คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Memories -6-
Black Memories
-6-
ปลายนิ้วเรียวเล็กของแบคฮยอนเคาะตามจังหวะเพลงอย่างมีความสุข โดยที่ริมฝีปากเรียวสวยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกว่าในไม่อีกกี่นาทีทุกๆอย่างก็จะเป็นไปในสิ่งที่เขาต้องการ มือที่ว่างหยิบแก้วสีขาวใสวาวข้างในมีเหล้ายี่ห้อดีอยู่เกือบครึ่ง หยิบยกขึ้นจิบเบาๆหลับตาพริ้มกับอนาคตที่เขารอคอย
หลังจากเขาตรวจสอบแน่ใจแล้วว่ามินซอกไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่สลบไปเท่านั้นแม้จะอยากให้อีกฝ่ายเป็นมากกว่าสลบแค่ไหนก็ตาม แต่หากมินซอกตายไปก่อนจริงๆเขาก็อดเห็นมินซอกร้องไห้เพราะเรื่องของเขากับอี้ฟานไม่ได้นะสิ ที่เขายอมเป็นเมียเก็บของอี้ฟานและยอมไปตีสนิทกับมินซอกจนกลายมาเป็นเพื่อน และคอยสอดส่องเป็นหูตาให้อี้ฟานตอนมินซอกอยู่มหา’ลัยที่ทำไปทั้งหมด เขาไม่ใช้พวกใฝ่ต่ำที่ยอมลงทุนเพื่อแลกเพียงเศษเงินเพียงเล็กน้อยของอี้ฟาน เพราะคนอย่างแบคฮยอน
ต้องได้มากกว่านี้
พอเห็นอี้ฟานรักใคร่มินซอก ทะนุถนอมราวกับเพชรเล่อค่า แต่กับเขากลับปฏิบัติเยียงอีตัวที่ใช้งานและเป็นที่ระบายความใคร่เสร็จสิ้นทุกอย่างก็ฟาดด้วยเงินเพียงหยิบมือ เพียงแค่คิดแววตากลมก็ถูกเคลือบไปด้วยความริษยาที่ก่อตัวขึ้นมาและพร้อมระเบิดออกมาทุกเวลา
“แกมีความสุขมากเกินไปแล้ว ต่อไปนี้ที่ของแกฉันจะไปแทนที่มันเอง!” นัยน์ตาริษยาตวัดมองไปยังตู้เสื้อผ้าราคาแพงขนาดใหญ่ และมีพื้นที่พอที่จะให้คนคนหนึ่งเข้าไปอยู่ในนั้นได้สบายๆ
ภายในตู้กว้างมีร่างร่างหนึ่งที่กำลังนอนหายใจสม่ำเสมอ เปลือกตาเล็กปิดแนบกันสนิทบริเวณคิ้วสวยถูกอาบด้วยเลือดที่เริ่มจะแห้งกรังเพราะผ่านมาหลาย ชม. ประตูตู้ถูกเปิดแง้มเล็กน้อยพอที่จะได้เห็นภายในห้องนอนกว้างได้จนเกือบหมด เมื่อร่างเล็กฟื้นขึ้นมาทุกๆอย่างก็จะเป็นไปตามสิ่งที่แบคฮยอนคาดการณ์ไว้
และหากมันไม่มีอะไรผิดผลาด..
กริ๊ง กริ๊ง...
นิ้วเรียวของร่างสูงโปร่งดูดีสวมด้วยแว่นดำอันโปรดประดับให้ใบหน้าสวยหวานเหมือนผู้หญิงลดลงฮวบเหลือเพียงชายหนุ่มหล่อเหลาดูดีจนผู้หญิงต้องเหลียวมอง กดกริ๊งหน้าห้องหรูย้ำๆ ไม่เกินสามนาทีประตูก็ถูกเปิดโดยเจ้าของห้อง
“เชิญครับลูกพี่” เทาชายหนุ่มผู้มีบุคลิกใต้ตาคล้ำแต่มันกลับดูโดดเด่นดึงดูดสายตาได้อย่างประหลาด กดยิ้มลึกลงกล่าวติดตลกกับลู่หาน เขายกมือขึ้นทักทายกันตามประสาวัยรุ่น ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้องกว้าง สายตากว้างดุจกวางป่ากวาดมองรอบๆห้องพบกับอีกสองชีวิตที่นั่งยกแก้วขึ้นชนกันพร้อมกระดกราวกับมันเป็นน้ำเปล่า รอบๆมีซากแก้วเปล่าที่เคยมีเหล้าอยู่เต็มวางระเนระนาด
“อ้าว มาแล้วหรอว่ะพี่” จงอินชายผิวเข้มหันความสนใจจากการดวลเหล้ากับเซฮุนมาให้ผู้มาใหม่ ลู่หานเอยตอบสั้นๆ ใช้เท้าเขี่ยพวกขวดเปล่าที่เกะกะทางเดินให้พ้นแล้วล้มตัวลงนั่ง แย่งแก้วเหล้าจากจงอินขึ้นมากระดกกินหน้าตาเฉย
“หงุดหงิดเชียวนะ ไปโดนหมาที่ไหนฟัดมาว่ะครับ”
“หมาหวงก้าง ก้างชิ้นใหญ่ซะด้วยสิ” ลู่หานกระตุกยิ้มเย็น เซฮุนและจงอินหันมองหน้ากันด้วยใบหน้าสงสัยสุดขีด ไม่นานจื่อเทาก็เดินตามมาสมทบติดๆ
“พี่คิดจะทำอะไรวะ”
“.....”
