ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Black Memories

    ลำดับตอนที่ #6 : Memories -5-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 443
      1
      27 เม.ย. 57

     
     
         Black Memories

    -5-









    “คุณโอเคมั้ย?”  เสียงทุ้มของคุณหมอหนุ่มทำให้มินซอกงงงวยด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยังพอมีสติที่จะพยักหน้าหงึกเบาๆ แม้จะแทบไม่มีแรงแล้วก็ตาม

    “ผมเป็นอะไรไป” มินซอกจำได้ว่าครั้งล่าสุดคุยกับอี้ฟานแล้วทุกอย่างก็มืดลงไป ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็เจอคุณหมอเจ้าของเคสที่เจอกันวันแรกที่เขาอยู่รพ. มานั่งส่งยิ้มอ่อนโยน แต่มือก็ยังตรวจร่างกายเขาไปเรื่อยมินซอกรู้สึกปวดหัวตึกๆแต่ก็ยังกัดฟันข่มไว้

    “อี้ฟานบอกคุณเป็นลมไปนะ ผมตรวจดูแล้วเป็นเพราะอาการความจำเสื่อม ทำให้คุณค่อนข้างที่จะอ่อนแอ ส่งผลให้เกิดอาการป่วยแทรกซ่อนได้หากคุณดูแลตัวเองไม่ดี เดี๋ยวผมจะจัดยาให้อีกทีนะครับ” คุณหมออธิบายอย่างฉะฉาน มือก็จัดการเก็บเครื่องมือแพทย์ของตนเอง

    “อี้ฟานล่ะครับ?” เมื่อกวาดมองหาคนตัวสูงรอบห้องไม่เจอ ใบหน้าเรียวจึงหันกลับมาถามคุณหมอหนุ่มด้วยความสงสัย

    “เห็นบอกมีงานด่วนเข้าครับ ถ้าแล้วยังไง..”  

    “คือ หมอครับ” มินซอกเอยแทรกประโยคขึ้นหลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง บวกกับท่าทีของคุณหมอที่เหมือนจะกลับทำให้ไม่ต้องคิดมากที่จะพูดมันออกไป

    “มีอะไร งั้นหรอครับ?”

    “ผม คือ.. ผมฝัน.. ร้าย” มินซอกหลับตาแน่นเหมือนต้องการข่มอะไรบางอย่าง โดยมีสายตาเรียบนิ่งของคุณหมอหนุ่มที่จ้องมองด้วยความรู้สึกยากจะคาดการณ์สำหรับคนตัวเล็ก

    “.....”

    “ผมฝัน ฝันถึงห้องห้องนึ่ง มีบทเพลงที่แสนเศร้าที่ถูกขับร้องออกมาโดยผู้ชายคนหนึ่ง..”

    “.....”

    “แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผมรู้สึกผูกพันกับห้องห้องนั้นและเขาคนนั้นอย่างประหลาด ฝันนั้นมันเหมือนจะหายไป แต่เปล่าเลย... มันกลับมาอีกครั้ง ฮึก.. วันนี้ วันนี้ผมฝันอีกว่า เขายืนส่งยิ้มมาให้ผม และเขา เขา..” มินซอกเล่าไปด้วยแววตาที่สั่นไหว น้ำเสียงที่เอยออกมามันดูเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ไม่นานน้ำตาที่คนตัวเล็กพยายามเก็บไว้ก็ไหลออกมา แม้มันจะโดนปาดไปด้วยหลังมือเล็กของเจ้าตัวเองก็ตาม

    “.....”

