คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความสัมพันธ์ที่กำลังกลับมาอีกครั้ง
จริงอยู่ ที่การทะเลาะกันของพ่อก้วยของอิ๋ว และพ่อเปรมของบิว จะมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนเป็นอะไรที่ชินตาของทั้งสองครอบครัวนี้ไปแล้ว แต่การที่บรรดาบุพการีฝ่ายชายของทั้งคู่ทะเลาะกันครั้งล่าสุดตามที่ได้อ้างอิงให้ท่านผู้อ่านได้เข้าไปอยู่เหตุการณ์ด้วยเมื่อสักครู่นั้น นับเป็นครั้งแรกที่ทะเลาะกันโดยมีบิวและอิ๋วอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ในรอบสามปี o[]o จนทำให้ ทั้งคู่ได้เจอหน้ากันและได้มีการสื่อสารต่อกัน เพราะตั้งแต่ที่ทั้งคู่ขึ้น ป.ปลายมา ต่างก็ห่างเหินกัน ไปติดเพื่อนของตนเองที่โรงเรียนมากกว่าเพื่อนที่สนิทกันในวัยเด็กอย่างนี้ หลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นม.ปลายมาแล้ว เวลาที่ตาก้วยกับตาเปรมทะเลาะกัน ( ถึงแม้ว่าคนจับแยกจะเป็นบรรดาแม่ ๆ ของทั้งสองฝ่ายก็เหอะ ) ทั้งอิ๋ว และบิวมักจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเพราะมักจะกลับบ้านเย็น ถึงกลับบ้านมาเร็ว อีกคนก็กลับเย็นกว่าอยู่ดี เป็นอย่างนี้อยู่นาน จนทั้งคู่แทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย จะเจอก็ต่อเมื่อพบเห็นแบบผ่าน ๆ ที่โรงเรียน แบบคนหนึ่งเห็นอีกคนไม่เห็น จนเมื่อทั้งคู่ได้พบหน้ากันได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ทำให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า เพิ่งได้ทำความรู้จักกันใหม่ ๆ กลับมาอีกครั้ง
หลังจากวันนั้นมา เมื่อบิวได้เจออิ๋วที่โรงเรียน หรือไม่ว่าจะที่ไหนก็มักจะทักทายมากขึ้น โดยส่วนมากจะเป็นฝ่ายบิวเอง ที่จะเข้าไปทักก่อน ( นิดนึง ๆ >///< : บิว ) แต่ถึงแม้ว่า ทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์ที่คืบหน้ากว่าเดิมขึ้นมาแค่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ก็เหอะ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันนัก เพราะเรียนกันคนละห้อง และต่างคนก็ต่างมีจุดหมาย มีอะไรให้ต้องทำไม่เหมือนกัน จึงเป็นอะไรที่ ต่างคนต่างอยู่กันกันเหมือนเดิม
ตกค่ำวันหนึ่ง ในคืนวันพุธ ท้องฟ้าที่อยู่เหนือหลังคาบ้านของอิ๋ว เริ่มมืด ไม่ใช่เพราะว่าฟ้าฝนกำลังจะมาเยือนแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเป็นตามธรรมชาติของ เหมันตฤดู ของเดือนพฤศจิกายน ที่ได้คืบคานเข้ามาเยี่ยมเยียนได้สองถึงสามอาทิตย์แล้ว ทำให้ท้องฟ้า ที่ก่อนหน้านี้เคยมีฝนมืดครึ้ม เมื่อเดือนก่อน กลับกลายเป็นมืดครึ้มเพราะ พระอาทิตย์ที่รีบด่วนตกดินเร็วกว่ากำหนด เหมือนจะลาเจ้านายกลับบ้านไปทำธุระอะไรสักอย่าง และเข้ามาแทนที่โดยหมู่ดาวมากมาย ที่แข่งกันแปล่งประกายเหมือนจะรู้สึกว่าออกมาทำงาเร็วขึ้นกว่ากำหนด ระยิบระยับจนเหลือคณานับ รายล้อมพระจันทร์ที่เด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง
เวลาราว ๆ หนึ่งทุ่มเศษ ผัดผักถัวฝักยาว ปลานิลทอดซีอิ้ว ต้มจืดเต้าหู้ไข่ และน้ำพริกปลาทูทอดร้อน กำลังถูก 3 แม่ลูกผลัดกันตักกับข้าวเข้าจานข้าวของตนเอง ที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าว ที่แปลงสภาพมาจากโต๊ะของลูกค้าในยามเปิดร้าน และกลายเป็นโต๊ะกินข้าวสำหรับครอบครัวในยามปิดร้าน พลางดูทีวีไป เพราะละครตอนหัวค่ำสำหรับครอบครัว กำลังฉายอยู่อย่างเข้มข้น อิ๋วนั่งบนเก้าอี้และตักข้าวจากจานข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าปาก โดยสายตายังคงจับจ้องไปที่ นางเอกที่กำลังทะเลาะอยู่กับนางอิจฉา โดยมีแม่ของพระเอกมาผสมโรงด้วย พร้อมกับแม่ของอิ๋วที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้ช้อนกลางตักน้ำพริกใส่จานข้าว พลางคลุกกับข้าวและเนื้อปลาทูก่อนตักใส่ปาก เช่นเดียวกัน สายตายังจับจ้องอยู่ที่ทีวี มีเพียงตาก้วยเท่านั้น ที่นั่งยอง ๆ อยู่บนเก้าอี้ ใช้มือซ้ายถือถ้วยข้าว และใช้มือขวาที่จับตะเกียบ โกยข้าวเข้าปากอย่างกับจะรีบไปเก็บผ้าเมื่อยามพายุเข้า โดยไม่สนอะไรจนปากเปรอะเลอะเทอะไปหมด ( อะไรกะพ่อฉันนักหนานี่แก -_-* : อิ๋ว ) ส่วนที่พื้น ลิตาร์ก็ก้ม ๆ ทำหัวกระด๊ก ๆ กินข้าวขยำกับปลาทูทอดรสโอชาอยู่
“แม่นิ่มจ๋า อั๋วขอข้าวอีก”พ่อก้วยชายวัยกลางคนเชื้อสายจีนแท้ ๆ ยิ้มแฉ่งพลางยื่นถ้วยข้าว ให้แม่นิ่มโดยที่บริเวณรอบ ๆ ปากเต็มไปด้วยเม็ดข้าว
“อาว !! พี่ก้วย พี่นี่ก็แปลกเนอะ จะรีบกินไปไหนเนี่ย นั่งกินสบาย ๆ เหมือนคนอื่นเขาก็ไม่ได้”แม่นิ่มหญิงวัยกลางคน เชื้อสายจีนห้าสิบเปอร์เซ็นต์ วางช้อนจากจานข้าวตัวเองก่อนหยับถ้วยสุดรักของสามีมาตักข้าวสวยใส่ จากหม้อข้าวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ
“ใช่ ๆ !! ป๊านะ ! ชอบกินมูมมาม ไม่รู้จะรีบกินไปไหน ดูสิ ข้าวเลอะเต็มปากเต็มโต๊ะไปหมดแล้วเนี่ย ป๊าอย่าลืมสิ ข้าวมันไม่มีขานะ มันไม่วิ่งหนีป๊าไปไหนหรอก”อิ๋วลูกสาวของทั้งคู่เชื้อสายจีนเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ บ่นป๊าตัวเองโดยที่สายตายังจับจ้องไปที่ทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจ
“โด่ !! อิกฉาอั๊วะนะเด่ เมื่อก่องนะ อั๊วะเคยฝึกวิชากะวักเซ้าหลิง วิชากิงเร็วปางฟ้าผ่า เพื่อข่งขวังสะตู !”อาก้วยโม้กับลูกสาวไปพลางรับถ้วยขาวมาจากแม่นิ่ม มาวางไว้ตรงหน้า และใช้มือขวาจับตะเกียบที่ถูกวางพักเหนื่อยบนโต๊ะ ก่อนที่มันจะต้องลุยงานหนักอีก +_+!