“อย่าบอกนะเรื่องเกี่ยวกับคุณน่าฟัดนั้นนะ?” เซฮุนพูดขึ้นมาบ้าง หันไปสบกับใบหน้าของลู่หานที่คิ้วโค้งเริ่มขนขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความหงุดหงิด
“มินซอก”
“รู้ชื่อแล้วด้วย เด็กเสี่ยไม่ใช่อ่อพี่จะดีหรอ?” จงอินกล่าวด้วยใบหน้าติดจะหวั่นๆ เพราะเขาพอรู้จากลู่หานมาว่ามินซอกเป็นคนของอี้ฟานอะไรนั้น หน้ากากภายนอกนั้นทำอาชีพธุรกิจประสบผลสำเร็จโด่งดังจนใครๆก็รู้จัก แต่มีเพียงพวกใต้ดินอาชีพมืดเท่านั้นที่รู้ดีว่า อี้ฟานนะ.. เจ้าพ่อยุคมือของจริงเลยละ
ทั้งอาชีพที่ผิดกฎหมายทุกๆอย่าง ชายคนนั้นเป็นเครือใหญ่ในการดูแล ทั้งผลิตและขายและอำนาจที่ใครๆก็รู้ดีว่า ต่อกรด้วยยากที่สุดพวกตำรวจยศใหญ่ๆก็โดนซื้อไปเป็นพวกจนหมด เพราะเหตุนี้แม้รายได้ที่เขาได้จากธุรกิจนอกหน้ากากสีขาวมันจะทำเงินได้มหาศาลมากก็จริง แต่ใต้หน้ากากต่างหากที่ทำให้ตระกูลอู๋เป็นมหาอำนาจ และลู่หานก็รู้ถึงข้อนี้ดี
“กูก็ยังไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย มึงจะตื่นกลัวไปทำไมกันวะ มึงคิดว่าคนอย่างลู่หานไม่มีปัญญาทำอะไรมันรึไง”
“.....” ภายในห้องตกสู่ความเงียบอีกครั้ง อย่างที่เขาบอกถ้าคนอย่างลู่หานจะทำอะไรแล้วสักอย่างมันก็ไม่ยากเกินกำลังหรอก พวกมันรู้ดี
“เออ แล้วพี่จะเอาไง” เซฮุนเป็นคนเอยถามทำลายความเงียบ
“กูยังไม่ได้คิด ขอลองดูจุดอ่อนของมันไปก่อนก็แล้วกัน” ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก เริ่มรู้สึกสนุกกับความอยากครั้งนี้ของตนเองเต็มแก่
ดูแลคนของมึงให้ดีๆแล้วกัน
ร่างสูงควักการ์ดขึ้นรูดเพื่อปลดล็อคประตูบานหรู มือหนาบิดลูกบิดดันเข้าไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง กวาดสายตามองรอบห้องสายตาคมดุจเยี่ยวหยุดลงตรงเตียงกว้างสีขาวพบร่างของแบคฮยอนนอนตะแคงข้างด้วยท่าทียั่วยวนมองมายังเขาด้วยสายตาพราวประกาย
“มาแล้วหรอครับ? คิดถึงจังเลย”
“เท่าไหร่”
“พูดเรื่องอะไรหรอครับ?” ใบหน้าสวยถูกปรุงแต่งปั้นหน้ากากความใสซื่อขึ้นมาถมทับความร้ายกาจที่ไม่ว่ามันจะถูกทำให้หนาขนาดไหนก็ปิดธาตุแท้เดิมไม่ได้เลยสักนิด ช่างเป็นภาพที่ชวนสะอิดสะเอือนของคนตัวสูงเสียจริง
“อย่ามาเล่นลิ้น ต้องการเท่าไหร่” ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงเรียบนิ่งอดทำแบคฮยอนหัวเสียเล็กๆไม่ได้แต่ก็ยังแสร้งยิ้มหวานกลบเกลื่อนยันตัวลุกขึ้นนั่งยกขาเรียวขึ้นไขว้หางอีกข้างใช้มือเท้าคางมองอีกคนหัวเราะออกมาน้อยๆ
“งั้นเอาตรงๆเลยนะ”
“.....”
“รับผมเข้าไปอยู่ในบ้านซะ เท่านี้แหล่ะ” ตบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานอีกครั้ง อี้ฟานหัวเราะขึ้นจมูกกับคำพูดของคนตรงหน้าเขาราวกับมันเป็นเรื่องที่น่าขันเสียเต็มประดา
“นายนี้.. ใฝ่สูงไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”
“ไม่เอาน่า อย่าพูดจาทำร้ายจิตใจผมอย่างงั้นสิครับ”
“.....”
“ผมแค่ไม่อยากอยู่ในห้องแคบๆแบบนี้ มันน่าเบื่อและอีกอย่างมินซอกคงจะดีใจที่มีเพื่อนร่วมชายคาด้วยเห็นมั้ย ดีจะตายไป” แบคฮยอนเดินเข้าไปโอบรอบต้นคอสูงดึงโน้มเข้ามาประกบจูบแผ่วเบา
“ในฐานะอะไร?”
“ก็เมียอีกคนยังไงละครับ ผมรู้น่า.. ว่ามินซอกไม่สามารถให้ความสุขกับคุณได้นะ มีผมอยู่ใกล้ๆจะได้ไม่ต้องลำบากขับรถตั้งไกลเพื่อมาหาผมถึงคอนโด..”
ยังคงคลอเคลียรอบๆข้างแก้มเนียนของร่างสูง จงใจเอยกระเส่าเสียงพล่าเบา อี้ฟานกระตุกยิ้มมันทำให้แบคฮยอนคลี่ยิ้มขึ้นตาม ก่อนจะหุบแทบไม่ทันเมื่อผ่ามือแกร่งดึงแขนเรียวของร่างเล็กพร้อมกับออกแรงผลักออกจนเซชนกับขอบโต๊ะ
“นายนี่มัน.. น่าขยะแขยงจริงๆ”
“หมายความว่าคุณจะไม่ยอมสินะ!!!” ใบหน้าสวยตวัดกลับมามองด้วยสายตาคุกรุ่น นิ้วเรียวจิกลงบนพรมหนาแน่นเพื่อระบายอารมณ์โกธรที่เขาอยากจะอาระวาดให้ทุกอย่างพัง
“.....”
“ดี! ฉันจะได้ไปบอกมินซอกว่าคุณนะเป็นอะไรกับฉันหมอนั้นคงช็อคน่าดู แค่คิดก็อยากเห็นจนตัวแทบสั่น!!”
