่ได้มองอะไรเลย ( จะด่าว่าเซ่อว่างั้นเหอะ  !? แก -_-* : อิ๋ว )

                    บิว นั่งลงตรงที่นั่งข้าง ๆ แสตนด์สายตาจับจ้องไปที่อิ๋ว  ที่กำลังทุ่มเทใจให้กับการแข่งบาสอยู่  บิวมองหน้าอิ๋วอยู่ตลอด  พลางนึกในใจ  โตขึ้นมาหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะ  เห็นตอนเด็ก ๆ ตัวสูง  นึกว่าโตขึ้นจะตัวใหญ่ไปเลยเสียอีก  ไม่ว่ายังไงก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ คนหนึ่งเท่านั้นสินะ  >///<

             

     

              ย้อนกลับไป  เมื่อวันที่เราได้พบกับการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างจากที่เคยเป็นอยู่ทุกวัน ๆ   ในตอนนั้น เราอยู่ ป.4  ในตอนประมาณเช้าวันหนึ่งที่แสนสงบสุขได้   กำลังนอนดูการ์ตูนอยู่กับแม่ข้างล่าง  ก็ได้ยินเสียงรถกระบะ  มาจอดอยู่หน้าบ้าน ให้ตายสิรบกวนเวลาดูการ์ตูนชะมัด -_-*  ก่อนที่จะมีผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่เราเดินลงมาจากรถคันนั้น  และเดินเข้ามาในบ้านเรา  ใครกัน  ลูกค้าเหรอ  แต่เฮ่ ! เป็นลูกค้าแต่เดินเข้ามาในส่วนที่เป็นบ้านของคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้นะ  ก่อนที่แม่เราจะเอ่ยออกไปด้วยถ้อยคำที่สนิทสนมเสียเหลือเกิน  ราวกับว่าเป็นเพื่อนรักกันมานาน

              อ่าว ! ยายนิ่ม  ย้ายมาวันนี้เหรอ?ไม่บอกล่วงหน้าก่อน  ได้ทำกับข้าวเตรียมไว้ให้ได้มากินด้วยกันแม่พูดออกไป

                    เอ๋อ  ไม่เป็นไรหรอก!  ก็คิดว่าจะย้ายเข้ามาหลายวันแล้วละ  แต่พี่ก้วยบอกว่ามาวันอาทิตย์นี่แหละเหมาะดีกับการย้ายของนะ  อิอิหญิงแปลกหน้าคนนั้นทำคุยสนิทสนมกับแม่เรา  แต่จะว่าไป  ก็รู้สึก ๆ คุ้น ๆ หน้ากับยายป้าคนนี้เหมือนกันนะ  เหมือนว่าจะเคยเห็นในรูปถ่ายของแม่ตอนยังเป็นวัยรุ่นหรือไงเนื่ยแหละ -*-

                    ว่าไงจ้า  !?แม่นิ่ม  ย้ายมาอยู่ข้าง ๆ วันนี้แล้วเหรอ?”พ่อเราก็เป็นไปกับเขาด้วยนะเนี่ย

                    อ่อค่ะ  ดีเลยนะค้ะ  จะเป็นเป็นเพื่อนคุยกับพี่ก้วยเขาเหมือนเมื่อตอนหนุ่ม ๆ ที่เคยเรียนด้วยกันยายป้าคนนั้นพูดชื่อใครไม่รู้ขึ้นมาอีกพลางหัวเราะเมื่อเอ่ยจบประโยชน์

                    คายจายากคุยก่ามาน !? แม่นิ่มก็พุกปายเสียงชายท่าทางเชื้อสายจีนเล็ดลอดเข้ามาในบ้านเรา   ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินตามเข้ามา อ่าวสะหวักลีจ่ะ สะหวักลี  แม่บัว  ไม่ร่ายเจอกานนานน้าชายคนนั้นทักทายแม่เราเหมือนรู้จักกันมานานอีกเหมือนกัน

                    เชอะ !! ฉันก็ไม่ได้อยากคุยกับแกเหมือนกันเว่ย ! จำไว้นะ  ต่างคนต่างอยู่  แค่ฉันกับแกเท่านั้นนะ  แม่นิ่มไม่เกี่ยว !!”พ่อทำท่าเหมือนกับเกลียดตานี่มานานแล้ว

                    โอ๊ยอะไรกัน  พี่ ๆ ทะเลาะกันมาตั้งแต่เรียนด้วยกันแล้วยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกนะแม่พูดก่อน  ทั้งชายคนนั้นกับพ่อของเราจะกลัวหงอไปได้เหมือนกัน

                    งั้น  ถ้าเกิดมีอะไรให้ช่วยก็มาเรียกได้นะ !?”แม่เอ่ยออกไปอย่างมีน้ำใจ

              จ้า  ฉันก็ขอรบกวนแค่ช่วงย้ายของเข้าเท่านั้นแหละนะจ๊ะ  อุ๊ยตายนี้ !!”ป้าคนนั้นพูดกับแม่ก่อจะมองมาที่เรา นี่บิวใช่ไหมเนี่ยลูก ? อุ๊ยตายโตขึ้นเยอะเลยนะ  ยังเห็นร้องให้กระจองอแงเมื่อไม่นานมานี้เองป้าคนนั้นทำเป็นรู้จักเรามาก่อน

                    อ่าวบิว  สวัสดีป้านิ่มเขาสิลูก  ป้านิ่มเขาเป็นเพื่อนแม่เองเมื่อแม่บอกมาอย่างนี้  ไหว้ก็ไหว้ฟะ  คนแปลกหน้าแท้ ๆ ก่อนเราจะก้มหัวยกมือไหว้อย่างสวยงามตามที่แม่และคุณครูที่โรงเรียนสอน  ว่าเด็กดีต้องไหว้สวย ๆ

                    ดีเลย  ได้เป็นเพื่อนเล่นกับอิ๋วมัน  เพิ่งย้ายมาใหม่ๆ อิ๋วคงยังไม่มีเพื่อนเล่น  อ้าวอิ๋ว !! ลงมาสวัสดีป้าบัวเร็วลูกป้านิ่มร้องเรียกใครบางคน

                    ประตูรถกระบะถูกเปิดออก  มีเด็กผมสั้นเดินลงมา  ดูตัวสูงกว่าเราอีก  น่ากลัวชะมัด  ทำหน้าดุด้วย  เดินเข้ามาทำหน้านิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จา  เข้ามาไหว้แม่เรา  และก็รีบเดินไปที่ป้านิ่ม 

                    แหม ! อิ๋วเองก็โตขึ้นเยอะนะลูก  ตัวสูงกว่าเจ้าบิวอีก  เขาเป็นผู้หญิงแท้ ๆ นะลูก  บิว แม่พูดพลางก้มหน้าลงมาแซวลูกชาย