“พอเลย ป๊าขี้โม้ !! เมื่อคราวก่อน ก็เอาแต่ตด ๆ ! พอว่า ก็บอกว่าฝึกมาจากสำนักง้อไบ้ เพื่อไล่ศัตรู พอเรอก็บอกว่าฝึกมาจากเขาเจ๋งซาน ว่าเอาไว้คำรามให้สัตว์ป่ากลัว ! นี่ถ้าป๊าไปยกของหนัก ๆ ได้ไม่บอกว่าได้นั่งไทม์แมชชีนของโดเรมอนไปเข้าร่วมช่วยเขาสร้างกำแพงเมืองจีนเลยเหรอ”อิ๋วเริ่มชายตามาบ่นป๊านิด ๆ ในความขี้โม้ของป๊าตัวเอง
“ถุกต้องนะค้าบบบ !! อั๊วะกะลังจาหาโอกาก บอกลื้ออยู่ แต่อั๊วะกลัวลื้อม่ายเชื่อ”ตาก้วยเอาตะเกียบจิ้มหน้าอิ๋วมาทีหนึ่ง จนอิ๋วเกือบกระเด้งหน้าหลบออกมาไม่ทัน ก่อนจะเอามาคีบข้าวกินต่อ และก็ต่างคนต่างกินต่อ ก่อนที่แม่นิ่มจะพูดขึ้น
“เออนี่ อิ๋ว เดือนหน้าก็จะถึงวันเกิดแล้วนี่ ปี้นี้อายุเท่าไรแล้วลูก”แม่นิ่มเพิ่งสมาธิมาที่ลูกสาว
“โห !! ม้า งอนนะเนี่ย จำวันเกิดลูกตัวเองไม่ได้นะ ปีนี้ก็สิบแปด แล้ว! ยังสิบเจ็ด ไม่นานมานี่เอง” อิ๋วอดจะงอนไม่ได้ที่แม่ของตัวเองแท้ ๆ ลืมวันเกิดลูกตัวเอง ก่อนอิ๋วจะอดนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเอง 17 ปีไม่ได้ ว่าทำไมมันเหมือนปานติดจรวดของยานอวกาศอย่างนี้
“เหรอ ! งั้นก็เท่ากับกว่า ไอ้เจ้าบิว มันก็ต้องสิบแปดด้วยนะสิ ! แหม ๆ ว่าแล้วก็ขอแซวหน่อย”แม่นิ่มอดทำหน้าเจ้าเล่ห์เอียงคอพลางเหล่ตามาที่ลูกสาวไม่ได้ “นี่ดูสิ พี่ก้วย !! สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กับเจ้าบิวมันนะ อะไรกัน เกิดวันที่ยี่สิบเจ็ด ธันวาคมแท้ ๆ เจ้าบิวมันก็มาเกิดด้วยใกล้ ๆ กัน เอาวันที่ ยี่สิบแปดธันวาคมได้”แม่หัวเราะเยาะอย่างสนุกสนามเฮฮารื่นเริงเพลินเพลินใจ ทำเอาอิ๋วโมโห ลิ้นเฝื่อนกินข้าวไม่อร่อยทันที -_-*
“อะโด่ !! อย่างเจ้าอิ๋วนะคายเค้าจาอาว แถมข้าวสารถังนืง ยังเอาแต่ข้าวสารแต่ไม่เอายายอิ๋วเลย”พ่อก้วย ให้กำลังใจลูกสาวอย่างเจ็บแสบ ทำเอาอิ๋วโมโหกำลัง 4 อยากที่จะคายข้าวในปากทิ้งทันทีเพราะประสาทรับรู้รสพิการกระทันหัน -_-**
อิ๋วเคียดแค้น ทั้งป๊าและม๊าตัวเอง ทำอะไรไม่ถูก เขินก็เขิน
“โห่ !! ม๊ากับป๊านะ ก็มีคนมาจีบละกันนะ”-_-** อิ๋วอวดอ้างความมีเสน่ห์ของตนเอง แต่รู้สึกว่าจะนานกาลมาแล้ว
“แหม ! ม้าก็แค่ล้อเล่นนะ แต่ทำไมต้องหน้าแดงด้วยละ”แม่นิ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ลูกสาว พลางยิ้มเยาะเย้ยอย่างสนุกฤทัย ทำเอาอิ๋วอดคิดไม่ได้ว่า แดงตรงไหนวะ สงสัยม้าตาบอดสีไปแล้ว
“โอย !! อะไรก็ไม่รู้ ! ไปแล้ว !”อิ๋วกินข้าวหมดจานพอดี ทั้งที่ใจจริงกะจะกินต่อโดยไม่เกรงกลัวว่าจะอ้วนเอย ( เฮ้ย มาต่อยกันเลยดีกว่า มา -+-* : อิ๋ว ) แต่เมื่อโดนล้อมาก ๆ ก็เลิกกินเดินออกจากโต๊ะดื้อ ๆ ฮึก อารมณ์เสีย เอาจานข้าวไปเก็บในครัว และรีบมูฟตัวเองขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสองออกมาจากพื้นที่สีแดงซึ่งเป็นจุดเสี่ยงอันตรายให้เร็วที่สุด โดยเดินตรงเข้ามาหยิบการบ้านวิชาเลขจากกระเป๋าหนังใบโปรดของเธอขึ้นมาทำบนโต๊ะเขียนหนังสือติดริมหน้าต่าง ก่อนกะว่า ถ้าทำเสร็จ ค่อยลงไปอาบน้ำ แปรงฟัน และนอนดู ชิงร้อยชิงล้านให้ฮากันจนฟันหลุดไปข้าง ๑^-^๑
ด้วยความฮึกเหิมใจว่าหากเสร็จศึกนี้เมื่อไร เดี๋ยวจะมีหม่ำแท่งโหน่งรออยู่ในจอตู้ที่อยู่ข้างหน้า อิ๋วจึงเปิดหนังสือคณิตศาสตร์มาพร้อมเปิดสมุดขึ้นมาทำข้าง ๆ หนังสือ อุปกรณ์เครื่องเขียนจากถุงเก็บปากกาสีฟ้าถูกเปิดไว้พร้อมใช้งาน ก่อนอิ๋วจะเริ่มลุยการบ้านคณิตศาสตร์อย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อทำไปได้ไม่นาน เอ แรก ๆ ก็ทำได้นี่หว่า ทำไมมานยากขึ้นว่ะเนี่ย เออ ๆ เว้น ๆ ไว้ก่อนละกัน ทำข้ออื่นก่อน เอ ทำไมข้อนี้มานยิ่งกว่าอีกวะเนี่ย ตายแน่ตู +[]+
อิ๋วรู้สึกมึนกับโจทย์ของ ฟังก์ชั่นเอกซ์โพเนนเชียลและฟังก์ชั่นลอการิทึม จนตาลาย +_+! ฟุบลงไปกับสมุดที่ทำค้างไว้อยู่ ก่อนจะทำให้ฉุกคิดถึง บิว ที่เมื่อไม่นานมานี้ ม้าของเธอได้พูดเอาไว้
บิวเป็นคนเก่งคณิตศาสตร์มากตอน ตอนที่อยู่ ม.1 อิ๋วเคยไปบ้านบิว ให้บิวสอนอยู่ประจำ ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง ขณะท้าวคางอยู่กับโต๊ะอย่างหมดเรี่ยวแรง เพราะพิษของคณิตศาสตร์ นี่ถ้าเรายังสนิทกันแบบเมื่อก่อน ก็ดีสิ จะได้ให้นายช่วยสอนการบ้านหน่อย T-T
เมื่ออิ๋วเริ่มนึกถึงบิวแล้ว ทำให้อดที่จะนึกย้อนกลับไปตอนที่เคยจัดงานวันเกิดด้วยกันไม่ได้ เพราะเนื่องจากว่า มีวันเกิดใกล้กันกับวันเดียวกับตัว ทำให้ทั้ง 2 บ้านตกลงกันว่า จะจัดงานวันเกิดร่วมกันในวันเดียวกัน เป่าเค้กด้วยกันกับบิว กินเค้กด้วยกันกับบิว โดนบิวแย่งของเล่นที่เพื่อนแม่ซื้อมาให้เป็นของขวัญ บิวร้องให้วิ่งไปฟ้องแม่เพราะโดนเธอเอาเค้กไปปะหน้าบิว เมื่ออิ๋วนึกถึงตอนเป็นเด็ก ๆ ทำให้อดที่จะยิ้มออกมาอย่างลืมตัวไม่ได้ แต่เมื่อทั้งคู่ขึ้น ม.ปลาย ก็ทำให้ต่างคนต่างเริ่มติดเพื่อนที่โรงเรียน เพราะระบบการแยกสายเรียนของ ม.ปลายทำให้ทั้งคู่ได้มีเพื่อนใหม่ที่ถูกใจกว่า และทำให้ต่างคนต่างลืมเลือน เพื่อนอีกคนทีอยู่ตรงนี้ อยู่ใกล้ ๆ กันนี่ ไม่ได้จากไปไหนเลย แต่กาลเวลาก็ได้ทำให้หัวใจของคนเปลี่ยนไปได้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวจริง ๆ
ถ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ก็ดีสิ
ลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามาจากนอกหน้าต่าง ทำให้อิ๋วขนลุกชั่วครู่ ก่อนจะมองออกไปยังที่ ๆ ลมนั้นพัดเข้ามา เป็นหน้าต่างไม้ของเธอบานเดิม ที่มองออกไปก็จะเจอกับ หน้าต่างบานไม้ของอีกบ้านข้าง ๆ ทีเจ้าของก็คือคนที่เธอกำลังนึกถึงอยู่ อิ๋วมองออกไปที่ห้องบิวก็ไม่เห็นอะไรไปมากกว่าทางตันที่สายตาเธอสอดส่องเข้าไป ไม่ได้เจอเพื่อนของเธอคนนั้นเลย ก่อนที่จะตัดสินใจ พยุงตัวเองขึ้นและเรียกสติกลับมา เพราะปลดปล่อยความครานออกมามากพอแล้ว โดยเธอดึงสติกลับมาอีกครั้ง เพื่อทุ่มเทแรงกายทำการบ้านคณิตศาสตร์ต่อ
+-+ แต่เมื่อยิ่งทำ ยายหมวยของเราก็เหมือนจะยิ่งมึนหนัก พลางปวดกึกขึ้นมาดื้อ ๆ ก่อนจะนั่งแผ่หลาลงกับเก้าอี้ และถอนหายใจ อย่างปลงตกกับตัวเองและฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ถ้าเราไปให้บิวสอนให้ละ
โอย !! >_< ไม่เอาดีกว่า ไม่ไหว ๆ อยู่ดี ๆ จะไปให้เขาสอนการบ้านให้ได้ไง ๑-*-๑
แต่ถ้าเกิดปล่อยเอาไว้อย่างนี้ การบ้านไม่เสร็จแน่ ฉานนนน +o+!
