ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Black Memories

    ลำดับตอนที่ #8 : Memories -7-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 475
      3
      27 เม.ย. 57



        Black Memories

    -7-

     






    ดวงตากลมโตช้อนมองร่างสูงตรงหน้าด้วยความยากลำบาก ภาพตรงหน้าช่างพล่าเลื่อนเหลือเกินเนื่องจากถูกบดบังโดยม่านน้ำตาที่มันอาบจนทั่วแก้มเนียน แต่น้ำเสียงของคนตรงหน้ากลับดังเด่นชัดก้องในโสนประสาท

    แววตา

    น้ำเสียง

    และมือแกร่งที่กำลังบีบแน่นต้นแขนขาวนิ่มจนมันแดงเถือก มินซอกเบ้หน้าด้วยความเจ็บพยายามดึงง้างผ่ามือร้อนที่ราวกับคีบเหล็กแสนทรงพลัง แต่มันก็คงไร้ประโยชน์

    “เจ็บ ฉันเจ็บ”

    “ร้องไห้ทำไม” น้ำเสียงช่างขัดกับประโยคคำถามที่ดูแล้วแสนจะห่วงใยเหลือเกิน น้ำเสียงที่ยังอยู่ในโทนเรียบนิ่งเสียจนมินซอกขนลุกเกรียว

    “.....”

    “ฉันถามว่าร้องไห้ทำไม ตอบ!” เมื่อความอดทนเหลือขีดศูนย์ ร่างของมินซอกจึงถูกเหวี่ยงลงบนเตียงเก่านุ่มอย่างแรง ร่างเล็กสั่นเกร็งด้วยความเจ็บทั้งแขนที่ช้ำไหนจะแรงเหวี่ยงที่ถึงแม้จะมีเตียงนุ่มรองรับแต่มันก็ไม่ได้ช่วยลดแรงกระแทกลงไปเลยสักนิด

    ผลั๊ก!

    “อึก...” ใบหน้าเรียวเล็กสะบัดตามแรงกระชากจากร่างสูงที่ดึงเพื่อให้เงยขึ้นมาสบตากับเขาตรงๆอย่างแรงหนำซ้ำยังเพิ่มแรงกดลงข้างแก้มบุ๋มจนมินซอกน้ำตาเล็ด

    “ทำไมนายไม่ตอบฉันล่ะ.. เด็กนิสัยไม่ดี”

    “.....”

    “ฉันห้ามไม่ใช่หรอว่าอย่ามาห้องนี้อีกนะ ฝุ่นมันเยอะทำไมนายไม่เชื่อฟังฉันบ้างเลยนะ ห๊ะ!!!” ท้ายประโยคตวาดเสียงดังจนกายเล็กสะดุ้งโหย่งหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัวร่างตรงหน้าจับใจ กลัวจนกายเล็กสั่นไหวเกินควบคุมความอ่อนแอในอดีตพุ่งเข้ามาใส่เขาไม่ยั้งอีกครั้ง จนไม่สามารถสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้เอ่อล้นออกมาได้อีกต่อไป

    “ฮึกฮือ ฮืออ...”

    “อย่าร้องสิ”

    “ฮึก ฮึกอือออ..”

    “ฉันชอบเห็นรอยยิ้มของนายมากกว่านะ มินซอก” ประโยคแสนอ่อนโยนถูกเอื้อนเอยออกมาจากริมฝีปากหยักสวย ภาพคนคนนั้นรอยทับซ้อนเข้ามาจนมินซอกแทบอยากจะระเบิดปล่อยโฮใหญ่ออกมาอย่างสุดกลั้น ริมฝีปากจุดยิ้มเล็กๆขึ้น หากแต่ว่ามันก็ต้องหุบลงอย่างเร็วเมื่อผ่ามือใหญ่ตวัดลงข้างแก้มเนียนอย่างแรงจนร่างเล็กทรุดลงติดกับเตียงนุ่ม


     


    CUT

                  


     

    นี้เป็นอีกครั้งที่ชานยอลรีบสาวเท้าด้วยความเร็วมืออีกข้างถือถุงขนมเค้กที่เขาอุตสาห์ขับไปซื้อกับร้านดังเพื่อหวังที่จะเห็นรอยยิ้มสดใสของอีกคนที่กำลังรอมันอยู่ แต่เพราะการ์ดที่กำลังเรียงรายยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องของมินซอกแถมยังเป็นคนใหม่ก็พาลทำให้คิ้วโค้งเลิกขึ้นเล็กน้อย

    “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าห้องมินซอกนะ” ขาเรียวหยุดอยู่ตรงหน้าร่างใหญ่ของการ์ดหนุ่มที่ดูก็รู้ว่าผ่านการฝึกมาอย่างดี พวกการ์ดชุดดำโค้งให้ร่างโปร่งด้วยความเคารพก่อนจะตอบกลับเสียงหนักแน่น