    O{}O! ผู้หญิงเหรอนั่น  โอ้แม่เจ้า  ทำไมเหมือนเด็กผู้ชายอย่างนี้

    อิ๋ว  นั่นบิวนะลูก  รู้จักกันไว้สิป้านิ่มพูดให้ลูกสาวหรือเปล่านะ ( ไม่ค่อยเชื่อ ) เข้ามาทักทายกับเรา  แต่อิ๋วอะไรนั้นก็ไม่พูดอะไร กลับหลบหน้าเข้าไปหาแม่ตัวเองอีก  เชอะ  คิดว่าฉันง้อหรือไง  เจ้าผู้หญิงตัวยักษ์  แบร่ ๆ >u<

    ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวก็รู้จักกันเองแหละ  ฮาฮาฮา!”แม่ยิ้มระรื่น

     

    เช้อ !  จะให้สนิทด้วยเหรอ  ยากส์ !!>..<  หลังจากวันนั้นมา  สิ่งที่คุณแม่ทั้งสองอยากให้เป็นก็ไม่เกิดขึ้น  ทั้งเรากับอิ๋วก็ไม่ได้เล่นด้วยกัน  แอบนึกสมน้ำหน้าในใจว่า  ดีสมน้ำหน้ายายอิ๋วได้ไม่มีเพื่อนเล่น  เพราะในละแวกนี้  ก็มีแต่เพื่อนเราทั้งนั้น ฮาฮาฮา  แต่ในวันนั้นเอง  หลังจากที่เราเลิกเล่นแล้วกลับบ้าน  ที่หน้าบ้านของอิ๋ว กลับมีเพื่อนผู้หญิงในละแวกหมู่บ้านข้าง ๆ มาเล่นด้วยเต็ม

    ไปหมด o[]o!

    อะไรกันนี่ !? ทำไมยายนี่มีเพื่อนเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แต่ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องอะไรของเรานี่หน่า  เจ็บใจนัก  ยิ่งทวีความไม่อยากรู้จักเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย  ทั้ง ๆ ที่ทุกคืนก่อนจะนอนกับแม่  แม่ก็มักจะพูดกล่อมหูแทนนิทานกล่อมก่อนนอนว่า  เล่นกับอิ๋วหรือยัง ? เราก็จะตอบไปตลอดว่า  ไม่ ๆ ๆ และก็ไม่ !

     

    จนกระทั่งเหมือนคนบนฟ้าพยายามกลั่นแกล้ง  จะเอาให้สำเร็จให้ได้  ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ  นับจากวันที่ป้านิ่มได้ย้ายเข้ามาวันแรกนี่ก็ครบปีหนึ่งได้แล้ว  วันนี้แม่ทำกับข้าวเป็นแกงอะไรสักอย่าง  และให้เราเดินไปให้กับบ้านของยายอิ๋วซึ่งตอนนี้เปิดเป็นร้านขายข้าวมันไก่ไปเรียบร้อยแล้ว  เมื่อเราเดินไปทีหน้าร้านหรือบ้านของยายอิ๋ว  ก็เจอลุงก้วยสับไก่อยู่

    ลุงก้วยครับ  แม่ให้เอาแกงมาให้เราถือถ้วยใส่แกงอยู่เดินมาให้  กับลุงก้วยที่ยืนสับไก่อยู่หน้าร้าน 

    อา  อาบิวเหรอ ? ขอกใจ ๆ ฝักปายบอกแม่ล่วยนะ  อั๋วขอกใจมัก ๆ   อา  อาหมวยเอ๊ย!!  มารับแกงกะอาบิวหน่อยลุงก้วยพูดออกมาตามสำเนียงบ้านเกิดก่อนจะเรียกลูกสาวที่เราไม่อยากเจอที่สุดออกมารับแกงที่เรา -*-  อิ๋วเดินออกมาทำหน้าเร่งรีบ   เดินปี่เอาแกงที่เรา  รับจากมือเราและมองหน้าเรา  เราก็เลยไม่กล้ามองนะสิ ก็หลบ ๆ สายตานิดหน่อย 

    ขอบใจนะ  บิว ^-^”  และเธอก็เดินลับเข้าไปในครัว  เพื่อไปไว้ที่ตู้กับข้าว  แล้วเราก็เดินกลับบ้าน

    ขอบใจนะ  บิว  คำ ๆ นี้ยังก้องอยู่หัวเราอยู่ตลอด   เมื่อนึกถึงวันนั้น  จะว่าไปแล้ว  เราเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน  ว่าอิ๋วจะพูดออกมาแบบนี้  นึกแล้วก็อยากจะขอบใจแม่จริงๆ ถ้าไม่ได้แกงในวันนั้น  เราคงไม่ได้รู้จับกับอิ๋วด้วยแหละมั่ง  เพราะดูท่าทางอิ๋วเองก็ไม่ค่อยกล้าเริ่มพูดกับเราเท่าไร  และก็คงจะมองอิ๋วอยู่ตลอดว่าเป็นคนหยิ่ง

     

    และจุดที่เรียกได้ว่า  ทำให้ความสัมพันธ์เราแน่นแฟ้นก็เกิดขึ้น  วันนั้นที่ร้านของอิ๋วปิดหนึ่งวัน  เพราะตาก้วยออกไปข้างนอก  และมีทีท่าว่าฝนจะตกด้วย  ไม่นานนักฝนก็ตกลงมา  ขณะที่เรากำลังดูทีวีอยู่กับแม่ส่วนพ่อก็เฝ้าอยู่หน้าร้าน  เราก็เดินออกไปดูนอกบ้านว่าฝนตกหนักไหมตามประสา  แต่มอง ๆ อยู่นั้นเอง  ก็ไปเห็นที่ข้างบ้าน  ภาพที่เห็นคืออิ๋วกำลังรีบเก็บผ้าอยู่อย่างรีบร้อนโดยไม่มีทีท่าว่าผ้าจะถูกเก็บจะน้อยลงเลยด้วย  ท่ามกลางฝนที่ตกหนักทำให้เรานึกอะไรขึ้นมาได้

    พ่อ !! ไปช่วยอิ๋วเก็บผ้านะด้วยความตกใจของเราที่ดูแล้วว่า  ก่อนที่อิ๋วจะเก็บผ้าหมด  ตัวต้องเปี๊ยกโชกแน่  และจะทำให้เราเองรู้สึกไม่ดีว่า  ทำไมถึงได้แค่ยืนมอง  ก่อนจึงจะตั้งท่ารีบไป  แต่มาชะงักกับคำพูดตอบกลับมาของพ่อ