อิ๋วยังคงสื่อสารกับตัวเองอยู่ในใจ ก่อนที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้าย และเด็ดขาดที่สุด
ค่อยไปลอกเพื่อนเอาพรุ่งนี้ดีกว่า =_=! ( แป่ววว )
เช้าวันต่อมานี่เอง ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี นักเรียนพากันเดินเข้าโรงเรียน พร้อมกับสวัสดีคุณครูที่ยืนเป็นครูเวรประจำอยู่หน้าโรงเรียน เป็นโรงเรียนที่ใหญ่พอตัว และมีนักเรียนถึงสามพันกว่าคน เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น ม.1 ม.6 และเป็นโรงเรียนที่ค่อนข้างดัง สำหรับคนในพื้นที่นี้เองเหมือนกัน
บรรดานักเรียนต่างเดินเข้ามาในรั้วโรเรียน ต่างคนต่างมีจุดหมายของตนที่ต้องทำ บ้างก็เดินไปเดินมาคุยกับเพื่อน บ้างก็นั่งคุยเล่นอยู่กับเพื่อน ๆ เพื่อรอเข้าแถวเคารพธงชาติ บ้างก็เล่นฟุตบอลที่สนามกันแต่เช้า บ้างก็นั่งทานข้าวกันอยู่ในโรงอาหาร บ้างก็ยังคงทยอยเดินเข้ามาโรงเรียน บ้างก็นั่งลอกการบ้านอย่างรีบเร่งเพราะกลัวออดก่อน ( =[]=* แล้วทามมายละย้า : อิ๋ว )
ที่ปากทางเข้าของโรงเรียน บิวจับสายสะพายกระเป๋าเป้สีดำตัวเก่งของเขาทั้ง 2 ข้างเพราะความเคยชิน เดินทอดน่องมาโรงเรียนอย่างสบายใจเฉิบ เขาเดินมาจนถึงปากทางเข้าโรงเรียน
“หวัดดีครับ ครูเปลือง” ^v^ บิวเดินเข้ามายกมือใหว้ ทักทายอาจารย์เวรหน้าประตูทางเข้าอย่างอารมณ์ดี
“นี่ !! ต้องพูดว่าสวัสดีครับสิ เธอนี่ ทำภาษาไทยวิบัติกันหมด ไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด และชื่อฉันนะ ชื่อพันเรื่อง ไม่ใช่เปลือง แหมเธอนี่ สอนไม่รู้จักจำทำไมถึงได้ดื้อด้าน...”
ในขณะที่คุณครูเปลืองของ บิว กำลังเทศนาบิวอยู่อย่างกำลังเมามันปากและไม่มีทีท่าจะแวะพักชมโฆษณาเลย
“คร้าบบ คร้าบ สวัสดีครับ คุณครูพันเรื่อง ! อิอิ”บิว กวนคุณครูที่แสนสนิทก่อนจยิ้มให้อย่างสดใสและเดินเข้าไปในโรงเรียน
บิวเดินผ่านสนามไปก็มองสอดส่องไป ที่สนามไม่มีไอ้พวก 4 กุมารอยู่เลย แสดงว่า พวกมันต้องไปนั่งลอกการบ้านกันอยู่ที่ ใต้ต้น ไทรที่หลังโรงเรียนที่ประจำแน่ ๆ เมื่อบิวนึกถึงที่ประจำของกลุ่มที่จะต้องไปอย่างประจำ สมองก็สั่งการณ์ลงไปที่ขาให้เดินไปตามทิศทางที่ถูกเม็มเมอรี่ไว้อย่างอัตโนมัติ
เมื่อมาถึง บิวคาดการณ์ไว้ไม่ผิด ท็อป แบงค์ และน็อท ทั้ง 3 คนนั่งลอกการบ้านที่มาจากต้นฉบับเล่มเดียวกัน ก็คือของต้อม เด็กแว่น ผมสั้นเกรียน ตัวเล็กรีบแห้งเมื่อเทียบกับชุดนักเรียนที่ต้อมใส่อยู่ดูออกจะหลวมโคร่งไปถนัดตา เมื่อดูจากกล้ามเนื้อแล้ว เหมือนน้องพี่อ้างยังไงอย่างงั้น ( ฉากแรกของตู มันบรรยายซะ -“- : ต้อม ) และเป็นผู้ได้ชื่อว่าเรียนเก่งที่สุดของกลุ่ม ( งืม ๆ พออภัย : ต้อม ) กำลังนั่งดูดนมเย็นสีเขียวที่ใกล้จะหมดเต็มทีบนโต๊ะที่พวกกลุ่มนี้ลอกการบ้านอยู่นั้นเอง
ขณะที่บิวกำลังเดินตรงปี่เข้าไปที่กลุ่มของเขา พอดีกับจังหวะที่ 1 ใน 3 คนนั้น กำลังเงยหน้าสะบัดคอเพราะความเมื่อยนี่เอง ก็เห็นบิวเดินเข้ามาพอดี
โดยนายคนนี้ที่ลักษณะท่าทางดูภูมิฐานหน่อย หน้าตาคมเข้ม แต่สีผิวไม่ถึงกับดำ และผมยาวเพราะได้ขออนุญาตกับทางโรงเรียนให้ไว้ผม ไปประกวดเดินแบบเพื่อสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนถึงว่าจะตกรอบไปนานแล้ว แต่ก็ยังคงไว้ผมยาวและอ้างกับทางฝ่ายปกครองได้อยู่ตลอด นั่นก็คือ ท็อปนั่นเอง
“อ่าวเฮ้ย พระเอก ! เอ๊ย!! ไอ้บิวมาแล้วเว้ย ไปเอาการบ้านมันมาลอกดิ จะได้ไม่ต้องมาแย่งกันลอกเป็นหมารุมแย่งข้าววัดกันอย่างนี้”ท็อปตะโกนสั่งเพื่อนที่นั่งรุมลอกอยู่ข้าง ๆ
“ไหน !! ไอ้บิวมาแล้วเหรอ ! =..= ”อีกคนหนึ่งที่พูดร้องขึ้นมา ก็คือแบงค์นั่นเอง ด้วยตัวที่ไม่ค่อยจะสูงมากนัก ตัวก็ไม่ใหญ่ แต่ไม่ถึงกับผอมแห้งอย่างกับต้อม ( เออ!! ไม่เป็นบ้างให้มันรู้ไป : ต้อม) และด้วยทรงผมที่สั้นเกรียน แต่เว้นไว้แค่ ให้ตรงกลางหัว ตั้งตรงเด่ขึ้นไป ชวนให้นึกถึง พี่แบงค์วงแคลช ในอัลบัมก่อนหน้านี้ได้ เป็นทรงผมที่เจ้าคิดว่าแนวแล้ว และดูท่าจะค่อนข้างภูมิใจมากว่าสามารถดึงดูดสายตาของสาว ๆ ที่เดินผ่านเขาได้
ส่วนไอ้ตรงกลางที่ตั้งเด่อยู่ก็กำลังสั่นไหว เพราะแรงกระเทือนมาจากร่างกายของเจ้าแบงค์ ที่รีบวิ่งตรงดิ่งอ้อมไปด้านหลังบิว และเปิดดึงซิบกระเป๋าบิวกระชากออกอย่างรวดเร็วพร้อมควานหาสมุดการบ้านภาษาอังกฤษอย่างตั้งอกตั้งใจ บิวได้แค่โยกตัว โย้ไปเย้มาเพราะแรงสะเทิอนที่ไอ้แบงค์มันล้วงกระเป๋าจากด้านหลัง พลันมองไปที่อีกคนหนึ่งบนโต๊ะที่กำลังก้มหน้าตี๋ ๆ ตาตี่ ๆ ลอกการบ้านของต้อมอย่างไม่สนใจใครจะทำไม อะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ฟ้าจะถล่ม ดินจะทะลาย ใครจะฆ่ากัน ตรงไหน ข้าไม่สนใจ ขอเพียงแค่ พวกแกไปไหน บอกข้าด้วยนะ ข้าตามไปด้วย
“อยู่ไหนของแกวะ ไอ้บิว อ๋อ !!เจอแล้วเว้ย”แบงค์หยิบสมุดการบ้านของแบงค์ขึ้นมาดูก่อนจะรีบวิ่งด้วยความเร็วสูงไปที่ หน้าโรงอาหารทันที “ไปแล้วโว้ย !!โชคดี” บิวได้แต่มองตาม ด้วยอาการปลงตกว่า นี่เหรอ เพื่อนเรา มันยัดเงินให้ ผอ.โรงเรียนไปกี่แสนกัน มันถึงได้พาสมองกลวง ๆ โล่ง ๆ จนน่าจะเปิดร้านก็วยเตี๋ยวเรือได้ มุงหลังคาไปด้วยผมตรงกลางที่ตั้งเด่มาจนถึง ม.6 ได้
“อ่าวเฮ้ยอะไรวะ !? ไอ้แบงค์ ! ไอ้ซัลเฟต !! เอาไปลอกเนียนคนเดียวเลย”ท็อปตะโกนด่าโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้คำแปลไล่หลังระยะกระชั้นชิดแบงค์จอมเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มหน้าลอกการบ้านของต้อมวิชาสังคมต่อ พร้อมกับน็อท ผู้ที่หน้าตาไร้ซึ่งความรู้สึกตลอดเวลา ( ........ : น็อท )
บิวเดินเข้าไปหาต้อมที่กำลังใช้หลอดเขี่ย ๆ น้ำแข็งเข้าปากอยู่