เรียวปากสวยฉีกยิ้มกว้างอย่างผู้เหนือกว่า เป็นอี้ฟานที่นิ่งงันไปอย่างคนจนมุม แบคฮยอนชันตัวลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์แสร้งว่ากำลังจะต่อสายไปยังมินซอก แต่เพราะไม่ทันระวังร่างเล็กจึงถูกดึงกระชากด้วยผ่ามือใหญ่ของบายหนุ่ม นิ้วแกร่งเลื่อนมาหยุดที่ต้นคอสวยกดแรงบีบแน่นจนอีกคนไม่สามารถหนี ได้เพียงคว้านสะเปะสะปะไปทั่ว
“นายรู้อะไรมั้ย? คนที่มันคิดต่อรองกับฉันจุดจบมันจะเป็นยังไง?” น้ำเสียงเรียบนิ่งถูกเอยออกไป สติสัมปะชันยะเริ่มเลื่อนลางเต็มทน แต่เขายังไม่อยากตายจึงพยายามคว้านหาสิ่งของช่วยชีวิตสุดกำลัง
“อื้อ.. อึก!”
ผั๊วะ!
แจกันใหญ่ถูกทุ้มใส่ศีรษะของคนตัวสูงอย่างจัง อี้ฟานทรุดกายลงกับเตียงกว้างส่งผลให้แบคฮยอนสามารถดิ้นหลุดจากผ่ามือใหญ่ได้สำเร็จ ริมฝีปากบางพยายามอ้ากว้างสูดเอาอากาศเข้าไปใช้งานกับส่วนที่หายให้มากที่สุด ตั้งสติได้จึงรีบพยุงร่างกายตัวเองเปิดประตูห้องเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เพียงนิ้วเรียวแตะที่กอนประตูเพียงครู่เดียว ก็ต้องหยุดนิ่งเพราะเสียงลั่นไกรที่ดังขึ้นในระยะประชิด
ปัง!
“อ อี้ฟาน.. อึก” พยายามหันกลับไปมองยังด้านหลังตนด้วยความยากลำบาก นิ้วเรียวคลำที่แผ่นหลังตนแผ่วเบาเพราะอากาศปวดหนึบๆและของเหลวบางอย่างที่เริ่มซึมขยายวงกว้างบนแผ่นหลัง พรางยกนิ้วขึ้นมองพบเลือดแดงข้นที่ทำให้ดวงตาเรียวเบิกกว้างได้ไม่ยาก ยังไม่ทันจะได้ร้องกระสุนลูกที่สองก็ถูกซ้ำอีกครั้งลงที่ท้ายทอยสวย พร้อมๆกับร่างเล็กที่ทรุดฮวบลงทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“คนทะเยอทะยานไร้ขอบเขต ฉันไม่เก็บไว้ให้เปลืองเงินหรอก” กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เดินไปหยิบผ้าขนหนูในห้องน้ำยกขึ้นเช็ดที่ปืนสีดำวาว ก่อนจะโยนมันทิ้งติดกับผนังห้องกว้าง นิ้วเรียวแตะเบาๆบริเวณแผลข้างคิ้วที่มีเลือดซึมออกมาอาบจนเขาต้องเดินเข้าไปล้างน้ำในห้องน้ำด้วยความหงุดหงิด
เมื่อคิดว่าทำลายหลักฐานบางส่วนจนสิ้น อี้ฟานจึงจัดเสื้ออะไรให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากห้องหรูไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ขายาวกว้างข้ามร่างบาง ราวกับร่างของแบคฮยอนที่ไร้ลมหายใจอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงอากาศเท่านั้น
“อึก” ลำคอแห้งพากกล้ำกลืนก้อนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก นิ้วเล็กที่ยกขึ้นอุดปากของตัวเองแน่นเพราะกลัวว่าจะเผลอส่งเสียงเล็ดรอดออกไป ดวงตาเรียวเล็กที่พยายามหลับตาปี๋มาโดยตลอดเค้นเปิดมองรอดผ่านช่องแคบเล็กๆ ใบหน้าหวานอาบท้วมไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาจนมันไหลย้อยลงที่คางเรียวหยดแล้วหยดเล่า หน้าอกเล็กกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงบวกกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวยากเกินควบคุม
“.....” ตาเรียวชะงักเมื่อร่างที่ควรจะเดินออกไปก็หยุดนิ่งลง ก่อนจะก้มลงเก็บอะไรบางอย่างซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถรู้ได้ ดวงตาคมดุจเยี่ยวนั้นที่คุ้นเคยดีกวาดสายตามองรอบๆห้องด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เหมือนถูกพรากลมหายใจเมื่อขายาวเปลี่ยนทิศทางเดินตรงมายังตู้ที่เขากำลังหลบซ้อนอยู่ เพ่งสายตาเหมือนต้องการจะมองให้ทะลุเนื้อไม้ ดวงใจเล็กยิ่งเต้นสั่นรัวยิ่งขึ้นเมื่ออี้ฟานเอื้อมมือหมายจะดึงประตูตู้ออกมา
Rrrrrrrr
แต่เหมือนฟ้าจะยังเข้าข้างเขาบ้างมือหนาลดมือกลับคว้านหยิบโทรศัพท์หรูที่กระเป๋ากางเกง กรอกเสียงทุ้มน่าเกรงขามลงไปยังปลายสาย ครางรับเสียงสั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องกว้างไป นั้นทำให้มินซอกทิ้งลมหายใจโล่งออกมาชุดใหญ่ เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิต มือเล็กค่อยๆผลักบานประตูออกไปช้าๆ เมื่อขาเรียวที่แตะพื้นห้องก็ต้องเบ้หน้าสุดขีดเมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำข้นสีแดงฉาดบางอย่างเพียงก้มลงมองทำให้เห็นได้ชัดว่ามันคืออะไร
เลือด
“อึก” มือเล็กยกขึ้นปิดปากแน่น เลือดสีแดงข้นที่ไหลมาจนถึงพื้นที่ที่เขาอยู่ เลื่อยสายตามองร่างที่นอนหมดลมหายใจด้วยดวงตาที่เบิกกว้างจนน่ากลัว เลือดแดงข้นบริเวณบาดแผลยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ช่างเป็นภาพที่ชวนสะอิดสะเอียนและน่าสมเพชจนมินซอกเบือนหน้าหนี ได้เพียงภาวนาในใจหวังให้ดวงวิญญาณของแบคฮยอนไปสู่สุขติ แม้แบคฮยอนจะทำร้ายเขาแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดถึงขนาดที่เห็นร่างแบคฮยอนตายตรงหน้าจะได้รู้สึกสะใจ
“บ้าที่สุด มัน ร.. เรื่องอะไรกันเนี่ย” มินซอกครางเสียงต่ำแผ่วเบาในลำคอ ภาพที่คนตัวสูงลั่นไกรปืนเป็นสิ่งเดียวที่มันถูกฝังให้จ่มลงในสมองเขายากจะทำให้มันหายไปได้จริงๆ อยากจะกรีดร้องออกมาดังๆแต่เพราะยังรักชีวิตตัวเองมินซอกจึงเลือกที่จะรีบหนีกลับบ้านของเขาให้เร็วที่สุด
ใช่.. บ้าน
แม้ความกลัวที่เกาะกุมทั่วอกซ้ายจะยังมีมากมาย แต่มินซอกไม่ใช่คนโง่ที่จะหนีจากคนอย่างอี้ฟาน เพราะถ้าหากสามารถฆ่าแบคฮยอนได้โดยไม่เกรงกลัวต่อความผิด แถมยังลอยหน้าลอยตาออกจากห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น นั้นทำให้มินซอกตะหนักได้ดีว่า.. อี้ฟานอำนาจล้นฟ้า
และสิ่งที่เขาสมควรที่จะทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คือกลับไปยังบ้าน กลับไปเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทำทุกอย่างให้ปกติที่สุด..