    ดีแล้วลูก  เราเป็นผู้ชาย  เราต้องช่วยเขาพ่อยิ้มแย้มให้

    ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่เข้าใจอะไรนักก็เถอะ  แต่ก็พอจะรู้ว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่านแอ ( ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่านะ =w= ) เราจึงรีบวิ่งฝ่าสายฝนไปช่วยอิ๋วเก็บผ้าใส่ตระกร้าที่อิ๋วถืออยู่เอาเข้าบ้าน  เนื่องจากมีกันสี่มือแล้วจึงช่วยกันเก็บจนหมดได้เร็วขึ้น  แต่กว่าจะหมด  พิษสงของเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาที่เรา  เหมือนว่าได้ทีเอาใหญ่กระหน่ำลงมาใหญ่  ก็ทำให้ตัวเปียกปอนไปตาม ๆ กันและทำให้เราต้องอยู่ค้างเติ่งในบ้านอิ๋วอยู่อย่างนั้นหลังจากที่นำผ้าเข้ามาเก็บที่บ้านอิ๋วแล้ว  ถึงแม้ว่าจะรีบวิ่งกลับได้ก็เถอะ  แต่ยังไม่อยากกลับ  เพราะถ้ากลับไปตอนนี้  ผมก็ต้องเปียกและต้องอาบน้ำสระผมใหม่อีกแน่

     

    ขอบใจนะ บิวอิ๋วพูดขอบคุณ ^_^

    อ๋อ  ไม่เป็นไรครับ =///=”ผมพูดออกไปแบบไม่ประสาเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงกับคนไม่สนิท

    รอให้ฝนหยุดก่อนแล้วค่อย  กลับก็ได้อิ๋วพูดพลางเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัว  ก่อนยื่นมาให้อย่างมีน้ำใจ

    เอาไหม?”อิ๋วยื่นให้พลางอมยิ้มตาใสแป๋ว

    ไม่ดีกว่า  เธอเช็ดแล้ว -*-  มันก็เปียกสิก็มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่หน่า 

    แหม ! อีกด้านหนึ่งก็มี  เราเช็ดไม่หมดหรอก  ตามใจ!!”  อิ๋วทำหน้างอนก่อนเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวไปเก็บ

    แล้วพ่อแม่เธอไปไหนกันหมดละ ?”เราเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่มีใครอยู่บ้านเลย  และเหมือนว่าจะเป็นประโยคแรก  ที่เราเอ่ยถามอิ๋วก่อน

    อ๋อ! พ่อไปข้างนอกไม่รู้เหมือนกัน  แม่ไปทำผม  แต่ฝนตก  คงกลับมาไม่ได้อิ๋วเอ่ยพลางมือยังแขวนผ้าเช็ดตัวอยู่ก่อนจะหันมาที่เราแล้วถาม

    ไปเล่นเกมส์กันไหม?  บนห้องเรามีสองจอยส์  เล่นได้สองคนเลยนะ ^-^”อิ๋วยื่นข้อเสนอให้พลางยิ้มแย้ม

    เมื่อพูดถึงเกมส์กดกับผู้ชาย  ก็ต้องเป็นของคู่กันอยู่แล้ว  ก็เลยไม่ปฏิเสธสิครับ  เราเองก็ยิ้มแฉ่งพร้อมกับพยักหน้าและเดินตามอิ๋วขึ้นห้องอย่างว่าง่าย  ^[]^

    เมื่อเข้ามาในห้องก็รีบปรี่เดินไปที่  เครื่องเกมส์ซูเปอร์ฟามิงคอมพ์  เพราะไม่ได้สนใจอะไรกับภาพรวมในห้องนัก  ทั้งที่ถ้าเป็นตอนนี้จะต้องหยุดดูก่อนอยู่แล้ว  เพราะเป็นห้องของผู้หญิงนี่หน่า >///<  หุหุ ไม่นานเกินรอ  อิ๋วก็มาเปิดเกมส์เล่นกับบิว  และนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ภายในห้องจนลืมเวลาว่าล่วงเลยไปเท่าไรแล้ว  ก่อนอิ๋วจะเอ่ยบางอย่าง

    เนี่ย  เราเล่นคนเดียวมานานแล้ว  เพื่อนเราที่เป็นผู้หญิงไม่มีใครเล่นเป็นเลย  พอเล่นแบบสองคนกับพ่อก็ไม่สนุก  เอาไว้นายมาเล่นกับเราบ่อย ๆ นะอิ๋วดีใจที่จะได้มีเพื่อนเล่นสักที ^-^

    ได้เลย !”เราตอบกลับไปแท้ ๆ แต่ตายังจ้องอยู่ที่ทีวีตลอด  ถึงกระนั้นก็อดนึกสงสัยอะไรบางอย่างไม่ได้จึงย้อนถามกลับไป

    เธอเองก็เป็นผู้หญิงทำไมชอบเล่นเกมส์ละ?”บิวเหล่มาที่อิ๋วนิด ๆ และหันไปเหมือนเดิม

    อ๋อ  เราก็ไม่ได้ชอบอะไรนักหนาหรอก  แต่พ่อเราซื้อให้นะ  เราเลยต้องเล่น  พอเล่นแล้วมันก็สนุกดี  ติดเลย  อิอิ  ^-^ อิ๋วตอบอย่างไม่มีเหตุผล

    อืมนะ  ก็สมควรแหละ  เพราะไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหน  ขอบเล่นเกมส์กดแบบผู้ชายหรอก  เราพลางนึกในใจแต่ไม่กล้าตอบ

     

    หลังจากนั้นมา  เราสองคนก็สนิทกัน  จนกระทั้งเครื่องเกมส์ของของอิ๋วพังไปแล้ว  แต่ถึงกระนั้น  ก็ไม่เป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเราและอิ๋วต่อไปแล้ว  เราเองก็พาเพื่อนแถวบ้านที่รู้จัก  มารวมกลุ่มกลับกลุ่มของอิ๋ว  จึงทำให้กลุ่มของเราใหญ่ขึ้น  จนเมื่อกระทั่งเราสองคนขึ้น ม.1 เราสองคนจึงได้มาอยู่โรงเรียนเดียวกัน  แต่ยังไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน  และทำได้รู้อะไรบางอย่างระหว่างเราสองคนที่ไม่น่าเป็นไปได้  คือเรื่องของวันเกิด  ไม่น่าเชื่อว่าอิ๋วจะเกิดก่อนหน้าเราแค่วันเดียว อิ๋วเกิดวันที่  27  ธันวาคม  ส่วนเราเกิดวันที่  28  ธันวาคม  จากนั้นมา  ทำให้พ่อแม่ของเราทั้งสองตกลงกันว่าจะจัดงานวันเกิดให้ด้วยกัน  วันเดียวกันไปเลย   ก็แล้วแต่ละปีว่า  จะจัดในวันที่ 27 หรือวันที่ 28

    แทบไม่นาเชื่อว่าเราสองคนจะสนิทกันมาก  ช่วงในวัย ม.ต้น ไปไหนก็จะไปด้วยกัน  ไปเข้าค่ายถ้าว่างเวลาใดก็จะนัดมานั่งคุยกัน  เลิกเรียนเราก็จะนัดเจอเพื่อกลับบ้านด้วยกันตลอด  เช่นเดียวกับการจัดวันเกิด ครั้ง สองครั้งหลังสุดเช่นกัน