    “เป็นคำสั่งของนายใหญ่ครับ” อยากจะท้วงถามแต่เห็นสีหน้าอึกอักของพวกการ์ดพวกนี้เขาจึงเลือกพยักหน้าให้อย่างไม่ใส่ใจโยนความสงสัยทิ้งก่อนจะเปิดประตูห้องกว้างเข้าหากแต่ก็ถูกการ์ดหนุ่มยืนขวางทางไว้ เป็นอีกครั้งที่ชานยอลต้องขมวดคิ้วแน่นด้วยความขัดใจและไม่เข้าใจ

    “ทำไม”

    “ขออภัยครับ แต่นายใหญ่สั่งห้ามใครเข้าห้องของคุณมินซอกเด็ดขาดยกเว้ยนายจะสั่งครับ”

    “แต่ฉันเป็นหมอฉันมีสิทธิ์เข้าไปหาคนไข้ของฉันทุกเมื่อ”

    “แต่...”

    “หลีก” เสียงทุ้มใหญ่เข้มที่ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนอย่างเคยถูกเอยรอดไรฟันออกไปช้าๆ บางสิ่งบางอย่างกำลังกระตุ้นความกังวลในใจของชานยอลให้พุ่งขึ้นสูงมากขึ้นจนเขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ แม้จะมีสีหน้าอึกอักอยู่มากแต่ก็ยอมลดมือถอยออกห่างบานประตูกว้างเพื่อสะดวกให้ชานยอลได้เข้าไปในนั้นได้ตามต้องการ ไม่รอช้าผ่ามือใหญ่รีบผลักเข้าไปในห้องกว้างทันที

    เมื่อเท้าแรกที่ก้าวเข้ามาเนื้อผิวถูกความเย็นของเครื่องปรับอากาศลอยเข้ามากระทบกับสายตาคมสะดุดเข้ากับร่างบนเตียงกว้างที่นอนตะแคงข้างหันหลังให้กับเขาห่มผ้าห่มผื่นหนาครึ่งลำตัวเผยไหล่ขาวเนียน เมื่อเดินเข้ามาใกล้ยิ่งสังเกตได้ถึงรอยจ้ำช้ำม่วงได้ชัด

    “มิน... ซอก”

    “ฮึก...” ยิ่งเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งสังเกตได้ถึงสิ่งที่แปลกไปมากเท่านั้น ไหล่เล็กกำลังสั่นไหวน้อยๆบนเตียงกว้าง ไม่ใช่เพราะกำลังหนาวเย็น แต่เพราะ...

    กำลังร้องไห้

    “ทำไม...”

    “ไม่! อย่า..ออกไป” มินซอกขื่นตัวแน่นเมื่อชานยอลพยายามจะพลิกตัวเขาให้หันมาเผชิญหน้า ไหล่ขาวเนียนแต่กลับถูกแต้มไปด้วยรอยม่วงช้ำสะบัดออกจากผ่ามือใหญ่ ดึงผ้าห่มผื่นหนาขึ้นมาคลุมกายเหมือนต้องการปกปิดหนีจากสายตาของอีกฝ่าย ชานยอลยิ่งรู้สึกร้อนรนเข้าไปใหญ่ขาที่กำลังจะก้าวอ้อมอีกฝากหามินซอกสะดุดกึกเข้ากับโซ่ขนาดใหญ่ที่มันพาดยาวลงมาเลื่อนสายตามองตามทำให้รู้ว่ามันโผล่พ้นออกมาจากใต้ผ่าห่มผื่นหนานั้นความสงสัยพุ่งถึงขีดสุดไม่รอช้าเขารีบกระชากผ้าห่มผื่นหนานั้นทันที

    แต่ภาพที่เห็นทำให้สายตาคมจ้องนิ่งไม่วางตา รู้สึกร่างกายเหมือนถูกสาปจนแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้ ร่างกายเนียนปรากฏต่อสายตาชัดเจนแถมยังอยู่ใกล้แค่เอื้อม ข้อเท้าเล็กสวยถูกล็อกด้วยโซราวกับนักโทษคดีร้ายแรง

     “.....”

    “ฮึก..!” มินซอกเบิกตากว้าง ขดตัวร่นหนีกอดเข่าหลบสายตาของชานยอลที่กำลังจ้องไม่วางตากับร่างขาวเนียนของตนทั้งหวาดกลัว และอับอายจับใจ เมื่อรู้ตัวว่ามันไม่สมควรเขารีบส่ายหน้าไล่ความคิดยิ่งเห็นสีหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาที่เริ่มไหลลงมานั้นทำให้ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ มือแกร่งรีบคว้าผ้าห่มที่มันหล่นบนพื้นขึ้นมาห่มกายบางที่สั่นไหว กล่าวเสียงแผ่ว

    “ขอโทษ ฉันไม่..”