“เฮ้ยไอ้ต้อม อังกฤษแกทำเสร็จยังวะ”บิวเดินเข้ามาถามคนที่เรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม พลางก้มดู ท็อปกับน็อทแย่งกันเปิดไปเปิดมา ลอกการบ้านวิชาสังคม เพราะลอกกันคนละหน้าแต่เล่มเดียวกัน
“เออ เสร็จแล้ว สังคมแกก็เสร็จแล้วใช่ไหม”ต้อมวางแก้วก่อน เอามือเช็ดปาก
“แหม แกอย่าลืมดิ ข้าขยันทำการบ้านที่สุดในกลุ่มนะเว้ย !”บิว ยึดอกแผงอกขึ้นเงยหน้าเหมือนจะ ปฎิญาณกฎของลูกเสือ
“แต่ก็เรียนเก่ง เป็นรองแค่ข้าคนเดียวว่ะ !555+”ต้อมหัวเราะเยาะ พลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ สร้างพลังแห่งความฉุนเฉียวพลุ่งพล่านให้กับบิวได้เป็นอย่างดี
“เออ พ่อคนเก่ง ! เดี๋ยวมานะ ไปหาไรกินมั่ง”บิวจิ้มไปที่หน้าผากต้อม จนกระเด็นเกือบตกโต๊ะแม้จะไม่แรงมาก แต่เพราะตัวบิวกับต้อมผิดกันเยอะ ก่อนจะเดินตรงไปที่โรงอาหาร
ภายในโรงอาหารคนเยอะแยะเต็มไปหมด ตั้งแต่ม.1 ม.6 เมื่อบิวเดินออกมาจากร้านขายน้ำ ก็ได้ชาเย็นมากินหนึ่งแก้ว จึงเดินดูด ฉึบ ๆ อย่างสบายใจ โดยตั้งใจจะออกจากโรงอาหารเพื่อมุ่งหน้าไปยังกลุ่มพวก 3 ก๊กนั่งอยู่
ขณะนั้นเอง ที่บิวกำลังเดินออกมาจากประตูโรงอาหาร เขาก็เหลือไปเห็นที่โต๊ะเขียนหนังสือที่จัดวางอยู่เรียงรายประมาณ 10 กว่าโต๊ะได้อยู่หน้าโรงอาหาร มีที่นั่งโต๊ะละ 4 คน บางโต๊ะก็มีคน บางโต๊ะก็ไม่มีคนนั่ง ที่โต๊ะหนึ่งไม่ไกลจากจุดที่เขายืนนัก ก็เห็นแบงค์นั่งก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านของเขาอยู่ ด้วยอาการขยับข้อมือจรดปากกาเขียนลงบนสมุดอย่างรวดเร็ว บิวจึงตั้งใจมุ่งหน้าไปดูอากรแบงค์หน่อย ไม่รู้ว่ามันทำถึงไหนแล้ว
แต่เมื่อบิวเดินเข้าไปใกล้แบงค์นั่นเอง ที่โต๊ะใกล้ๆ กันนั้น มีอีกโต๊ะหนึ่ง ที่ถัดออกไปสามโต๊ะ มีนักเรียนหญิงระดับชั้น ม.6 ทีเขารู้จักดีนั่งอยู่ 2 คน ก็คืออิ๋วที่นั่งอยู่นั่นเองใส่เสื้อหนาวแขนยาวมสีเทา ลายกระต่ายสีแดงอยู่ตรงหน้าอก เพราะอากาศค่อนข้างเย็นในตอนเช้า ส่วนอีก 2 ที่นั่งว่างไว้อยู่
ทั้งคู่นั่งหันหน้าออกมาทิศทางที่มองมาที่เขาพอดี บนโต๊ะเต็มไปด้วยสมุด แก้วน้ำชาเย็นที่เหลือประมาณครึ่งแก้ว วางไว้ทางฝั่งอิ๋วด้านขวา และจานข้าวที่เหลือเพียงแค่เศษ ๆ ข้าวนิด ๆ พร้อมช้อมส้อม ที่วางอยู่ทางฝั่งของอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่วนอีกคนก็คือ อั๋น สาวหน้าหวาน ผมยาวสลวยประมาณถึงหลัง มัดผมด้วยโบว์สีกรมท่า ผิวเหลือง ร่างกายสมส่วนสำหรับผู้หญิง ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ หุ่นดีเอาการ >///< ผูกผ้าพันคอสีแดงสด เป็นเพื่อนสนิทของยายอิ๋ว ที่อยู่กันคนละห้องกับเขาและอิ๋วอีกที กำลังนั่งเอาหน้าใส ๆ ดูมีน้ำมีนวลเพราะแป้งอ่อน ๆ ปากแดงนิด ๆ ส่องผ่านกระจก เหมือนจะหาอะไรที่ไม่พิศมัยและพร้อมที่จะจัดการออกไปจากหน้าที่สวยสดของเธอทุกเมื่อ บิวเห็นดงนั้น ก็คิดอยู่นาน ยายอิ๋วนี่นา เอาไงดี เข้าไปทัก ตามประสาเพื่อน เหมือนเดิมละกัน ก่อนสมองจะสั่งการณ์ให้เท้านำพาตัวบิวเดินเข้าไปหาเพื่อนสนิท สมัยเด็กของเขาที่เมื่อดูท่าทางจากสถานการณ์แล้ว อิ๋วกำลังลอกการบ้านอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แน่ ๆ
“อ่าวไอ้บิว ! มาพอดีเลย ตรงนี้อ่านลายมือแกไม่ออกว่ะ .....”แบงค์เงยหน้าขึ้นมาพอดีเจอเข้ากับบิวที่กำลังเดินตรงเข้าไปมือพร้อมกับ จะรับแก้วชาเย็นจากมือบิวมากิน แต่แล้ว มือก็ถูกยกขึ้นมาเก้อ เมื่อบิวเดินผ่านแบงค์ไปอย่างหน้าตาเฉย แบงค์อ้าอปากค้างก่อนมองตาม ที่ในสายตาบิวตอนนี้ ไม่มีไอ้นี้แม้แต่จะเป็นตัวประกอบในจอรับภาพของเขาเลย
บิวเดินมาหยุดอยู่ที่ข้าง ๆ อิ๋วที่กำลังลอกการบ้านอยู่อย่างหน้าตาเคร่งเครียดสุด ๆ ปานว่ากำลังทดลองอะไรสักอย่างทางวิทยาศาสตร์อยู่ ผิดกับอารมณ์ของอั๋นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่กำลังนั่งกรีดกายดูกระจกทำหน้าตาไม่รู้ร้อน ของเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอเลย
“นี่ ยายอั๋น ! ถ้าแกว่างมากพอ ฉันว่าเอาเวลา ที่แกกำลังหาเห็บให้กระจก มาทำการบ้านเลขให้ฉันดีกว่านะ แกเองก็เรียนอยู่สายวิทย์ น่าจะเข้าใจได้ถ่องแท้กว่า ! นี่ถ้าฉันไม่มาโรงเรียนเร็วกว่านี้ก็ไม่รู้หรอกเนี่ย ว่ายังมีการบ้านสังคมอยู่อีก รู้งี้ ทำสังคมตั้งแต่เมื่อคืนดีกว่า”อิ๋วพูดประชด ขณะที่สมาธิเธอยังคงไม่หลุดออกจากสมุดการบ้านสังคมที่เธอกำลังทำอยู่เพราะเพิ่งรู้เมื่อเช้า
“แหมแกก็พูดตลก หยังกะสายวิทย์ อังกฤษของแก มันจะเป็นวิชาลูกเมียน้อย ที่สอนให้เด็กสายวิทย์ดีกว่าอย่างงั้นแหละ ก็สอนเหมือน ๆ กันแหละ เพียงแต่ฉันก็โง่ พอ ๆ กับแกแหละ ฉะนั้นเรื่องคณิตอย่างมาหวัง ถ้าสังคมที่แกทำอยู่นะพอช่วยได้นะ แล้วแกก็ค่อยทำคณิตเอา เอาไม้ ๆ ?” อั๋นยังคงกรีดกรายดูกระจกไม่หยุด
ToT ดูมัน ๆ พูด หืม !! ไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิท กับเกรงใจอาจารย์วิชาสังคมละก็ จะฉีกสมุดวิชาสังคม ให้ละเอียดแล้วจับยัดปากให้มันตาเหลือกสำลักจนพ่นออกเป็นหิมะกระดาษที่ผีเจาะมาให้พูดอะไรไม่สร้างสรรค์เสีย ถึงแม้ว่ามันจะหวังดีอยากจะช่วยทำก็ นี่ถ้าฉัน ทำคณิตได้ ฉันก็คงให้แกช่วยทำสังคมให้ฉันแทนแล้วละ ไม่มานั่งปั่นวิชาสงคมให้หัวฟูเล่นโดยที่ไม่ต้องเข้าร้านดัดหยิกเป็นลอนหรอก ( เดี๋ยวคนอ่านเข้าใจผิดว่าฉันหัวหยิกนะแก ฮืมม \\‘-*-‘//: อิ๋ว )
( ครับ อิ๋วเป็นคนผนตรงนะคร้าบบบ ^-^! แม่งดุจิง นางเอกเรื่องนี้)
ในขณะนั้นเอง บิวก็เดินเข้าไปพอดีที่ตรงโต๊ะนั้น ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พลาง วางแก้วชาเย็นที่เพิ่งซื้อมาวางใว้บนโต๊ะของอิ๋ว