    กระทั่ง  เมื่อเราสองคนขึ้น ม.ปลาย เราสองคนชอบเหมือนกัน  จึงตกลงกันว่าจะเรียนสายเดียวกันก็คือ  คณิต อังกฤษ  ถึงแม้ว่าจะเลือกเรียนสายเดียวกัน  แต่ก็ไม่ได้เรียนห้องเดียวกันอีก  โดยเราได้ไปเรียนอยู่ห้องสี่ทับสาม  ส่วนอิ๋วได้อยู่ห้องสี่ทับสี่  ทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ ที่อยู่ห้องเดียวกัน  จึงทำให้มารู้จัก  และสนิทกับพวก  ไอ้แบงค์  ไอ้ท็อป  ไอ้ต้อม  ไอ้น็อท  เลยทำให้ไม่ได้คุยกับอิ๋วเลย  อิ๋วเองก็คงไม่ว่างเหมือนกัน  เพราะท่าทางก็มีเพื่อนใหม่ให้ต้องทำความรู้จักเหมือนกัน  เลยทำให้ห่างกันไปโดยปริยาย  จากที่เคยกลับบ้านด้วยกัน  ก็ห่างกันจนกระทั้งแทบไม่ได้เจอกันเลย  งานวันเกิดของเราจากที่เคยได้จัดกับอิ๋ว  ก็กลายเป็นเปลี่ยนบรรยากาศมาจัด  ที่ข้างนอกบ้าน  กับไอ้เจ้าเพวกนี้  จะว่าไปมันก็สนุกดีหรอก  แต่จริงๆ แล้ว  ก็อยากกลับไปจัดงานวันเกิดกับอิ๋วเหมือนเดิมหรอกนะ -*-

     

     

    ขณะที่บิวกำลังทำตาเยิ้มอมยิ้มมองไปที่อิ๋วในสนามซึ่งเธอกำลังสั่งการณ์เพื่อนร่วมทีมให้บุกอยู่นั่นเอง 

    พั๊วะ !!” เสียงดังลั่นไปพร้อม ๆ กับหัวของบิว  T{}T บิวรู้สึกว่ามีใครสักคนมาลอบทำร้าย  ตบหัวจากด้านหลังทำเอาบิวรู้สึกเจ็บเหมือนกัน  ก็เอามือมายี ๆ หัวตรงที่โดนตบเพื่อลดอาการเจ็บ  พลางหันไปมองว่าใครทำอย่างฉุนเฉียว

    โธ่  ไอ้บิว !! คนอื่นเขาหากันให้วุ่น  ที่แท้มานั่งไขว่ห้างอารมณ์ดีแอบดูบาส  หนอย ! เปลี่ยนชุดลงไปเล่นบาสเลยไหม !? ตูได้บอกเขาให้   นี่ถ้าตูไม่มาเข้าห้องน้ำคงไม่เจอแกหรอกมั้งเนี่ย  !? ไปได้แล้ว  จะเริ่มครึ่งหลังแล้ว!!”เป็นแบงค์เพื่อนสนิทของเขาอีกคนนั้นเองทำให้นึกขึ้นได้ว่า  เออใช่  ยังแข่งไม่เสร็จนี่หว่ายังเหลือครึ่งหลังอยู่ 

     

    ในสนามบาส  สีแดงกลับมาเป็นฝ่ายตั้งรับ  อั๋วและเพื่อนในทีมต่างรีบวิ่งลงมาตั้งรับ  ชั่วพริบตานั้นเองทำให้อิ๋วเหลือบไปเห็นบิวที่มานั่งอยู่ข้างสนามเพราะสีเสื้อที่แตกต่างจากคนอื่นในสนามถึงสองคน ( เพราะแบงค์มาช่วยเพิ่มจุดเด่นนะเนี่ยเลยเห็นแหะ ๆ  ^w^!: อิ๋ว ) อิ๋วเห็นบิวที่กำลังนั่งจับหัวอยู่หันไปมองเพื่อนอีกคนของบิวที่ทำท่าเหมือนจะว่ากำลังยืนบ่นบิวอยู่ทางด้านหลังของบิว  ก่อนบิวจะเหลือบมองมาอีกทีที่อิ๋วและเดินต้อย ๆ ตามแบงค์ไป  เพื่อไปแข่งฟุตบอลชายต่อ

    อิ๋วเองก็หันกลับมีสมาธิกับเกมส์อีกครั้ง  ก่อนจะอดแอบยิ้มไม่ได้  บิวมาดูเราด้วยเหรอ ? อิอิ  ไม่หรอกมั้ง  อาจจะเดินผ่านมาเลยแวะดูก็ได้  อิอิ  หรือปล่านะ  ^w^

     

     

    กระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงช่วงท้ายของเกมส์  การแข่งขันบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศ  สีแดงยังตามอยู่ 68 67 อย่างสูสีคู่คี่มากและสีแดงกำลังตกเป็นผ่ายตั้งรับอยู่  อิ๋ววิ่งโกยลงไปตั้งรับอย่างสุดแรงเช่นเดียวกับทุกคนในทีมสีแดง  ทำให้บริเวณใต้แป้นของสีแดงเนืองแน่นไปหมดด้วยผู้เล่นของสีแดงและสีฟ้า  ต่างประกบกันเป็นคู่ ๆ โดยกะว่าไม่ให้สีฟ้าส่งลูกออกไปไหนได้เลย  อิ๋วเข้าไปยื่นประจันหน้ากับผู้เล่นเซ็นเตอร์ของสีฟ้า  ทั่งสองมองหน้ากันตาไม่กระพริบ

    หึ ! ผ่านฉันไม่ได้หรอกน่า  คอยดูนะ  ถ้าเธอส่งลูกเมื่อไร  ฉันจะตัดลูกในชั่วพริบตาและ  ใช้ความเร็วของฉันที่ได้ชื่อว่าวิ่งเร็วที่สุดในสนาม วิ่งไปดั้งใต้แป้นของเธอเสีย  หุหุ โอกาสพลิกกลับมาชนะอยู่แค่เอื้อมแล้ว

    สาวหล่อผู้เล่นทางฝั่งของสีฟ้าคนนั้นที่อิ๋วกำลังประจันหน้าอยู่  เห็นว่าอิ๋วตัวเล็ก  จึงกระโดดชูทบาสสามแต้ม  ลงแป้นอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ฟึบ !!