“เก็บมัน” สิ้นเสียงใหญ่ทุ้มที่เอยออกมาที่แฝงไปด้วยความเลือดเย็น นิ้วเรียวของบอดี้การ์ดก็ลั่นไกรปืนถี่ๆไปยังร่างของเหล่าอดีตลูกน้อง ที่ได้แต่ส่งเสียงโหยหวนและเงียบลงไปในที่สุดเมื่อลูกตะกั่วสีเงินพรากลมหายใจไปอย่างรวดเร็ว
“ม ม่ายยยยยย!!!!”
ปัง ปัง ปัง ปัง
เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกมันทั้งหมดเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณมือสวยก็ลดปลายกระบอกปืนลงข้างลำตัวช้าๆ เหลือบขึ้นมองร่างสูงที่ยืนหันหลังหันหน้าออกไปรับลมเย็นยะเยือกของยามรัตติกาล หมู่เมฆบดบังดวงดาวที่เคยพราวระยับไปจนหมดเหลือเพียงดวงจันทร์ที่ยังเด่นชัด ช่างเงียบเหงาเหลือเกิน..
หลังจากที่ตนโทรเรียกคนเป็นนายออกมาด้วยประเด็นเรื่องที่ส่งคนไปจัดการกับคนที่ชื่อลู่หานอะไรนั้น สภาพของพวกมันที่กลับมาสะบักสะบอมไม่เป็นท่า ไหนจะรวมถึงเรื่องเศษกระดาษสีขาวที่อี้ฟานอ่านมันแล้วถึงกับฟิวส์ขาดกระทืบพวกมันที่เหลือจนเลือดโชก
“ทำลายศพพวกมันทิ้ง อย่าให้เหลือซาก”
“ครับ”
รถสปอร์ตคันหรูเคลื่อนออกไปด้วยความเร็ว ทิ้งให้บอดี้การ์ดหนุ่มอยู่กับพวกร่างไร้วิญญาณแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้อี้ชิงรู้สึกหวาดกลัวอะไรเลยสักนิด เขาฆ่าคนมานับไม่ท้วน ฆ่าคนมาแบบไม่เลือกขอแค่เป็นคำสั่งของคนคนนั้น ขอแค่มันคือร่างที่อี้ฟานไม่ต้องการให้มันอยู่ร่วมโลก
เขาก็พร้อมที่จะทำมันโดยทันที...
อี้ฟานก้าวขึ้นบันไดบ้านด้วยความร้อนรน คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันแน่นจนแทบจะเป็นปมเมื่อมาถึงที่หมายเขาไม่รอช้ารีบบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้องกว้างของร่างเล็กของเขาอย่างรวดเร็ว สายตากวาดมองทั่วรอบห้อง แล้วจึงมาหยุดอยู่ตรงผ้าห่มที่นู้นขึ้นสูงบนเตียง
“อื้อ อี้ฟานมีอะไรงั้นหรอ?” ร่างของมินซอกที่ได้ยินเสียงรบกวนค่อยๆงัวเงียลุกขึ้นตื่น เอยเสียงอู้อี้ในลำคอเบา เรียกรอยยิ้มจางๆบนริมฝีปากสวยของอีกคนได้ไม่ยาก อี้ฟานล้มตัวลงนั่งข้างขอบเตียงนุ่มมือหนาลูบเบาๆที่กลุ่มผมสีน้ำตาลรากไม้สวยนั้นอย่างอ่อนโยน
“ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษที่ทำให้นายตื่น”
“อื้อ” ครางรับเสียงแผ่ว เปลือกตาบางที่ค่อยปิดแต่ถูกเสียงทุ้มอีกคนเอยเรียกเสียงแผ่วไว้ซะก่อน
“มินซอก”
“.....”
“วันนี้นายได้ออกไปที่ไหนรึเปล่า” มินซอกเหมือนถูกสตาฟด้วยคำพูดของอีกฝ่าย พอเงยสบกับดวงตาคมดุจเยี่ยวที่จ้องกลับมาแกมคาดคั้นนั้นก็ยิ่งใจเต้นระรัวมากยิ่งขึ้น
“เปล่า ผมป่วยนะจะไปที่ไหนได้ล่ะ” กั้นตอบออกไป คุมเสียงให้เรียบนิ่งแสร้งทำใบหน้าน่าสงสารกลบเกลื่อน
“งั้นหรอ ฉันคงคิดมากไปเอง” ท้ายประโยคเอยเสียงเบาแผ่ว แต่ไม่วายมินซอกกลับได้ยินมันก้องชัดอยู่ดี รู้ตัวอีกทีปากเจ้ากรรมก็เอยหาเรื่องซวยใส่ตัวเองอีกจนได้
“แล้วอี้ฟานคิดว่าผมไปไหนมาล่ะ?”
“.....”
“.....” ความเงียบค่อยๆกระจายตัวปกคลุมภายในห้องช้าๆ ไม่มีใครที่จะพูดอะไรออกไปแม้แต่คนถามอย่างมินซอกเองด้วย
“ช่างเถอะ นายนอนพักผ่อนให้เยอะๆเพราะอีกไม่กี่อาทิตย์เราจะต้องเดินทางไกลกันแล้ว” นั้นคือประโยคที่อี้ฟานเอยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
“ที่ไหน? ทำไม?”
