ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NGERN x AUGUST | short stories #ทีมเงินออกัส

    ลำดับตอนที่ #2 : sf | a special day

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.78K
      5
      19 ก.ค. 58

    A special day

    But just our ordinary life






    “วันนี้แต่งตัวน่ารัก เราชอบ”


    คนตรงหน้าพูดขึ้นระหว่างที่มือก็ขยับจัดปกเสื้อสูทตัวนอกให้ผมอย่างตั้งอกตั้งใจ หยิบผ้าเช็ดหน้าสีไวน์ที่ทีมงานเตรียมไว้เข้าชุดกันขึ้นมาใส่กระเป๋าเสื้อให้อีกด้วย เรียกได้ว่าฝ่ายคอสตูมแทบไม่ต้องขยับตัวทำอะไรให้เลย


    “ก็แต่งเหมือนกันทุกคน” ผมหัวเราะ แต่เงินยักไหล่ใส่แบบไม่สนใจ ผมขี้เกียจจะเถียงด้วยเลยย้ายตัวเองมานั่งข้างๆเงินที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วแทน


    วันนี้พวกผมมีงานกันที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม เป็นงานประกาศรางวัลครับ ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้มีชื่อเข้าชิงอะไรกับเค้ายกเว้นเจ้ากัปตันที่ได้เข้าชิงรางวัลใหญ่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ส่วนผมกับคนอื่นๆก็มาร่วมแสดงโชว์ในคืนนี้ด้วยกัน วันนี้คอสตูมของพวกเราก็เลยเหมือนกันแทบทุกระเบียดนิ้ว ต่างกันแค่สีชุด ขนาดหูกระต่ายกับผ้าเช็ดหน้ายังเป็นเซ็ทเดียวกันเลยครับ เหมือนขบวนการห้าสีเลย


    “เหนื่อยมั้ย” ผมหันไปถามเงินที่นั่งกดมือถือเล่นอยู่ข้างๆ เพราะก่อนที่จะมางานนี้เงินมีงานอีกที่ด้วย เสร็จจากงานนั้นก็รีบมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนชุด เปลี่ยนทรงผม นู่นนี่นั่นอีกสารพัด เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ดึกดื่น (ที่แย่คือพอมันไม่นอน ผมก็นอนไม่ได้เพราะมันชวนคุยโทรศัพท์) วันนี้ผมเลยว่ามันดูเหนื่อยหน่อยๆ แต่ยังหล่อเหมือนเดิม


    “ไม่เหนื่อย”


    “ก็ดี ..เอ๊ย”


    ผมร้องเบาๆตอนที่กำลังจะบอกว่าก็ดีแล้ว ก็ไอ้เงินน่ะสิครับ ปากบอกว่าไม่เหนื่อยแต่ดันเอนหัวมาพิงไหล่ผมซะงั้น พิงอย่างเดียวไม่พอ มันเล่นทิ้งน้ำหนักมาเต็มที่จนแทบจะทับผมอยู่แล้ว แถมมือซนๆยังเลื่อนมาดึงมือผมไปจับแล้วคลึงเล่นไปมาเบาๆจนกัปตันที่เดินผ่านมาเหล่ตามองแล้วทำหน้ากรุ้มกริ่มเหมือนจะแซว ดีที่โดนลากตัวไปซ้อมคิวซะก่อน


    “ไหนว่าไม่เหนื่อย”


    “ไม่เหนื่อยแต่ง่วง ขอยืมไหล่หน่อยนะครับ”



     

     

    -----



    “เดี๋ยวเดินไปแล้วหยุดถ่ายรูป สัมภาษณ์สื่ออะไรก่อนแป๊บนึงนะ ไม่ต้องเดินเร็วล่ะ มองกล้องเยอะๆนะโอเคมั้ย ไปกันสี่คนก่อนนะ เงิน กัส กัป แล้วก็ไวท์”


    “ค้าบ”