    T[]T งะ !! อารายของมันวะเนี่ย  ซวยแล้วตู  อิ๋วอดจะนึกถึงการเสียสมาธิไปเมื่อชั่วครู่ไม่ได้

    ปรี๊ดดดดดด !!”กรรมการเป่านกหวีดเสียงยาวเพื่อให้รู้ว่าจบการแข่งขัน  ผลสรุปว่า  การแข่งขันบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศ  สีฟ้าเป็นฝ่ายเอาชนะสีแดงไป 71 67 ให้ลุ่นกันจนถึงช่วงท้าย  และกรรมการก็บอกให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่งเข้ามาจับมือกันก่อนจะถึงพิธีรับเหรียญที่จะมีในช่วงต่อมา  ท่ามกลางเสียงปรบมือไปทั่วทั้งสนามที่ทั้งสองเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นนัดชิงชนะเลิศ  อิ๋วเองก็เดินไปจับมือขณะหน้าหดเหลือแค่สองนิ้ว =3=  เง้อ !!  เพราะเราแท้ ๆ ถ้าเราไม่มัวแต่ฝันหวาน  ในช่วงท้าย  มีสมาธิมากกว่านี้ก็คงกระโดดปัดป้องลูกบาสได้ทัน  อิ๋วอดเสียดายไม่ได้หยังกับว่าตัวเองตัวสูง ( มันก็เรื่องของฉันอีกแหละ -_-* : อิ๋ว )

    ขณะที่อิ๋วเดินที่ทางฝั่งของตนเองมานั่งหมดอาลัยตายอยาก โดยได้เหรียญเงินตราสัญลักษณ์ของโรงเรียน  ผูกริบบิ้นสีเหลืองมาห้อยคอให้หนักเล่นอีกหนึ่งเหรียญ  =”=  พลางยื่นมือไปหยิบน้ำมากินและผ้าเย็น  ราวกับคนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อ

    เป็นไงบ้างย้า !?  ยายอิ๋ว เพื่อนเลิฟ  ไม่ต้องเสียใจนะ  อะชาเย็นปั่นของโปรดของเธออั๋นเดินสะบิ่ง  หน้ายิ้มแย้มพลางไปซื้อชาเย็นของโปรดของอิ๋วมาให้เพื่อคลายเหนื่อย

    พี่อิ๋วคะ  พี่อิ๋ว  น้ำคะ  ผ้าเย็นคะ >///<” บรรดากองเชียร์ทางฝ่ายของสีแดง  ที่มีทั้งม.ต้นถึงม.4ม.5  รีบกรูกันเข้ามายื่นน้ำเย็น ยื่นผ้าเย็นให้อิ๋ว  เพราะต่างก็ปิ้งในสไตล์การเล่นบาสและที่สำคัญเพราะว่าอิ๋วตัดผมสั้น  ทำให้บรรดาแฟนคลับอิ๋ว ( ที่เพิ่งก่อตั้งมาได้สักครู่ ) ทั้งหลายนึกว่าเป็นสาวหล่อไปอีกคนอย่างที่ทีมบาสของสีแดงเป็นกันหมดทุกคนสิ้น  ทำให้แต่ละคนต่างกรูกันเข้ามายื่นไมตรีให้อิ๋วดันเอาอั๋นที่เดินยิ้มระรื่นมาสักครู่ต้องกระเด็นออกไปนอกวงโคจร  ={}=

     

     

    ต่อมา  ที่สนามฟุตบอลในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชาย  ที่ทุก ๆ คนในโรงเรียนให้ความสนใจมากที่สุด  จึงทำให้ในครึ่งหลัง  ผู้คนเริ่มเข้ามาเนืองแน่นกันอย่างไม่ขาดสาย 

    บรรยากาศในเกมส์เริ่มระอุขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แพ้กับบรรยากาศของกองเชียร์ของทั้งสองฝ่าย  ที่ต่างฝ่ายต่างตะโกนกู่ร้องส่งเสียงเชียร์ตามที่สตาฟ ชั้น ม.6 ได้สั่งการณ์อย่างไม่ยอมแพ้กัน

    ในสนามตอนนี้  เวลาเหลือเพียงแค่ สิบนาทีสุดท้ายเท่านั้น  ตอนนี้ผลออกมาอยู่ที่หนึ่งประตูต่อหนึ่ง  และทางฝั่งของสีฟ้าก็เป็นฝ่ายได้เปรียบและกำลังใจอย่างดีหลังจากที่ได้คืนมาหนึ่งปะตูแล้ว  ต่างฝ่ายต่างวิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อแย่งบอลกัน  ส่วนบิวเองที่เล่นเป็นกองหลังก็ประจำอยู่แดนหลังโดยไม่ย้ายไปไหนเลย  เพราะตกลงในทีกันว่าหลังจากได้ประตูตีเสมอแล้ว  จะเล่นเกมส์ตั้งรับ  ทำให้ฝ่ายของสีแดงไม่ว่าจะบุกเข้ามาเท่าไรก็ไม่สามารถเอาประตูได้สีกที

     

    กระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน  จำเป็นต้องมีการดวลลูกจุดโทษกัน 

    ทางฝ่ายของผู้เล่นทีมสีฟ้ามายืนประชุมกันเป็นวงกลมแต่ละคนพลางกินน้ำดับความเหนื่อยความกระหายกันพอประมาณ  และตกลงกันได้ว่า  บิวจะได้รับหน้าที่เป็นคนยิงลูกโทษเป็นคนแรก  ส่วนแบงค์ตัวเก่งประจำทีม  จะได้ยิงลูกโทษเป็นคนสุดท้าย

     

    อะเฮ้ ๆ และฉันละ ? ฉันเป็นถึงกองหน้าเลยนะ  ทำไมไม่ได้ยิงลูกจุดโทษด้วยละ?  เฮ่ ๆ !!”ท็อปหน้าถอดสี ถามถึงตำแหน่งในการรับหน้าที่สังหารจุดโทษที่เพื่อน ๆ ต่างโหวตให้ท็อปไม่ต้องยิง  ทั้ง ๆ ที่เขาเล่นตำแหน่งศูนย์หน้าดาวยิง  ผู้ที่คุ้นเคยกับการยิงประตูแท้ ๆ ก่อนบิวจะเดินเข้าไปกอดคอและพูดอะไรบางอย่าง  ให้ได้ยินกันทั่ว

    ใช่แล้วท็อป  เพราะนายเป็นศูนย์หน้าดาวยิงประจำทีม  ทุก ๆ คนในทีมต่างรู้พิษสงในสัญชาตญาณการทำประตูของนายดี  ว่านายมันระดับเทพขนาดไหน  ฉะนั้น  พวกเราจึงมีความเห็นว่า  ระดับนายควรเก็บความสามารถดั่งพระเจ้าประทานมาของนายไว้ก่อนดีกว่า  ไม่ต้องห่วงเรื่องการสังหารจุดโทษ  ไว้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง  ไม่จำเป็นต้องถึงมือนายหรอก  นายพักผ่อนดีกว่าบิวพูดซะยืดยาวพลางยกนิ้วโป้งให้เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ในทีม  ก็คือสรุปได้ว่า  หลังจากที่ท็อปทำพลาดจากครึ่งแรก  ทำให้ไม่มีใครไว้ใจให้ท็อปยิงเลยนั่นเอง Y[]Y

     

     