“อเมริกา”
“ทำไม?” มินซอกเอยถามย้ำประโยคของเขาอีกครั้ง เพราะอีกฝ่ายตอบคำถามเขาไม่หมด
“เรื่องนั้นไว้ถึงวันที่ไปฉันจะบอกเอง”
“ไม่ ทำไมถึงยังบอกผมตอนนี้ไม่ได้?” มินซอกปฏิเสธเสียงแข็ง บิดมือออกจากผ่ามือแกร่งออกช้าๆ แม้อี้ฟานจะยังพยายามรวบมันขึ้นมาจับอีกครั้งก็ตาม
“ฉันยังบอกไม่ได้”
“.....”
“แต่ตอนนี้ฉันกำลังเร่งเคลียร์งานให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แล้วเราจะ..”
“เรื่องความทรงจำของผมใช่มั้ย?” ดวงตาของอีกคนที่มินซอกจับได้มันอึ้งและกระสั่นเหมือนกำลังถูกจับได้ไม่มีผิด
“ใครบอกนาย”
“ไม่จำเป็น แต่ผมอยากรู้ว่าทำไม จะพาผมไปรักษาต่องั้นหรอ”
“ใช่”
“.....” อี้ฟานเพียงเอยออกมาสั้นๆเท่านั้นไม่มีอธิบายเพิ่มเติมอะไรอีกทั้งๆที่มีสิ่งมากมายที่มินซอกต้องการรู้อีกมากมายแต่สิ่งที่เขาเจอมาวันนี้มันทำให้เลือกที่จะเงียบเฉยเสียจะดีซะกว่ากับชีวิตของเขา
“นอนเถอะ ฝันดี” พรางก้มลงมากดจูบแผ่วเบาที่ศีรษะเล็กที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมนุ่ม กลิ่นหอมจ่างๆทำให้อี้ฟานรู้สึกปลอดโปร่งทำให้อี้ฟานรู้สึกหลงใหลมันประหลาด
“อื้อ ฝันดีครับ”
เปลือกตาเล็กเปิดขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงรถหรูที่ขับแล่นออกไปจากตัวบ้านจนแน่ใจได้ว่าอี้ฟานไปทำงานแล้ว เช้านี้เขาแสร้งนอนหลับสนิททั้งๆที่มัวกังวลกับอะไรมากมายจนนอนไม่หลับทั้งคืน คาดว่าเมื่อเช้าอี้ฟานคงเห็นเขากำลังหลับจึงไม่อยากรบกวนถึงได้ออกไปทำงานเลยทันทีแบบนั้น
มินซอกผุดลุกผุดนั่งบนเตียงหรูอยู่บ่อยครั้ง ในใจมันร้อนลุ่มไปหมดมีแต่เรื่องที่เขาไม่เข้าใจทั้งนั้นพึ่งรู้ตัวว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี้ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างแทบจะเป็นความลับทั้งหมดทั้งไอ้ห้องบ้าๆนั้น รวมถึงพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาที่ครอบครัวอี้ฟานรับเขามาอุปการะ และอะไรอีกมากมายที่เขายังไม่รู้
บ้าที่สุดเลย!
มินซอกต้องสะดุ้งจากภวังค์เล็กน้อยเนื่องจากเจ้าเครื่องมือสื่อสารบนโต๊ะใกล้ๆเตียงของเขากรีดเสียงร้องเรียกเข้าเพราะมีผู้โทรเข้ามา เลื่อนมือขึ้นมากดรับแม้จะฉงนใจนิดหน่อยเนื่องจากเป็นเบอร์แปลก ยังไม่ทันได้เอยอะไรออกไปก็ถูกปลายสายชิงตัดขึ้นมาเสียก่อน
‘มินซอกใช่มั้ย?’
“ค คยองซู?” มินซอกครางเรียกกลับเสียงเบา แม้จะยังสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าคยองซูไปเอาเบอร์ของเขามาจากไหน
‘ใช่ ฉันเอง’
“นายเอาเบอร์ของฉันมาจากไหนหรอ?”
‘เรื่องนั้นช่างมันเถอะที่จะบอกคือแบคฮยอนตายแล้ว...’ ประโยคท้ายทำเอามินซอกเหมือนถูกสั่งให้หยุดหายใจไปชั่วครู่ ใบหน้าเรียวสวยซีดลงอย่างเห็นได้ชัดไม่ใช่เพราะพิษไข้หรืออากาศเป็นผล แต่คำพูดถัดไปของคยองซูต่างหากที่ทำให้เขาสะอึก
‘ถูกฆ่าตายในห้องพัก โดนยิงตายที่หลังและต้นคอ’ พลันภาพเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นก็ฉายทับเข้ามาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง มินซอกพยายามสะบัดหน้าหนีไอ้ภาพเหตุการณ์บ้าๆนั้นทิ้งไปแล้วกรองเสียงให้ปกติกลับไปยังปลายสาย
“ล แล้วศพแบคฮยอนตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
‘ตำรวจนำศพไปชันสูตร ที่เหลือ...ฉันไม่รู้’ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วคำพูดของคยองซูมันดูราบเรียบเหมือนไม่แยแสกับเรื่องของแบคฮยอนสักเท่าไหร่ทั้งๆที่เพื่อนถูกฆ่าตายแท้ๆ
“.....” เหมือนตันขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่รู้จะถามอะไรออกไปมินซอกจึงเลือกที่จะถือสายไว้แต่ไม่ได้เอื้อนเอยอะไรออกไปเหมือนรอให้อีกฝ่ายตัดสายไปหรือเอยออกมาก่อน ไม่นานคนที่ต่อประโยคก็คือปลายสายแต่ก็เป็นมินซอกอีกครั้งที่อึ้งนิ่งไปกับน้ำเสียงแปลกๆของคยองซูที่ดังมาตามปลายสาย
‘หึ น่าโมโหนะ’
“.....”
