คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : วันกีฬาสี
ในวันนี้ เป็นวันที่เรียกได้ว่าทุก ๆ คนอยากที่จะมาโรงเรียนกันมากที่สุดวันหนึ่ง เลยทีเดียว เนื่องจากว่า วันนี้เป็นวันกีฬาสีของโรงเรียนนั่นเอง ทำให้บรรยากาศในโรงเรียนค่อนข้างเป็นอะไรที่ครึกครื้นเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ๆ ในโรงเรียน ดูเหมือนว่าโรงเรียนกำลังจะกลายเป็นโรงเรียนแห่งรอยยิ้มไปเสียแล้ว เนื่องจากว่าแต่ละคนต่างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขความสนุกอยู่บนใบหน้ากันทุกคน รวมไปถึงคนาอาจารย์ด้วย เพราะจะได้ไม่ต้องเครียดกับการตรวจงานและทำหน้าดุเด็กให้ตีนกาขึ้นได้หนึ่งวัน
ความจริงก่อนหน้าวันกีฬาสีนี้ พวกบรรดาเด็กนักเรียน ม.6 ที่ถูกมองว่าเป็นพี่ใหญ่สุดจะต้องนัดน้อง ๆ มาทำการซ้อมร้องเพลงเชียร์ต่าง ๆ ที่ได้ร้องกันาทุกปีและซ้อมท่าเต้นให้กับลีดเดอร์ทีถูกคัดเลือกมาแล้วในแต่ละสีกัน จะเห็นได้ว่าพวกของบิวไม่ได้สนใจและใส่ใจจะไปแหกปากสอนน้อง ๆ ซ้อมเพลงเชียร์ให้คนแตกนั่นเพราะ พวกบิวทั้งห้าคนลงเล่นกีฬาประเภทฟุตบอล ทำให้ได้สิทธิพิเศษจากเพื่อน ๆ ไม่ต้องไปเหนื่อยต้อนน้อง ๆ มัธยมต้นมาซ้อมเชียร์อย่างคนอื่น เช่นเดียวกับอิ๋ว ก็ลงกีฬาประเภทบาสเก็ตบอลหญิงเหมือนกัน ทำให้ไม่ต้องมาตบมือแหกปากสอนน้อง ๆ เชียร์เหมือนกัน ยกเว้นอั๋นที่ไม่ได้ลงเล่นกีฬาประเภทอะไร และไม่ได้มาช่วยเพื่อน ๆ ซ้อมเชียร์น้องหรือเชียร์ลีดเดอร์แต่อย่างใด ที่สำคัญเธอไม่ได้ทำอะไรเลย แอบ ๆ แวบ ๆ มาอยู่กับอิ๋วตลอด ( นั่นมันก็เรื่องของฉันอีกนั่นแหละย่ะ -+- : อั๋น )
จนกระทั้งเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนบ่ายที่แดดกำลังร้อนได้ที่ จุดสนใจของโรงเรียนถูกเทไปที่สนามหญ้าประจำโรงเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีการแข่งขันฟุตบอลชายรอบชิงชนะเลิศซึ่งถือเป็นจุดที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุดเลยทีเดียว ทำให้คนที่ในสนามแห่งนี้เนืองแน่นไปด้วยบรรดาเด็กนักเรียนในโรงเรียนอย่างไม่ยากนัก และยังรวมไปถึงคณาอาจารย์หลาย ๆ ท่านที่มาเชียร์ด้วย ถึงแม้ว่าในสนามอื่นๆ เองก็มีการแข่งขันกีฬาประเภทอื่นอยู่ด้วยก็ตาม ที่สนามแห่งนี้เป็นเกมส์การแข่งขันกันระหว่าง สีฟ้าที่พวกของบิวลงด้วย พบกับสีฟ้า ที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในสนาม และบรรดากองเชียร์ของทั้งสองฝั่งที่แหกปากร้องเพลงประชันกันด้วย แต่ด้วยเพราะอากาศที่ออกจะเย็นอยู่นิด ๆ ทำให้ใครหลาย ๆ คนที่นั่งอยู่บนสแตนด์เชียร์ ยังคงแหกปากร้องเพลงเชียร์สีของตนพร้อมกันกับการทำท่าประกอบจังหวะของเชียร์ลีดเดอร์ได้อย่างที่ไม่ออกอาการเหนื่อยอ่อนมากนัก ทำให้ผ่ายพยาบาลเคลื่อนที่ของแต่ละสีไม่ได้ต้องทำงานกันหนัก
และแน่นอนว่า วันนี้เป็นวันกีฬาสี ทำให้กีฬาประเภทต่าง ๆ กำลังแข่งขันกันอยู่ จะเป็นรอบชิงชนะเลิศเสียเป็นส่วนใหญ่
ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มอยู่ตลอดจากทั้งสองฝั่งสนามของทั้งสีแดงและสีฟ้า จนยากที่จะแยกออกว่าสีอะไรเสียงดังกว่ากัน ที่ในสนามตอนนี้สีฟ้าของบิว ถูกยิงนำไปก่อนหนึ่งประตูต่อศูนย์โดยที่สีฟ้ายิงคืนยังไม่ได้แถมยังโดนสีแดงบุกกลับอยู่ตลอดจึงทำได้แค่ตั้งรับ และหาจังหวะโต้กลับได้เท่านั้น จนมาถึงช่วงท้ายของครึ่งแรก
“ปรี๊ดดดด สีฟ้าได้เตะมุม”กรรมการเป่านกหวีดเสียงดังฟังชัดไปทั่วท่ามกลาง เรียกสายตาเด็กนักเรียน ณ ที่สนามประจำโรงเรียนได้ทั้งสนาม หลังจากที่สีแดงเป็นฝ่ายทำออกหลังไป
แบงค์ ซึ่งเล่นตำแหน่งปีกซ้ายจอมเลื้อย และยังได้รับตำแหน่ง เป็นผู้เตะมุมอีกด้วย รีบวิ่งมาหยิบฟุตบอลที่กระดอนมาด้วยเหงื่อไคลที่โทรมกาย เดินไปที่มุมธงของสนามอย่างไม่รีบร้อนอะไร ก่อนจะนำมาบรรจงวางตรงมุมธงพอดี ตอนนี้ผู้เล่นทางฝั่งของสีแดงลงมาที่หน้าประตูเพื่อป้องกันประตูพร้อมกับผู้เล่นของสีฟ้า ก็ขึ้นมาที่หน้าประตูของสีแดงเพื่อลุ้นทำประตู้กันจนแน่นไปหมด รวมทั้งบิวที่เล่นตำแหน่งกองหลังด้วย ขึ้นมาเพื่อช่วยโหม่ง และต่างยื้อยุดชิงจังหวะกันอยู่อย่างนั้น มีแต่ต้อมและน็อทที่นั่งลุ้น เชียร์เพื่อนๆ อยู่ข้างสามด้วยเพราะได้เล่นเป็นตัวสำรอง
แบค์มองเข้าไปที่หน้าประตูก่อนจะจับจ้องสายตาไปที่บิว พลางทำขมวดขมวดคิ้วจิ๊กตาไปที่กรอบเขตประตูห้าหลา เป็นการบอกว่า เฮ้ย ! ไอ้บิว ตรงนั้นนะเว้ย ไปตรงหน้าประตู บิวก็พะยักหน้าเป็นสื่อสัญญาณว่า เออ รู้แล้ว ก่อนที่แบงค์จะวิ่งมาสับไก หวดด้วยรองเท้าฟุตบอลอย่างดี ที่ปลายนิ้วโป้งที่ท้าวข้างถนัด ให้ลูกบอลพุ่งวิถีโค้งเข้ายังที่หัวของบิว
“เสร็จตูละ” บิวนึกใจอย่างหวานหมู ก่อนจะเทคตัวขึ้นโหม่งลูกบอลเต็ม ๆ หน้าผากทำเอาบิวหน้าชาไปเหมือนกัน ด้วยความแรงของลูกเข้ามา ทำให้เกิดแรงบวก ลูกพุ่งออกไปเร็วมาก
“เป้งงงงงง”เสียงจากลูกฟุตบอลที่ไปชนคานดังสนั่นหวั่นไหวก่อนจะลอยขึ้นข้างบน อ๊ากกกกกกกก T{}T ไม่!! ตูจะเป็นฮีโร่ซะหน่อย บิวคิดก่อนจะเอามือทั้งสองมากุมหัวด้วยความเสียดายอย่างไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นต่อ