    “ออกไป” มือน้อยกระชับผ้าห่มนุ่มเพื่อปิดบังร่างกายของตน เมื่อสังเกตดีๆใบหน้าหวานที่เคยสดใสซีดเซียว ข้างแก้มกลมเป็นรอยแดงที่เกิดจากการโดนฟาด ไหนจะแผลที่มุมปากนั้นอีก

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาไม่อยู่

    “ทำไม นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มินซอก...”

    “ฮึก..ไม่ ออกไป ออกไปเถอะ ได้โปรด..” ดูเหมือนมินซอกตอนนี้กำลังหวาดกลัวกับอะไรบางอย่างที่เขาไม่อาจรู้ได้ ใบหน้าสวยสะบัดไปมาร้องไห้สะอื้นจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง

    “ไม่! บอกฉันว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!!

    “ฮืออ...ออ.. ไม่ ไม่” ผ่ามือเล็กยกขึ้นปิดหน้าซ้อนหยดน้ำตาที่กำลังพรั่งพรูออกมาด้วยความอับอาย อยากจะตายเสียให้ได้เป็นชานยอลที่ขยับตัวเข้าหามินซอกดึงผ่ามือนั้นออกจากใบหน้าเนียนแล้วค่อยๆดันร่างของมินซอกเข้าสู่อ้อมกอดตัวเองช้าๆ อกแกร่งราวกับที่พักพิงของมินซอกที่กำลังรู้สึกอ่อนแอเต็มทน คราแรกดีดดิ้นที่จะขื่นตัวออกแต่เพราะสู้แรงไม่ไหวจึงปล่อยโฮใหญ่อีกระลอกบนไหล่ลาด

    “ได้โปรด มินซอก...บอกฉันเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

    “.....”

    “มินซอก” ชานยอลรับรู้ได้ถึงความลังเลที่มีอยู่มากมายของมินซอก ร่างเล็กกำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างที่เขายังไม่สามารถรู้ รวมไปถึงแรงสั่นจากกายบาง นั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงจับใจ หากแต่เสียงทุ้มใหญ่ที่ดังขึ้นพร้อมร่างใหญ่ที่เขาคุ้นเคยดีก็ปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ ทำใบหน้าดูดีต้องหันเข้ากับสบ

     

    ไม่ตลกเลยนะ ที่มึงกอดคนของกูในบ้านกูแบบนี้นะ

     

    “มันเกิดอะไรขึ้น!” ชานยอลไม่ได้สนใจประโยคก่อนหน้านี้ของเพื่อนเขาสักนิด แม้จะเจอแววตาแสนดุดันของอี้ฟานก็ไม่ได้ทำให้เขายอมผละออกจากมินซอกเลยกลับยิ่งกระชับกอดแน่นขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงอาการสั่นของมินซอกไหนจะมือเล็กที่ขยำชายเสื้อของเขาจนแน่นนั้นอีก

    “.....”

    “ทำไมมินซอกถึงได้เปลือยเปล่าแบบนี้ มึงทำอะไรมินซอก” ลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยผลาด และครั้งนี้ก็เช่นกัน อี้ฟานหลับตาแน่นส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกกล่าวเสียงเรียบนิ่งจนสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกที่อยู่รอบๆตัวร่างสูงสง่า

    “จะใส่ไปทำไมในเมื่อต้องถอดทุกครั้งที่กูจะเอาอยู่แล้ว

    “ไอ้อี้ฟาน!!!

    “อื้อ..ฮึก ฮือออ” มินซอกฝังใบหน้านิ่มลงบนอกแกร่งพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไห้ไม่ให้เล็ดรอดออกไปให้ใครได้ยิน ชานยอลจ้องกลับไปยังอี้ฟานด้วยสายตาไม่เข้าใจและโกธรจัด

    “มึงทำบ้าอะไรของมึง ไอ้เหี้ย!

    “หุบปาก แล้วก็ไสหัวออกไปจากบ้านกูได้แล้ว”

    “กูไม่ไป! แล้วมันเรื่องอะไรที่มึงถึงได้ล่ามมินซอกแบบนี้ด้วยวะ ทำเกินไปแล้ว!!” เสียงใหญ่ตวาดลั่นด้วยความโกธรเคือง แทบอยากจะพุ่งเข้าไปซัดหน้าเพื่อนสนิทให้รู้แล้วรู้รอด หากแต่ก็ติดที่ว่าอะไรหลายๆอย่างที่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ทั้งคำว่าเพื่อน และเขาไม่ได้เป็นอะไรนอกจากหมอเจ้าของเคสของมินซอกเพียงเท่านั้น