‘แบคฮยอนนะ ทั้งๆที่มันสมควรจะถูกฉันฆ่าตายแท้ๆแต่ดันถูกคู่นอนที่ไหนของมันไม่รู้ชิงตัดหน้าฉันซะได้ น่าหงุดหงิดเป็นบ้า’ แทบไม่อยากจะเชื่อหูจนมินซอกต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากใบหูสวย ตรวจดูหมายเลขที่เขากำลังคุยอยู่ด้วย แล้วจึงค่อยๆแนบลงข้างหูอีกครั้ง
“อะไรนะ? พูดเล่นหรอ”
‘เหอะ ห๊ะห๊ะ...’ เสียงทุ้มติดแหลมหน่อยๆหัวเราะออกเบาๆราวกับมันเป็นเรื่องน่าขันเสียเต็มประดา
“.....”
‘เรื่องที่หมอนั้นถูกฆ่าตายนะอย่าไปใส่ใจอะไรให้มากนักเลย มันคงถูกคู่นอนไหนสักคนที่มันคงร้องขออะไรมากเกินไปจนถูกเขาเก็บจนได้นะสิ คนอย่างแบคฮยอนนะ... สมควรตายแบบนี้แล้วล่ะ’ คยองซูพูดเหมือนเห็นเหตุการณ์กับตามันถูกเกือบจะทั้งหมด ไม่สิทุกอย่างด้วยซ้ำเพียงแค่คู่นอนที่พูดถึงนั้นนะ
คนรักของเขาเอง
‘ที่ฉันโทรมาเพราะเจ้างี่เง่าอย่างจุนมยอนมันอยากให้ส่งข่าวให้นายรู้เท่านั้นเอง อย่างน้อยนายก็ยังเป็นเพื่อนกับมันและยังไม่ได้รับรู้ถึงความร้ายกาจของแบคฮยอน ถือซะว่าจดจำแต่เรื่องดีๆก็แล้วกันนะ จะว่าไป…’
“.....”
‘กล้องวงจรปิดหน้าห้องดันเสียในช่วงเวลาที่เกิดเหตุซะได้ ไม่สิ...จะเรียกว่าเสียได้มั้ยนะ หึหึสงสัยหมอนั้นมันจะไปเล่นกับคนมีอิทธิพลใหญ่เข้าสินะถึงขนาดสั่งทำลายหลักฐานทุกชนิดได้ เดาได้เลยข่าวการตายของแบคฮยอนไม่มีช่องไหนกล้าเอาไปลงข่าวแน่นอน และมันคงเงียบหายไปเร็วจนน่าตกใจเลยล่ะ พนันมัยล่ะ... คิก’
ร่ายออกมายาวเหยียดไม่เว้นช่วงให้มินซอกได้เอยอะไรออกไปสักคำ เมื่อสิ้นประโยคสายก็ถูกตัดทิ้งไปโดยคนปลายสายอย่างคยองซูทันที ได้แต่ถอนหายใจออกมาแรงๆเท่านั้น แล้วจึงล้มตัวลงบนเตียงกว้าง
“ให้ตายสิ.. ตาลปัดไปหมด”
จริงอย่างที่คยองซูพูดไว้ไม่มีผิดนี้ก็ผ่านมาสัปดาห์เต็มเข้าไปแล้วทั้งอินเทอร์เน็ตรายการทีวี หรือแม้แต่หนังสือพิมพ์สักฉบับก็ไม่มีวี่แววว่าจะพาดหัวข่าวของแบคฮยอนสักอย่างเดียว! ทั้งๆที่การตายของแบคฮยอนในโรงแรมที่หรูหร่าขนาดนั้นแต่ข่าวกลับถูกปิดเงียบจนน่าใจหาย ปิดเงียบชนิดที่ไม่มีเล็ดรอดออกไปให้สื่อต่างๆทำข่าว จะเรียกว่าปิดข่าวเก่งหรือเพราะอำนาจใหญ่มันค้ำคอจนไม่มีสำนักงานไหนเอี่ยวเข้ายุ่งกันแน่นะ
แต่เขาคิดว่าอย่างหลังมากกว่า
อี้ฟานออกไปได้สักพักแล้วนั้นก็พอจะให้เขาขยับตัวไปไหนมาไหนได้สะดวกบ้าง ถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเรียนให้นั่งๆนอนๆอยู่แต่ในบ้านในห้องสี่เหลี่ยมน่าเบื่อนี้จนเขาแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว จะหนีออกไปก็ไม่ได้ก็เล่นสั่งบอดี้การ์ดคุ้มแจหน้าห้องเขาขนาดนั้น ได้แต่ได้ผุดลุกผุดนั่งเดินทั่วห้องกว้างไปมาจวบสุดท้ายก็กลับมาล้มตัวนอนที่เดิมวนไปมาทั้งวัน ในขณะที่ใบหน้าเล็กกำลังง้ำงอเพราะความเบื่อหน่ายก็ถูกเสียงทุ้มของคุณหมอหนุ่มเจ้าของเคสที่ดังขึ้นทำให้ใบหน้าสวยหันกลับไปมองด้วยความรวดเร็วแกมประหลาดใจเล็กน้อย
“ถอนหายใจทิ้งแบบนั้น เบื่อหรอครับ” รูปร่างสูงใหญ่ดูดีในชุดลำลองเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคเดฟที่ไม่ให้ความรู้สึกควรจะเป็นของคุณหมอสักนิดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันดูดีมากจริงๆ
“ก็นิดหน่อยครับ” มินซอกเปลี่ยนท่ามานั่งแกว่งขาเรียวเล็กเบาๆไปมาเล็กน้อย ฉีกยิ้มเล็กให้คุณหมอหนุ่มพอเป็นมารยาท
“ขอหมอตรวจหน่อยนะครับ”
“อ่า ครับ” มินซอกยกยื่นข้อมือบางให้อย่างว่าง่าย ชานยอลตรวจจับชีพจรทั่วไปวัดไข้อะไรเล็กน้อยซึ่งมินซอกก็ทำได้เพียงมองตาแป๋วอย่างเดียว
“อาการไข้ลดลงไปเยอะแล้วนะครับ ที่เหลือคงต้องกินยาชุดเดิมให้หมดแค่นี้คงพอ”
“หมอชื่ออะไรหรอครับ?” มินซอกเปลี่ยนประเด็นหลังระลึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่รู้ชื่อของหมอประจำตัวเองสักนิด หมอหนุ่มกลั้วหัวเราะเล็กน้อย
“ปาร์ค ชานยอลครับ”
“หมอปาร์คนี้อายุเท่าไหร่งั้นหรอ? เหมือนไม่ใช่หมอจริงๆเลย” ประโยคคำถามที่ราวกับเด็กน้อยเรียกรอยยิ้มอบอุ่นของชานยอลได้ไม่ยาก จนเผลอส่งมือหนาขึ้นไปยีกลุ่มผมนุ่มสีรากไม้ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้เคลิ้มยากห้ามใจนั้นอย่างลืมตัว
“เท่าอี้ฟานนั้นแหล่ะครับ ว่าแต่ทำไมผมถึงดูไม่เหมือนหมอล่ะ?”