ขณะที่ลูกย้อยลงมานั่นเอง ท็อปที่ได้เล่นตำแหน่งศูนย์หน้ากำลังยื้อยุดกับกองหลังของสีแดงอยู่ ก่อนที่จะเทคตัวขึ้นพักอก เอาบอลไว้กับตัวได้ ในระยะเพียงแค่เดินสามก้าวก็ถึงประตูเท่านั้น วินาทีนั้น ทำเอาสีหน้าของผู้รักษาประตูสีแดงซีดเซียวอย่างกับผากาหลีญี่ปุ่นตามในหนังและกำลังจ้องมาที่ลูกฟุตบอลอย่างไม่กระพริบตา ท่ามกลางความลุ้นระทึกของคนดูรอบสนามพากันอ้าปากค้างและลูกขึ้นยืนดูไปที่ท็อปอยู่นั่นเอง
“คราวนี้แหละ >w<”ท็อปนึกก่อนกำหมัดกัดฟัน หวดลูกด้วยท้าวขวาอย่างเต็มแรง
“ฟิ้ว!!” เสียงของลูกบอลเหินข้ามคาน อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะถ้าเตะเบา ๆ ก็เข้าอยู่แล้ว 0[]0! อะไรวะเนี้ยตู ท็อปพูดพลางปาดเหงื่อ เช่นเดียวกับสีหน้าของทุกคนในทีมสีฟ้า T[]T ว่าอยากบ้าพลังไม่ดูจังหวะ ท่ามกลางความโล่งอกของทีมสีแดงและกองเชียร์ ซึ่งตรงกันข้ามกับเสียงที่อื้ออึงของเพื่อนร่วมทีมสีฟ้ากับกองเชียร์สีฟ้าที่อื้ออึงเพราะต่างพากันตะโกนด่าท็อปอยู่
“ปรี๊ดดดดด !! หมดเวลาครึ่งแรกครับ !” กรรมการเป่านกหวีดเสียงยาว เพื่อบอกว่าหมดเวลาการแข่งขันของครึ่งแรกแล้ว ก่อนจะเดินออกไปหาน้ำกินเพื่อมาตัดสินต่อในครึ่งหลัง
“ไอ้ ท็อปปปปปปปป !!! >[]< ”เสียงของเพื่อนๆ ทุกคนในทีม ที่กรูกันเข้ามาเพราะกะจะเอาท็อปไปเตะแทนลูกฟุตบอลในครึ่งหลังให้ได้ =”=! แต่ตอนนี้ขอเตะเพื่อวอล์มเท้ากันก่อน T{}T ต่างกับบิว ที่ตอนนี้ไม่มีกะใจจะไปเตะท็อปด้วย พลางรีบเดินมาดื่มน้ำเพื่อดับกระหายก่อนเอาผ้าเย็นที่อยู่ในกระติกสำหรับนักกีฬาออกมาซับเหงื่อผื่นหนึ่งและพาดคอไว้ ก่อนจะเดินไปที่สนามบาสที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบอลนัก
หุหุ !! ^_^ ไปดูอิ๋วแข่งบาสดีกว่า เวลาพักครึ่งพอดี ไม่รู้ว่าป่านนี้อิ๋วจะแข่งเสร็จแล้วหรือยัง ? บิวเดินยิ้มระรื่นไปที่สนามบาสที่อยู่ถัดไปจากสนามฟุตบอลไม่ไกลนัก เมื่อไปถึงสนามบาส ก็มีผู้คนมากมายที่มามุงดูอยู่เพราะเป็นการแข่งขันบาสเก็ตบอล ม.ปลายรอบชิงชนะเลิศกันระหว่างสีฟ้ากับสีแดง ซึ่งอิ๋วก็อยู่ในสนามด้วย โดยแข่งในนามของทีมสีแดง บิวใส่ชุดนักฟุตบอลสีฟ้ามายืนดูอยู่ที่ข้าง ๆ สแตนด์เชียร์ของสีแดงเพื่อมาแอบยืนดูอิ๋วเล่นบาสอยู่พลางเช็ดหน้าด้วยผ้าเย็นที่พาดคอมาด้วย เพราะการแต่งกายของบิวทำให้ดูค่อนข้างแตกต่างจากคนดูและนักกีฬาบาสอยู่มากทำให้สามารถมองเห็นได้ง่าย ๆ และไม่ยากที่จะสังเกตเห็น แต่อิ๋วคงจะมีสมาธิอยู่กับเกมส์ในสนาม หรือไม่ก็คงมองไม่เห็นบิว หรือไม่ก็ไม่ได้มองอะไรเลย ( จะด่าว่าเซ่อว่างั้นเหอะ !? แก -_-* : อิ๋ว )
บิว นั่งลงตรงที่นั่งข้าง ๆ แสตนด์สายตาจับจ้องไปที่อิ๋ว ที่กำลังทุ่มเทใจให้กับการแข่งบาสอยู่ บิวมองหน้าอิ๋วอยู่ตลอด พลางนึกในใจ โตขึ้นมาหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะ เห็นตอนเด็ก ๆ ตัวสูง นึกว่าโตขึ้นจะตัวใหญ่ไปเลยเสียอีก ไม่ว่ายังไงก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ คนหนึ่งเท่านั้นสินะ >///<
ย้อนกลับไป เมื่อวันที่เราได้พบกับการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างจากที่เคยเป็นอยู่ทุกวัน ๆ ในตอนนั้น เราอยู่ ป.4 ในตอนประมาณเช้าวันหนึ่งที่แสนสงบสุขได้ กำลังนอนดูการ์ตูนอยู่กับแม่ข้างล่าง ก็ได้ยินเสียงรถกระบะ มาจอดอยู่หน้าบ้าน ให้ตายสิรบกวนเวลาดูการ์ตูนชะมัด -_-* ก่อนที่จะมีผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่เราเดินลงมาจากรถคันนั้น และเดินเข้ามาในบ้านเรา ใครกัน ลูกค้าเหรอ แต่เฮ่ ! เป็นลูกค้าแต่เดินเข้ามาในส่วนที่เป็นบ้านของคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้นะ ก่อนที่แม่เราจะเอ่ยออกไปด้วยถ้อยคำที่สนิทสนมเสียเหลือเกิน ราวกับว่าเป็นเพื่อนรักกันมานาน
“อ่าว ! ยายนิ่ม ย้ายมาวันนี้เหรอ?ไม่บอกล่วงหน้าก่อน ได้ทำกับข้าวเตรียมไว้ให้ได้มากินด้วยกัน”แม่พูดออกไป
“เอ๋อ ไม่เป็นไรหรอก! ก็คิดว่าจะย้ายเข้ามาหลายวันแล้วละ แต่พี่ก้วยบอกว่ามาวันอาทิตย์นี่แหละเหมาะดีกับการย้ายของนะ อิอิ”หญิงแปลกหน้าคนนั้นทำคุยสนิทสนมกับแม่เรา แต่จะว่าไป ก็รู้สึก ๆ คุ้น ๆ หน้ากับยายป้าคนนี้เหมือนกันนะ เหมือนว่าจะเคยเห็นในรูปถ่ายของแม่ตอนยังเป็นวัยรุ่นหรือไงเนื่ยแหละ -*-
“ว่าไงจ้า !?แม่นิ่ม ย้ายมาอยู่ข้าง ๆ วันนี้แล้วเหรอ?”พ่อเราก็เป็นไปกับเขาด้วยนะเนี่ย
“อ่อค่ะ ดีเลยนะค้ะ จะเป็นเป็นเพื่อนคุยกับพี่ก้วยเขาเหมือนเมื่อตอนหนุ่ม ๆ ที่เคยเรียนด้วยกัน”ยายป้าคนนั้นพูดชื่อใครไม่รู้ขึ้นมาอีกพลางหัวเราะเมื่อเอ่ยจบประโยชน์
“คายจายากคุยก่ามาน !? แม่นิ่มก็พุกปาย”เสียงชายท่าทางเชื้อสายจีนเล็ดลอดเข้ามาในบ้านเรา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินตามเข้ามา “อ่าวสะหวักลีจ่ะ สะหวักลี แม่บัว ไม่ร่ายเจอกานนานน้า”ชายคนนั้นทักทายแม่เราเหมือนรู้จักกันมานานอีกเหมือนกัน
“เชอะ !! ฉันก็ไม่ได้อยากคุยกับแกเหมือนกันเว่ย ! จำไว้นะ ต่างคนต่างอยู่ แค่ฉันกับแกเท่านั้นนะ แม่นิ่มไม่เกี่ยว !!”พ่อทำท่าเหมือนกับเกลียดตานี่มานานแล้ว
“โอ๊ยอะไรกัน พี่ ๆ ทะเลาะกันมาตั้งแต่เรียนด้วยกันแล้วยังไม่เลิกทะเลาะกันอีกนะ”แม่พูดก่อน ทั้งชายคนนั้นกับพ่อของเราจะกลัวหงอไปได้เหมือนกัน
“งั้น ถ้าเกิดมีอะไรให้ช่วยก็มาเรียกได้นะ !?”แม่เอ่ยออกไปอย่างมีน้ำใจ
