♥ The Promise คำสัญญาวัยเด็ก ♥ - ♥ The Promise คำสัญญาวัยเด็ก ♥ นิยาย ♥ The Promise คำสัญญาวัยเด็ก ♥ : Dek-D.com - Writer

    ♥ The Promise คำสัญญาวัยเด็ก ♥

    เพราะคำสัญญาของรักครั้งแรกในวัยเด็ก "ดารินทร์"จึงรอคอยแต่รักแรกนั่นและมองข้ามคนดีๆ แต่ในวันนี้เขาคนนั้นก็เดินเข้ามาโดยที่เธอไม่คาดคิด ใช่เขาจริงๆหรอ? รักแรกของฉัน? บทสรุปของการรอคอยจะเป็นอย่างไรกันนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    477

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    477

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ธ.ค. 56 / 20:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    :+: แนะนำตัวละคร :+:

    ดารินทร์ สาวน้อยอายุ 25 ปี เธอยังคงรอคอยรักครั้งแรกในวัยเด็กของเธอกลับมา ถึงแม้จะต้องพลาดคนดีๆที่ผ่านเข้ามาในปัจจุบัน
    รับบทโดย Juniel






    พชรพล ชายหนุ่มที่เข้ามาในชีวิตดารินทร์ และเธอก็เชื่อว่าเขาคนนี้นี่แหละ รักครั้งแรกของเธอในสมัยเด็ก
    รับบทโดย Park Hyung Sik





    เตชินท์ หนุ่มแว่นหน้าหวานที่รักดารินทร์สุดหัวใจ ทำทุกอย่างเพื่อให้เธอหันมามองเขาบ้าง
    รับบทโดย Kang Min Hyuk


    *+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*

    จากใจไรเตอร์

    นิยายสั้นเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแรกนะคะที่ไรเตอร์เขียนเสร็จ
    เป็นนิยายรักเศร้าๆของหญิงสาวที่ชื่อ ดารินทร์
    ที่รอคอยชายหนุ่มที่เป็นรักแรกของเธอในสมัยเด็ก
    เพียงเพราะคำสัญญาจากเด็กชายคนนั้นว่าจะไม่ลืมกัน
    ทำให้เธอมองผ่านคนดีๆที่เข้ามาในชีวิตของเธอ
    นิยายสั้นเรื่องนี้
    ใช้เวลาอ่านไม่ถึง 10 นาที
    ลองอ่านกันดูนะคะ อ่านจบแล้วก็จะได้ข้อคิดเล็กๆกลับไป
    และอย่าลืม ไหนๆก็แวะเข้ามาอ่านแล้ว ติชมแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่เลยนะคะ
    ไม่ว่าจะการดำเนินเรื่อง ตัวละคร ปมเรื่อง บลาบลาบลา ยินดีรับฟังหมดเลยค่ะ
    เพราะทุกคำติชมมันจะทำให้ไรเตอร์รู้ถึงข้อดีและข้อเสียในการแต่งนิยาย
    และไรเตอร์ก็จะเอาไปปรับใช้กับการแต่งนิยายเรื่องต่อไปค่ะ ^_______^
    ขอบคุณทุกๆคนเลยนะคะ
    ขอให้สนุกกับนิยายสั้นเรื่อง
    "The Promise คำสัญญาวัยเด็ก" นะคะ <3

     
    - JodieHolmes
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      เรื่องราวในวัยเด็กเกี่ยวกับรักครั้งแรกของดารินทร์ยังคงถูกจดจำอยู่ในหัวของเธอเป็นอย่างดี เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งชื่อ"พล" นมรสหวานกล่องสีเขียว ดอกลิลลี่สีขาว ลานทุ่งหญ้ากว้าง ท้องฟ้าในยามเย็น ทุกอย่างถูกล็อคเก็บเอาไว้ในใจหล่อนจนถึงทุกวันนี้

                      จิตรกรสาวอายุ ๒๕ ปี ยังคงวาดแต่ภาพที่มีรูปแบบเดิมๆ ภาพของทุ่งหญ้าสีเขียวภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าอมแสดยามเย็น ดั่งสถานที่ในความทรงจำ ที่สมัยเด็กเธอเคยวิ่งเล่นกับพลทุกเย็น แต่ถึงอย่างนั้น ภาพวาดของดารินทร์กลับดึงดูดลูกค้ามากกว่าภาพวาดของร้านอื่นๆ ด้วยฝีมือการวาดรูปที่ถึงขั้นและความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดลงบนผ้าแคนวาสอย่างกินใจ