“หวัดดีอั๋น หวัดดีอิ๋ว ทำอะไรกันอยู่เหรอ”บิวยิ้มแย้มเข้าไปทัก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเธอทำอะไรกันอยู่แต่ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าคำถามนี้ ตอนจะเข้าไปเปิดประโยคสนทนาทักทายคนที่ไม่ถึงกับสนิทสนมนัก
“ดีบิว ทาแป้งะนะ ทาด้วยกันไหม”อั๋นพูดขณะทาแป้งไปด้วย โดยที่ไม่ได้คิดว่าพูดอะไรออกไป
“ก็ทำการบ้านนะสิ นี่แกเห็นฉันนั่งซักผ้าหรือไง ทำไมเวลาถามอะไร....”ไม่ทันที่อิ๋วจะพูดจบก็มองขึ้นไป O{}O! แกะหายแล้ว อิ๋วลืมตัวจนหลุดอะไรออกไปเยอะ พลางมองใบหน้าบิว ที่เหวอเล็กน้อยอ้าปากค้าง ( แหม ๆ แกะหาย คิดได้ไง -..-) เพราะเธอนึกว่าเพื่อนผู้ชายในห้องเพราะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำ
“อ๋อ เรากำลังทำการบ้านอยู่นะบิว”อิ๋วตอบกลับไปอย่างมีมารยาท ถึงแม้ในใจจะคิด -*- ทอดไข่ดาวอยู่มั้งคะ พลางหยิบแก้วชาเย็นขึ้นมาดูด เพื่อลดอาการตึงเครียดกึ่งตื่นเต้น
“นี่อิ๋ว”
“หืม”อิ๋ววางแก้วชาเย็นลงบนโต๊ะพลางทำตาโต ( เท่าที่จะทำได้ ) มองไปที่บิว ต้นตอของเสียงพร้อมทำปากอมน้ำชาเย็นที่เพิ่งกินเข้าไปหยก ๆ
“นั่นมันชาเย็นแก้วเรานะ”บิวยิ้ม ๆ ตอบ พลางคิดในใจ อุ๊ย ๆ กินแก้วเราด้วย ถ้าอย่างนั้น ปาก ก็ >///<
อิ๋วกลืนลงไปทันที รู้สึกใจโหวง ๆ เพราะความอายที่เห็นว่าแก้วชาเย็นของตัวเองอยู่ด้านขวา แต่ดันไปกินแก้วของบิวที่อยู่ด้านซ้าย จึงทำอะไรไม่ถูก >///< ตอบกลับไปว่า
“เหรอ งั้นโทษที เดี๋ยวเราปลี่ยนหลอดให้นะ *_*! ”อิ๋วทำหน้าสำนึกผิดก่อนจะหยิบหลอดของบิวที่ตัวเองเพิ่งดูดไป ไปใส่ในแก้วของตน และเอาหลอดในแก้วของตนไปใส่ในแก้วของบิว อั๋นถึงกับตบหน้าผากตัวเองในความโง่ของเพื่อน >_<! ก่อนบิวจะหัวเราะแล้วว่า
“ถ้าทำอย่างนั้นมันก็ยิ่งไปกันใหญ่นะสิ ได้กินน้ำลายของอิ๋วเต็ม ๆ เลย”บิวพูดพลางส่ายหัวและหัวเราะไปพูดไป
“เออ นั่นดิเนอะ” ๑-*-๑ ด้วยความอายอิ๋วเปลี่ยนหลอดกลับเหมือนเดิม พร้อมนั่งดูดน้ำของตัวเองไปอย่างเงียบๆ หมดแล้วฉัน หมดสิ้นทุกสิ่งทกอย่าง ทำไมฉันต้องทำอะไรโง่ ๆ เปิ่น ๆ ออกไปขนาดนี้ด้วยเนี่ย T^T และก้มทำการบ้านต่อ
บิวมองดูการบ้านที่อิ๋วทำอยู่ ด้วยความรู้ที่ตนพอมีก็พอจะรู้ว่า อิ๋วกำลังทำการบ้านวิชาสังคมอยู่ ในขณะที่อิ๋วทำการบ้านอยู่ ในใจก็คิดแต่เรื่องเหตุการณ์เมื่อกี้ พลางเหล่ตาไปที่บิวที่ยืนอยู่ข้างๆ อยู่ตลอด อาจเพราะไม่ค่อยชินที่มีผู้ชายมายืนอยู่ข้าง ๆ อย่างนี้ จึงรู้สึกอะไรบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก จนทำให้รู้สึกประหม่าขึ้นมาได้
“จะนั่งก่อนก็ได้นะ ?”ด้วยความประหม่าของอิ๋วก็พูดออกมาเหมือนไม่มีเยื่อใย
บิวจึงลงเขานั่งที่ฝั่งตรงข้ามของอิ๋ว ยิ่งทำให้อิ๋วตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก อยู่ดี ๆ คำพูดของม้าก็ผุดขึ้นมาหัวอย่างไม่ได้รับเชิญว่า บิวน่าจะเป็นเนื้อคู่กับอิ๋ว นี่มันอะไรกันเนี่ย โอย อยู่ดี ๆ ก็คิดขึ้นได้ไง และต้องเป็นประโยคนี้ด้วย ออกไป!! >///<
บิวเองก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่น้อยไปกว่าอิ๋วที่ได้มานั่งอยู่ใกล้ที่สุดในรอบ 3 ปีกันเลยทีเดียว จึงเกิดอาการประหม่าขึ้นมาบ้าง >///< บิวไม่มีอะไรทำ จึงไปหยิบเข้ากับ สมุดของอิ๋วที่วางอยู่ใกล้ ๆ กับสมุดที่เธอทำการบ้านอยู่ และเอาขึ้นมาอ่าน อิ๋วชะงักนิดหนึ่งก่อนมองตาม ว่าบิวจะทำอะไร ก่อนจะก้มหน้าลงมาทำการบ้านต่อ
นางสาววีรนุช สหภพโชคสุข บิวอ่านชื่อของอิ๋วในใจที่ค่อนค้างคุ้นตา ว่าเคยได้ยินชื่อนี้ เมื่อนานมาแล้ว แต่ที่รู้สึกเปลี่ยนไปก็ตรงที่คำนำหน้า จากเด็กหญิง ที่เขาเคยอ่าน กลายมาเป็นนางสาวไปเสียแล้ว ก่อนที่เขาจะปิดสมุดนั้นดูผ่าน ๆ ไม่ได้ดูเนื้อหาอะไรข้างใน และเอี้ยวสมุดเล่มนั้นไปทางซ้ายเพื่อแอบมองลอดมาที่อิ๋ว ถึงเป็นผู้หญิงที่ผมสั้น แต่ผมหน้าก็ยาวลงมาปิดหน้าทั้ง 2 ข้าง เพราะไม่มีที่คาดผม ให้เห็นตรงกลางระหว่างปอยผมที่ลงมาปิดเป็นหน้าขาว ๆ ปากแดงๆ เล็ก ๆ ของอิ๋วที่กำลังก้มหน้าจดจ่ออยู่กับการบ้าน ทำให้เขานึกย้อมกลับไปถึงสมัยวัยเด็ก ถึงเด็กหญิงวีรนุช ที่ตัวสูงกว่าเขา ออกจะไปทางแก่นแก้ว จนทำให้เขาอดนึกไม่ได้ว่า โตขึ้นยายอิ๋วต้องเป็นทอมแน่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงอยู่เหมือนเดิมแต่อาจจะดูห้าวขึ้นตามนิสัยดั่งเดิม
อิ๋วทำการบ้านอยู่ พอได้ยินเสียง หุหุ อยู่ในลำคอลอดออกมา เธอจึงค่อย ๆ เหล่สายตาขึ้นไปดู ก็เห็นสมุดปิดหน้าบิวอยู่จนมองหน้าบิวไม่เห็น
“นายขำอะไรนะ เอามานี่เลย !! -_-*” อิ๋วพลางอารมณ์เสียหยิบสมุดกลับคืนเพราะคิดว่าบิวหัวเราะลายมือของเธอที่มันไม่สวย ก็ไม่สวยจริง ๆ อะ อิ๋วเป็นคนลายมือไม่สวย
“เปล่านะ แค่รู้สึกว่า เธอก็โตขึ้นมาเป็นนางสาวอย่างผู้หญิงคนหนึ่งแล้วนะ”ไม่รู้อะไรทำให้ฉันพูดออกไปแบบนั้น บิวพลางคิดในใจ >///< ก่อนจะมารู้สึกตัวอีกที โอย อายวะ แทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี
“อ่าว !! ก็ ใช่สิ จะให้ฉันใช้นายนำหน้าเหมือนนายหรือไงละ”อิ๋วยิ้ม ด้วยความขาวของหน้า ทำให้มองเห็นสีแดง ๆ ขึ้นมาบนหน้าอย่างชัดเจน
“อืมใช่ นี่วิชาคณิตเหรอ”บิวหยิบสมุดอิ๋ว จากมือมาดูใหม่อีก และเปิดดู
เมื่อพูดถึงสมุดเลข O()O ใช่แล้ว เรายังทำไม่เสร็จนี่หน่า จะเอาไงดีละ หมอนี่ก็เก่งเลขซะด้วย จะบอกให้หมอนี่ช่วยสอนดีไหมน้า เหอะ ๆ ไม่ไหวอะ ไม่กล้าอะ แต่เอะ ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่บอกไปว่าสอนทำเลขหน่อย เพื่อนกัน ไม่คิดอะไรหรอก บอกสิ บอกเลย >_<!