“จ้า ฉันก็ขอรบกวนแค่ช่วงย้ายของเข้าเท่านั้นแหละนะจ๊ะ อุ๊ยตายนี้ !!”ป้าคนนั้นพูดกับแม่ก่อจะมองมาที่เรา “นี่บิวใช่ไหมเนี่ยลูก ? อุ๊ยตายโตขึ้นเยอะเลยนะ ยังเห็นร้องให้กระจองอแงเมื่อไม่นานมานี้เอง”ป้าคนนั้นทำเป็นรู้จักเรามาก่อน
“อ่าวบิว สวัสดีป้านิ่มเขาสิลูก ป้านิ่มเขาเป็นเพื่อนแม่เอง”เมื่อแม่บอกมาอย่างนี้ ไหว้ก็ไหว้ฟะ คนแปลกหน้าแท้ ๆ ก่อนเราจะก้มหัวยกมือไหว้อย่างสวยงามตามที่แม่และคุณครูที่โรงเรียนสอน ว่าเด็กดีต้องไหว้สวย ๆ
“ดีเลย ได้เป็นเพื่อนเล่นกับอิ๋วมัน เพิ่งย้ายมาใหม่ๆ อิ๋วคงยังไม่มีเพื่อนเล่น อ้าวอิ๋ว !! ลงมาสวัสดีป้าบัวเร็วลูก”ป้านิ่มร้องเรียกใครบางคน
ประตูรถกระบะถูกเปิดออก มีเด็กผมสั้นเดินลงมา ดูตัวสูงกว่าเราอีก น่ากลัวชะมัด ทำหน้าดุด้วย เดินเข้ามาทำหน้านิ่ง ๆ ไม่พูดไม่จา เข้ามาไหว้แม่เรา และก็รีบเดินไปที่ป้านิ่ม
“แหม ! อิ๋วเองก็โตขึ้นเยอะนะลูก ตัวสูงกว่าเจ้าบิวอีก เขาเป็นผู้หญิงแท้ ๆ นะลูก บิว” แม่พูดพลางก้มหน้าลงมาแซวลูกชาย
O{}O! ผู้หญิงเหรอนั่น โอ้แม่เจ้า ทำไมเหมือนเด็กผู้ชายอย่างนี้
“อิ๋ว นั่นบิวนะลูก รู้จักกันไว้สิ”ป้านิ่มพูดให้ลูกสาวหรือเปล่านะ ( ไม่ค่อยเชื่อ ) เข้ามาทักทายกับเรา แต่อิ๋วอะไรนั้นก็ไม่พูดอะไร กลับหลบหน้าเข้าไปหาแม่ตัวเองอีก เชอะ คิดว่าฉันง้อหรือไง เจ้าผู้หญิงตัวยักษ์ แบร่ ๆ >u<
“ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวก็รู้จักกันเองแหละ ฮาฮาฮา!”แม่ยิ้มระรื่น
เช้อ ! จะให้สนิทด้วยเหรอ ยากส์ !!>..< หลังจากวันนั้นมา สิ่งที่คุณแม่ทั้งสองอยากให้เป็นก็ไม่เกิดขึ้น ทั้งเรากับอิ๋วก็ไม่ได้เล่นด้วยกัน แอบนึกสมน้ำหน้าในใจว่า ดีสมน้ำหน้ายายอิ๋วได้ไม่มีเพื่อนเล่น เพราะในละแวกนี้ ก็มีแต่เพื่อนเราทั้งนั้น ฮาฮาฮา แต่ในวันนั้นเอง หลังจากที่เราเลิกเล่นแล้วกลับบ้าน ที่หน้าบ้านของอิ๋ว กลับมีเพื่อนผู้หญิงในละแวกหมู่บ้านข้าง ๆ มาเล่นด้วยเต็ม
ไปหมด o[]o!
อะไรกันนี่ !? ทำไมยายนี่มีเพื่อนเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แต่ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องอะไรของเรานี่หน่า เจ็บใจนัก ยิ่งทวีความไม่อยากรู้จักเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ทุกคืนก่อนจะนอนกับแม่ แม่ก็มักจะพูดกล่อมหูแทนนิทานกล่อมก่อนนอนว่า เล่นกับอิ๋วหรือยัง ? เราก็จะตอบไปตลอดว่า ไม่ ๆ ๆ และก็ไม่ !
จนกระทั่งเหมือนคนบนฟ้าพยายามกลั่นแกล้ง จะเอาให้สำเร็จให้ได้ ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ นับจากวันที่ป้านิ่มได้ย้ายเข้ามาวันแรกนี่ก็ครบปีหนึ่งได้แล้ว วันนี้แม่ทำกับข้าวเป็นแกงอะไรสักอย่าง และให้เราเดินไปให้กับบ้านของยายอิ๋วซึ่งตอนนี้เปิดเป็นร้านขายข้าวมันไก่ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อเราเดินไปทีหน้าร้านหรือบ้านของยายอิ๋ว ก็เจอลุงก้วยสับไก่อยู่
“ลุงก้วยครับ แม่ให้เอาแกงมาให้”เราถือถ้วยใส่แกงอยู่เดินมาให้ กับลุงก้วยที่ยืนสับไก่อยู่หน้าร้าน
“อา อาบิวเหรอ ? ขอกใจ ๆ ฝักปายบอกแม่ล่วยนะ อั๋วขอกใจมัก ๆ อา อาหมวยเอ๊ย!! มารับแกงกะอาบิวหน่อย”ลุงก้วยพูดออกมาตามสำเนียงบ้านเกิดก่อนจะเรียกลูกสาวที่เราไม่อยากเจอที่สุดออกมารับแกงที่เรา -*- อิ๋วเดินออกมาทำหน้าเร่งรีบ เดินปี่เอาแกงที่เรา รับจากมือเราและมองหน้าเรา เราก็เลยไม่กล้ามองนะสิ ก็หลบ ๆ สายตานิดหน่อย
“ขอบใจนะ บิว ^-^” และเธอก็เดินลับเข้าไปในครัว เพื่อไปไว้ที่ตู้กับข้าว แล้วเราก็เดินกลับบ้าน
ขอบใจนะ บิว คำ ๆ นี้ยังก้องอยู่หัวเราอยู่ตลอด เมื่อนึกถึงวันนั้น จะว่าไปแล้ว เราเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าอิ๋วจะพูดออกมาแบบนี้ นึกแล้วก็อยากจะขอบใจแม่จริงๆ ถ้าไม่ได้แกงในวันนั้น เราคงไม่ได้รู้จับกับอิ๋วด้วยแหละมั่ง เพราะดูท่าทางอิ๋วเองก็ไม่ค่อยกล้าเริ่มพูดกับเราเท่าไร และก็คงจะมองอิ๋วอยู่ตลอดว่าเป็นคนหยิ่ง
และจุดที่เรียกได้ว่า ทำให้ความสัมพันธ์เราแน่นแฟ้นก็เกิดขึ้น วันนั้นที่ร้านของอิ๋วปิดหนึ่งวัน เพราะตาก้วยออกไปข้างนอก และมีทีท่าว่าฝนจะตกด้วย ไม่นานนักฝนก็ตกลงมา ขณะที่เรากำลังดูทีวีอยู่กับแม่ส่วนพ่อก็เฝ้าอยู่หน้าร้าน เราก็เดินออกไปดูนอกบ้านว่าฝนตกหนักไหมตามประสา แต่มอง ๆ อยู่นั้นเอง ก็ไปเห็นที่ข้างบ้าน ภาพที่เห็นคืออิ๋วกำลังรีบเก็บผ้าอยู่อย่างรีบร้อนโดยไม่มีทีท่าว่าผ้าจะถูกเก็บจะน้อยลงเลยด้วย ท่ามกลางฝนที่ตกหนักทำให้เรานึกอะไรขึ้นมาได้
“พ่อ !! ไปช่วยอิ๋วเก็บผ้านะ”ด้วยความตกใจของเราที่ดูแล้วว่า ก่อนที่อิ๋วจะเก็บผ้าหมด ตัวต้องเปี๊ยกโชกแน่ และจะทำให้เราเองรู้สึกไม่ดีว่า ทำไมถึงได้แค่ยืนมอง ก่อนจึงจะตั้งท่ารีบไป แต่มาชะงักกับคำพูดตอบกลับมาของพ่อ
“ดีแล้วลูก เราเป็นผู้ชาย เราต้องช่วยเขา”พ่อยิ้มแย้มให้
ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่เข้าใจอะไรนักก็เถอะ แต่ก็พอจะรู้ว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่านแอ ( ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่านะ =w= ) เราจึงรีบวิ่งฝ่าสายฝนไปช่วยอิ๋วเก็บผ้าใส่ตระกร้าที่อิ๋วถืออยู่เอาเข้าบ้าน เนื่องจากมีกันสี่มือแล้วจึงช่วยกันเก็บจนหมดได้เร็วขึ้น แต่กว่าจะหมด พิษสงของเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาที่เรา เหมือนว่าได้ทีเอาใหญ่กระหน่ำลงมาใหญ่ ก็ทำให้ตัวเปียกปอนไปตาม ๆ กันและทำให้เราต้องอยู่ค้างเติ่งในบ้านอิ๋วอยู่อย่างนั้นหลังจากที่นำผ้าเข้ามาเก็บที่บ้านอิ๋วแล้ว ถึงแม้ว่าจะรีบวิ่งกลับได้ก็เถอะ แต่ยังไม่อยากกลับ เพราะถ้ากลับไปตอนนี้ ผมก็ต้องเปียกและต้องอาบน้ำสระผมใหม่อีกแน่
“ขอบใจนะ บิว”อิ๋วพูดขอบคุณ ^_^
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ =///=”ผมพูดออกไปแบบไม่ประสาเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงกับคนไม่สนิท
“รอให้ฝนหยุดก่อนแล้วค่อย กลับก็ได้”อิ๋วพูดพลางเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดหัว ก่อนยื่นมาให้อย่างมีน้ำใจ
“เอาไหม?”อิ๋วยื่นให้พลางอมยิ้มตาใสแป๋ว
“ไม่ดีกว่า เธอเช็ดแล้ว -*- มันก็เปียกสิ”ก็มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่หน่า
“แหม ! อีกด้านหนึ่งก็มี เราเช็ดไม่หมดหรอก ตามใจ!!” อิ๋วทำหน้างอนก่อนเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวไปเก็บ
“แล้วพ่อแม่เธอไปไหนกันหมดละ ?”เราเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่มีใครอยู่บ้านเลย และเหมือนว่าจะเป็นประโยคแรก ที่เราเอ่ยถามอิ๋วก่อน
“อ๋อ! พ่อไปข้างนอกไม่รู้เหมือนกัน แม่ไปทำผม แต่ฝนตก คงกลับมาไม่ได้”อิ๋วเอ่ยพลางมือยังแขวนผ้าเช็ดตัวอยู่ก่อนจะหันมาที่เราแล้วถาม
“ไปเล่นเกมส์กันไหม? บนห้องเรามีสองจอยส์ เล่นได้สองคนเลยนะ ^-^”อิ๋วยื่นข้อเสนอให้พลางยิ้มแย้ม
เมื่อพูดถึงเกมส์กดกับผู้ชาย ก็ต้องเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ก็เลยไม่ปฏิเสธสิครับ เราเองก็ยิ้มแฉ่งพร้อมกับพยักหน้าและเดินตามอิ๋วขึ้นห้องอย่างว่าง่าย ^[]^
เมื่อเข้ามาในห้องก็รีบปรี่เดินไปที่ เครื่องเกมส์ซูเปอร์ฟามิงคอมพ์ เพราะไม่ได้สนใจอะไรกับภาพรวมในห้องนัก ทั้งที่ถ้าเป็นตอนนี้จะต้องหยุดดูก่อนอยู่แล้ว เพราะเป็นห้องของผู้หญิงนี่หน่า >///< หุหุ ไม่นานเกินรอ อิ๋วก็มาเปิดเกมส์เล่นกับบิว และนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ภายในห้องจนลืมเวลาว่าล่วงเลยไปเท่าไรแล้ว ก่อนอิ๋วจะเอ่ยบางอย่าง
“เนี่ย เราเล่นคนเดียวมานานแล้ว เพื่อนเราที่เป็นผู้หญิงไม่มีใครเล่นเป็นเลย พอเล่นแบบสองคนกับพ่อก็ไม่สนุก เอาไว้นายมาเล่นกับเราบ่อย ๆ นะ”อิ๋วดีใจที่จะได้มีเพื่อนเล่นสักที ^-^
“ได้เลย !”เราตอบกลับไปแท้ ๆ แต่ตายังจ้องอยู่ที่ทีวีตลอด ถึงกระนั้นก็อดนึกสงสัยอะไรบางอย่างไม่ได้จึงย้อนถามกลับไป
“เธอเองก็เป็นผู้หญิงทำไมชอบเล่นเกมส์ละ?”บิวเหล่มาที่อิ๋วนิด ๆ และหันไปเหมือนเดิม
“อ๋อ เราก็ไม่ได้ชอบอะไรนักหนาหรอก แต่พ่อเราซื้อให้นะ เราเลยต้องเล่น พอเล่นแล้วมันก็สนุกดี ติดเลย อิอิ” ^-^ อิ๋วตอบอย่างไม่มีเหตุผล
อืมนะ ก็สมควรแหละ เพราะไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหน ขอบเล่นเกมส์กดแบบผู้ชายหรอก เราพลางนึกในใจแต่ไม่กล้าตอบ
หลังจากนั้นมา เราสองคนก็สนิทกัน จนกระทั้งเครื่องเกมส์ของของอิ๋วพังไปแล้ว แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่เป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเราและอิ๋วต่อไปแล้ว เราเองก็พาเพื่อนแถวบ้านที่รู้จัก มารวมกลุ่มกลับกลุ่มของอิ๋ว จึงทำให้กลุ่มของเราใหญ่ขึ้น จนเมื่อกระทั่งเราสองคนขึ้น ม.1 เราสองคนจึงได้มาอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ยังไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน และทำได้รู้อะไรบางอย่างระหว่างเราสองคนที่ไม่น่าเป็นไปได้ คือเรื่องของวันเกิด ไม่น่าเชื่อว่าอิ๋วจะเกิดก่อนหน้าเราแค่วันเดียว อิ๋วเกิดวันที่ 27 ธันวาคม ส่วนเราเกิดวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นมา ทำให้พ่อแม่ของเราทั้งสองตกลงกันว่าจะจัดงานวันเกิดให้ด้วยกัน วันเดียวกันไปเลย ก็แล้วแต่ละปีว่า จะจัดในวันที่ 27 หรือวันที่ 28
แทบไม่นาเชื่อว่าเราสองคนจะสนิทกันมาก ช่วงในวัย ม.ต้น ไปไหนก็จะไปด้วยกัน ไปเข้าค่ายถ้าว่างเวลาใดก็จะนัดมานั่งคุยกัน เลิกเรียนเราก็จะนัดเจอเพื่อกลับบ้านด้วยกันตลอด เช่นเดียวกับการจัดวันเกิด ครั้ง สองครั้งหลังสุดเช่นกัน
กระทั่ง เมื่อเราสองคนขึ้น ม.ปลาย เราสองคนชอบเหมือนกัน จึงตกลงกันว่าจะเรียนสายเดียวกันก็คือ คณิต อังกฤษ ถึงแม้ว่าจะเลือกเรียนสายเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้เรียนห้องเดียวกันอีก โดยเราได้ไปเรียนอยู่ห้องสี่ทับสาม ส่วนอิ๋วได้อยู่ห้องสี่ทับสี่ ทำให้เราได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ ที่อยู่ห้องเดียวกัน จึงทำให้มารู้จัก และสนิทกับพวก ไอ้แบงค์ ไอ้ท็อป ไอ้ต้อม ไอ้น็อท เลยทำให้ไม่ได้คุยกับอิ๋วเลย อิ๋วเองก็คงไม่ว่างเหมือนกัน เพราะท่าทางก็มีเพื่อนใหม่ให้ต้องทำความรู้จักเหมือนกัน เลยทำให้ห่างกันไปโดยปริยาย จากที่เคยกลับบ้านด้วยกัน ก็ห่างกันจนกระทั้งแทบไม่ได้เจอกันเลย งานวันเกิดของเราจากที่เคยได้จัดกับอิ๋ว ก็กลายเป็นเปลี่ยนบรรยากาศมาจัด ที่ข้างนอกบ้าน กับไอ้เจ้าเพวกนี้ จะว่าไปมันก็สนุกดีหรอก แต่จริงๆ แล้ว ก็อยากกลับไปจัดงานวันเกิดกับอิ๋วเหมือนเดิมหรอกนะ -*-
