คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : let me fly away with you.
Peter Pan
แกร๊ก!
เสียงสิ่งของกระทบกันดังขึ้นไม่ไกล ทำให้ผมที่กำลังหลับอยู่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา ห้องที่ผมนอนอยู่ชั้นดาดฟ้าของบ้าน และพี่ชายเฮงซวยของผมคงไม่เล่นพิเรนทร์อย่างเช่นการปาอะไรขึ้นมาที่หน้าต่างแน่ๆ
แกร๊ก!
เสียงนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ผมลุกขึ้นนั่งและตั้งสติ เงี่ยหูฟังดีๆแล้วก็รู้ได้ว่ามันคงเป็นเสียงคนโยนอะไรขึ้นมาที่หน้าต่างห้องผมจริงๆ ผมเลิกผ้าห่มที่คลุมตัวเองอยู่ออก ลุกขึ้นเปิดประตูเดินออกไปที่บริเวณดาดฟ้าโล่งๆ ตอนนี้ฟ้ายังสว่างอยู่เลย
แกร๊ก!
คราวนี้วัตถุต้องสงสัยถูกโยนขึ้นมาตกอยู่ใกล้ตัวผม ราวกับรู้ว่าผมเดินออกมาแล้ว ผมก้มลงเก็บมันขึ้นมาและก้าวขาเดินไปยังริมระเบียงแล้วชะโงกหน้ามองลงไป ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังเก็บก้อนหินแถวๆนั้นปาขึ้นมาที่ห้องผม
“ขึ้นมาดิ”
ผมบอกเขา
.
.
.
“ทำไมถึงขึ้นมานอนที่นี่ได้”
ภูมิถามผมเมื่อเขาปีนขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ตอนนี้ยังไม่เย็นมากฟ้าเลยยังสว่างอยู่ ลมพัดเอื่อยๆผ่านตัวเราสองคนที่นั่งห้อยขาอยู่ที่ริมดาดฟ้า เป็นช่วงเวลาที่ราวกับเข็มนาฬิกาจะหยุดเดิน ช่วงเวลาที่มีแค่ผมกับเขาสองคน
ผมยิ้ม ไม่ตอบคำถามของเขา ภูมิก็เลยยักคิ้วนิดๆ แล้วอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดอีกครั้งโดยไม่ถามอะไรต่อ ควันสีขาวจางๆลอยออกจากปากเขาช้าๆเมื่อเขาพ่นลมหายใจออกมา ผมมองตามกลุ่มควันนั้นอย่างเหม่อลอยก่อนจะถามออกมา
“มึงว่าเป็นเกย์ผิดป่ะวะ”
ภูมิหันหน้ามามองผมแล้วยิ้ม แววตานิ่งๆของเขาดูจะขบขันผมซะเต็มประดา
“กูนอนตักมึงนะ”
“อ .. เฮ้ย”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทักท้วงอะไร คนข้างตัวก็พลิกตัวเอาหัวหนุนตักผมเรียบร้อยโดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากผม ร่างสูงคาบบุหรี่ไว้ในปากอีกครั้ง ดวงตาคมสีดำสนิทมองไปยังท้องฟ้าที่ดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกลตัวเราเลยในเวลานี้
“พ่อจับมึงมาขังไว้ที่นี่เพราะมึงเป็นเกย์หรอ”
“อืม” ผมพึมพำตอบเบาๆ ลูบมืออีกฝ่ายไปด้วยอย่างคิดไม่ตก
ผมโดนพ่อกับแม่กักบริเวณให้นอนที่ดาดฟ้าเพราะเขารู้ว่าผมเป็นเกย์ โดยที่พี่ชายของผมก็รู้เห็นเป็นใจด้วย ผมไม่รู้สึกอะไรหรอกที่มันเป็นแบบนี้ เพราะตั้งแต่เด็กจนโต ผมก็โดนกระทำเหมือนไม่ใช่คนในครอบครัวอยู่แล้ว ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ายกมือไหว้พ่อกับแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
ยิ่งช่วงหลังๆมานี้ผมได้รู้จักกับภูมิ บ้านเลยไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับผมมากนัก จนพี่ชายผมรู้เรื่องแล้วเอาไปบอกพ่อ สุดท้ายผมก็เลยโดนสั่งห้ามเด็ดขาด ไม่ได้ไปโรงเรียน ยึดคอมพ์ ยึดมือถือ ตัดขาดจากทุกอย่าง
น่าแปลกที่ภูมิรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน
“ตั้ม”
“...”