“ก็หมอนะ น่าจะเป็นพวกตาแก่อ้วนลงพุ่ง ใส่แว่นหนาๆดูน่าเคารพกว่านี้นี่น่า”
“เห้ จะบอกว่าผมดูไม่น่าเคารพรึไงกันเจ้าเด็กนี้” สายตาคาดโทษของชานยอลไม่ได้สร้างความกลัวให้มินซอกเท่าที่ควรสักเท่าไหร่ กลับได้รอยยิ้มร่าและเสียงหัวเราะสดใสที่ทำเอาร่างสูงรู้สึกไหววูบที่อกซ้ายเล็กๆมาแทน
“นี่หมอชาน ผมออกไปเที่ยวข้างนอกได้มั้ย?” เพียงไม่นานคุณหมอหนุ่มและมินซอกก็สนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว การเรียกขานของมินซอกดูเป็นกันเองและดูน่ารักเสียจนร่างสูงอดใจอ่อนไม่ได้ รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงออดอ้อนที่มาตามคำพูดนั้นได้อย่างชัดเจน
“ไม่ได้ อี้ฟานสั่งไว้”
“โหยย.. ทำไมอ่ะ ผมหายแล้วนะหมอตรวจแล้วผมก็หายแล้วนี่ ผมออกไปข้างนอกนะอยากเที่ยว ผมเบื่อไอ้ห้องแคบๆนี้เต็มทนแล้ว”
“ถึงจะเบื่อแค่ไหนแต่นี้ก็ใกล้วันเดินทางเข้ามาเต็มทีแล้ว นายต้องรักษาร่างกายให้พร้อมเสมอนะ” แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของมินซอกหายงอได้เลยกลับยิ่งงอหนักเข้าไปอีก เหมือนเด็กถูกขัดใจไม่มีผิด
“จะอะไรนักหนา ผมก็หายแล้วแท้ๆจะพาผมไปไหนอีก!”
“เรื่องนั้นถึงวันนั้นก็รู้เองแหล่ะ”
“น่าเบื่อ น่าเบื่อที่สุดเลย อยากเที่ยวๆๆ” นาทีนี้มินซอกไม่ต่างไปจากคุณหนูเอาแต่ใจที่ต้องการอะไรมากถึงขั้นลงไปนอนโวยวายไร้เหตุผลบนเตียงกว้างจนหมอหนุ่มได้แต่ส่ายหน้ายิ้มเบาๆเท่านั้น
“ถ้าไม่ใช่เที่ยวฉันก็พอจะทำให้นายได้นะ อย่างเช่น..เค้กอร่อยๆสักปอนด์” เหมือนโดนสะกดเพียงคำว่าเค้กมินซอกก็รีบกระเด้งตัวลุกขึ้น โผเข้าเกาะแขนใหญ่ของชานยอลอย่างรวดเร็วด้วยลูกแก้วกลมที่เป็นประกายสวยน่าหลงใหลด้วยความตื่นเต้น
“จริงหรอ? ผมอยากกิน จะออกไปซื้อให้ผมหรอ?จริงๆนะ”
“ครับ ครับ..ฉันเคยขับผ่านร้านหนึ่งอร่อยใช้ได้เลยล่ะ จะขับไปซื้อมาให้นายต้องนอนรออยู่บนห้องนี้เท่านั้นนะ”
“ครับ!” มินซอกยิ้มจนตายี ด้วยความดีใจพรางสมองเล็กก็คิดเรื่องสนุกๆแก้เบื่อขึ้นมาได้ เพียงแค่คิดใจก็เต้นตึกตักจนแทบทนไม่ไหวกับความตื่นเต้นและความจริงที่เขาสงสัยมาโดยตลอด
“แต่หมอชาน เอาพวกบอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าห้องผมออกไปได้มั้ย? ไม่ชอบเลย”
“แต่..”
“นะ.. ผมไม่ชอบเลย” เมื่อทนลูกอ้อนไม่ไหวร่างสูงจึงได้พยักหน้าเออออตามใจคนตัวเล็กนี้อย่างช่วยไม่ได้
“โอเคครับ แต่สัญญาว่าห้ามออกไปไหน จนกว่าฉันกลับมานะ”
“ครับ สัญญา”
ชานยอลออกไปได้สักพักแล้ว พร้อมกับพวกบอดี้การ์ดน่าเบื่อที่คอยยืนเป็นผู้คุมเฝ้าหน้าห้องของเขาราวกับนักโทษก็ไม่ปาน เมื่อไม่มีพวกเกะกะแล้วดูเหมือนคนตัวเล็กจะลืมสัญญาที่ให้กับคุณหมอหนุ่มอย่างง่ายดาย ใบหน้าสวยหันแลซ้ายขวาเมื่อทางโปร่งขาเล็กจึงรีบเร่งจ้ำฝีเท้าเข้าไปยังที่ที่เขาถูกห้ามหนักหนาอีกครั้ง แม้จะยังเกรงกลัวอี้ฟานอยู่แต่ความอยากมันทำให้เขาลืมความหวาดกลัวไปจนสิ้น
หยุดยืนอยู่หน้าบานประตูที่ยังดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ แม้อาจจะดูเก่าลงตามกาลเวลาและไม่ค่อยถูกใช้งานเหมือนห้องอื่นๆ ชั่วอึดใจลมเย็นวูบบางอย่างทำให้ขนลุกเกรียวขึ้นจนต้องใช้ผ่ามือเล็กลูบคลายความเย็นเบาๆ ก้อนน้ำลายหนืดถูกกลืนลงลำคอระหงส์อย่างยากลำบาก