    “เขาถูกยิง ยิงตาย.. ผมไม่รู้ว่าผมรู้จักเขามั้ยเขาเอาแต่พร่ำเรียกผมว่า ซิ่วหมิน” มินซอกยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างกักไม่อยู่ โดยมีสายตาหลากหลายของคุณหมอหนุ่มที่มองคนตัวเล็กนิ่ง

     “.....”  มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆ โดยที่ไม่เอยอะไรออกมาสักประโยคเดียว ไม่นานมินซอกก็ต้องหลับไปเพราะความเพลีย ชานยอลดึงผ้าห่มฝืนหนาขึ้นห่มถึงหน้าอกคนตัวเล็กที่หลับตาพริ้ม นิ้วโป้งใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยเบาๆที่แก้มนุ่มเพื่อปาดคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าหวาน

     

    ออกมาได้แล้ว” น้ำเสียงทุ้มใหญ่เอยเสียงเรียบ ตวัดสายตามองเล็กน้อยกับร่างของบุคคลที่สามที่เขาปดคนตัวเล็กไปว่ามีงาน ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็ค่อยๆเดินเข้ามาในห้องหลังจากเขายืนฟังบทสนทนาของคนตัวเล็กกับเพื่อนหมออยู่หน้าห้องตั้งแต่ช่วงแรก

    “ความทรงจำของมินซอก.. เป็นไปไม่ได้” อี้ฟานเอยเสียงนิ่งราบ แต่แววตาตอนนี้กำลังฉายแววความกังวลออกมาอย่างเด่นชัด

    “กูก็ไม่แน่ใจ”

    “มึงหมายความว่า มินซอกจะจำทุกอย่างได้แล้วงั้นหรอ?”

    “ไม่เชิง แต่เพื่อเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้”

    “อะไร”

    “เราคงต้องส่งมินซอกไปอเมริกา เร็วที่สุดก็ภายในเดือนนี้”

    “.....” อี้ฟานเงียบไป สายตาคมเหลือบมองร่างเล็กที่หลับตาพริ้ม อยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตา เขาอยากจะเข้าไปกอดเหลือเกิน แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเรื่องที่เขากับเพื่อนกำลังสนทนากันอยู่ตอนนี้มากกว่า

    “ก่อนที่ทุกอย่างจะสาย ..และก่อนที่ความทรงจำทั้งหมดจะถูกเรียกกลับมาอีกครั้งเราต้องทำ..ถึงแม้มันจะเหมือนฝันร้ายของมินซอกก็ตาม มึงเท่านั้นที่ต้องเลือก อี้ฟาน”

    “ตกลง กูจะเคลียร์งานให้เร็วที่สุดและภายในอาทิตย์นี้กูจะพามินซอกไปอเมริกา”

    นั้นคือการตัดสิ้นใจของอี้ฟานที่เขาเอยออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ชานยอลพยักหน้าน้อยๆ ทั้งสองไม่รู้เลยว่าว่าคนป่วยที่นอนนิ่งไม่ได้หลับไปอย่างที่พวกเขาคิดและได้นอนฟังบทสนทนาของพวกเขาเงียบๆมาตั้งแต่ต้น...

     

    เพี๊ยะ!

    ใบหน้าเนียนหันไปตามแรงกระแทก ข้างแก้มนุ่มที่ทุกทีจะเนียนขาวแต่ตอนนี้ถูกทำให้เกิดเลือดฝาดสีแดง ลามมาถึงริมมุมปากล่างที่ถูกแรงกระแทกจนเลือดสีแดงเข้มซึมผ่านออกมา แต่คนเจ็บตัวก็ไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดใดใด เพียงหันกลับมามองหน้าของคนตัวสูงที่พึ่งตวัดมือลงบนหน้าเขาเมื่อสักครู่เท่านั้น

    “นายทำอะไรของนาย! ทำอย่างนี้อยากให้มินซอกรู้เรื่องหรือยังไง อี้ชิง!” ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่ก็คว้าเข้าที่ต้นแขนขาว แม้จะถูกห่มทับด้วยชุดผ้าเนื้อดีแต่ก็ไม่ได้ช่วยลดความเจ็บปวดจากการถูกบีบแน่นไปได้เลย

    “ผมไม่รู้ ผมนึกว่า...”

    “ไม่รู้!? นายนี้มันโง่เอ้ย!” อี้ฟานเอยเสียงสั่นเครือไปด้วยแรงโทสะ ก่อนจะออกแรงสะบัดแขนคนตัวเล็กกว่าออกห่าง เขาแทบอยากจะปรี่เข้าไปฆ่าคนตัวเล็กกว่าให้ตายคามือแต่ก็ได้เพียงออกแรงลงกับโต๊ะเท่านั้น

    “.....”