ในขณะที่อิ๋วยังคงสื่อสารกับตัวเองอยู่พลางทำการบ้านสังคมไปพลาง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหาข้อสรุปได้อยู่นั่นเอง
“นี่ยังเหลืออยู่เลยนี่หน่า ยังทำไม่เสร็จนี่”บิวเปิดสมุดอิ๋วไปมา ดูหลาย ๆ หน้าว่าเหลืออีกกี่หน้าที่ยังไม่ได้ทำอีก
ToT ก็ช่ายนะสี่ค้า คุณบิว ยากมากด้วยอะ อิฉันไม่สามารถหรอกค่า ช่วยกรุณาถามกลับมาสักนิดเถอะนะคะ ว่าให้ช่วยสอนไหม นะคะ ได้โปรด พีซ ๆ ๆ อิ๋วเกร็งกำลังข้อมือที่กำลังลอกวิชาสังคมอยู่ อย่างลุ้นกับคำตอบที่อยากได้ยินสุด ๆ พลางส่งกระแสจิตตลอดเวลาเพื่อนเป็นตัวเร่งให้ได้ผลยิ่งขึ้น ( คิดว่านะ )
“ดูท่าทางอิ๋วจะทำไม่ได้ด้วย เราก็ว่จะสอนอิ๋วทำนะ และดูจากเวลาแล้วเราคงสอนอิ๋วไม่ทันแล้วละ”บิวเปิดไปเปิดมาก่อนวางสมุดของอิ๋วลงกับโต๊ะ และมองมาที่อิ๋วที่ฝั่งตรงกันข้าม
“อืม ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”T[]T แงง อ้ายบร้าา และฉันจะทำไงละเนี่ย ฮือๆ งืม ๆ ไม่เป็นไร ๆ ปล่อยให้ฉันตาย ลงอยู่ กองสมุดการบ้าน ตรงนี้ ขอบใจละกันที่เป็นห่วง แต่นายนี่พึ่งไม่ได้จริง ๆ
“ขอโทษทีนะอิ๋ว”บิวทำสายตา เว้าวอนเหมือนว่าจะขอโทษอิ๋วว่าได้ทำผิดอย่างมหันต์
“โอยไม่เป็นไร หรอก เดี๋ยวค่อยส่งวันหลังก็ได้”แง ๆ ตายแน่ ๆ ตูโดนหักจิตพิสัยยับแน่
“เห็นที บิวคงต้องทำให้อิ๋วแล้วละ ขอโทษนะที่มันดูเหมือนเป็นการทำร้ายอิ๋วทางอ้อม ที่ไม่ได้สอนให้ทำ แต่กลับมาทำให้อย่างนี้ แต่เมื่อดูเวลาแล้วเราทำให้น่าจะเร็วกว่า จะได้ส่งการบ้านได้ทัน”บิวรู้สึกเป็นห่วงอิ๋ว กลัวว่าจะส่งการบ้านคณิตศาสตร์ไม่ทัน จนต้องตัดสินใจทำการบ้านให้ พลางดึงกระเป๋าเป้ที่สะพายติดหลังอยู่ออกมาหยิบอุปกรณ์เครื่องเขียน ในใจก็คิด -*- ยายอิ๋ว จะหาว่าเราไปดูถูกเขาเปล่าหว่า ที่ไปทำการบ้านให้ ยายนี่ยิ่งหยิ่งในศักดิ์ศรีอยู่ด้วย แต่ทำไงได้อะ มันดูท่าจะไม่ทันแล้วนี่ ความจริงไม่ใช่ไรหรอก ก็แค่อยากทำให้ เขาจะได้เห็นลายมือเราลงในสมุดการบ้านเขาอ่า จะได้นึกถึงเราที่ได้เปิดมาเห็นอ่า >///<
“เหรอ ไม่เป็นไร รบกวนด้วยนะ”อิ๋วยิ้มให้บิว อย่างจริงใจผ่านตาใส ๆ ให้บิว โอ พ่อพระของฉานนน ใจหายหมด
บิวมองหน้าอิ๋วที่กำลังยิ้มให้เขาอย่างหยุดนิ่ง ก่อนอิ๋วจะหยุดและถาม
“อะไรเหรอ” อิ๋วเลิกยิ้มทันที ถามกลับด้วยความสงสัย ประมาณว่าปวดท้องหรือเปล่า
. “อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร”บิวหยิบปากกาก้มหน้าก้มตาทำให้อิ๋ว
ใช่แล้ว มีอีกสิ่งหนึ่ง ที่ไม่มีวันลืม ไม่ว่าจะตอนเป็นเด็ก หรือโตมาเป็นนางสาว นั่นก็คือ รอยยิ่มของเธอ ที่ไม่ว่าจะนานเท่าไร อิ๋วก็เป็นคนยิ้มสวยอย่างไม่เสื่อมคลาย บิวนั่งยิ้มทำการบ้านของอิ๋ว ด้วยใจที่ตุ้ม ๆ ต้อม ๆ เมื่อมือได้สัมผัสกับ สมุดการบ้านของอิ๋ว
เช่นเดียวกับอิ๋ว ที่นั่งทำการบ้านอยู่ ก็แอบเหล่ขึ้นมาที่บิวก่อนแวบหนึ่ง ทำให้อดตื่นเต้นไม่ได้ ว่านี้เป็นครั้งแรก ในรอบ 3 ปี ที่ได้มานั่งใกล้กับบิวขนาดนี้ ทำให้รู้สึกถึงความเป็นผู้ชายของบิว ด้วยในวัยเด็กนั้น เธอตัวสูงกว่าบิว แต่จนกระทั้งปัจจุบันนี้บิวโตขึ้นไหล่กว้าง ทั้งสูงกว่า และตัวใหญ่กว่า ดูสมส่วน ตามประสาผู้ชายทั่วไป
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้มาคุยกันแบบนี้นานมากแล้ว แต่จากการสนทนาของทั้งคู่ จะสังเกตได้ว่า ยังคงมีความผูกพันกันอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คุยกันมานานมาแล้วก็ตาม
เวลาผ่านไปสักชั่วครู่ระยะหนึ่ง ที่ต่างคนกำลังต่างทำการบ้านอยู่ ถึงแม้ว่าบิวจะไม่ได้ทำการบ้านของตนเอง ทำด้วยความเต็มใจ จนกระทั่ง
“อะ !! เสร็จแล้วนะ”บิวยื่นสมุดเลขให้อิ๋วด้วยรอยยิ้มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อืม ! เราก็เสร็จวิชาสังคมพอดีเหมือนกัน”อิ๋วพูดก่อนแผ่หลังพิงไปกับพำนักแล้งกางแขนออกด้วยความเมื่อยพลางถอดหายใจ และหลับตาเงยหน้าขึ้นฟ้า
ขณะนั่งแผ่หลากางแขนออกนั่นเอง เสื้อกันหนาวของอิ๋วก็ลงมากดทับเสื้อนักเรียนจนลงมาแนบกับหน้าอกอย่างพอดี เพราะงยหน้าอยู่ ถึงแม้ว่าจะใส่เสื้ออยู่หลายชั้น ก็ทำให้บิวเห็นเนินหน้าอกเข้าพอดีอย่างเห็นได้ชัด O[]O เฮือก !! แต่ด้วยความเป็นลูกผู้ชายพอ ( มั้ง >///< ) จึงหันหน้าไปทางอื่น ก่อนจะพึมพำในใจ อืม อิ๋วโตเป็นสาวแล้วจริง ๆ =,.=
“นี่เธอ ! ไปเข้าแถวกันได้แล้ว”อั๋นเดินหน้าใส มาจากห้องน้ำตัวปลิว ( แหมแก ลืมฉันก็บอกมาเหอะ : อั๋น )
ทั้ง 3 จัดแจงเก็บของใส่ประเป๋า โดยตอนนี้ไม่เห็นแบงค์แล้วเมื่อบิวมองหาพลางนึก คงทำเสร็จแล้วและเดินออกไปหาพวก 4 กุมารตอนเรานั่งทำการบ้านให้อิ๋วละมั้ง ( อย่ามา ๆ ลืมตูอีกคนนะสิ : แบงค์ ) และรีบเดินออกไปที่สนามเพื่อไปเข้าแถวเคารพธงชาติ อั๋นเดินคุยอยู่กับอิ๋ว โดยมีบิวเดินตามอยู่ข้างหลังพลางดูดชาเย็น ที่ถึงแม้น้ำแข็งจะละลายแล้ว แต่ก็บิวก็ยังเอามาดูดอยู่ ( ก็เพราะหลอดเนี่ยแหละ ^w^: บิว )
ก่อนอิ๋วจะบ๊ายบายกับอั๋น เพราะอยู่กันคนละห้องเพื่อไปเข้าแถว