ขณะที่บิวกำลังทำตาเยิ้มอมยิ้มมองไปที่อิ๋วในสนามซึ่งเธอกำลังสั่งการณ์เพื่อนร่วมทีมให้บุกอยู่นั่นเอง
“พั๊วะ !!” เสียงดังลั่นไปพร้อม ๆ กับหัวของบิว T{}T บิวรู้สึกว่ามีใครสักคนมาลอบทำร้าย ตบหัวจากด้านหลังทำเอาบิวรู้สึกเจ็บเหมือนกัน ก็เอามือมายี ๆ หัวตรงที่โดนตบเพื่อลดอาการเจ็บ พลางหันไปมองว่าใครทำอย่างฉุนเฉียว
“โธ่ ไอ้บิว !! คนอื่นเขาหากันให้วุ่น ที่แท้มานั่งไขว่ห้างอารมณ์ดีแอบดูบาส หนอย ! เปลี่ยนชุดลงไปเล่นบาสเลยไหม !? ตูได้บอกเขาให้ นี่ถ้าตูไม่มาเข้าห้องน้ำคงไม่เจอแกหรอกมั้งเนี่ย !? ไปได้แล้ว จะเริ่มครึ่งหลังแล้ว!!”เป็นแบงค์เพื่อนสนิทของเขาอีกคนนั้นเองทำให้นึกขึ้นได้ว่า เออใช่ ยังแข่งไม่เสร็จนี่หว่ายังเหลือครึ่งหลังอยู่
ในสนามบาส สีแดงกลับมาเป็นฝ่ายตั้งรับ อั๋วและเพื่อนในทีมต่างรีบวิ่งลงมาตั้งรับ ชั่วพริบตานั้นเองทำให้อิ๋วเหลือบไปเห็นบิวที่มานั่งอยู่ข้างสนามเพราะสีเสื้อที่แตกต่างจากคนอื่นในสนามถึงสองคน ( เพราะแบงค์มาช่วยเพิ่มจุดเด่นนะเนี่ยเลยเห็นแหะ ๆ ^w^!: อิ๋ว ) อิ๋วเห็นบิวที่กำลังนั่งจับหัวอยู่หันไปมองเพื่อนอีกคนของบิวที่ทำท่าเหมือนจะว่ากำลังยืนบ่นบิวอยู่ทางด้านหลังของบิว ก่อนบิวจะเหลือบมองมาอีกทีที่อิ๋วและเดินต้อย ๆ ตามแบงค์ไป เพื่อไปแข่งฟุตบอลชายต่อ
อิ๋วเองก็หันกลับมีสมาธิกับเกมส์อีกครั้ง ก่อนจะอดแอบยิ้มไม่ได้ บิวมาดูเราด้วยเหรอ ? อิอิ ไม่หรอกมั้ง อาจจะเดินผ่านมาเลยแวะดูก็ได้ อิอิ หรือปล่านะ ๑^w^๑
กระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงช่วงท้ายของเกมส์ การแข่งขันบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศ สีแดงยังตามอยู่ 68 67 อย่างสูสีคู่คี่มากและสีแดงกำลังตกเป็นผ่ายตั้งรับอยู่ อิ๋ววิ่งโกยลงไปตั้งรับอย่างสุดแรงเช่นเดียวกับทุกคนในทีมสีแดง ทำให้บริเวณใต้แป้นของสีแดงเนืองแน่นไปหมดด้วยผู้เล่นของสีแดงและสีฟ้า ต่างประกบกันเป็นคู่ ๆ โดยกะว่าไม่ให้สีฟ้าส่งลูกออกไปไหนได้เลย อิ๋วเข้าไปยื่นประจันหน้ากับผู้เล่นเซ็นเตอร์ของสีฟ้า ทั่งสองมองหน้ากันตาไม่กระพริบ
หึ ! ผ่านฉันไม่ได้หรอกน่า คอยดูนะ ถ้าเธอส่งลูกเมื่อไร ฉันจะตัดลูกในชั่วพริบตาและ ใช้ความเร็วของฉันที่ได้ชื่อว่าวิ่งเร็วที่สุดในสนาม วิ่งไปดั้งใต้แป้นของเธอเสีย หุหุ โอกาสพลิกกลับมาชนะอยู่แค่เอื้อมแล้ว
สาวหล่อผู้เล่นทางฝั่งของสีฟ้าคนนั้นที่อิ๋วกำลังประจันหน้าอยู่ เห็นว่าอิ๋วตัวเล็ก จึงกระโดดชูทบาสสามแต้ม ลงแป้นอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด “ฟึบ !!
T[]T งะ !! อารายของมันวะเนี่ย ซวยแล้วตู อิ๋วอดจะนึกถึงการเสียสมาธิไปเมื่อชั่วครู่ไม่ได้
“ปรี๊ดดดดดด !!”กรรมการเป่านกหวีดเสียงยาวเพื่อให้รู้ว่าจบการแข่งขัน ผลสรุปว่า การแข่งขันบาสเก็ตบอลหญิงรอบชิงชนะเลิศ สีฟ้าเป็นฝ่ายเอาชนะสีแดงไป 71 67 ให้ลุ่นกันจนถึงช่วงท้าย และกรรมการก็บอกให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่งเข้ามาจับมือกันก่อนจะถึงพิธีรับเหรียญที่จะมีในช่วงต่อมา ท่ามกลางเสียงปรบมือไปทั่วทั้งสนามที่ทั้งสองเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นนัดชิงชนะเลิศ อิ๋วเองก็เดินไปจับมือขณะหน้าหดเหลือแค่สองนิ้ว =3= เง้อ !! เพราะเราแท้ ๆ ถ้าเราไม่มัวแต่ฝันหวาน ในช่วงท้าย มีสมาธิมากกว่านี้ก็คงกระโดดปัดป้องลูกบาสได้ทัน อิ๋วอดเสียดายไม่ได้หยังกับว่าตัวเองตัวสูง ( มันก็เรื่องของฉันอีกแหละ -_-* : อิ๋ว )
ขณะที่อิ๋วเดินที่ทางฝั่งของตนเองมานั่งหมดอาลัยตายอยาก โดยได้เหรียญเงินตราสัญลักษณ์ของโรงเรียน ผูกริบบิ้นสีเหลืองมาห้อยคอให้หนักเล่นอีกหนึ่งเหรียญ =”= พลางยื่นมือไปหยิบน้ำมากินและผ้าเย็น ราวกับคนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อ
“เป็นไงบ้างย้า !? ยายอิ๋ว เพื่อนเลิฟ ไม่ต้องเสียใจนะ อะชาเย็นปั่นของโปรดของเธอ”อั๋นเดินสะบิ่ง หน้ายิ้มแย้มพลางไปซื้อชาเย็นของโปรดของอิ๋วมาให้เพื่อคลายเหนื่อย
“พี่อิ๋วคะ พี่อิ๋ว น้ำคะ ผ้าเย็นคะ >///<” บรรดากองเชียร์ทางฝ่ายของสีแดง ที่มีทั้งม.ต้นถึงม.4ม.5 รีบกรูกันเข้ามายื่นน้ำเย็น ยื่นผ้าเย็นให้อิ๋ว เพราะต่างก็ปิ้งในสไตล์การเล่นบาสและที่สำคัญเพราะว่าอิ๋วตัดผมสั้น ทำให้บรรดาแฟนคลับอิ๋ว ( ที่เพิ่งก่อตั้งมาได้สักครู่ ) ทั้งหลายนึกว่าเป็นสาวหล่อไปอีกคนอย่างที่ทีมบาสของสีแดงเป็นกันหมดทุกคนสิ้น ทำให้แต่ละคนต่างกรูกันเข้ามายื่นไมตรีให้อิ๋วดันเอาอั๋นที่เดินยิ้มระรื่นมาสักครู่ต้องกระเด็นออกไปนอกวงโคจร ={}=
ต่อมา ที่สนามฟุตบอลในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชาย ที่ทุก ๆ คนในโรงเรียนให้ความสนใจมากที่สุด จึงทำให้ในครึ่งหลัง ผู้คนเริ่มเข้ามาเนืองแน่นกันอย่างไม่ขาดสาย
บรรยากาศในเกมส์เริ่มระอุขึ้นเรื่อย ๆ ไม่แพ้กับบรรยากาศของกองเชียร์ของทั้งสองฝ่าย ที่ต่างฝ่ายต่างตะโกนกู่ร้องส่งเสียงเชียร์ตามที่สตาฟ ชั้น ม.6 ได้สั่งการณ์อย่างไม่ยอมแพ้กัน