    “มึงอย่าทำเหมือนไม่เคยเห็นภาพแบบนี้นักเลย” คำพูดของอี้ฟานทำชานยอลชะงัก รวมไปถึงร่างของมินซอกที่หยุดสะอื้นเงยหน้าขึ้นจากอกแกร่งสบมองไปยังใบหน้าของร่างสูงตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว

    “มึงหมายความว่าไง”

    “หึหึ ก็แล้วใครมันมีส่วนช่วยทำให้นายเป็นมินซอกกันล่ะ.. จำได้มั้ย ซิ่วหมิน?” ท้ายประโยคคนถูกเอยถามสะดุ้งเล็กน้อย มินซอกก้มหน้าลงเหมือนกำลังคิดไม่นานความทรงจำเดิมๆก็ค่อยๆไหลเข้าสมองเล็กนั้นเรื่อยๆภาพสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะมืดและที่เขาฟื้นขึ้นมาภายในห้องขาวกว้าง เครื่องมือแพทย์ระโยงระยางเต็มไปหมด กลิ่นยาสารเคมีมากมายลอยคละคลุ้มทั่วอากาศที่สูดดมเข้าไปแทบสลบนั้น ใบหน้าภายใต้ชุดกาวน์ขาว คนที่ตรึงเขาไว้ด้วยโซ่มากมาย

     

    ป ปล่อยผมไปเถอะ...ได้โปรดเสียงสั่นเครือร้องอ้อนวอนออกไปกับร่างสูงตรงหน้าแม้ว่าใกล้จะหลับใหลเต็มทีกับฤทธิ์ยาสลบที่ได้รับ พยายามดีดดิ้นให้หลุดพ้นจากพันธนาการจากโลหะเงินวาวล็อกแน่นทั้งข้อมือและข้อเท้า

    ชายชุดกาวน์ตรงหน้าที่ เขาจดจำใบหน้าได้ดี หันไปสั่งกับพวกผู้ช่วยเพื่อเตรียมของให้พร้อมสำหรับเรื่องของเขาโดยเฉพาะ ตาคมตวัดกลับมามองที่เขาเพียงแวบเดียวเอยเสียงเรียบแต่กลับดังชัดเจนในอกเล็กที่มันเต้นแผ่วลงกับความหวังที่สูญสิ้นพร้อมกับภาพทุกสิ่งที่ดับมืดลงไป

     

    เสียใจด้วยนะ ฉันคงจะทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก

     

     

    เหมือนถูกทุบด้วยค้อนเหล็กขนาดใหญ่สมองมันอื้อไปหมดเมื่อตั้งสติได้มินซอกรีบผลักร่างใหญ่ของชานยอลออกให้พ้นตัว สายตาเกลียดชังและผิดหวังถูกส่งไปยังร่างสูงที่เหมือนยังอึ้งและสำนึกผิดอยู่ แม้ดูเหมือนมันจะสายไปแล้วก็ตาม

    “หมอตอนนั้น..”

    “ม มินซอก ฉัน..”

    “หมอในตอนนั้น ก็คือนาย.. ปาร์ค ชานยอล

    “หึหึ..ห๊ะห๊ะ..” เสียงทุ้มต่ำของอี้ฟานปล่อยเสียงหัวเราะออกมาราวกับเรื่องทุกอย่างมันน่าขันเสียเต็มประดา มีเพียงชานยอลที่ย้อนนึกกลับไปก็เจอความจริงที่เขาหนีไม่พ้น ใช่..คนที่มีส่วนในการทำให้มินซอกจำทุกสิ่งไม่ได้ คนที่ปฏิเสธคำขอร้องอ้อนวอนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    คนคนนั้นคือเขาเอง ปาร์ค ชานยอล..

    “ฉันขอโทษ”

    “.....” แววตาที่ชานยอลกำลังสบมองไม่ได้หวาดกลัวหรือกำลังเศร้าสร้อยเหมือนเมื่อกี้ แต่มีวูบหนึ่งที่มันกำลังว่างเปล่า ว่างเปล่าจนอกซ้ายของเขาเหมือนจะหยุดเต้นลงเสียดื้อๆ

    “เมื่อมึงรู้ตัวแล้วว่าไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะปกป้องมินซอก มึงก็ควรจะไสหัวออกไปจากที่นี้ซะ ก่อนที่มึงกับกูจะไม่มีแม้แต่คำว่าคนรู้จัก” เสียงทุ้มนั้นไม่ได้ทำให้เขาออกไปจากที่นี้ได้เท่าสายตาเล็กที่มันกู่ร้องสุดเสียงว่าต้องการขับไล่เขาออกไปให้พ้นหน้า ได้เพียงก้มหน้าสำนึกผิดกับอดีตบ้าบอที่เขาในอดีตได้ทำมันลงไป

    “ฉันขอโทษ.. ขอโทษจริงๆ”

    ชานยอลเดินผ่านร่างของเพื่อนเขาไป เหลือบหันกลับไปมองก็ต้องพบกับภาพที่เหมือนโดนกระชากลมหายใจ ร่างที่อี้ฟานกำลังแนบทับร่างของมินซอกลงไป โดยที่ร่างเล็กไม่มีแม้แต่อาการขัดขื่น..