    “ไสหัวออกไปจากห้องฉันซะ”  อี้ฟานกล่าวเสียงเรียบ หลังจากพอสงบสติอารมณ์ได้แล้ว อี้ชิงเงียบไม่ส่งเสียงตอบรับแต่อย่างไร แต่คงเพราะนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ร่างสูงจึงเปลี่ยนคำสั่ง

    “เดี๋ยว”

    “ครับ?” อี้ชิงขานเสียงแผ่ว มือถือจอกว้างราคาแพงถูกส่งไปให้อีกคน นิ้วเล็กจิ้มเบาๆก็โชว์ภาพใบหน้าของผู้ชายคนนึ่ง ที่ติดจะหวานแต่ก็ดูหล่อเหล่ามากทีเดียวกับคนตัวเล็กอีกคนที่เขาคุ้นเคยดีว่าเป็นใคร

    “มินซอก กับ...”

    “ลู่หาน มันชื่อลู่หาน สืบประวัติของมันมา ...”

    “.....”

    แล้วก็ส่งลูกน้องของฉันไปทักทายมันหน่อยแล้วกัน มันจะได้เลิกยุ่งกับคนของฉันซะที

     

    มินซอกพลิกตัวไปมา เขาถูกสั่งไม่ให้ไปเรียนนี้ก็ผ่านมา 2 วันกว่าแล้วไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะเป็นห่วงที่เขาหายไปบ้างรึเปล่า แต่ก็ไม่ยักจะโทรตามหรือส่งข้อความมาถามไถ่แต่อย่างใด แต่นั้นไม่ได้ทำให้เขากระสับกระส่ายเพราะเรื่องที่คนตัวสูงพูดกับคนเป็นหมอหนุ่มต่างหากที่ทำให้เขาร้อนรนอย่างนี้

    “อเมริกา.. ความทรงจำกลับมา... บ้าอะไรเนี่ย!” มินซอกอยากจะทึ่งเส้นผมนุ่มลื่นของตัวเองเสียจริงแต่ก็ได้เพียงกัดริมฝีปากแน่นเท่านั้นก่อนจะชันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่มกว้างแต่เสียงโทรศัพท์หรูที่สั่นบนโต๊ะไม่หยุดทำให้ขาเรียวต้องเปลี่ยนทิศทางหมุนกลับมาหามันเสียก่อน

    Backhyun

    เมื่อสไลด์หน้าจอทำให้รู้ว่าเป็นคลิปเสียงความยาวสั้นๆ แม้จะยังแอบสงสัยว่าแบคฮยอนจะส่งคลิปเสียงมาให้เขาทำไม แต่นิ้วโป้งก็จิ้มลงกดเล่นคลายความสงสัย

     

    อะ อี้ฟาน... อ๊า

    แบค อื้ม... แน่นเป็นบ้า

    อ๊า แรงอีก แรงอีก...อื้อ

     

    น้ำเสียงที่สั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ตันหาของคนสองคนที่ดังออกมาจากคลิปเสียงนี้ทำเขานิ่งงันไป กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ และยิ่งเพิ่มความแน่ใจเมื่อในคลิปนี้เอยชื่อของกันและกัน ทำให้เขารู้ขึ้นมาทันทีว่าสาเหตุที่อี้ฟานหายไปช่วงนั้นเพราะอะไร

    “.....” ยังไมทันจะได้คิดอะไร หน้าจอโทรศัพท์ของเขาก็เด้งขึ้นมาเพราะสายที่โทรเข้ามา ไม่ต้องเดาให้มากว่าคือใคร มินซอกชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะยอมกดรับสาย ไม่ได้เอยอะไรออกไปทันนั้นเพราะปลายสายชิงเอยขึ้นมาเสียก่อน และน้ำเสียงที่เหมือนจะเยาะเย้ยเขาเต็มทีนั้น

    ไง.. มินซอก! ได้ฟังยังเอย?คลิปเสียงนั้นนะ เร้าใจดีใช่มั้ยหล่ะ!!?

    “แบคฮยอน ทำแบบนี้ทำไม?”