ในสนามตอนนี้ เวลาเหลือเพียงแค่ สิบนาทีสุดท้ายเท่านั้น ตอนนี้ผลออกมาอยู่ที่หนึ่งประตูต่อหนึ่ง และทางฝั่งของสีฟ้าก็เป็นฝ่ายได้เปรียบและกำลังใจอย่างดีหลังจากที่ได้คืนมาหนึ่งปะตูแล้ว ต่างฝ่ายต่างวิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อแย่งบอลกัน ส่วนบิวเองที่เล่นเป็นกองหลังก็ประจำอยู่แดนหลังโดยไม่ย้ายไปไหนเลย เพราะตกลงในทีกันว่าหลังจากได้ประตูตีเสมอแล้ว จะเล่นเกมส์ตั้งรับ ทำให้ฝ่ายของสีแดงไม่ว่าจะบุกเข้ามาเท่าไรก็ไม่สามารถเอาประตูได้สีกที
กระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน จำเป็นต้องมีการดวลลูกจุดโทษกัน
ทางฝ่ายของผู้เล่นทีมสีฟ้ามายืนประชุมกันเป็นวงกลมแต่ละคนพลางกินน้ำดับความเหนื่อยความกระหายกันพอประมาณ และตกลงกันได้ว่า บิวจะได้รับหน้าที่เป็นคนยิงลูกโทษเป็นคนแรก ส่วนแบงค์ตัวเก่งประจำทีม จะได้ยิงลูกโทษเป็นคนสุดท้าย
“อะเฮ้ ๆ และฉันละ ? ฉันเป็นถึงกองหน้าเลยนะ ทำไมไม่ได้ยิงลูกจุดโทษด้วยละ? เฮ่ ๆ !!”ท็อปหน้าถอดสี ถามถึงตำแหน่งในการรับหน้าที่สังหารจุดโทษที่เพื่อน ๆ ต่างโหวตให้ท็อปไม่ต้องยิง ทั้ง ๆ ที่เขาเล่นตำแหน่งศูนย์หน้าดาวยิง ผู้ที่คุ้นเคยกับการยิงประตูแท้ ๆ ก่อนบิวจะเดินเข้าไปกอดคอและพูดอะไรบางอย่าง ให้ได้ยินกันทั่ว
“ ใช่แล้วท็อป เพราะนายเป็นศูนย์หน้าดาวยิงประจำทีม ทุก ๆ คนในทีมต่างรู้พิษสงในสัญชาตญาณการทำประตูของนายดี ว่านายมันระดับเทพขนาดไหน ฉะนั้น พวกเราจึงมีความเห็นว่า ระดับนายควรเก็บความสามารถดั่งพระเจ้าประทานมาของนายไว้ก่อนดีกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องการสังหารจุดโทษ ไว้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง ไม่จำเป็นต้องถึงมือนายหรอก นายพักผ่อนดีกว่า”บิวพูดซะยืดยาวพลางยกนิ้วโป้งให้เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ในทีม ก็คือสรุปได้ว่า หลังจากที่ท็อปทำพลาดจากครึ่งแรก ทำให้ไม่มีใครไว้ใจให้ท็อปยิงเลยนั่นเอง Y[]Y
T..T ท็อปนั่งหน้าบูดอยู่ข้างสนามตาก็จ้องไปในสนามหน้าโกลด้านหนึ่งที่ใช้เป็นที่ตัดสินลูกจุดโทษของทั้งสองฝ่าย ซึ่งทุกสายตากำลังจับจ้องอยู่ ฝ่ายสีฟ้าได้ยิงลูกโทษหลังฝ่ายสีแดง ที่ยิงไปก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งคน และยิงเข้าไปแล้ว ส่วนคนที่รับหน้าที่ยิงลูกโทษคนแรกของฝ่ายสีฟ้าก็คือบิว
บิวยืน มองไปที่ลูกฟุตบอลก่อนจะมองไปที่ผู้รักษาประตูเป็นเชิงจิตวิทยา ว่าจะยิงไปทางด้านซ้าย ผู้รักษาประตูเองก็กระโดดไปกระโดดมา พร้อมที่จะทำการป้องกันลูกจากการสังหารของบิวแล้ว หลังสิ้นเสียงนกหวีดจากรรมการ บิวก็วิ่งเข้ามาแปรลูกฟุตบอลด้วยด้านข้างของเท้าด้านขวาไปทางซ้ายของประตู ส่วนผู้รักษาประตูก็เดาทางผิดพุ่งไปทางด้านขวา ทำให้ลูกเข้าประตูไป บิววิ่งไปกระโดดดีใจกับเพื่อน ๆ ในทีม ท่ามกลางเสียงเฮดังลั่นทั่วเกือบทั้งสนามที่เชียร์สีฟ้า
การดวลจุดโทษดำเนินมาจนถึง แบงค์คนยิงลูกโทษคนสุดท้ายของสีฟ้าและของเกมส์นี้ สถานการณ์กดดันมาก เพราะตอนนี้ต่างฝ่ายต่างมีอยู่สี่ประตูเท่ากัน แต่ทางฝ่ายของสีแดงยิงลูกโทษพลาดไปคนหนึ่งลูกหลุดออกข้ามคานไป ทำให้ฝ่ายของสีแดงยิงครบไปทุกคนแล้ว แต่ฝ่ายของสีฟ้ายังเหลือแบงค์อยู่ให้ยิงเป็นคนสุดท้าย
ไม่รออช้า หลังสินเสียงนกหวีด แบงค์วิ่งเข้ามายิงด้วยท้าวซ้ายข้างถนัด แต่ผู้รักษาประตูของสีแดงพุ่งไปถูกทางทำเอาแฟน ๆ ของสีฟ้าใจแป้วไปแล้วว่าพลาดแน่ ด้วยความแรงของลูกบอลที่แบงค์ยิงอย่างเต็มข้อ ทำให้ผู้รักษาประตูพุ่งไปไม่ทัน ลูกพุ่งเสียบเสยคานไปอย่างสวยงามส่งให้ทีมสีฟ้าเอาชนะได้ในที่สุดคว้าเหรียญทองกันได้อย่างสมใจ
หลังจากทำพิธีรีบเหรียญกันเสร็จ ก็มีประกาศให้ทุกคนมารวมกันที่สนาม เพราะจะมีคอนเสิร์ตปิดท้ายจากนักเรียนม.ปลายด้วยกันเอง ทำให้ทุกคนได้เต้นกันอย่างสนุกสนานลืมเหนื่อยกัน เป็นการปิดฉากงานวันกีฬาสีไปอย่างสวยงาม
มีบิว ท็อป แบงค์มายืนกินน้ำกันด้านที่นั่งข้าง ๆ สแตนด์ของฝ่ายสีฟ้า เพราะไปเต้นด้วยไม่ไหว
“ฮาฮาฮา สมน้ำหน้า พลาดครั้งหนึ่งทำให้ทุกคนไม่ให้แกลงเลยนะเว้ย ฮาฮาฮา”แบงค์ยืนเอาน้ำรดหัวตัวเองเพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายให้ลดลง
“แหม ๆ ถ้าข้าลง ข้าก็ยิงได้เหมือนอย่างแกสองคนละวะ !!”ท็อปยังคงมีความมั่นใจอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะทำพลาดในช่วงท้ายของครึ่งแรก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจของเขาลดลงได้เลย
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอยู่นั่นเอง บิวยืนกระดกน้ำอยู่อย่างสบายใจก็เหลือบไปเห็นที่บนแสตนด์ จึงเรียกให้ทั้งสองมองขึ้นไปดูด้วยกัน
ที่เป้าสายตาของทุกคนก็คือต้อมนั่นเอง ที่กำลังนั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม ที่ข้าง ๆ นั้นมีผู้หญิง ตัวไม่สูงมาก ใส่กางเกงขายาวเพราะวันนี้เป็นวันกีฬาสี ใส่เสื้อกีฬาสีเหลืองส่วนต้อมใส่สีฟ้า เธอมัดผมด้วยริบบิ้นสีกรมท่าตามคำสั่งของโรงเรียนถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันกีฬาสีที่ไม่ต้องแต่งตัวถูกระเบียบนักก็ได้ ใส่แว่นหนา ๆ บ่งบอกได้ว่ากรำวิชามาอย่างเชี่ยวชาญแล้วอย่างแน่นอน กำลังนั่งจู๋จี๋ ราวกับคู่รักที่เพิ่งเริ่มมีความรักด้วยกันใหม่ ๆ โดยไม่เกรงใจสายตาใครเลย ทำให้ทั้งสามเดาได้อย่างไม่ยากนักว่าต้องเป็นแฟนต้อมแน่ ๆ แต่ว่า...