    ยินยอมเสียด้วยซ้ำ

     

    บ้าที่สุด

     

     

    “นายรู้แล้วใช่มั้ย..อืม” เสียงทุ้มครางอื้ออึงในลำคอรู้สึกพอใจกับซอกคอขาวหอมกรุ่นนี้เหลือเกิน เลื่อนขึ้นกระซิบเสียงแผ่วข้างใบหูขาวเล็กไม่ลืมที่จะขบกัดเบาๆให้ร่างเล็กสะดุ้งเล่น

    “.....”

    “ไม่มีใครที่นายควรไว้ใจ และรักนายได้เท่าฉันอีกแล้ว..”

    ..

    “เพราะอย่างนั้น รักฉัน รักฉันคนเดียว..มินซอก” ดวงแก้วกลมไม่ได้ฉายแววอะไรนอกเสียจากความว่างเปล่า เขาครุ่นคิดตามที่คนตัวสูงเอยกระซิบนั้นมันคือความจริงทุกอย่าง

    ไม่มีใครให้เขาไว้ใจได้

    ไม่มี

     

    “อื้อ.. รักอี้ฟาน จะรักแค่อี้ฟานคนเดียว..” ความว่างเปล่าหายไปจนสิ้น เหลือเพียงดวงตาเล็กที่กำลังหยีเพราะรอยยิ้มที่ถูกปั้นสร้างมันขึ้นมา เรียกหัวใจพองโตให้ร่างสูงที่ชะงักกับคำพูดที่เขาพยายามที่จะได้มันมา และในที่สุดคนตัวเล็กก็ยื่นมันมาให้เขา..

    เขาคิดอย่างนั้น

    รอยยิ้มจุดลึกข้างริมฝีปากสวย หัวใจกำลังพองโตเพราะกำลังคิดไปเองว่าคนตัวเล็กรักเขาจริงๆแล้ว ดีใจจนแทบเป็นบ้าอี้ฟานก้มลงสวมกอดร่างเปลือยเปล่าเล็กนั้นแนบใบหน้าลงบนอกขาวสวย

    “เด็กดีของฉัน นายเป็นเด็กดีจริงๆ”

    “ครับ” ท่อนแขนเรียวยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอแกร่งขยำเส้นผมยาวสีทองสวยนั้นด้วยแววตาเลื่อนลอย

     

     

    มินซอกเปิดเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองผ่านความมืดสลัวภายในห้องกว้างข้างหลังถูกช้อนกอดด้วยร่างสูงใหญ่ที่แสนคุ้นเคย มือแกร่งยังคงกอดรั้งเอวเล็กบางไว้โดยที่มีใบหน้าเรียวได้รูปซุกค้างไว้ที่ต้นคอขาว หลับตาพลิ้วราวกับคนกำลังฝันดีเสียเต็มปะดา จนน่าอิจฉา

    “อะไรกัน” เสียงเล็กเอยรอดไรฟันเมื่อค่อยๆแกะมืออีกคนออกยันตัวลุกขึ้นนั่งหันสบมองร่างที่ยังคงหลับใหลบนเตียงกว้างด้วยสภาพไร้อาภรณ์ไม่ต่างจากเขานัก ดวงตาเรียวเมียงมองใบหน้าดูราวกับรูปปั้นกรีก ก็พาลให้นิ้วเรียวจิกแน่นบนผ้าปูเตียงกว้างสีขาวเหมือนต้องการระบาย

    อิจฉา

    อิจฉาคนตัวสูงนี้เหลือเกิน

     

    “ทำไมถึงได้ฝันดี ทั้งๆที่ฉัน..” พูดไปไอ้เจ้าเม็ดน้ำตาก้อนโตก็ร่วงแผละหยดลงหยดแล้วหยกเล่าจนน่ารำคาญ แต่ทุกหยดล้วนเต็มไปด้วยความทรมานและเจ็บปวดแสนสาหัสของเจ้าของสายตาคู่นี้

    “ทั้งๆที่ฉัน.. ไม่สามารถจะข่มตาให้หลับได้สนิทเลยสักนิดแท้ๆ”

     

    “ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ฮือ.ออ...