    T..T ท็อปนั่งหน้าบูดอยู่ข้างสนามตาก็จ้องไปในสนามหน้าโกลด้านหนึ่งที่ใช้เป็นที่ตัดสินลูกจุดโทษของทั้งสองฝ่าย  ซึ่งทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่  ฝ่ายสีฟ้าได้ยิงลูกโทษหลังฝ่ายสีแดง  ที่ยิงไปก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งคน  และยิงเข้าไปแล้ว  ส่วนคนที่รับหน้าที่ยิงลูกโทษคนแรกของฝ่ายสีฟ้าก็คือบิว 

    บิวยืน  มองไปที่ลูกฟุตบอลก่อนจะมองไปที่ผู้รักษาประตูเป็นเชิงจิตวิทยา  ว่าจะยิงไปทางด้านซ้าย  ผู้รักษาประตูเองก็กระโดดไปกระโดดมา  พร้อมที่จะทำการป้องกันลูกจากการสังหารของบิวแล้ว  หลังสิ้นเสียงนกหวีดจากรรมการ  บิวก็วิ่งเข้ามาแปรลูกฟุตบอลด้วยด้านข้างของเท้าด้านขวาไปทางซ้ายของประตู  ส่วนผู้รักษาประตูก็เดาทางผิดพุ่งไปทางด้านขวา  ทำให้ลูกเข้าประตูไป  บิววิ่งไปกระโดดดีใจกับเพื่อน ๆ ในทีม  ท่ามกลางเสียงเฮดังลั่นทั่วเกือบทั้งสนามที่เชียร์สีฟ้า

    การดวลจุดโทษดำเนินมาจนถึง  แบงค์คนยิงลูกโทษคนสุดท้ายของสีฟ้าและของเกมส์นี้  สถานการณ์กดดันมาก  เพราะตอนนี้ต่างฝ่ายต่างมีอยู่สี่ประตูเท่ากัน  แต่ทางฝ่ายของสีแดงยิงลูกโทษพลาดไปคนหนึ่งลูกหลุดออกข้ามคานไป  ทำให้ฝ่ายของสีแดงยิงครบไปทุกคนแล้ว  แต่ฝ่ายของสีฟ้ายังเหลือแบงค์อยู่ให้ยิงเป็นคนสุดท้าย 

    ไม่รออช้า  หลังสินเสียงนกหวีด   แบงค์วิ่งเข้ามายิงด้วยท้าวซ้ายข้างถนัด  แต่ผู้รักษาประตูของสีแดงพุ่งไปถูกทางทำเอาแฟน ๆ ของสีฟ้าใจแป้วไปแล้วว่าพลาดแน่  ด้วยความแรงของลูกบอลที่แบงค์ยิงอย่างเต็มข้อ  ทำให้ผู้รักษาประตูพุ่งไปไม่ทัน ลูกพุ่งเสียบเสยคานไปอย่างสวยงามส่งให้ทีมสีฟ้าเอาชนะได้ในที่สุดคว้าเหรียญทองกันได้อย่างสมใจ 

     

    หลังจากทำพิธีรีบเหรียญกันเสร็จ  ก็มีประกาศให้ทุกคนมารวมกันที่สนาม  เพราะจะมีคอนเสิร์ตปิดท้ายจากนักเรียนม.ปลายด้วยกันเอง  ทำให้ทุกคนได้เต้นกันอย่างสนุกสนานลืมเหนื่อยกัน  เป็นการปิดฉากงานวันกีฬาสีไปอย่างสวยงาม

    มีบิว  ท็อป  แบงค์มายืนกินน้ำกันด้านที่นั่งข้าง ๆ สแตนด์ของฝ่ายสีฟ้า  เพราะไปเต้นด้วยไม่ไหว 

    ฮาฮาฮา  สมน้ำหน้า  พลาดครั้งหนึ่งทำให้ทุกคนไม่ให้แกลงเลยนะเว้ย  ฮาฮาฮาแบงค์ยืนเอาน้ำรดหัวตัวเองเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายให้ลดลง

    แหม ๆ ถ้าข้าลง  ข้าก็ยิงได้เหมือนอย่างแกสองคนละวะ !!”ท็อปยังคงมีความมั่นใจอยู่  ถึงแม้ว่าเขาจะทำพลาดในช่วงท้ายของครึ่งแรก  แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของเขาลดลงได้เลย

    ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั่นเอง  บิวยืนกระดกน้ำอยู่อย่างสบายใจก็เหลือบไปเห็นที่บนแสตนด์  จึงเรียกให้ทั้งสองมองขึ้นไปดูด้วยกัน

     

    ที่เป้าสายตาของทุกคนก็คือต้อมนั่นเอง  ที่กำลังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม  ที่ข้าง ๆ นั้นมีผู้หญิง   ตัวไม่สูงมาก  ใส่กางเกงขายาวเพราะวันนี้เป็นวันกีฬาสี  ใส่เสื้อกีฬาสีเหลืองส่วนต้อมใส่สีฟ้า  เธอมัดผมด้วยริบบิ้นสีกรมท่าตามคำสั่งของโรงเรียนถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันกีฬาสีที่ไม่ต้องแต่งตัวถูกระเบียบนักก็ได้  ใส่แว่นหนา ๆ บ่งบอกได้ว่ากรำวิชามาอย่างเชี่ยวชาญแล้วอย่างแน่นอน  กำลังนั่งจู๋จี๋  ราวกับคู่รักที่เพิ่งเริ่มมีความรักด้วยกันใหม่ ๆ โดยไม่เกรงใจสายตาใครเลย  ทำให้ทั้งสามเดาได้อย่างไม่ยากนักว่าต้องเป็นแฟนต้อมแน่ ๆ แต่ว่า...

    O{}O ทุกคนต่างพากันตกใจว่าอารายกันวะเนี่ย  ขนาดไอ้ต้อมที่ทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่  ยังชิงมีแฟนตัดหน้าพวกเขาเสียอีก  ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวออกมาบอกเองว่าขอสละสิทธิ์เพราะไม่ชำนาญแท้ ๆ  ในขณะที่ทั้งหมดทำหน้าหดเหลือสองนิ้วมองขึ้นไปที่ต้อมซึ่งนั่งกันเป็นคู่อยู่บนสแตนด์ราวกับว่า  ที่แห่งนี้มีเพียงเราสองคนโดยไม่สนใจว่าคนอื่นเขากำลังไปสนุกกับคอนเสิร์ตอยู่นั้นเอง  ก็มองลงมาที่เพื่อนสนิทของเขาทั้งสาม

    ว่าไงเพื่อน  พวกนายก็สุดยอดนะ  ที่คว้าเหรียญทองมาให้พวกเราได้  เออนี่ ! จะแนะนำให้รู้จัก  นี่น้องเอ๋นะ  อยู่ ม.4  เรียนได้เกรดสี่มาตลอดเลย  เป็นแฟนข้าเอง >///< ฮาฮาฮา  ถือวาเกมส์นี้ข้าชนะเป็นคนที่สองต่อจากน็อทนะ ฮาฮาฮาท็อปเยอะเย้ยลงมาพลางเอ่ยถึงเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ตอนนี้ไปสนุกกับคอนเสิร์ตอยู่กับอ้อมแอ้มแฟนเขาอยู่ในสนาม  ที่ไปเต้นได้เพราะว่า  น็อทได้เล่นเป็นตัวสำรอง  ไม่ได้ออกแรงอะไร