                      เธอหยิบกล่องนมสีเขียวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆขึ้นมาดื่ม แต่สายตายังคงจ้องผ้าแคนวาสที่เธอกำลังแต่งแต้มถ่ายทอดความรู้สึกลงไปด้วยมืออีกข้าง ดารินทร์กลายเป็นคนที่ชอบดื่มนมรสหวานไปโดยปริยาย ไม่มีวันไหนที่เธอไม่ดื่ม เพราะมันทำให้เธอนึกถึงเด็กชายแสนอบอุ่นคนนั้น ที่ถือนมรสหวานมาแบ่งเธอดื่มทุกเย็นหลังจากกลับจากโรงเรียนประถม และทั้งคู่ก็มักจะมาวิ่งเล่นที่สนามหญ้าเป็นประจำทุกวัน

                      เป็นเช่นนี้ทุกเย็นจนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กชายที่แสนดีคนนั้นก็มาบอกกับดารินทร์ว่า แม่ของเขาจะย้ายบ้าน และพวกเขาคงไม่ได้เจอกันทุกวันอย่างที่ผ่านมา แต่หลังจากวันนั้น เด็กชายพลก็ไม่เคยกลับมาให้เด็กหญิงดารินทร์เห็นหน้าอีกเลย มีแค่เพียงคำสัญญาว่าทั้งคู่จะไม่ลืมกันไม่ว่านานเพียงใด ในใจของดารินทร์ยังคงมีความหวังเล็กๆ ว่าสักวันหนึ่ง หล่อนจะต้องได้เจอเขาอีก ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้นมีโอกาสน้อยมาก

                      เสียงกระดิ่งที่ติดไว้บนประตูร้านส่งเสียงดังขึ้น ดารินทร์ที่นั่งวาดรูปอยู่หันขวับไปมองตามเสียงโดยอัตโนมัติ

                                      "สวัสดีรินทร์" คือเขานั้นเอง เตชินท์ หนุ่มหน้าหวานที่ใส่แว่นกรอบสีดำใหญ่ อายุของเขาพอๆกับหล่อน เขาคือคนที่แม่ของดารินทร์หาให้เพราะทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก ทั้งอายุและการศึกษา อีกเหตุผลคือ แม่ของดารินทร์อยากให้ลูกสาวสุดที่รักคนเดียวของแกมีคนรักกับเขาสักที แต่ดารินทร์กลับไม่สนใจผู้ชายคนนี้เลย เพราะเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆที่แวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบกับหล่อนแต่ต้องกลับไปมือเปล่าทุกราย ด้วยหน้าตาที่สาวสวยและความสามารถด้านศิลป์ที่เป็นเอก ทำให้ดารินทร์เป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายคน แต่เธอกลับไม่สนใจใครเลยสักคน เพราะเธอยังคงรอวันที่"พล" รักแรกในวัยเด็กของเธอกลับมา

                      เมื่อรู้ว่าคนที่แวะเวียนเข้ามาคือใคร เธอก็หันหน้าไปวาดรูปต่อ โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่หากไม่ทักทาย ดารินทร์รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่เห็นหน้าเตชินท์ สิ่งเดียวที่เขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นเลยคือ เขาตามตื้อหล่อนทุกวัน รวมสัปดาห์นี้ก็ครบ ๔ เดือนพอดี ทั้งๆที่เธอบอกปฏิเสธเขาไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

                      "เที่ยงนี้รินทร์ว่างไหม?"

                      "อืม..." เธอถอนหายใจยาว "ไม่" และตอบโดยไม่ละสายตาจากผ้าแคนวาสที่เธอระบายอยู่

                      "อื้อ" เตชินท์ตอบคำสั้น "แล้วเย็นนี้..."