    ซบใบหน้าลงบนเข่าสวยสะอื้นไห้ออกมาอย่างอ่อนแรง ความเจ็บปวดทั้งกายและใจมันทำให้คนร่าเริงอย่างเขากำลังอ่อนแอลงอย่างหมดท่า ที่แค่ถูกแตะต้องมากอีกเพียงนิดเดียวก็พร้อมถลายลงอย่างย่อยยับ

     

     

    ผ่านไปได้สัปดาห์กว่าแล้วที่มินซอกไม่ได้เห็นหน้าชานยอล เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรและเลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้โดยที่ไม่ถามไซร้อะไรอีกคนให้มาก มินซอกกลับมาร่าเริงอีกครั้งทำเหมือนเรื่องทุกอย่างในอดีตไม่เคยเกิดขึ้น ใช้ชีวิตต่อไปด้วยใบหน้าที่ถูกปั้นแต่งให้ยิ้มสดใสอยู่ตลอดเวลา

    “มินซอกนวดหลังให้ฉันหน่อยสิ” เสียงทุ้มเอยขึ้นท่ามกลางความเงียบ มินซอกที่นั่งอยู่บนโซฟากว้างเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ก่อนจะคลี่ยิ้มและเดินอ้อมหยุดอยู่ตรงหลังอีกคนไล่นิ้วนวดตามที่อีกฝ่ายต้องการ

    “เหนื่อยมั้ย?”

    “นิดหน่อยนะ” ร่างสูงหลับตาผ่อยคลายปล่อยให้มินซอกยังคงนวดต่อไป เอยตอบสั้นๆ เมื่อผ่อนคลายลงไปมากมือใหญ่จึงกอบกุมมือบางเล็กนั้นไว้พลิกตัวดึงร่างเล็กให้ล้มตัวลงนั่งบนตักกว้างโน้มใบหน้าเพื่อสูดดมความหอมจากพวงแก้มนุ่มหยุ่นนั้นจนมันบุ๋มลึกลงไป

    “อื้อ พอก่อน ไม่เอานี้มันในห้องทำงานนะ” อี้ฟานเหมือนคนละโมบที่ไม่สามารถหยุดตัวเองเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากมินซอกได้เลยสักครั้ง ทั้งๆที่คิดจะแตะเพียงแก้มนุ่มกลับต้องไล่ปลายจมูกลงซอกคอขาว ไหนจะมือที่เริ่มไม่อยู่สุขลูบไล้รอบเอวคอดวนไปมา

    “นี้มันห้องส่วนตัวไม่มีใครเข้ามาหาฉันตอนนี้หรอกน่า” อี้ฟานไม่ได้สนเสียงร้องท้วง มือกว้างปัดข้าวของบนโต๊ะที่ดูจะไร้ค่ากับเขาเสียเต็มปะดาในตอนนี้ออกให้โล่ง ดันร่างเล็กนอนราบไปกับโต๊ะทำงานราคาแพง ซุกไซร้ลงราวกับคนอดยากเรื่องอย่างว่ามานาน

    ทั้งๆที่ไม่มีวันไหนแท้ๆที่อี้ฟานจะไม่ทำมันกับเขา

    “อื้อ..อ๊ะ” มินซอกส่งเสียงสะดุดเมื่อมือใหญ่เริ่มยุ่งย่ามกับกางเกงผ้าเนื้อดีของเขา ทำให้รู้ได้ว่าอี้ฟานเริ่มจะหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว

     

    ขออภัยครับ” แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดกึกขึ้นเมื่อการปรากฏตัวของร่างโปร่งบอดี้การ์ดคนสนิท อี้ฟานดูจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเงยหน้าขึ้นจากตัวมินซอกด้วยอารมณ์คุกกรุ่น จะมีก็แต่มินซอกที่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกรีบจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ จะเดินกลับไปนั่งที่เดิมเมื่อรับรู้ได้ว่าคงจะเป็นงานสำคัญจึงไม่อยากรบกวน แต่กลับถูกมือของอีกคนดึงเข้าไปนั่งบนตักกว้างโดยใช้คางเรียวเกยที่ไหล่บางไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับสายตาของบุคคลที่สามมองมาเลยสักนิด

    “มีอะไรก็พูดมา”

    “นี้คือผลรายงานของผับที่เราสร้างเสร็จและพร้อมจะเปิดใช้งานในอาทิตย์นี้ครับ” แฟ้มสีขาวภายในเต็มไปด้วยเอกสารมากมายที่มินซอกไม่เข้าใจเท่าไหร่นักถูกยื่นส่งให้ร่างสูง อี้ฟานรับมาเปิดตรวจตราพอเป็นพิธีแล้วจึงส่งกลับให้อี้ชิงแบบลวกๆ

    “ตามนั้นแหล่ะ แล้วไปจัดการให้ฉันด้วย”