“ตอนพักกลางวันใครเลิกก่อน ไปรอที่ห้องคนนั้นนะ !”อิ๋วโบกมือน้อย หยอย ๆ ให้เพื่อนรัก ก่อนทิ้งท่ายเป็นคำฟังง่าย ๆ ว่า พักกลางวันเจอกัน ก่อนจะหันมาที่บิว
“บิวเดี๋ยวเราจะไปเข้าแถวก่อนนะ”อิ๋วหันมาโบกมือน้อย หยอย ๆ อีกครั้ง
“อืมได้ ๆ”บิวกำลังจะเดินไปแต่ชะงัก เหมือนลืมอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันมาหาอิ๋ว “อิ๋ว !!เดี๋ยวก่อน”บิวหันไปชะเง้อคอเรียกขณะอิ๋วกำลังจะเดินลับไป
“อะหะ ว่า?”อิ๋วหันมาถาม
“มานี่หน่อยดิ”บิวกวักมือเรียก หยอย ๆ ทำให้อิ๋ว หน้าเปลี่ยนสี ต้องถ่อเดินกลับมาอีก
“อืม ว่าไง ?”อิ๋วเงยหน้าส่งสายตาแป๋ว ๆ เพราะตัวเล็กกว่า จ้องที่ตาของบิว
“อีกไม่นานจะสอบกลางภาคแล้วนะ”บิวเริ่มเปิดประเด็น ในใจนึก อิอิ ทำเลขไม่ได้เลยแบบนี้ แกล้งเนียนไปสอนให้ดีกว่า จะได้ทำข้อสอบได้ไม่ต้องเป็นห่วง ที่สำคัญ ได้อยู่ใกล้ ๆ ด้วย อิอิ
“อะหะแล้วไง ?”อิ๋วยังไม่เข้าใจจุดประสงค์พลางนึกในใจ ใกล้แล้วบ้านแกดิ เพิ่งเปิดเทอมกลางภาคมา 2 อาทิตย์ อีกตั้งเกือบเดือนครึ่งถึงจะสอบกลางภาค คิดว่าฉันไม่รู้หรือไง -*-
“แล้วจะทำได้ยังไงละ ทำไม่เป็นไม่ใช่เหรอ”บิวยิงคำถามสด ๆ เดี๋ยวนั้นเลย
“อ๋อ !! อืม นั่นดิ แต่คงอีกนานนะ เดี๋ยวเราก็อ่านหนังสือเอาอีกหน่อยก็คงได้แหละ”อิ๋วางแผนในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในยามจะสอบกลางภาค
“อ๋อเหรอ อืม ๆ ลองถามดูนะ ไม่ ก็เห็นอิ๋วทำไม่ได้เลยไง อืม ๆ พยายามเข้าละ ไปละ”บิวเดินไปพลางโบกมือบ๊ายบาย ในใจคิด T[]T อ๊ากกก !! อะไรของแกเนี่ย ไอ้บิว แกอยากจะติวให้เขา แล้วทำไมแกไม่ยื่นข้อเสนอไปเล่าว่าติวให้ไหม ไอ้บ้าเอ๊ย !! อายไม่เข้าเรื่อง
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ !? ว่าจะมีใครมาสอนให้เราหรือเราหรือเปล่า !!” O-O บิวชะงักเหมือนโดนสต๊าฟ+แช่แข็งทันที เมื่อได้ยินคำนี้ออกมาจากปากอิ๋ว อิ๋วพลางนึกในใจ โถ่เอ๊ย อยากมาสอน ทำไมไม่บอกเล่า ต้องให้พูดเปิดทางแบบนี้ ๑^-^๑
“งั้นให้เราไปสอนให้เปล่า ? ค่าสอนไม่แพงหรอก แค่ชั่วโมงละร้อยเองว่าไง ?”บิวดีใจ จนเล่มมุขฝืด ๆ ออกไป
“งั้นไม่ต้องเลย ไปเลยไม่เอาด้วยแล้ว !!”อิ๋วทำทีเป็นตอบรับมุขฝืด ๆ ของบิวกลับไป เพื่อไม่ให้เจ้าตัวเสียใจ ที่แป๊ก
“อะไร ! เราล้อเล่น ขอแค่ข้าวมันไก่วันละจานก็พอ อิอิ”บิวล้อเล่นต่อเพื่อกลบความเขิน
“ชิ ยังจะเอาอะไรให้ได้อีกนะ แล้วนายเหอะ ว่างหรือเปล่า ไม่ว่างก็ไม่ต้องก็ได้นะ”อิ๋ว เริ่มรำคาญ กับมุขไม่เป็นเรื่องของ บิว
“ไม่เป็นไร ว่าง ๆ ๆ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ 6 โมงเย็นเราไปสอนให้ที่บ้านเลยนะ”บิวร้อนใจ รีบเข้าเรื่องทันที
“เย็นนี้เลยเหรอ ออ อะได้ ๆ งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะ ไปเข้าแถวก่อน ไปแล้ว !”อิ๋วทำเป็นตกใจว่ารีบขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งที่ความจริงก็ชอบเหมือนกัน ที่เขาดูท่าทางเปฌนห่วงเราขนาดนี้ ก่อนจะโบกมือปะลก ๆ และรีบวิ่งไปเข้าแถว
บิวยิ้มส่ายหัว ยืนดูอิ๋ว หิ้วกระเป๋าหนัง วิ่งไปเข้าแถวจนลับตา ก่อนเขาจะเดินกลับมาที่แถว พลางดูดน้ำชาเย็นแก้วเดิมต่อ ที่ยังไม่หมดสักทีเพราะน้ำแข็งละลายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และพวก 4 กุมารก็เดินตามมาทันบิวที่กำลังจะเดินไปเข้าแถว
“ไปไหนมาว้ะ !! ไมเพิ่งมาเข้าแถว”แบงค์พูดทักบิวที่เดินมาพร้อมกับ ยื่นสมุดการบ้านที่ยืมไปลอกเมื่อเช้าคืน
“ก็นั่งทำการบ้านอยู่”บิวเดินพูดพลางงับหลอดไม่ปล่อย
“หา !!ทำการบ้าน ทำอะไรอีกวะ !? เออช่างมันเหอะ ไหนเอาน้ำมากินบ้างสิ”ท็อปบ่นงึมงำ ๆ ก่อนจะยื่นมือไปขอกิน ชา+เย็น+น้ำ ด้วย ก่อนบิวจะยื่นให้แต่แก้ว ไม่ได้ยื่นหลอดให้ด้วย
“อ้าวเห้ย !!ทำไมไม่ใส่หลอดมาด้วยละวะ แล้วจะกินยังไง ?-*- ”ท็อปบ่น ทำหน้างงจ้องไปที่แก้ว
“อยากกินก็ยกกินเอา ไม่ให้หลอดเว้ย 555+”บิวหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ก่อนคาบหลอดไว้อย่างนั้นไม่ให้ใครยุ่งเป็นอันขาด ใช่สิ ก็หลอดนี้ เมื่อสักครู่อิ๋วพลาดมาดูดไปนี่หน่า จะให้ปากใครมาทับรอยปากของอิ๋วไม่ได้ ต้องเป็นเขาคนเดียว บิวพูดไปพลางเดินไปที่ แถวด้วยตาปรือ ๆ ทำปากเผยอออกเหมือนกับกำลังเพ้ออะไรอยู่บางอย่าง สร้างความประหลาดใจให้กับเด็กนักเรียนที่บังเอิญอยู่แถวนั้น
“ม๊า !! เดี๋ยวววันนี้ค่ำ ๆ บิวจะมาติวหนังสือให้นะ”อิ๋วพูดบอกแม่ของตนเอง พลางลงไปนั่งเล่นกับลิตาร์แมวสุดที่รักของเธอ ในตอนเวลาราว ๆ สี่โมงครึ่งหลังจากที่เพิ่งกลับบ้านมาสักครู่
“เหรอ แล้วเจ้าบิวจะมาทานข้าวที่นี่หรือเปล่า ?”แม่ของอิ๋ว นั่งดูทีวีรายการลูกทุ่งอยู่ ตาก็จ้องดู แต่ปากก็ถามอิ๋วกลับมา
“แหมแม่ ! บ้านบิวมันอยู่แค่ เดิน 2 ก้าวก็ถึง มันก็คงกินมาจากบ้านมันมาก่อนแล้วแหละ กว่าจะมาก็ตั้ง 6 โมง”อิ๋วพูดขณะเดินไปล้างมือล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า หลังจากเล่นกับเจ้าลิตาร์