    ทั้งสามต่างยกมือมารับไหว้กันมือปะลก ๆ จากเอ๋แฟนของต้อมที่ไหว้มายังพวกเขาทั้งสาม สวัสดีคะ เพื่อนพี่ต้อมเธอเอ่ยออกมาอย่างมารยาทดี  ท่ามกลางความงงของทั้งสามว่า -*- มันจะไหว้ทำไมของมัน  สงสัยที่บ้านคงสอนมาดี

              -+-  ทั้งสามอดที่จะหน้ามุ่ยรู้สึกน้อยใจตัวเองไม่ได้ว่าหาแฟนไม่ได้สักที  จนไอ้ต้อมมันชิงตัดหน้ามีแฟนไปอีกคนแล้ว  T[]T ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นเอง

     

                    ในขณะที่ทั้งสามยังคงทำหน้าออกอาการเซ็งนั่งลงที่ด้านล่างของแสตนด์ดูคนอื่นออกไปเต้นอย่างมีความสุขกันอยู่  พลางพากันนั่งคิดหาวิธีหาแฟนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย  ในขณะที่พากันนั่งคิดอยู่นั้นเอง  พวกเขาสังเกตเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง  มายืนทำท่าเหมือนว่าอยากที่จะเข้ามาคุยด้วย  แต่ทำท่าทำทางเหมือนว่าจะไม่กล้า  เมื่อดูจากหน้าตาแล้วทั้งสามก็รู้สึกคุ้นหน้าว่าต้องอยู่ ม.6 ด้วยกันแน่  เพียงแต่ไม่รู้อยู่ห้องไหน  เธอคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดทำหน้าแดง ยังคงยื้อยุดกับเพื่อนอยู่ขณะทำหน้าเขินอายมองมาที่พวกเขาทั้งสาม

                    ไปสิแก  เข้าไปเลย !”เพื่อนคนหนึ่งของเธอ  จากในบรรดาทั้งสามคน  ต่างดันเธอให้เข้ามาที่กลุ่มของพวกบิวให้ได้

              เฮ้ย  อย่าดันสิ  นั่นเขามองมาแล้วเห็นไหม >///<”เธอคนนั้นทำท่าทำทางออกมาให้รู้ทันทีว่า  อาย  ก่อนที่จะโดนเพื่อนของเธอทั้งสามพร้อมใจกัน  ดันเข้ามาอย่างแรงจนเธอกระเดนเข้ามาอยู่ตรงหน้าของท็อป  เธอใส่กางเกงยีนส์ขายาวเสื้อกีฬาสีสีฟ้ายืนทำหน้าแดงอมยิ้ม >//< ก้มมองมาที่ท็อป  ซึ่งยังคงอยู่ในชุดของนักฟุตบอลเสื้อยืดสีฟ้าเบอร์สิบและกางเกงขาสั้นสีฟ้าเปื่อนไปด้วยคราบโคลนจากการสไลด์แย่งบอลในเกมส์เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา  ทั้งท็อปและเธอคนนั้นมองกันอยู่ครู่หนึ่ง   บิวและแบงค์จึงมองมาที่ทั้งสอง  ว่าใครกัน  สงสัยมาทวงหนี้ไอ้ท็อป

                    คือ...  ว่า...   เธอชื่อท็อปใช่ไหม  เธอมีแฟนหรือยังเหรอ? ”>///< เธอคนนั้นที่หน้าตาก็ดูดีระดับหนึ่งทรงผมก็ดูเรียบ ๆ ไม่มีอะไรเด่นนัก  ทำหน้าเขินอาย  เอ่ยถามท็อปออกไป

                    อ๋อ  ยังไม่มีครับท็อปเองก็อดเขินไม่ได้  ก่อนยิ้มให้และตอบไปพลางเอามือจับหัวเพราะความประหม่า ^-^

              เหรอ คะ  งั้นเราขอเบอร์หน่อยได้ไหมคะเธอคนนั้นกลั่นความอายออกมาเป็นความกล้าพูดออกไป  ท่ามกลางแรงเชียร์จากเพื่อนทั้งสามที่ยืนเชียร์อยู่ข้าง ๆ

     

                    O[]O  อะไรวะเนี่ย  ว่าแล้วเชียว  เห็นเข้ามาทำท่าอาย ๆ อยู่ ( -*- แหมไอ้นี้  ยังคิดว่ามาทวงหนี้แหมบ ๆ : ท็อป ) ทั้งบิวและแบงค์คิดเหมือนกันขึ้นมาทันทีในบัดดล  ก่อนที่ท็อปจะมองมาที่บิวและแบงค์  \ \^{}^/ /  เย้ !! วะฮะฮะ  เหมือนโชคจะเข้าข้างเราแล้ว  ท็อปมองไปที่บิวและแบงค์ทำหน้าเจ้าเล่ห์เยาะเย้ยไป

                    ได้สิครับ  งั้นเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันแล้วนั่งคุยกันไปด้วยดีกว่า  เราได้รู้จักกันมากขึ้นยังไงละครับ  วะฮะฮะ!!!”^{}^ ท็อปลุกขึ้นมาพาเธอคนนั้นไปหาอะไรกินกันต่อนอกโรงเรียนขณะหันมาทำหน้าเยาะเย้ยประหนึ่งว่าเกมส์นี้  ข้ารอดแล้วโว้ย  ในตอนที่ท็อปเดินผ่านหน้าของบิวและแบงค์ไป

     

                      ที่แสตนด์ตรงนี่นั้นเอง  ที่บรรยากาศตอนนี้กำลังครุกรุนไปด้วย  ไอแห่งความอิจฉาริษยา  ประหนึ่งว่า ณ บริเวณรอบตัวของทั้งบิวและแบงค์กำลังจะลุกเป็นไฟบรรลัยกรรที่มาจากขุมนรกกันได้เลย  ทั้งคู่หันมามองหน้ากันจ้องตากันปานว่าจะเห็นดวงไฟออกมาจากนัยน์ตาของทั้งคู่  ซึ่งเป็นสัญญาณว่า  เวลานี้ก็ดำเนินมาจนถึงช่วงท้ายของเกมส์แล้วสินะ  การชี้ชะตาตัดสินว่าใครจะเป็นผู้แพ้ในเกมส์นี้  ที่จะต้องโดนเพื่อน ๆ ในกลุ่มทั้งสี่ตบหัวและจะต้องเลี้ยงข้าวกลางวันเพื่อน ๆ ทั้งสี่เป็นเวลาหนี่งอาทิตย์  รวมมูลค่าเกือบหนึ่งพันบาท ( เหมือนเกมส์โชว์ยังไงก็ไม่รู้สิ -*- ) เพราะไอ้พวกนี้มันกินกันอย่างไม่ปรานีแน่  กำลังจะถูกตัดสินในไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว  ระหว่าง  บิว  ผู้ไม่เคยมีแฟนมาก่อน  แต่มีจีบๆ อยู่บ้างประปราย  กับ  แบงค์  ผู้มั่นใจในคารมและทรงผมของตัวเองและโดนแฟนทิ้งอยู่เป็นประจำ  ( โห!! ทุเรศวะ : แบงค์ ) ซึ่งใครจะอยู่ใครจะไปนั้น  กำลังจะได้รู้แน่ในอีกไม่กี่วันข้างนี้เอง