O{}O ทุกคนต่างพากันตกใจว่าอารายกันวะเนี่ย ขนาดไอ้ต้อมที่ทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่ ยังชิงมีแฟนตัดหน้าพวกเขาเสียอีก ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวออกมาบอกเองว่าขอสละสิทธิ์เพราะไม่ชำนาญแท้ ๆ ในขณะที่ทั้งหมดทำหน้าหดเหลือสองนิ้วมองขึ้นไปที่ต้อมซึ่งนั่งกันเป็นคู่อยู่บนสแตนด์ราวกับว่า ที่แห่งนี้มีเพียงเราสองคนโดยไม่สนใจว่าคนอื่นเขากำลังไปสนุกกับคอนเสิร์ตอยู่นั้นเอง ก็มองลงมาที่เพื่อนสนิทของเขาทั้งสาม
“ว่าไงเพื่อน พวกนายก็สุดยอดนะ ที่คว้าเหรียญทองมาให้พวกเราได้ เออนี่ ! จะแนะนำให้รู้จัก นี่น้องเอ๋นะ อยู่ ม.4 เรียนได้เกรดสี่มาตลอดเลย เป็นแฟนข้าเอง >///< ฮาฮาฮา ถือวาเกมส์นี้ข้าชนะเป็นคนที่สองต่อจากน็อทนะ ฮาฮาฮา”ท็อปเยอะเย้ยลงมาพลางเอ่ยถึงเพื่อนอีกคนในกลุ่มที่ตอนนี้ไปสนุกกับคอนเสิร์ตอยู่กับอ้อมแอ้มแฟนเขาอยู่ในสนาม ที่ไปเต้นได้เพราะว่า น็อทได้เล่นเป็นตัวสำรอง ไม่ได้ออกแรงอะไร
ทั้งสามต่างยกมือมารับไหว้กันมือปะลก ๆ จากเอ๋แฟนของต้อมที่ไหว้มายังพวกเขาทั้งสาม “สวัสดีคะ เพื่อนพี่ต้อม”เธอเอ่ยออกมาอย่างมารยาทดี ท่ามกลางความงงของทั้งสามว่า -*- มันจะไหว้ทำไมของมัน สงสัยที่บ้านคงสอนมาดี
-+- ทั้งสามอดที่จะหน้ามุ่ยรู้สึกน้อยใจตัวเองไม่ได้ว่าหาแฟนไม่ได้สักที จนไอ้ต้อมมันชิงตัดหน้ามีแฟนไปอีกคนแล้ว T[]T ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นเอง
ในขณะที่ทั้งสามยังคงทำหน้าออกอาการเซ็งนั่งลงที่ด้านล่างของแสตนด์ดูคนอื่นออกไปเต้นอย่างมีความสุขกันอยู่ พลางพากันนั่งคิดหาวิธีหาแฟนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ในขณะที่พากันนั่งคิดอยู่นั้นเอง พวกเขาสังเกตเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง มายืนทำท่าเหมือนว่าอยากที่จะเข้ามาคุยด้วย แต่ทำท่าทำทางเหมือนว่าจะไม่กล้า เมื่อดูจากหน้าตาแล้วทั้งสามก็รู้สึกคุ้นหน้าว่าต้องอยู่ ม.6 ด้วยกันแน่ เพียงแต่ไม่รู้อยู่ห้องไหน เธอคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดทำหน้าแดง ยังคงยื้อยุดกับเพื่อนอยู่ขณะทำหน้าเขินอายมองมาที่พวกเขาทั้งสาม
“ไปสิแก เข้าไปเลย !”เพื่อนคนหนึ่งของเธอ จากในบรรดาทั้งสามคน ต่างดันเธอให้เข้ามาที่กลุ่มของพวกบิวให้ได้
“เฮ้ย อย่าดันสิ นั่นเขามองมาแล้วเห็นไหม >///<”เธอคนนั้นทำท่าทำทางออกมาให้รู้ทันทีว่า อาย ก่อนที่จะโดนเพื่อนของเธอทั้งสามพร้อมใจกัน ดันเข้ามาอย่างแรงจนเธอกระเดนเข้ามาอยู่ตรงหน้าของท็อป เธอใส่กางเกงยีนส์ขายาวเสื้อกีฬาสีสีฟ้ายืนทำหน้าแดงอมยิ้ม >//< ก้มมองมาที่ท็อป ซึ่งยังคงอยู่ในชุดของนักฟุตบอลเสื้อยืดสีฟ้าเบอร์สิบและกางเกงขาสั้นสีฟ้าเปื่อนไปด้วยคราบโคลนจากการสไลด์แย่งบอลในเกมส์เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ทั้งท็อปและเธอคนนั้นมองกันอยู่ครู่หนึ่ง บิวและแบงค์จึงมองมาที่ทั้งสอง ว่าใครกัน สงสัยมาทวงหนี้ไอ้ท็อป
“คือ... ว่า... เธอชื่อท็อปใช่ไหม เธอมีแฟนหรือยังเหรอ? ”>///< เธอคนนั้นที่หน้าตาก็ดูดีระดับหนึ่งทรงผมก็ดูเรียบ ๆ ไม่มีอะไรเด่นนัก ทำหน้าเขินอาย เอ่ยถามท็อปออกไป
“อ๋อ ยังไม่มีครับ”ท็อปเองก็อดเขินไม่ได้ ก่อนยิ้มให้และตอบไปพลางเอามือจับหัวเพราะความประหม่า ^-^
“เหรอ คะ งั้นเราขอเบอร์หน่อยได้ไหมคะ”เธอคนนั้นกลั่นความอายออกมาเป็นความกล้าพูดออกไป ท่ามกลางแรงเชียร์จากเพื่อนทั้งสามที่ยืนเชียร์อยู่ข้าง ๆ
O[]O อะไรวะเนี่ย ว่าแล้วเชียว เห็นเข้ามาทำท่าอาย ๆ อยู่ ( -*- แหมไอ้นี้ ยังคิดว่ามาทวงหนี้แหมบ ๆ : ท็อป ) ทั้งบิวและแบงค์คิดเหมือนกันขึ้นมาทันทีในบัดดล ก่อนที่ท็อปจะมองมาที่บิวและแบงค์ \ \^{}^/ / เย้ !! วะฮะฮะ เหมือนโชคจะเข้าข้างเราแล้ว ท็อปมองไปที่บิวและแบงค์ทำหน้าเจ้าเล่ห์เยาะเย้ยไป
“ได้สิครับ งั้นเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันแล้วนั่งคุยกันไปด้วยดีกว่า เราได้รู้จักกันมากขึ้นยังไงละครับ วะฮะฮะ!!!”^{}^ ท็อปลุกขึ้นมาพาเธอคนนั้นไปหาอะไรกินกันต่อนอกโรงเรียนขณะหันมาทำหน้าเยาะเย้ยประหนึ่งว่าเกมส์นี้ ข้ารอดแล้วโว้ย ในตอนที่ท็อปเดินผ่านหน้าของบิวและแบงค์ไป