    ง่! แค่นี้ยังไม่กระจ่างอีกหรอว่าฉันเป็นเมียอี้ฟานไง!! และแกก็ควรจะไสหัวออกไปจากชีวิตเขาได้แล้ว!เสียงหวานแหลมดังเหวขึ้นลั่น จนมินซอกต้องยกโทรศัพท์ออกห่างข้างหูขาวของตัวเอง

    “ไม่เข้าใจ แล้วฉันจะเชื่อได้ไงว่านี้มันคือคลิปจริง เสียงจริง.. ไม่ใช่นายโมเมมันขึ้นมานะ”

    พูดอย่างนี้แสดงว่าอยากเห็นหนังสดงั้นสิ

    “.....”

    ได้! แล้วอย่ามานั่งร้องไห้ทีหลังแล้วกัน! ยังไม่ทันที่มินซอกจะกล่าวอะไรโต้ตอบบ้าง แบคฮยอนก็ชิงกดตัดสายไปเสียก่อน เขาล้มตัวลงนั่งจากที่กังวลหนักเมื่อครู่ที่ยังสงสัยกับคำพูดของอี้ฟานแต่ก็ต้องมาเจ็บใจเรื่องของแบคฮยอนอีกไม่ได้รู้สึกหึงหวงจนน่ามืดตามัวอย่างที่แบคฮยอนหวังสักนิด เพียงแค่รู้สึกเจ็บใจเท่านั้นมินซอกเกลียดการถูกหักหลัง และเกลียดการถูกสวมเขาเป็นที่สุด!

    แต่จะให้เชื่ออย่างสนิทใจเลยมันก็ยังไงอยู่ เลยต้องการเห็นกับตามากกว่าได้ยินจากปากของคนคนอื่นแบบนี้ หากมันเป็นอย่างที่แบคฮยอนว่าเขาก็ค่อยคิดว่าจะเอายังไงกับอี้ฟานอีกทีแล้วกัน

     

     

    ผลั๊ก! ผั๊วะ!

    หมัดลุ่มๆกับผ่าเท้าหนักๆถูกส่งลงไปกลางท้องของชายหนุ่มชุดดำ ตามด้วยเหวี่ยงคนสุดท้ายที่เขาจัดการลงไปกองรวมกับพวกสองสามคนที่เหลือที่นอนดิ้นไปมาอย่างหมดทางสู้ ลู่หานมองด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียม และสายตาวาวโรจน์ นิ้วเรียวยกขึ้นดึงแท่งบุหรี่ที่คาบไว้พ่นควันพิษสีเงินออกโดยไม่แยแสกับภาพเบื้องหน้าของเขาเท่าไหร่นัก

    “ใครส่งพวกมึงมา” น้ำเสียงนิ่งๆของเขาอดพาชายที่เหลือที่นอนกองบนพื้นหวาดหวั่นไม่ได้ แต่เพราะอำนาจของคนคนนั้นมันค้ำคออยู่ ทำให้เลือกที่จะไม่พูดออกไป และความเงียบดูเหมือนจะทำให้ลู่หานไม่พอใจสักเท่าไหร่ เท้ายาวก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายคนที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มคนที่เหลือ มือแกร่งกระชากกลุ่มผมดำสนิทขึ้นมา จิกแน่นเพื่อให้มันเงยหน้าขึ้นสบตากวางสวย แต่บัดนี้มันดูน่ากลัวยิ่งกว่าราชสีห์เสียอีก

    “กูถามว่าใครส่งพวกมึงมา” ลู่หานใจเย็นมากพอที่จะยังคงถามย้ำประโยคเดิมๆอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่ทำให้อีกคนรู้สึกอยากอ้าปากเท่าไหร่ ลู่หานกระตุกยิ้มมุมปากส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆเมื่อนึกเรื่องสนุกอะไรขึ้นมาได้ เขาปล่อยมือออกจากกลุ่มผมหยาบนั้น ก่อนจะใช้บุหรี่แท่งของเขาที่ปลายด้านยังติดไฟหน่อยๆ กดบดขยี้ลงที่ข้างแก้มหยาบนั้นช้าๆ