     

     

              ในยามเย็นของวันนั้น  เวลาประมาณสิบแปดนาฬิกาของวันศุกร์  ที่อากาศค่อนข้างเย็นกำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ ไล่หลังตะวันที่กำลังจะตกดินเข้ามาทุกที ๆ  บนท้องถนนก็กำลังเปิดไฟขึ้นมาเรื่อย ๆ  อิ๋วนั่งหมดอาลัยตายอยากอย่างหมดแรงอยู่ด้านหลังจักรยานของอั๋น  เพราะเสียเกลือแร่และพลังงานไปกับการแข่งขันบาสเก็ตบอล ม.ปลาย แลกมาซึ่งเหรียญเงินหนึ่งเหรียญ  ก็สร้างความภาคภูมิใจให้เธอได้ในระดับหนึ่ง  หลังจากแข่งเสร็จเธอก็ไปนอนพักที่บ้านอั๋นทันที  ก่อนจะตื่นขึ้นมา  โดยให้อั๋นขับจักรยานมาส่งที่บ้าน  เพราะวันนี้เป็นวันกีฬาสี  ทำให้ทั้งเธอและบิวตกลงกันว่าจะไม่ติววิชาคณิตกันหนึ่งวัน 

    เนื่องจากว่าเธอใส่ชุดนักกีฬาบาสสีแดงอยู่  และเป็นเสือยืดแขนกุดด้วย  ทำให้อดรู้สึกหนาวขึ้นมาไม่ได้   อิ๋วจึงนั่งกอดอกทนรับลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาเพราะจักรยานกำลังแล่นอยู่ 

    หนาวเหรอแก ?”อั๋นขับไปถามเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วงไป  เพราะตัวเองใส่เสื้อหนากว่าจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไร

    ก็นิดหน่อย -_- อิ๋วยังพอทนได้

    แหม ๆ จะมาหนาวอะไรแค่นี้  เป็นแมนมันต้องเข้มแข็งสิ  จะมาหนาวกับอากาศอะไรแค่นี้ ฮาฮาฮาอั๋นหัวเราะร่วมแซวอั๋นออกมา

    อะไรของแก  ยายอั๋น ?” -“- อิ๋วนึกถึงความไร้สาระของเพื่อนก่อนจะขดตัวกอดอก  เอาหน้าไปซุกที่หลังของอั๋น

    อ่าว  ก็เห็นวันนี้มีสาว ๆ มารุมล้อมแกเต็มไปหมดเลยนี่ !?”อั๋นถาม

    แล้วไง ?” -*-

    นี่แกเป็นทอมหรือเปล่ายายอิ๋ว ?”อั๋นเริ่มไม่แน่ใจ

    จะบ้าเหรอ ! แกเป็นเพื่อนฉันมากี่ปีและถึงมาถามอย่างนี้ !?” อิ๋วอดนึกโมโหขึ้นมาไม่ได้  พลางมั่นใจว่าตัวเองยังเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์

    อ่าวก็เห็นแกชอบตัดผมสั้นอยู่ตลอด  เล่นบาสเก่งอีกต่างหาก

    จะบ้าไปใหญ่และแก ! ก็ฉันชอบของฉันอย่างนี้อะ  จะทำไม !?” -“- อิ๋วขดตัวต่อ

    ฮาฮาฮา!!  จ้ารู้แล้วจ้า  ฉันก็แซวแกเล่นไปงั้นเองแหละ  แหมอั๋นแหย่เพื่อนของเธอเล่น ๆ

    อิ๋วนั่งซ้อนท้ายไปพลางนึกอะไรเพลิน ๆ ไปถึงตอนที่หลังจากที่แข่งเสร็จก็มีผู้หญิงเข้ามารุมล้อมเต็มไปหมดเพราะอั๋นเป็นคนเริ่มพูดทำให้นึกขึ้นได้  ก่อนอิ๋วจะคิดอะไรบางอย่างออก

     

    นี่  อั๋น ! เธอว่าฉันจะลองหาแฟนดีไหมอะ ?”อิ๋วลองถามความเห็นเพื่อน

    เฮ้ย  !!ไม่ต้องเลย  อย่าเพิ่งรีบมีเลยแฟนนะ  เดี๋ยวก็มัวแต่ไปสนใจอยู่กับแฟน  จนไม่สนใจจะเรียนหรอก  และยิ่งตอนนี้อยู่ม.6 แล้วด้วย  จะสอบเข้ามหาลัยอยู่มะรมมะร่ออยู่แล้ว  อย่าเพิ่งรีบมีเลย  เชื่อสิ !”อั๋นค้านเสียงแข็ง

    นี่ ๆ !! ฟังให้จบก่อน  ฉันหมายถึงหาแฟนที่เป็นผู้หญิงนะ  ฮะฮะ!”แค่อิ๋วนึกก็อดหัวเราะไม่ได้

    เฮ้ย  !ไอ้บ้า !!ไม่ต้องเลย ! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันล้อเล่น  หรือว่าแกเป็นทอมจริง ๆ เนี่ย ?ฉันเริ่มเสียว ๆ แล้วนะ อั๋นอดนึกเสียวสันหลังไม่ได้

    แหะ ๆ ล้อเล่นนะ  พูดเล่น ๆ” ^w^ อิ๋วยิ้ม ๆ เพราะภูมิใจในตัวเองว่าหลอกเพื่อนได้

    เออ  แล้วไปอั๋นขับต่อไป

    อิ๋วก็ก้มลงพิงไปที่หลังของอั๋นเหมือนเดิม  อะไรบางอย่างของอิ๋วที่นึกขึ้นมาได้และทำให้อิ๋วนึกย้อนกลับไปถึงตอนบ่าย ๆ ที่แข่งบาสอยู่นั้น  ไม่ใช่เรื่องที่เธอมีผู้หญิงเข้ามารุมล้อม  แต่เป็นเรื่องที่บิวมาแอบดูเธอแข่งบาสนั้นเอง  ทำให้อิ๋วนั่งทำตาเยิ้มใสแป๋ว  อมยิ้ม  ฟุบไปกับหลังของอั๋นตลอดทาง ^///^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×