    “ครับ” ถอยคำเรียบๆแสนสั้นถูกเจ้าของริมฝีปากอวบอิ่มกล่าวออกมาเสียงเบา โค้งให้แล้วจึงขอตัวออกไปเมื่อเสร็จหน้าที่ของตน อี้ชิงออกไปได้สักพักก็เป็นเขาที่ต้องรับหน้าที่แสนเหนื่อยจากคนอย่างอี้ฟานอีกครั้ง จมูกโด้งไล้จากพวงแก้มนิ่มลงมาเรื่อยๆจนมินซอกต้องรับใช้มือดันออกห่าง จึงได้รับสายตาไม่พอใจจากอีกคนกลับมาทันที

    “ทำไม”

    “อย่าพึ่งสิครับกลับไปบ้านดีกว่านะที่นี้.. มันแคบ” น้ำเสียงออดอ้อนไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มเท่ากับประโยคหลังเสียงหวิวที่ถูกเอยออกมาจากปากของมินซอกเลยสักนิด เคลื่อนใบหน้าคมเข้าไปบดขยี้ริมฝีปากสีเชอรี่แดงสวยนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

    “ถ้านายเป็นเด็กดีทำตามที่พูดฉันจะให้รางวัลทุกอย่างที่นายต้องการมินซอก” เหมือนจุดประกายในแววตาของมินซอกรู้สึกลิงโลดประหลาด

    “จ จริงหรอ? ทุกอย่าง..”

    “ใช่ ทุกอย่าง”

    “ถ้าผมเป็นเด็กดี..” ใบหน้าสวยเคลื่อนเข้าคลอเคลียที่ข้างแกมเนียนเรียว ไล้ด้วยริมฝีปากสวยท่อนแขนเรียวคล้องคำคอแกร่งนั้นเหมือนเป็นที่ยึด

     

    “ให้ผม.. ให้ผมกลับบ้านได้มั้ย?”

    บ้าน..

    ในที่นี้ที่มินซอกกำลังเอยถึงไม่ใช่คฤหาสน์หรูนั้น แต่คือบ้านเกิดของเขา..บ้านที่ประเทศเกาหลี บ้านที่เขาแสนจะถวิลหา บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาต่างหากล่ะ

    คนตัวสูงกว่านิ่งงันไปแววตาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาจนมินซอกเริ่มหวาดกลัวกับความสงบนิ่งของอีกฝ่าย อี้ฟานเคลื่อนใบหน้าคมคายเข้าคลอเคลียบริเวณซอกคอแล้วขยับเข้าชิดข้างหู กระซบเสียงแผ่ว

    “นายกำลังเป็นเด็กไม่ดี รู้ตัวมั้ย”

    “อ๊ะ ไม่... โอ๊ย!” มินซอกนิ่วหน้าอีกครั้งเมื่อมือหนาเลื่อนลงมาขยำสะโพกนุ่มอย่างแรงไม่เกรงว่ามันจะช้ำแต่อย่างใด ดวงตาเรียวรีหางตาคลอด้วยน้ำตาแต่ก็ยังพยายามกัดปากระงับมันเอาไว้

    จะอ่อนแอไม่ได้อีกแล้ว

    “นายไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้น ต้องอยู่กับฉัน”

    “.....”

    อยู่กับฉันเท่านั้น

     

     

    “เห้ยไอ้เทา ดูอะไรนี้ดิ้” ลู่หานตะโกนเรียกรุ่นน้องของเขาที่เข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ดวงตากลมโตยังคงจับจ้องไปที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คไม่ละไปไหน

    “เออครับ มีอะไร” เจ้าของใต้ตาคล้ำดูดีเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วจึงเดินอ้อมล้มตัวลงข้างๆที่ว่างของรุ่นพี่เขา เลื่อนมือขยับตัวเครื่องโน๊ตบุ๊คเพื่อดูสิ่งที่ลู่หานตะโกนเรียกเขาออกมาดู ภาพในอินเทอร์เน็ตที่ลงข่าวเกี่ยวกับสถานที่บันเทิงที่เรียกสั้นๆว่าผับที่จะเปิดให้บริการอีกไม่กี่วัน หากมันเป็นแค่ผับธรรมดาทั่วไปลู่หานคงไม่ให้ความสนอกสนใจมากเท่าเจ้าของผับแห่งนี้หรอก

    “ผับหรูที่จะเปิดให้บริการในอาทิตย์หน้า โดยนักธุรกิจชื่อดัง.. อู๋ อี้ฟาน

    “อาทิตย์หน้าว่างมั้ยว่ะ?” ลู่หานเอยถาม ก่อนจะหยิบแท่งบุหรี่ขึ้นคาบสูดเอาควันพิษสีเงินเข้าปอดอย่างมิเกรงกลัว สายตาของลู่หานที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่มากมายแต่มันคงเป็นเรื่องที่สนุกมากแน่ๆ ดูได้จากริมฝีปากบางนั้นกำลังยกยิ้มอย่างพึงพอใจ

    “แน่นอน ทำไม” แม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่เทาก็ยังอยากที่จะถามซ้ำให้แน่ใจว่าเขาคิดถูกรึเปล่า

    “ไปสนุกกันหน่อย”

    “.....”