                      "ก็ไม่ว่าง" ดารินทร์ตอบหน้านิ่ง ทำเอาชายหนุ่มหน้าหวานกลับหน้าเจื๋อนไปเลย

                      "เอ่อ... เราซื้อนมรสหวานที่เธอชอบมาฝากด้วยนะ"

                      "ขอบใจ" จิตรกรสาวหันหน้ามาสบตาขุ่นกับชายร่างสูงที่ยืนอยู่ "แต่หลังจากนี้ไม่ต้องแล้วนะ นายไม่จำเป็นต้องมาทำดีอย่างนี้ ฉันไม่รู้หรอกว่าเพราะเหตุผลอะไร แต่ขอเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก" และนี่คือครั้งแรกที่ดารินทร์ออกปากไล่เตชินท์โดยที่หล่อนไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร

       

                      ๗ วันมาแล้วที่เตชินท์ไม่โผล่หน้ามาให้ดารินทร์เห็นเหมือนระยะเวลา ๔ เดือนที่ผ่านมา มันทำให้เธอรู้สึกสงบและสบายใจมาก แต่เธอก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ และเธอก็หวังว่าเตชินท์ก็คงไม่บอกเช่นกัน

       

                      วันต่อมามีช่อดอกไม้ส่งมาที่ร้านภาพวาดของดารินทร์ เป็นช่อดอกลิลลี่สีขาวราคาแพงที่ถูกตกแต่งอย่างปรานีตและสวยงาม มีกระดาษโน้ตเล็กๆแนบมาด้วย เมื่อเปิดดูก็พบกับข้อความบนกระดาษ

                                      'เธอยังไม่ลืมมันไปหมดแล้วใช่ไหม สัญญาที่เราจะไม่ลืมกัน   ...พล'

      เมื่ออ่านจบ หัวใจของดารินทร์เต้นรัวและพองโต ความหวังที่ดูเหมือนริบหรี่กลับสว่างจ้า เหมือนต้นหญ้าที่มีสายน้ำมาหล่อเลี้ยงให้สดชื่นหลังจากเหี่ยวเฉามานาน การรอคอยของเธอไม่เสียเปล่า รักแรกของเธอกลับมาแล้ว ดั่งความฝันที่กลายเป็นจริง

       

                      เวลาสายของวันต่อมา ดารินทร์ยังคงวาดภาพเหมือนเดิม แต่ต่างจากวันก่อนๆ เพราะวันนี้เธอได้วาดภาพด้วยจิตใจที่กระชุ่มกระชวยด้วยความสุข การรอคอยของเธอใกล้สิ้นสุดเต็มทีแล้ว

                      'กริ๊ง กริ๊ง' เสียงกระดิ่งบนประตูร้านดังขึ้น ดารินทร์หันไปมองผู้ที่แวะเวียนเข้ามาตามเคย คราวนี้เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงในชุดลำลองสบายๆแต่ดูดี เขาเดินเข้ามาช้าๆ มองดูรูปวาดที่ละใบอย่างไม่เร่งรีบ ดารินทร์หันกลับไปสนใจผลงานของเธอต่อ

                      "ท้องฟ้ายามเย็น" ชายที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยขึ้น "ทำไมถึงวาดเหมือนกันหมด"

                      "ฉันชอบเวลาเย็นน่ะค่ะ พอวาดแล้วก็อดคิดถึงสมัยเด็กไม่ได้" ดารินทร์ตอบโดยไม่หันไปมองหน้า มันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว ชายหนุ่มหน้าตาดีไม่ตอบอะไร

                      "คุณ..." ชายร่างสูงพูด "ดารินทร์?" เขาปลายนิ้วไปที่ลายเซ็นต์ตำแหน่งล่างขวาบนภาพวาดใบหนึ่งและอ่านชื่อนั้น "ผมชื่อ พชรพล หรือคุณจะเรียก พล ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณดารินทร์" เขาพูดยิ้มๆอย่างเป็นมิตร

                      ดารินทร์เมื่อได้ยินชื่อพล ก็รีบหันหน้าไปมองผู้ชายคนนั้นอย่างแปลกใจ

                      'เขาคนนี้น่ะเหรอ ใช่พลจริงเหรอ? ทำไมเขาถึงดูเปลี่ยนไปขนาดนี้ แต่มันก็คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง ช่อดอกไม้ที่ส่งมาให้เมื่อวาน และเขาก็ปรากฎตัวมาวันนี้ ต้องใช่แน่ๆ'  

                      "คุณ... ชื่อพลเหรอ?" ดารินทร์ถามเพื่อความแน่ใจ

                      "ครับ" เขาตอบยิ้มๆ "ภาพวาดของคุณสวยทุกรูปเลยนะ ถึงแม้ว่ามันจะคล้ายๆกัน แต่มันกลับสื่อถึงความรู้สึกของคุณได้อย่างชัดเจน" พลเอ่ยปากชม

                      "แล้ว คุณสนใจภาพไหนอยู่หรือเปล่าหละคะ?"ดารินทร์ถามออกไปโดยไม่คิดอะไร

                      "ทุกภาพเลยครับ"

                      "คุณหมายถึง..."