    กัปตันขานรับพี่ธิตที่บรีฟคิว ส่วนพวกเราที่เหลือก็พยักหน้าหงึกๆรับกันไป งานนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่เลยครับ สื่อเพียบ ไหนจะแฟนคลับศิลปินดังๆอีกมากมาย แค่ขาก้าวแตะลงบนพรมสีม่วงผมก็ประหม่าแล้ว ต่างจากกัปตันที่ยิ้มแฉ่ง ท่าทางมีความสุขสุดๆ


    “ตื่นเต้นหรอ” เสียงทุ้มกระซิบใกล้หู ขณะที่เรากำลังเดินอยู่บนพรมม่วงเพื่อให้สื่อและแฟนคลับถ่ายรูป แสงแฟลชวิบวับกับเสียงเรียกชื่อพวกเราที่ดังสนั่นทำให้ผมยิ้มออกมาได้แม้จะรู้สึกเกร็งๆก็ตาม


    “นิดหน่อย”


    “ก็งี้ล่ะนะ เดินกับคนหล่อเลยประหม่าเป็นธรรมดา”


    “เหอะ”


    ผมแค่นเสียงหัวเราะกับความหลงตัวเองของไอ้เงิน แต่ก็ยอมรับว่าวันนี้มันหล่อจริง ฮ่าๆๆ แต่ผมไม่ได้ประหม่าเพราะมันหล่อซะหน่อยนี่!


    เราเดินๆหยุดๆเพื่อให้แฟนคลับถ่ายรูป คู่บ้างเดี่ยวบ้างแล้วแต่ว่าสบตากับกล้องใคร แต่ระหว่างที่ผมกำลังยืนให้แฟนคลับตัวเองถ่ายรูปอยู่ เงินก็เดินมาโอบไหล่แล้วพาผมเดินออกมาเฉย โอบไหล่ไม่พอ พอผมเดินตามออกมามันดันเลื่อนมือลงมาโอบเอวอีก! กล้องเป็นร้อยๆเลยนะเว้ย!


    “โอบทำไม ปล่อยก่อน” ผมกระซิบลอดไรฟัน ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะรู้ว่ากล้องคงกำลังรัวชัตเตอร์อยู่แน่ๆ ไอ้ตัวแสบข้างๆหัวเราะเบาๆก่อนจะยิ้มกวนตีนให้ผม


    “ไม่ปล่อย โอบเราคืนดิ”


    “ไม่”


    “เร็ว”


    “ไอ้เงิน”


    “ครับ?”


    มันขานรับเสียงกวนประสาท สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมยกมือขึ้นมาโอบหลังมันไว้จนได้ เออ เยี่ยมไปเลย วันนี้ทวิตเตอร์กับไอจีผมต้องแตกแน่ๆ

     




     

    ------

     

    “วันนี้เป็นไรวะ อ้อนจัง”


    ผมถามหลังจากที่เราสัมภาษณ์สื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งพักกันก่อนที่จะเข้าไปในงาน เมื่อกี้ระหว่างที่สัมภาษณ์และถ่ายรูปรวมสี่คน เงินดันเกิดนึกบ้าอะไรก็ไม่รู้ เอาคางมาเกยไหล่ผมซะงั้น ทั้งๆที่จริงๆแค่ยืนข้างกันเฉยๆก็พอแล้ว แต่มันเล่นขยับมาซะใกล้ เอาคางเกยไหล่ผมให้เขาถ่ายรูป แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ทั้งกล้องสื่อ กล้องแฟนคลับไม่รู้เท่าไหร่ สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลย ยิ้มหวานๆให้พวกเขาถ่ายรูปกันไปตามระเบียบ (ทวิตเตอร์กับไอจีผมต้องแตกจริงๆแน่)


    “ก็วันนี้กัสน่ารัก หวง”


    “เว่อร์”


    “พูดจริง”


    “เออ”