    “แล้วก็แวะไปทักทายคนรู้จักด้วย แม่งคิดถึงชิบหายเลยว่ะ” ท้ายประโยคเอยทีเล่นทีจริง นิ้วเรียวดึงแท่งบุหรี่ออกอ้าปากปล่อยควันขุ่นให้ลอยคละคลุ้งเต็มอากาศ ภาพในหัวตอนนี้ของลู่หานกำลังเต็มไปด้วยมินซอกพาลทำให้ในอกข้างซ้ายเต้นรัวประหลาดไม่รู้ว่ากำลังตื่นเต้นจนแทบบ้า

    หรือเพราะคิดถึงอย่างที่ปากพูดกันแน่?

     

     

    มือเล็กกระชับผ้าห่มผื่นหนาที่มันร่นลงเผยต้นขาขึ้นมาห่มปกปิดส่วนต่างๆในร่างกายประกอบกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศมีผลให้เขาสั่นน้อยๆหลังจากเสร็จเรื่องอย่างว่า อี้ฟานก็ต้องกลับห้องไปสะสางเกี่ยวกับเรื่องโครงการสถานบันเทิงที่กำลังจะเปิดใช้งานในอาทิตย์หน้า มันทำให้มินซอกได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างเท้าเล็กแตะลงบนพื้นพรมนุ่มห้าวตรงไปยังห้องน้ำแม้จะแอบเซบ้างเพราะความระบมก็ตาม

    ซ่า ซ่า

    สายน้ำเย็นๆจากก๊อกที่สัมผัสผิวหน้าทำให้เขาพอจะสดชื่นได้บ้าง เงยหน้ามองกระจกใสบานใหญ่สังเกตตัวเองที่สะท้อนอยู่ในบานกระจกใหญ่ก็นึกอยากหัวเราะสมเพชตัวเองออกมาเนืองๆ สภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยช้ำจากเรื่องอย่างว่าไหนจะรอยแดงจากรอยจูบมากมายกระจายทั่วลำคอและแผ่นอก รอยที่ผู้ชายคนนั้นสร้างมันขึ้นมาเหมือนเป็นการตีตราว่าเป็นเจ้าของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น

    “อื้อ อื้อ อื้อ..!!” มินซอกยกมือแช่กับน้ำแล้วจึงยกขึ้นมาทั้งถูทั้งขีดข่วนรอยแดงซ้ำๆจนทั่วเหมือนต้องการให้รอยบ้าๆพวกนี้สูญหายไปให้หมด แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะมันยิ่งเด่นชัดมากกว่าเดิมเสียดายซ้ำสุดท้ายทั้งๆที่คิดว่าจะเข้มแข็งให้ได้มากกว่านี้แต่เหมือนสุดท้ายเขายังไงก็คือเขา

    เป็นมินซอกที่อ่อนแอ

    และเป็นซิ่วหมินที่ไม่สามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักได้เลย..

    “ฮึก..บ้าที่สุด บ้าที่สุด..อือฮือออ..” มินซอกเซพิงกับผนังห้องน้ำอันเย็นเฉียบร่างกายมันไร้แรงโน้มถ่วง หมดแรงไปเสียทุกส่วนไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืนทำได้เพียงซุกใบหน้าลงบนหัวเข่าขาวสะอื้นไห้ออกมาตัดพ้อด้วยเสียงที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์

     

    ฮือออ ..เฉิน ฮึก นายคงรังเกียจฉันมากใช่มั้ย.. ร่างกายแสนสกปรกนี้”

    “มันควรจะเป็นของนาย.. คนที่ฉันรัก ฮึกฮืออ.. ไม่ใช่ของผู้ชายคนนั้น ไม่!

     

    “ขอโทษ.. ฉันขอโทษจริงๆ”

     

     


     TBC.






    ✤✤✤

    ยอดเม้นท์แบบว่า... 5555555;__;
    เชอะะ
    ไม่เป็นไร ถึงไม่มีคนอ่านก็จะแต่ง คิดว่าแต่งอ่านคนเดียวก็ได้
    .____. ไม่เป็น อะ ไร.. #กัดปาก

    ps.ถ้าncนางจะมีแค่นั้น 5555 ถึงไม่เรทมากแต่ก็กันไว้ดีกว่าแก้
    เดี๋ยวโดนแบนไปจิไม่คุ้ม

    ps2. ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเลย ขออภัยหากตกหล่นเยอะเกินไปนะคะ

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×