                      "ใช่ครับ ผมขอเหมาหมดนี่เลย..."

                      "อะไรนะ!"

                      "คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมขอเหมาหมดนี่เลย ถ้าหาก..." ชายหนุ่มพูดและหยุดไว้ตรงนั้น

                      "ถ้าหากอะไรเหรอค่ะ?" หล่อนถามด้วยความอยากรู้

                      "ถ้าหากคุณยอมไปทานมื้อเย็นกับผม..."ข้อเสนอนั่นทำให้ดารินทร์ถึงกับหน้าแดง เธออึกอักไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ในที่สุด...

                      "ตกลงค่ะ" ดารินทร์ตอบ โดยที่เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรเธอถึงตอบอย่างนั้น เพราะเธอต้องการขายภาพวาดเหล่านั้น หรือเพราะเธอสนใจในตัวเขากันแน่ ใช่พล... เด็กผู้ชายคนนั้นแน่ๆ

       

                      2 เดือนต่อมา...

                                      "พล เธออยู่ไหนน่ะ?" ดารินทร์นั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งและโทรศัพย์หาพชรพล ในเวลานี้ทั้งสองคนกลายเป็นคู่รักกันไปแล้ว แม่ของดารินทร์ก็รู้สึกแปลกใจไม่ใช่น้อยว่าทำไมลูกสาวจอมเรื่องมากของเธอ จู่ๆถึงเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่รัก แต่หล่อนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งจุ้นจ้านเรื่องของสองคนนั้น เพราะตราบใดที่หล่อนเห็นลูกสาวของตนมีความสุข หล่อนก็มีความสุขเช่นกัน

                                      'ฉันกำลังรีบไปอยู่นะ แต่รถมันติดมากเลย คงอีกประมาณชั่วโมงนึงกว่าจะถึง'

                                      "อะไรนะ! ชั่วโมงนึง!" ดารินทร์เผลอตัวพูดเสียงดัง ทำเอาโต๊ะข้างๆหันมามอง เมื่อเธอรู้สึกตัวจึงลดเสียงให้ค่อยลงและเอามือป้องโทรศัพย์ไว้ที่ปาก

                                      'ขอโทษจริงๆนะ แต่ถ้าดารินทร์รอไม่ไหวก็ทานข้าวไปก่อนเลย'

                                      "ฉันนัดเธอมากินข้าวด้วยกันนะ ไม่ได้นัดมากินคนเดียว!" ดารินทร์ว่าพลเสียงค่อย

                                      'แต่รินทร์จะรอจริงๆหรอ เผลอๆอาจจะสองชั่วโมงเลยนะ ฉันเพิ่งออกจากบ้านเอง' คนปลายสายพูด

                                      "ยังไงก็ต้องรอ รีบๆมาแล้วกัน!" ดารินทร์ตัดสายไปด้วยความไม่พอใจ ระยะหลังมานี้ดารินทร์ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย นิสัยเย็นชาไม่ตอแยใคร กลับต้องเปลี่ยน เพราะพชรพล ชายหนุ่มที่เธอรักหมดใจไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับตัวเธอเลย วันนี้คือวันเกิดของดารินทร์ เธอจึงนัดพชรพลออกมาทานข้าวด้วยกัน แต่เขากลับลืมและมาสาย นั้นทำให้ดารินทร์น้อยใจมาก เธอยังคงเชื่อว่าพชรพล คือคนๆเดียวกับ 'พล' รักแรกของเธอในวันเด็ก ถึงแม้ว่านิสัยของเขาจะเปลี่ยนไปมากจากเมื่อก่อนก็ตาม 'พล'ที่ดารินทร์เคยรู้จักตอนเด็ก เป็นเด็กชายที่อบอุ่น คอยดูแลเธอเป็นอย่างดี ซึ่งต่างจากเขาในตอนนี้