    ขี้เกียจเถียงแล้วเว้ย


    “แล้วไม่หวงเราบ้างหรอ วันนี้เราหล่อนะ” นี่แหละครับอนุภาษ ชมตัวเองว่าหล่อได้หน้าตาเฉยมาก


    “ก็งั้นๆอะ”


    “ให้พูดใหม่”


    “งั้นๆ”


    “กัส”


    “ก็บอกว่างั้นๆไง ฮ่าๆๆ”


    “ออกัส”


    “พวกมึงจะเลิกแหย่กันได้ยัง วู้ น่ารำคาญ” ไวท์ที่นั่งถัดจากผมพูดขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบมานาน กัปตันโดนจับแยกไปสัมภาษณ์เดี่ยว พวกเราเลยต้องนั่งรออยู่นี่ ในขณะที่เงินกำลังกวนประสาทผม ไวท์มันก็นั่งเล่นอะไรคนเดียวของมันไปเรื่อย คงจะเหงา


    “อย่าอิจฉาดิ”


    “ใครอิจฉามึงครับเงิน”


    “มึงไง”


    “มีอะไรน่าอิจฉา แต่งตัวซะหล่อ คำชมจากมันสักคำมึงได้รึยัง” ไวท์ตอบไอ้เงิน แต่ประโยคสุดท้ายดันเหล่มาที่ผมซะงั้น เล่นโยนขี้กันแบบนี้ผมก็ซวยสิครับ


    “กัส ชมเราดิ”


    “ชมอะไร”


    “เราหล่อไง ชมเราดิ”


    ผมถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจกับเด็กชายอนุภาษ นี่คืออนุภาษโหมดน้องเงินสามขวบครับ งอแงเป็นเด็กเลย ยิ่งโดนไวท์แหย่มาด้วยแล้วนะ ยิ่งจะต้องเอาชนะให้ได้ ไม่รู้เป็นโรคอะไร


    “ก็ชมตัวเองไปแล้วไง เรายังต้องชมอะไรอีก”


    “ไม่เอา อยากให้กัสชม”


    “เป็นเด็กหรือไง”


    “เป็นแฟน”


    “เงินน”


    “ชมก่อน”



    “ออกัส”


    “เออ”


    “เอออะไร”


    “หล่อ หล่อมาก พอใจยัง”


    “พอก็ได้”


    พอผมชมเท่านั้นแหละครับ ไอ้ตัวแสบก็ยิ้มหวานจนตาปิด แถมมีไปยักคิ้วอวดไอ้ไวท์อีก เริ่มไม่แน่ใจแล้วจริงๆว่าเงินมันอายุเท่าไหร่กันแน่ บางทีก็เป็นผู้ใหญ่ แต่บทจะปัญญาอ่อนก็เป็นซะแบบนี้


    “กัปสัมเสร็จแล้ว กูไปดีกว่า เบื่อพวกมึงสองคน”


    “กัสชมกูหล่อแล้ว ไม่ทราบว่าน้องกัปตันชมมึงรึยังครับ”


    “เสือก”


    ไวท์หันมาด่า แต่ไอ้คนโดนด่าก็ไม่ได้จะสลดนะครับ ยังหัวเราะจนตาหยีที่ได้กวนประสาทเขาอยู่เลย ความโรคจิตนี้นะ


    “ลุกได้แล้ว สองคนนั้นมันรอเข้างานอยู่นั่นอ่ะ” ผมบอก ตอนที่เห็นกัปตันยืนกวักมือเรียกอยู่ไม่ไกลจากที่เรานั่งอยู่ คงได้เวลาเข้างานแล้ว


    “ดึงมือหน่อย”


    “วันนี้งอแงจังนะ เป็นอะไร”


    เงินเอื้อมมือมาจับมือผมที่ลุกขึ้นยืนแล้วเงยหน้ามามอง ดวงตากลมโตเหมือนลูกหมาขี้อ้อนที่มองมาทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้ นี่ถ้าเขาไม่ได้เซ็ทผมจนแข็งแบบนั้นแล้วก็อยากจะยื่นมือไปขยี้หัวทุยๆนั่นสักที