ณ ที่แสตนด์ตรงนี่นั้นเอง ที่บรรยากาศตอนนี้กำลังครุกรุนไปด้วย ไอแห่งความอิจฉาริษยา ประหนึ่งว่า ณ บริเวณรอบตัวของทั้งบิวและแบงค์กำลังจะลุกเป็นไฟบรรลัยกรรที่มาจากขุมนรกกันได้เลย ทั้งคู่หันมามองหน้ากันจ้องตากันปานว่าจะเห็นดวงไฟออกมาจากนัยน์ตาของทั้งคู่ ซึ่งเป็นสัญญาณว่า เวลานี้ก็ดำเนินมาจนถึงช่วงท้ายของเกมส์แล้วสินะ การชี้ชะตาตัดสินว่าใครจะเป็นผู้แพ้ในเกมส์นี้ ที่จะต้องโดนเพื่อน ๆ ในกลุ่มทั้งสี่ตบหัวและจะต้องเลี้ยงข้าวกลางวันเพื่อน ๆ ทั้งสี่เป็นเวลาหนี่งอาทิตย์ รวมมูลค่าเกือบหนึ่งพันบาท ( เหมือนเกมส์โชว์ยังไงก็ไม่รู้สิ -*- ) เพราะไอ้พวกนี้มันกินกันอย่างไม่ปรานีแน่ กำลังจะถูกตัดสินในไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว ระหว่าง บิว ผู้ไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่มีจีบๆ อยู่บ้างประปราย กับ แบงค์ ผู้มั่นใจในคารมและทรงผมของตัวเองและโดนแฟนทิ้งอยู่เป็นประจำ ( โห!! ทุเรศวะ : แบงค์ ) ซึ่งใครจะอยู่ใครจะไปนั้น กำลังจะได้รู้แน่ในอีกไม่กี่วันข้างนี้เอง
ในยามเย็นของวันนั้น เวลาประมาณสิบแปดนาฬิกาของวันศุกร์ ที่อากาศค่อนข้างเย็นกำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ ไล่หลังตะวันที่กำลังจะตกดินเข้ามาทุกที ๆ บนท้องถนนก็กำลังเปิดไฟขึ้นมาเรื่อย ๆ อิ๋วนั่งหมดอาลัยตายอยากอย่างหมดแรงอยู่ด้านหลังจักรยานของอั๋น เพราะเสียเกลือแร่และพลังงานไปกับการแข่งขันบาสเก็ตบอล ม.ปลาย แลกมาซึ่งเหรียญเงินหนึ่งเหรียญ ก็สร้างความภาคภูมิใจให้เธอได้ในระดับหนึ่ง หลังจากแข่งเสร็จเธอก็ไปนอนพักที่บ้านอั๋นทันที ก่อนจะตื่นขึ้นมา โดยให้อั๋นขับจักรยานมาส่งที่บ้าน เพราะวันนี้เป็นวันกีฬาสี ทำให้ทั้งเธอและบิวตกลงกันว่าจะไม่ติววิชาคณิตกันหนึ่งวัน
เนื่องจากว่าเธอใส่ชุดนักกีฬาบาสสีแดงอยู่ และเป็นเสือยืดแขนกุดด้วย ทำให้อดรู้สึกหนาวขึ้นมาไม่ได้ อิ๋วจึงนั่งกอดอกทนรับลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาเพราะจักรยานกำลังแล่นอยู่
“หนาวเหรอแก ?”อั๋นขับไปถามเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วงไป เพราะตัวเองใส่เสื้อหนากว่าจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไร
“ก็นิดหน่อย” -_- อิ๋วยังพอทนได้
“แหม ๆ จะมาหนาวอะไรแค่นี้ เป็นแมนมันต้องเข้มแข็งสิ จะมาหนาวกับอากาศอะไรแค่นี้ ฮาฮาฮา”อั๋นหัวเราะร่วมแซวอั๋นออกมา
“อะไรของแก ยายอั๋น ?” -“- อิ๋วนึกถึงความไร้สาระของเพื่อนก่อนจะขดตัวกอดอก เอาหน้าไปซุกที่หลังของอั๋น
“อ่าว ก็เห็นวันนี้มีสาว ๆ มารุมล้อมแกเต็มไปหมดเลยนี่ !?”อั๋นถาม
“แล้วไง ?” -*-
“นี่แกเป็นทอมหรือเปล่ายายอิ๋ว ?”อั๋นเริ่มไม่แน่ใจ
“จะบ้าเหรอ ! แกเป็นเพื่อนฉันมากี่ปีและถึงมาถามอย่างนี้ !?” อิ๋วอดนึกโมโหขึ้นมาไม่ได้ พลางมั่นใจว่าตัวเองยังเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์
“อ่าวก็เห็นแกชอบตัดผมสั้นอยู่ตลอด เล่นบาสเก่งอีกต่างหาก”
“จะบ้าไปใหญ่และแก ! ก็ฉันชอบของฉันอย่างนี้อะ จะทำไม !?” -“- อิ๋วขดตัวต่อ
“ฮาฮาฮา!! จ้ารู้แล้วจ้า ฉันก็แซวแกเล่นไปงั้นเองแหละ แหม”อั๋นแหย่เพื่อนของเธอเล่น ๆ
อิ๋วนั่งซ้อนท้ายไปพลางนึกอะไรเพลิน ๆ ไปถึงตอนที่หลังจากที่แข่งเสร็จก็มีผู้หญิงเข้ามารุมล้อมเต็มไปหมดเพราะอั๋นเป็นคนเริ่มพูดทำให้นึกขึ้นได้ ก่อนอิ๋วจะคิดอะไรบางอย่างออก
“นี่ อั๋น ! เธอว่าฉันจะลองหาแฟนดีไหมอะ ?”อิ๋วลองถามความเห็นเพื่อน
“เฮ้ย !!ไม่ต้องเลย อย่าเพิ่งรีบมีเลยแฟนนะ เดี๋ยวก็มัวแต่ไปสนใจอยู่กับแฟน จนไม่สนใจจะเรียนหรอก และยิ่งตอนนี้อยู่ม.6 แล้วด้วย จะสอบเข้ามหาลัยอยู่มะรมมะร่ออยู่แล้ว อย่าเพิ่งรีบมีเลย เชื่อสิ !”อั๋นค้านเสียงแข็ง
“นี่ ๆ !! ฟังให้จบก่อน ฉันหมายถึงหาแฟนที่เป็นผู้หญิงนะ ฮะฮะ!”แค่อิ๋วนึกก็อดหัวเราะไม่ได้
“เฮ้ย !ไอ้บ้า !!ไม่ต้องเลย ! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันล้อเล่น หรือว่าแกเป็นทอมจริง ๆ เนี่ย ?ฉันเริ่มเสียว ๆ แล้วนะ” อั๋นอดนึกเสียวสันหลังไม่ได้
“แหะ ๆ ล้อเล่นนะ พูดเล่น ๆ” ^w^ อิ๋วยิ้ม ๆ เพราะภูมิใจในตัวเองว่าหลอกเพื่อนได้
“เออ แล้วไป”อั๋นขับต่อไป
อิ๋วก็ก้มลงพิงไปที่หลังของอั๋นเหมือนเดิม อะไรบางอย่างของอิ๋วที่นึกขึ้นมาได้และทำให้อิ๋วนึกย้อนกลับไปถึงตอนบ่าย ๆ ที่แข่งบาสอยู่นั้น ไม่ใช่เรื่องที่เธอมีผู้หญิงเข้ามารุมล้อม แต่เป็นเรื่องที่บิวมาแอบดูเธอแข่งบาสนั้นเอง ทำให้อิ๋วนั่งทำตาเยิ้มใสแป๋ว อมยิ้ม ฟุบไปกับหลังของอั๋นตลอดทาง ^///^
ความคิดเห็น