                      ผ่านไปชั่วโมงครึ่ง ยังไม่เห็นวี่แววของนายพชรพลที่เธอกำลังรอ ถึงแม้ว่าดารินทร์จะโทรไป แต่ไม่สามารถติดต่อเขาได้เพราะสัญญาณโทรศัพย์กลับไม่มี ดารินทร์มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเวลา ๖ โมงครึ่งกลับมืดสนิทด้วยเมฆฝนที่พร้อมจะตกลงมาไม่กี่นาทีนี้ เสียงฟ้าร้องเป็นช่วงๆและลมที่แรงกว่าปกติ นมหวานที่สั่งจากร้านแก้วที่สาม ดารินดร์ดื่มมันจนรู้สึกอิ่ม แต่เธอก็ยังคงรอพชรพลด้วยความรู้สึกเสียใจ ฝนเริ่มตกลงมาและฟ้าที่ยังคงร้อง ดารินทร์ไม่อยากเสียเวลาที่มีค่านี้ของเธออีกต่อไปแล้ว เมื่อนึกได้ เธอจึงเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่านมหวานสามแก้ว และเดินออกจากร้านไป

                      เมื่อถึงที่จอดรถใต้อาคาร ดารินทร์เดินมาถึงรถของเธอและกำลังล้วงประเป๋าสะพายเพื่อหากุญแจรถ เธอก็ได้ยินเสียงของหนุ่มสาวคู่หนึ่งคุยกันเสียงดัง

                                      "คุณอย่าไปเลยนะ อยู่กับฉันต่ออีกหน่อย" เสียงผู้หญิงหวานออดอ้อน

                                      "ไม่ได้หรอก ผมมีนัดกับลูกค้าสำคัญ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาหาคุณใหม่ก็ได้" เสียงผู้ชายปฏิเสธ

                                      "คุณก็พูดอย่างนี้ทุกที ไม่เคยมีเวลาให้เมย์เลยอะ!"

                                      "เอาน่า เดี๋ยวคืนนี้ผมโทรหาคุณนะคนดี"

                                      "ฉันรักคุณนะคะพล"

                                      "ผมก็รักคุณ"

                      'พล...?!' ทันทีที่ดารินทร์ได้ยินชื่อนั้น กระเป๋าสะพายเธอก็ตกลงพื้นด้วยความตกใจ ของในกระเป๋าตกกระจายระเนระนาด ว่าแล้วทำไมเสียงผู้ชายคนนั้นถึงคุ้นหู เธอก้มหน้าเก็บของที่ตกกระจายทีละชิ้นด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้ม เธอเก็บมันใส่กระเป๋าทีละชิ้นอย่างช้าๆ น้ำตาที่เอ่อล้นลูกนัยน์ตาทำให้เธอมองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด เธอหยิบกุญแจรถขึ้นมา จากนั้นก็เข้าไปในรถและขับมันออกไปอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น

                      เมื่อมาถึงหน้าร้านภาพวาดของเธอ ดารินทร์จอดรถเอาไว้หน้าร้านกลางสายฝนและเดินลงมา น้ำตายังคงไหลริน เสียงสะอื้นเบาๆก็ไม่อาจจะได้ยินเพราะเสียงฝนที่ตกลงมากลบเอาไว้หมด เธอแน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นใช่พล แต่ทำไมพลถึงทำร้ายจิตใจเธอถึงขนาดนี้ เขาเห็นความรักที่จริงใจของเธอเป็นเพียงของเล่นอย่างนั้นเหรอ? ดารินทร์ล้วงหากุญแจร้านในกระเป๋า แต่เธอกลับหามันไม่เจอ ท้องฟ้าสีดำมืดทำให้เธอมองอะไรไม่ค่อยเห็น เธอจึงเดินไปที่รถเพื่อหากุญแจร้านแต่ก็ไม่เจอเช่นกัน ดารินทร์ชักร้อนใจ ทันใดนั้นเธอก็นึกออกว่าอาจจะเป็นตอนที่เธอทำกระเป๋าตกที่อาคารจอดรถ และกุญแจเธออาจจะกระเด็นออกจากกระเป๋าตอนนั้น