    “เอ้า มาทำหน้าหมาหงอยใส่อีก เป็นอะไรเนี่ย”


    “ขี้เกียจไปแล้ว”


    ผมบอกแล้วว่าวันนี้เขาเหนื่อยจริงๆ ไม่งั้นเงินจะไม่แสดงอาการงอแงแบบนี้ออกมาแน่ๆ เฮ้อ ไอ้ลูกหมาเอ๊ย


    “ไม่เอา ไม่งอแง” ผมก้มลงไปจับแก้มเขา บิดไปบิดมาเบาๆเหมือนเล่นกับหมา “รีบเข้างาน เสร็จแล้วจะได้กลับกัน”


    “งั้นวันนี้กลับด้วยกันนะ”


    “อื้อ”


    จุดประสงค์มันก็แค่นี้แหละครับ .. ผมว่า


     


     

    -----




    “เฮ้ย อย่าเพิ่งหลับ”


    ผมเอื้อมมือไปตีหน้าขาคนข้างๆให้มันสะดุ้งเมื่อเห็นว่าตาโตๆนั่นเหมือนจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ ทั้งๆที่พิธีการในงานยังเดินอยู่แท้ๆ เสียงพิธีกรก็ดัง เสียงดนตรีประกอบก็ดัง แล้วยังเสียงปรบมือของคนทั้งงานตอนประกาศรางวัลอีก เงินยังหลับได้ เชื่อเขาเลย


    “ง่วงอ่ะ”


    “เมื่อคืนบอกให้นอนเร็วๆก็ไม่เชื่อ”


    “ก็อยากคุยกับกัส”


    “อ้าง”


    เงินมันเป็นคนนอนดึกอยู่แล้วครับ (ตาถึงได้เป็นงั้นไง) แล้วพอมีผมมันก็อ้างว่านอนดึกเพราะจะคุยกับผม เหอะ ไอ้หมีขี้โม้เอ๊ย


    “ห้ามหลับนะเงิน”


    “ไม่หลับๆ” มันเงยหน้ามายิ้มแฉ่งให้ผม ก่อนจะแอบๆดึงมือของผมไปจับเล่นแบบไม่ให้ใครเห็น นิ้วเรียวไล้คลึงบนมือผมไปเรื่อยแบบคนไม่มีอะไรทำ มองบนเวทีบ้าง ชวนผมคุยบ้างแทบจะตลอดเวลา


    “อยากดูหนัง”


    เงินบอกเมื่องานประกาศรางวัลเดินทางมาถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผมกับมันไม่ค่อยได้ดูหนังด้วยกันบ่อยนัก เพราะพอเราเป็นที่รู้จัก จะไปไหนก็โดนจับตามอง ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เลยไม่อยากไปเวลาเงินมันชวน


    “ก็ไปดูดิ”


    “อเวนเจอร์นะ”


    “อือ”


    “ไปดูกับเราป่ะ”


    ผมหันหน้าไปสบตาไอ้เงินที่มองมาอย่างอ้อนๆ ถึงงานมันจะมืดๆแต่ดวงตาวิบวับของมันสะท้อนกับแสงไฟจนเป็นประกายเลย วันนี้เงินใช้โหมดอ้อนพร่ำเพื่อมากจนเหนื่อยใจ (แน่นอนว่าผมก็ใจอ่อนพร่ำเพื่อด้วยเช่นกัน เหนื่อยใจกับตัวเองนี่แหละครับ)


    “ไปป่ะ นะๆ พรุ่งนี้เลย”


    “ดูก่อน”


    “ดูไรอีกอ่ะ”


    “ก็ถ้าวันนี้งอแงมากๆจะไม่ไปไง”