จนกระทั้ง ถึงเวลา 6 โมง ในห้องของบิว ที่กำลังเตรียมอุปกรณ์และหนังสือ สมุดไว้อย่างเรียบร้อย เพื่อจะนำไปติวให้กับอิ๋ว ก่อนจะรวบรวมกำลังใจ พลางนึก ทำไมเราต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วย ก็แค่เพื่อนกันสมัยเด็ก บางทีอาจเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เจอกันมานานนะมั้ง
เมื่อได้ที่บิวก็หยิบข้าวของอุปกรณ์และจะเดินลงมา แต่ผ่านกระจกก่อน จึงส่องดูตัวเองเพื่อความแน่ใจ วันนี้บิวใส่ เสื้อยืดสีขาว แถบแดงตัวเก่ง ที่เขาเอาไว้ใส่ไปเที่ยว และกางเกงผ้าร่มขาสั้นสีดำ จนมั่นใจว่าดูดีเหมาะสมกาลเทศะแล้ว ก่อนจะยิ้มให้กระจกหนึ่งทีและเดินลงบันไดฉึบ ๆ ผ่านพ่อเปรมและแม่บัวที่กำลังหัวเราะเพราะดูทีวี ไปที่บ้านของอิ๋ว
“ลุงก้วยหวัดดีค้าบ ป้านิ่มหวัดดีค้าบ”บิวเดินเข้ามาไหว้อย่างนอบน้อม โดยที่อิ๋วนั่งเล่นกับแมวอยู่ เมื่อเห็นอิ๋วทำให้เขาอดรู้สึกประหม่าไม่ได้
“จะหวัดดีกันทำไม วันละ 2 หนละลูก”แม่นิ่ม พูดแซวความประหม่าของบิว พลางเดินไปหยิบขนมมาวางไว้ทีโต๊ะ ก่อนบิวจะนึกขึ้นได้ว่า เมื่อเย็นก็หวัดดีไปแล้วนี่หว่า
“มาเหอะ ๆ มาเริ่ม ๆ กัน ค่ำ ๆ จะได้ดูละครต่อ”อิ๋วปี่เข้ามานั่งที่เก้าอี้ อิ๋วใส่เสื่อยืดสีน้ำเงินเข้มแขนยาวตัวหนา ๆ กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ๆ ที่ไม่สั้นมากจนดูน่าเกลียดแบบที่พวกชอบใส่ล่อตะเข้เขาใส่กัน ทำให้บิวอดนึกไม่ได้ว่า ถึงแม้อิ๋วจะแต่งตัวดูธรรมดาแต่ก็มีอะไรมาสะกิดให้รู้สึกว่าอิ๋วแต่งตัวน่ารัก >///<
“งั้นเดี๋ยวม๊าไปนอนก่อนนะ ปิดบ้านให้ดีละ อิ๋ว”แม่นิ่มเดินขึ้นบันไดบ้านขึ้นตามตาก้วยที่เพิ่งขึ้นไปนอนนำหน้าเมื่อไม่นาน
เมื่อแม่นิ่มเดินขึ้นชั้นสองไปแล้ว ก็เหลือแค่ อิ๋วกับบิวแค่สองคนอยู่ในบ้าน บิวจึงถาม
“แล้วเราไม่ขึนไปข้างบนบ้างเหรอ”บิวแกล้งพูด ก่อนจะโดนอิ๋วตบแขนเบา ๆ ถึงแม้บิว จะโดนตีแขน แต่ก็รู้สึกดี
“บ้า !! น่าเกลียด ขึ้นไปทำไมเล่า”อิ๋วสวนกลับ พลางหาวหวอด ๆ
“เอา ก็เขาขึ้นกันหมด เราก็ขึนบ้างไง ได้มีสมาธิ อิอิ”บิวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“นี่ !!”อิ๋วท้าวเอว ทำตาเขียวอั๊ดมองค้อมมาที่บิว คับคล้ายว่าบิวจะเป็นตะปูให้เธอตอกไปแล้ว
“โอ๋ ล้อเล่นๆ นะ”บิวพูดไปพลางเปิดหนังสือไป
บิวค่อย ๆ สอนอิ๋ว ทีละคั้นทีละตอน ค่อย ๆ เป็นค่อยๆ ไป ไปทีละวรรคทีละประโยค และก็ลุยโจทย์การบ้าน ที่อาจารย์สั่งอิ๋วมาทำจนทั้งคู่เริ่มไม่รู้สึกระหม่าต่อกันแล้ว
เวลาผ่านไป ถึงราว ๆ สองทุ่มได้ บิวก็จะลากลับบ้านก่อน
“ทำได้นะ !? ไม่งงนะ !? ถ้างงอะไรถาม”บิวกำลังเก็บอุปกรณ์และดูทีท่าว่าเป็นห่วงอิ๋วจริงๆ
“ค่า =”= รู้แล้วค่า”อิ๋วเองก็เก็บของ และนั่งเอาคางเกยวางบนโต๊ะกินข้าว ที่เพิ่งแปลี่ยนสถานะเป็นขั้นที่สามคือ โต๊ะติวหนังสือ
“งั้นเรากลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”บิวทำมือบ๊ายบาย ยิ้มให้อิ๋ว โดยหวังจะให้อิ๋วตรึงใจกับรอยยิ้มที่เขาฝากไว้ให้ ก่อนจะเดินจากไปเปิดประตูเหล็กที่ถูกปิดไว้อยู่
“อืม เจอกัน ฝากปิด’ตูด้วย”อิ๋วทำสะลึมสะลือ ท้าวคางลงบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยสมุดการบ้านเลขก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้ นำหน้าสติสัมปชัญญะของเธอด้วยสัญชาตญาณที่มีกันทุกคน “นี่บิว ! เดี๋ยวก่อน แปปนึง” บิวจะชะงักหันกลับมารมอที่อิ๋ว ก่อนที่เขาจะ ปิดกระตูเหล็กบ้านอิ๋วจนสนิท พลางนึกในใจ จะขอบคุณนะสิ หุหุ ^_^
“คือ เบอร์โทรศัพท์นาย เบอร์อะไรเหรอ”อิ๋วพูดก่อนยกตัวเองขึ้นมา หยิบโทรศัพท์เตรียมที่จะเม็มเมอรี่เบอร์ของบิวไว้ในเครื่องถึงแม้ว่า ดูแล้วไม่น่าที่จะเม็มโทรศัพท์เอาไว้สักเท่าไรก็เหอะ เรียนก็ที่เดียวกัน บ้านก็อยู่ติดกัน มีอะไรก็ตะโกนข้ามบ้านกันก็ได้ ไม่จำเป็จะต้องคุยโทรศัพท์กันหรอก แต่เหมือนมีอะไรบางอย่าง ทำให้อิ๋วรู้สึกอยากมีเบอร์โทรศัพท์คนนี้ไว้ในเครื่อง อาจเพื่อความอื่นใจของตนเองด้วย
T_T บิวดีใจและปลาบปลื้มใจอยู่มิคลาย เมื่อได้ยินสิ่งที่อิ๋วพูดออกมา มันน่าฟังยิ่งกว่าที่ตัวเองจินตนาการไว้อีก เมื่อเขาลองมาทบทวนดูอีกที ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า ที่เขาไม่เคยขอเบอร์โทรศัพท์อิ๋วไว้เลยนั่นคงเพราะ คิดไม่ถึงนะมั้ง อาจคิดได้ว่าบ้านอยู่ใกล้กันมาก จนไม่ต้องมีเบอร์โทรกันหรอก แต่มีไว้ก็ดีเหมือนกัน ไว้ให้อุ่นใจเล่นๆ อิอิ ๑=_=๑
“ได้ไง แลกกันดิ”บิวยิ้มก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเตรียมเม็มบ้าง
คืนนั้นทั้งคู่ก็แลกเบอร์โทรศัพท์กัน เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ต่างฝ่ายต่างมีเบอร์โทรศัพท์ของกันและกัน เพราะหลังจากที่ทั้งคู่ห่างเหินกันตอนขึ้น ม.ปลาย ทั้งคู่เพิ่งจะเริ่มมีโทรศัพท์มือถือใช้ เลยทำให้ไม่ได้มีเบอร์ของกันและกัน เพราะไม่ได้เจอกัน และที่สำคัญเพราะว่าทั้งคู่คาดไม่ถึงด้วยว่า อยู่ใกล้กันไม่รู้จะเอาเบอร์ของกันและกันไว้ทำไม แต่ในที่นี้เรียกได้ว่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังกลับมาเหมือเดิม และในตอนนี้อาจมากกว่าเดิมแล้ว และหลังจากวันนี้มา บิวก็มาสอนการบ้านวิชาคณิตศาสตร์อิ๋วทุกวัน ๆ
ความคิดเห็น