                      ดารินทร์ปิดประตูรถลง เธอยืนพิงข้างรถ สายฝนยังคงเทลงมาไม่ขาดสาย ซ้ำยังแรงขึ้น เสียงฟ้าผ่าเหมือนมันจะสามารถกรีดใจดวงน้อยๆของเธอให้ขาดได้อย่างง่ายดาย ภาพของหญิงสาวที่ดูเข็มแข็ง มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวและเย็นชาไม่เหลือในตัวเธอแล้วตอนนี้ ดารินทร์รู้สึกท้อแท้และผิดหวังมาก น้ำฝนชะล้างน้ำตาเธอรวมเป็นน้ำเดียวกัน เธอร้องไห้ออกมาเสียงดังโดยไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป แต่เสียงร้องไห้นั้นไม่มีใครสามารถได้ยินมันเลย ดารินทร์ยืนกอดตัวเองด้วยความโศกเศร้าและเจ็บใจ เด็กชายที่แสนดีและอบอุ่นที่เธอเคยรู้จักได้หายไปแล้ว ตลอดเวลากว่า ๑๐ ปีที่เธอเฝ้ารอนั้นมันคืออะไร? ความรักที่เธอเฝ้ารอมันหลอกลวงใช่ไหม? เธอถามคำถามนี้ซ้ำๆกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เมื่อยิ่งถามเท่าไหร่ก็ยิ่งอ้างว้างเท่านั้น เพราะมันคือคำถามซึ่งไร้ตอบ

                      ร่มคันหนึ่งถูกกางออกและบังฝนให้ดารินทร์ ไม่ใช่ตัวเธอเองที่กาง แต่นั่นคือใครสักคนที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆเธอ ไม่ใช่ผี แต่เป็นใครสักคนที่เธอไม่อาจมองเห็นหน้าภายในความมืด เขาคนนั้นยื่นกุญแจมาให้หล่อน เธอรับมันมาก็รู้ทันที่ว่านี่คือกุญแจร้าน เธอหยุดสะอื้นและพยายามใช้ตาที่บวมเพ่งมองคนๆนั้นด้วยความแปลกใจ

                                      เตชินท์นั้นเอง!

                      ทั้งคู่เข้ามานั่งภายในร้าน เวลาตอนนี้สองทุ่มแล้ว ท่ามกลางความเงียบ มีแต่เสียงของเข็มนาฬิกาที่ยังคงเดินอย่างมั่นคง เสียงฝนข้างนอกร้านก็ยังคงส่งเสียงซ่าอยู่เช่นกัน ดารินทร์ที่ถูกคลุมด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่นั่งกุมมืออยู่บนโซฟา ตัวของเธอเปียกปอนเช่นเดียวกับเตชินท์ที่กำลังเช็ดผมอยู่ ครั้งนี้เตชินท์ไม่ได้ใส่แว่นเหมือนทุกครั้งที่ดารินทร์เคยเห็น ซึ่งมันทำให้เขาดูเหมือนอีกคนไปเลย แต่ดารินทร์กลับไม่ได้สังเกต เธอยังคงนั่งก้มหน้า น้ำตายังคงไหลออกมาเป็นสาย