    ผมยักคิ้วอย่างเป็นต่อ รู้ว่าวันนี้มันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ถึงได้อ้อนเอาๆแบบนี้ ปกติมันไม่ค่อยทำเท่าไหร่หรอก และรู้ด้วยว่ามันจะยังคงงอแงไปแบบนี้จนจบงาน ตอนขึ้นโชว์ผมไม่ค่อยห่วงหรอกครับ เชื่อว่ามันแยกแยะได้ว่าทำงานก็คือทำงาน กล้องจับปุ๊บ สปิริตนักแสดงของเขาก็มาปั๊บ แต่ตอนนี้เราอยู่กันในงานใหญ่ กล้องไม่ค่อยจับ แถมแฟนคลับก็อยู่ไกลๆ พูดอะไรก็ไม่ได้ยิน อนุภาษก็เลยงอแงจัดเต็มแบบนี้ไงครับ ถ้าไม่หาข้อต่อรองอะไรไว้ก่อนมีหวังมันบ่นหงุงหงิงจนจบงานแน่ๆ ขี้เกียจฟังหมาบ่น


    “อ่ะ งั้นวันนี้เราไม่งอแงละ สัญญา”


    “ห้ามบ่นด้วย นั่งเฉยๆ”


    “ครับ ได้ครับ”


    ไอ้ตัวแสบยิ้มจนหน้าขึ้นเป็นเส้นๆ เอานิ้วก้อยตัวเองมาเกี่ยวนิ้วผมที่อยู่บนมือมันเล่นแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข


    “สนุกมากมั้ยเนี่ย”


    “ก็เพลินดี”


    “ไอ้บ้า”


    เงินหัวเราะเบาๆกับคำด่าของผมก่อนจะปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ แต่เปลี่ยนจากการจับมือผมมาเป็นวางมือบนขาผมแทน เออ ครับ ขอให้มันได้แตะนะ นิดนึงก็ยังดี เด็กบ้านี่


    “ขาดความอบอุ่นหรอวะ”


    “ไม่ขาด แค่อยากอยู่กับกัสตลอดเวลา”


    ผมชะงักกับคำพูดมัน เราเดดแอร์กับแป๊บนึงก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน (นะนู้บที่นั่งข้างๆถึงกับหันมามองแรงใส่เลย) ไอ้เงินยิ้มให้ผม ผมหัวเราะให้ความเสี่ยวของมัน ก่อนที่มันจะหันกลับไปเขินกับตัวเองอีกรอบ เพี้ยนได้อีก แต่ทำไงได้ล่ะครับ ก็ดันหลงไอ้ความเพี้ยนบ้าๆบอนี่เข้าไปเต็มๆแล้วนี่ แย่จริงๆ :)

     




     

    ------


     

    จบ จบแล้ว จบแบบนี้แหละ 555555555
    ทำไมยังกล้าเรียกตัวเองว่า sf จริงๆแล้วเป็น one shot ที่เอามาต่อๆกันนะ ถถถถถ
    โมเม้นงานไนน์เอนเตอร์เทนโบ้มมาก โบ้มจนมโนต่อไม่ออก (นี่ขนาดมโนไม่ออก)
    ทุกซีนในเรื่องมโนต่อมาจากในรูป ref ทั้งนั้น ขอบคุณเจ้าของรูปด้วยค่ะ งานดีมากพูดเยย ; _ ; 
    (แต่ชอบช็อตสุดท้ายสุด ที่กัสหันมายิ้มแล้วน้องเงินเขินแรง น่ารักมากกกก แง้)
    อ่านกันแล้ววงงๆมั้ย ชอบไม่ชอบยังไงเม้นบอกได้นะคะ
    ขอบคุณที่ติดตามค่า : D
    ปล.ลงไปตอนเดียว 500วิว 10เม้น 15fav ขอบคุณมากๆสำหรับทุกความสนใจเลยนะคะ T_T
    มาอ่านก็ดีใจแล้ว แต่ถ้าเม้นด้วยก็จะดีมากๆเลย พฮือ อยากอ่านเม้นง่า ._. 

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×