“อยากไปจากที่นี่ไหม”
“…”
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ไม่เคยคิดว่าผมจะหนีออกไปจากคุกบ้าๆนี่ได้ คุกที่ไม่ใช่แค่กักขังอิสรภาพ แต่กักขังทุกสิ่งทุกอย่าง ผมนึกภาพวันที่ตัวเองยิ้มครั้งสุดท้ายไม่ออกเลย มันเลือนรางจนจำไม่ได้แล้ว คำว่าครอบครัวสำหรับผมมันก็เป็นแค่คำๆนึงที่ทำให้รู้ว่าผมเป็นใคร มาจากไหนก็เท่านั้น
ไร้ซึ่งความทรงจำ ไร้ความผูกพันใดๆ
“ถ้ามึงไม่อยากอยู่ที่นี่ กูก็จะพามึงไป”
“ฮึก ..” น้ำตาผมหยดลงบนแก้มของอีกฝ่ายที่นอนมองหน้าผมอยู่ ภูมิยิ้มอบอุ่นอีกครั้งแล้วเลื่อนมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ “กู .. ไม่รู้”
“แค่บอกมาว่าอยากไปจากที่นี่”
“…”
“แค่นี้ก็พอแล้ว” ภูมิพูดแล้วเงียบไปเหมือนให้ผมได้คิด มือแกร่งกุมมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ
ภาพต่างๆตั้งแต่เด็กไหลเข้ามาในหัว ผมเป็นเด็กตัวเล็ก เงียบๆและไม่สู้คน เรียนก็ไม่เอาไหน ทำอะไรก็ไม่เก่ง ต่างจากพี่ชายของผมที่เป็นคนชอบเข้าสังคม มีเพื่อนเยอะ แถมยังเรียนเก่ง ทำให้พ่อกับแม่รักมันมากกว่าผม ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร พ่อกับแม่ก็เข้าข้างและเชื่ออย่างไม่มีข้อกังขาเสมอ
ภาพวันที่ผมโดนกระหน่ำตีจนเลือดอาบจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเป็นแม่ เพียงเพราะพี่ชายกล่าวหาว่าผมเป็นคนขโมยของของพ่อไปย้อนกลับเข้ามาในหัว ผมทั้งเจ็บทั้งกลัว ร้องไห้ออกมาจนไม่มีเสียงที่จะอ้อนวอนขอความเห็นใจ รอยแผลเป็นจากเหตุการณ์คราวนั้นยังไม่จางหายไป กลับชัดเจนขึ้นราวกับจะตอกย้ำเรื่องนี้ทุกครั้งที่ผมมองหน้าคนในครอบครัว
.. นั่นเป็นครั้งแรก
แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ..
ทุกครั้งที่ของในบ้านหาย ผมมักจะเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกตัดสินว่าเป็นคนผิดเสมอ ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริง ผมโดนทำร้ายร่างกายจากคนในครอบครัวจนชินเสียแล้ว หนักๆเข้าจากที่ไม่ได้ทำ ผมก็เลยทำจริงๆซะ อย่างน้อยผมก็ไม่โดนทำร้ายฟรี ผมแค่อยากให้พวกเขาเจ็บใจบ้าง ผมคิดจะหนีออกจากบ้านอยู่หลายหน แต่นอกจากที่นี่แล้วผมก็ไม่มีที่ไปที่ไหน เพื่อนที่โรงเรียนก็ไม่มี
จนกระทั่งมีภูมิเข้ามา
ผมถึงได้รู้ว่าผมรอคอยการที่จะมีคนมาถามผมว่า ‘อยากไปจากที่นี่ไหม’ มาตลอด
“กูไม่อยากอยู่ที่นี่ ..ฮึก ..พากูออกไป พากูไปที ..ฮึก ไปที่ไหนก็ได้ ..ฮือ”
ภูมิลุกขึ้นนั่ง เช็ดน้ำตาให้ผมที่สะอื้นจนตัวสั่น อ้อมแขนแข็งแรงของเขาโอบรอบตัวผมเอาไว้ มือแกร่งลูบไปมาที่หัวของผม ผลักเบาๆให้อิงซบที่ไหล่ ไหล่ของเขากว้างและแข็งแรง เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกอุ่นวาบในใจ มันเป็นอะไรที่ผมโหยหามานาน
.. อะไรที่เรียกว่า ที่พึ่งพิง
ผมร้องไห้กับไหล่ของภูมิอยู่นาน ตะกอนความเจ็บปวดในใจถูกละลายลงช้าๆเพียงแค่เขาลูบหัวเบาๆอย่างปลอบโยน ไม่มีคำพูดหวานหู มีเพียงแค่สองมืออบอุ่นคู่นี้เท่านั้นที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย
“สบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“อืม”
ภูมิเลื่อนมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้ผมอีกครั้ง สัมผัสแผ่วเบาที่ได้รับทำให้ผมอยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ
“เชื่อใจกูนะ”
ผมยิ้มบางๆออกมา หลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมานาน “ฝากด้วยนะ .. ภูมิ”
END
ชอบแต่งฟิคภูมิตั้มจังเลย
มันเป็นฟีลอุ่นๆเหงาๆหม่นๆหมองๆดี (แต่ต้องเป็นภูมิเวอร์ชั่นแต่งเองนะ ภูมิในหนังมันดูเลวไปนิด)
แล้วเราก็ชอบเพลงนี้ด้วย อยากให้ทุกคนได้ฟัง เป็นไปได้ก็อยากให้อ่านความหมายของมัน
เป็นเพลงที่ตีความได้หลายแบบ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ที่แต่งจากเพลงนี้ เรื่องแรกเป็นฟิคเกาหลี
น่าเอามาแปลงเป็นเวอร์ชั่นภูมิตั้มเหมือนกันเนอะ 5555555555
อ้อ แล้วเราก็ชอบซีนนี้ในคืนสีน้ำเงินมาก ภูมิดูอ้อนอ่ะ ตอนที่บอกว่า กูนอนตักมึงนะ เป็นอะไรที่แบบบ มุ้งมิ้งแบบดิบๆ 555555 แล้วก็ชอบตอนที่ตั้มลูบมือภูมิด้วย มันสะท้อนความรู้สึกได้หลายอย่างมากๆ ชอบกว่าฉากจูบอีก
วนดูหลายรอบมากกกก 555555555
ปล.เวิ่นเว้ออีกละอะ talkจะยาวกว่าเนื้อเรื่องแล้ว
ปล2.เมื่อวานไปเจอกันมา น่าร้ากกกน่ารัก อยากจับฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว
ความคิดเห็น