                                      "ดารินทร์" เตชินท์เรียกชื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขา แต่เธอก็ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้น "ฉันรู้ว่าเธออึดอัดทุกครั้งที่เจอฉัน" เตชินท์พูดตามที่เขารู้สึก แต่ดารินทร์ก็ไม่ได้ตอบอะไร เธอฟังในสิ่งที่เขาพูด เพียงแต่เธอไม่ตอบเพราะไม่มีอารมณ์จะสนทนากับใคร "ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันเคยรักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ในวันนั้นเธอร้องไห้ ไม่พูดจากับใคร จนคนแถวนั้นหันมามอง ในมือของฉันมีนมรสหวานกล่องหนึ่ง ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่นึกหรอกว่านมหวานกล่องนั้นมันจะทำให้เด็กผู้หญิงอารมณ์ดีได้หรือเปล่า แต่เธอก็รับมันไปดื่ม ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ฉันยังรักและมั่นคงเด็กผู้หญิงคนนั้นเสมอ และในวันที่ฉันต้องจากเธอคนนั้นไปไกลโดยไม่มีทางเลือก เราสองคนได้สัญญากันว่าจะไม่ลืมกันและจะกลับมาเดินเคียงข้างด้วยกันอีกครั้ง ฉันก็ได้แต่ภาวนาทุกวันว่าเราสองคนคงจะได้เจอกันอีก จนเมื่อ ๖ เดือนที่ผ่านมา ฉันพบกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เธอเป็นลูกค้าของฉัน เราทั้งสองคนคุยกันสนุกและรู้สึกถูกชะตา หล่อนจึงแนะนำลูกสาวคนเดียวของหล่อนให้ฉัน เพียงแค่ได้ยินชื่อ ก็รู้ทันที ว่าเธอคือเด็กหญิงคนนั้น รักแรกของฉันในวัยเด็ก เหมือนเป็นโชคชะตาให้ฉันได้พบเธอคนนั้นอีกครั้ง ทั้งที่ที่ผ่านมาฉันคิดว่าจะไม่มีวันได้เจอเธออีกแล้ว ฉันดีใจมาก จนไม่รู้จะพูดมันออกมายังไง เธอคนนั้นโตเป็นสาวสวย เธอเข้มแข็งและเย็นชา ต่างจากตอนเด็กที่เป็นเด็กร่าเริง จนฉันจำแทบไม่ได้ และแน่นอน เธอคนนั้นก็จำฉันไม่ได้ มีแต่ฉันคนนี้เท่านั้นที่ยังจำเธอคนนั้นได้เพียงฝ่ายเดียว จริงอยู่ ฉันเปลี่ยนชื่อเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ฉันก็พยายามมา ๔ เดือนเต็ม ทั้งนมหวานที่ฉันซื้อมาฝากเธอทุกครั้งที่เจอหน้าเหมือนครั้งที่เรายังเป็นเด็ก มาหาเธอคนนั้นทุกวัน แต่ความพยายามเหล่านั้นก็เหมือนจะไร้ค่าและดูน่ารำคาญ เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าฉันด้วยซ้ำแล้วเธอจะจำฉันได้อย่างไร มันน่าขำจังเลยเนอะ คำสัญญาของเด็กมันจะไปเชื่อได้อย่างไร ฉันอยากจะลืมมันไปนะ แต่ผู้หญิงคนนั้นคือรักแรกของฉัน ทำอย่างไรฉันก็ไม่อาจลืม และครั้งสุดท้ายก่อนที่ฉันจะตัดใจฉันส่งดอกลิลลี่ที่เธอคนนั้นชอบสมัยที่เธอยังเป็นเด็กไปให้ เธอก็ไม่คิดแม้จะสนใจและนึกถึงฉันได้ จนฉันเลือกที่จะตัดใจ และวันนี้ฉันก็ลืมได้ เรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างฉันกับเธอคนนั้น ขอบคุณที่เคยมีวันเวลาดีๆด้วยกัน แต่วันนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว และเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากด้วย วันนี้ฉันแค่บังเอิญมาเจอเธอ ก็แค่เก็บกุญแจที่เธอทำตกเอาไว้ ก็เท่านั้นแหละ และฉันก็กำลังจะไป พรุ่งนี้ฉันจะไปเรียนต่อนอก และไปจากชีวิตของเธอ..." ชายหนุ่มพูดจบก็ส่งยิ้มให้เธอ แต่มันเป็นร้อยยิ้มที่เศร้าที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา "ลาก่อนนะดารินทร์" และเขาก็เดินออกจากประตูร้านออกไปทิ้งไว้แต่ความรู้สึกโศกเศร้าของชายหนุ่มและความรู้สึกสับสนของหญิงสาว

                      'ทำไมฉันถึงนึกไม่ออกตั้งแต่ครั้งแรกนะ ที่ผ่านมาฉันเอาแต่เฝ้ามองหาเธอจนลืมสังเกตไปเลยว่าเตชินท์ก็คือพลนั่นเอง ฉันเสียใจมากตอนนี้ แต่ฉันไม่อาจกล้าพอที่จะไปขอโทษเธอ เพราะสิ่งที่ฉันเคยทำเอาไว้กับเธอมันแย่จริงๆ ฉันทำร้ายความรู้สึกเธอเอาไว้มาก หากเพียงฉันมองคนใกล้ตัวฉันก็ไม่ต้องทุกข์ขนาดนี้...' ดารินทร์มองตามหลังเตชินท์ที่เดินออกไป เขากำลังจากเธอไปอีกแล้วและครั้งนี้คงจากไปนานกว่าเดิม...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×