“อึก” เพียงชั่วอึดใจมินซอกโละทิ้งความลังเลที่มีมาทั้งหมดคว้าผลักเปิดประตูไม้นั้นอย่างรวดเร็ว คราแรกมินซอกหลับตาปี๋กลัวกับภาพตรงหน้าแต่เพราะสายลมอ่อนๆที่ปะทะเข้ากับใบหน้าเรียวเขา เขาจึงตัดสิ้นใจคลี่เปลือกตามองผ่านความมือมิดเข้าไปในห้องกว้างนั้นช้าๆ ขาเล็กก้าวเข้าไปในภายในห้องนั้นช้าๆ กวาดตาสำรวจรอบๆพรางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ภายในห้องที่ดูโล่งเปล่ามีเพียงเตียงกว้างตั้งอยู่กลางห้องกว้างถูกคลุมด้วยผ้าขาวกันพวกไรฝุ่น พื้นไม้รอบๆถูกฝุ่นเกาะเกรอะกรังไปหมด มุมสุดมีพวกกรอบไม้หรืออะไรก็ไม่แน่ใจถูกพิงไว้ ข้าวของบางส่วนเหมือนจะถูกนำไปทิ้งและบางส่วนก็ยังมีหลงเหลือไว้แต่ก็เก่าเต็มทนพร้อมพังทุกครั้งที่หยิบจับแรงๆ
“อะไรกัน ก็แค่ห้องธรรมดา” เปรยเสียงแผ่วกับตัวเองเมื่อสำรวจจนทั่ว ยอมรับเลยว่ารู้สึกผิดหวังสุดๆทั้งที่เขาคิดไว้มันน่าจะมีความลับอะไรมากกว่านี้แท้ๆ ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าอี้ฟานจะหวงอะไรนักหนากับแค่ห้องเก่าธรรมดานี้ เขาถอนหายใจทิ้งอย่างหงุดหงิดกับห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นเขรอะด้วยใบหน้าติดบูดบึ้ง บางทีอาจจะจริงอย่างที่อี้ฟานบอกก็ได้ที่ห้ามไม่ให้เขามาเพราะมันเต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่นละอองกระจายเต็มห้องอับทึบแบบนี้ ขื่นอยู่นานโรคภูมิแพ้เขาต้องกำเริบแน่ๆ
หากขาเล็กเป็นอันต้องชะงักต้องสะดุ้งตัวโหย่งเล็กน้อยกับเสียงของฝาไม้เก่าที่ถูกพิงเก็บไว้ข้างมุมสุดล้มลงมา สายตาเรียวเหลือบมองช้าๆปะทะเข้าไปรูปเก่าที่สะท้อนแสงจากภายนอกเล็กน้อยและเศษฝุ่นทำให้เห็นไม่ชัดว่ามันคือภาพอะไร มีบางสิ่งบางอย่างบอกให้เขาเดินกลับไปให้ความสนใจมัน มินซอกยอตัวลงนั่งเล็กน้อยมือบางหยิบกรอบภาพขนาดใหญ่ขึ้นมา เหลือบหาอะไรที่จะเช็ดสุดท้ายก็ลงทุนใช้ผ่ามือตัวเองเช็ดแบบลวกๆ
“.....”
แหมะ.. แหมะ
เมื่อเศษฝุ่นที่เคยอยู่ก่อนหน้าจางหายไปแล้วจึงปรากฏภาพผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในท่าที่กำลังส่งยิ้มอบอุ่นออกมานั้นเหมือนมีบางอย่างกำลังกระตุกหัวใจเล็กเบาๆ และเพิ่มความทวีรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าตัว
รอยยิ้มแสนอบอุ่นที่เขาเคยครอบครอง
แววตาใจดีที่มันเคยมองมาที่เขา
ไม่นานหยดน้ำตาสีใสก็ค่อยๆร่วงหล่นลงมาทีล่ะเม็ดก่อนมันจะเอ่อล้นเต็มใบหน้าหวานที่เริ่มสะอื้นไห้ตัวโยน รูปขนาดใหญ่ถูกแก้มกลมแนบลงบนใบหน้าเจ้าของรูปแขนเล็กโอบกอดรัดแน่นด้วยความโหยหา ราวกับกลัวว่ามันจะสูญสลายหายไปอีก ส่งเสียงสะอื้นร่ำไห้ออกมาไม่ขาดสายฟันสวยขาวขบกันที่ริมฝีปากล่างตัวเองแน่นอย่างทรมาน
“ฮือ...ฮึก อึก ฮือออ...”
มินซอกรู้แล้ว...
ฝันนั้น
เสียงเพลงครั้งนั้น
ผู้ชายคนนั้น
และ... เสียงปืนในตอนนั้น
ริมฝีปากเล็กเผยอสูดเอาอากาศเล็กน้อย เค้นเสียงหวานเอื้อยเอยคำบางคำที่มันสะเทือนไปถึงก้อนอกด้านซ้ายของเขา... รวมไปถึงผู้มาใหม่
“ฉ เฉิน... ฮืออ....”
เคร้ง!
“อ๊ะ!” ร่างของมินซอกลอยหวือตามแรงกระชากของผู้มาใหม่ส่งผลให้รูปใบใหญ่ร่วงหล่นคว่ำลงกับพื้นห้องเสียงดัง เขาตวัดสายตามองผู้มาใหม่ก่อนมันจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ เสียงทุ้มอันแสนน่ากลัวในความทรงจำกลับมาอีกครั้ง
“จำได้แล้ว”
“.....”
“จำมันได้แล้วสินะ... ซิ่วหมิน”
“อี้... ฟาน”
และในที่สุดอสูรกายแสนน่ากลัวก็กลับมาอีกครั้งพร้อมๆกับความทรงจำทั้งหมดของเขา
TBC.
✤✤✤
ความจริงจะมาลงตอนนี้ประมาณวันเสาร์ แต่ช่วงนี้หายไปนาน
เลยเอาลงเร็วซะเลย-..-
คือลืมบอกว่าฟิคนี้จะไม่ได้อัพแบบถี่ๆนะค่ะ
คือเป็นฟิคที่จะแต่งล่วงหน้าไปเรื่อยๆ ถ้าตอนปัจจุบันที่แต่งจบก็จะอัพตอนต่อไปให้
ประมาณนี้อ่ะ เพราะงั้นมันเลยอาจจะช้าถึงช้ามาก
อันนี้ขึ้นอยู่กับความขยันของคนแต่งเองด้วย 5555
เจอกันตอนหน้าค้า~
ความคิดเห็น