    “อะ อ๊ากกกก!!!” เสียงโหยหวนของผู้ชายคนนั้นพาให้ลูกน้องที่เหลือขวัญหายกระเจิง แต่สำหรับลู่หานเขากลับยิ่งรู้สึกสนุก จึงยิ่งเพิ่มแรงกดจี้เข้าไปอีก เท้าใหญ่ที่ถูกสวมด้วยรองเท้าหนังสีดำราคาเยียบครึ่งแสนเหยียบเข้าที่หลังมือหยาบของร่างที่พยายามดิ้นหนีสัมผัสร้อนจากก้นบุหรี่ของเขา

    “กูจะถามอีกครั้งว่าใครส่งมึงมา นับหนึ่งถึงสาม.. ไม่อย่างงั้นสิ่งต่อไปที่แนบข้างแก้มมึงมันไม่ใช้แค่ก้นบุหรี่ แต่มันคือลูกปืน..” แววตากว้างวาววับไปด้วยความอัมหิต มันคือสิ่งที่บ่งชัดว่า ลู่หานเอาจริงไม่ใช่พูดเล่น!

    “หนึ่ง”

    “.....”

    “สอ...” ยังไม่ทันจบประโยค เสียงสั่นที่เล็ดลอดออกมาทำลู่หาน ยิ้มหยันทันที

    “คะ คุณอี้ฟาน คุณอี้ฟานส่งพวกผมมา หยะ อย่าทำอะไรผมเลยนะครับ ..” ท้ายที่สุดดูเหมือนจะทนแรงกดดันจากคนหน้าหวานแต่กระกระทำยิ่งกว่ามัจจุราชคนนี้ไม่ได้ จึงยอมปริปากออกไปด้วยเสียงสั่น ลู่หานลดปลายก้นบุหรี่ออก ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

    “อี้ฟาน.. มึงสินะ คงจะหวงคนของมึงน่าดูนี้แค่กูยุ่งย่ามนิดหน่อยถึงขั้นส่งคนมาแล้วถ้ากูฉุดล่ะ?แม่งจะทำอะไรอีกนะ หึหึ” เป็นคราวที่ลู่หานส่งเสียงหัวเราะเย็นในลำคอ คนที่เหลือพาลขนลุกเกรียวสั่น

    ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป

     

    “มินซอกนายโอเคนะ?” น้ำเสียงทุ้มใหญ่เอยออกมาด้วยความอ่อนโยน มินซอกที่นอนนิ่งบนเตียงกว้าง ถูกห่มผ้าจนถึงช่วงคางเรียว พยักหน้านิดๆ เพื่อให้คนตัวสูงหมดห่วงเขา

    “ผมยังไหวอี้ฟานไม่ต้องเป็นห่วง ทำงานเถอะ” แม้ใจอยากจะหยุดงานเต็มที แต่เพราะคำยืนยันของคนตัวเล็กและอะไรอีกหลายๆอย่างที่ทำให้เขาต้องรีบเคลียร์ทุกสิ่งอย่างในบริษัทให้เสร็จผ่านในอาทิตย์นี้ ยิ่งเห็นใบหน้าน่ารักของมินซอกที่ยิ้มจนตายี่ เขาก็ต้องเร่งมือมากขึ้นเท่านั้นหากทุกอย่างช้าไป..

    เขาจะไม่มีวันได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของมินซอกอีกเป็นแน่

    ใบหน้าอิ่มหวานนั้น.. คงเต็มไปด้วยสายตาหวาดกลัว และขยะแขยงเขาเหมือนเมื่อก่อน

    ถึงตอนนั้น อี้ฟานคนนี้คงต้องกลับไปเป็นอสูรกายร้ายอีกครั้ง

     “นะ ไม่ต้องเป็นห่วง อี้ฟานไปทำงานเถอะ” เสียงเล็กปลุกอี้ฟานให้หลุดออกมาจากภวังค์ ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปพยักน้อยๆ ก่อนจะก้มลงกดริมฝีปากหนาแช่ค้างที่เรียวปากนุ่มนิ่มข้างใต้ไว้เพียงไม่นานก็ผละออกไป มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู

    “ไว้ฉันเคลียร์ทุกอย่างเสร็จหมดฉันจะรีบกลับมาหานาย มินซอก”

    “ครับ” มินซอกขานรับเสียงเบา เปลือกตาหนาค่อยๆปิดลงช้าๆ เมื่อเห็นคนตัวเล็กเข้าสู่นิทราอี้ฟานจึงไม่อยากที่จะรบกวน ขายาวก้าวออกไปจากห้องเงียบๆ เมื่อคล้อยแผ่นหลังของอี้ฟานคนที่ท่าว่าจะหลับค่อยๆลืมตาขึ้นมา ชันตัวลุกขึ้นวิ่งไปยังประตู เปิดแง้มดูให้แน่ใจว่าอีกคนไปแล้วจริงๆ พรางวิ่งไปยังหน้าต่างบานใหญ่ของห้องตน ชะโงกมองรถสปอร์ตคันหรูของอี้ฟานที่ขับเคลื่อนออกไปจนพ้นตัวบ้าน

    “คุณหนูจะไปไหนครับ?” เมื่อเห็นร่างบางที่วิ่งลงจากบันไดด้วยความเร็ว ทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มขมวดคิ้วแน่น จากคำสั่งที่แสนเด็ดขาดของนายตนคือ คิมมินซอกป่วยต้องคอยเฝ้าไม่ห่าง แต่ท่าทางของมินซอกตอนนี้ต่างจากคำว่าป่วยโดยสิ้นเชิงนี่สิ

    “อ่า.. อี้ฟานลืมของนะ ฉันกำลังจะเอาไปให้”

    “แต่คุณหนูป่วยอยู่ไม่ใช่หรอครับ? เดี๋ยวผมจะสั่งพวกนี้เอาของไปให้นายเองคุณหนูไปพักเถอะครับ” เอยออกไปด้วยความเป็นห่วงจากนายคนเล็กของบ้าน และอีกเหตุผลใหญ่หากเขาปล่อยให้มินซอกเอาของไปให้คนเดียวแบบนี้มีหวังกระสุนเจาะสมองแน่ๆ เพราะนายใหญ่อย่างอี้ฟานย้ำให้เขาดูแลมินซอกให้ถึงที่สุดนี่น่า

    “มันเป็นของสำคัญนะ ฉันเอาไปให้เองนะดีแล้ว อ่อ...แล้วอย่างพึ่งโทรไปบอกอี้ฟานนะ ฉันไปล่ะขอบใจนะ” พูดเองเออเองด้วยความเร็ว โดยไม่ปล่อยให้อีกคนได้ท้วงเลยสักนิด รู้ตัวอีกทีร่างของคิมมินซอกก็ปลิวหายไปแล้ว พร้อมๆกับรถของเจ้าของนั้นด้วย

    โดยมีสายตาเหนื่อยอ่อนของบอดี้การ์ดหนุ่มมองตามไปติดๆ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ นอกจากนายใหญ่ คิมมินซอกคือบุคคลที่ทุกคนในบ้านต้องเชื่อฟังไม่น้อยไปกว่าอี้ฟานเช่นกัน

     

    “ตรงเวลาดีนี่”

    เมื่อหยุดยืนอยู่ตรงบานประตูใหญ่ไม่นานเกินห้านาที มันก็ถูกเปิดออกด้วยบุคคลภายในห้อง รอยยิ้มที่เขาเคยคิดว่ามันขี้เล่น และอาจจะจริงใจแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ และแสนจะเยาะเย้ยเขาเสียเต็มประดา

    บยอน แบคฮยอน

    “เข้ามาสิ” ไม่ได้ตอบกลับใดใดทั้งสิ้น มินซอกก็เบียดตัวเข้าไปในห้องกว้างสุดหรูที่เดาได้ไม่ยากว่ามันมาจากเงินใคร เพราะลำพังเด็กกำพร้าอย่างแบคฮยอนและยังมาเรียนต่างประเทศแบบนี้ไม่มีทางมีเงินซื้อมาพักอยู่อาศัยได้แน่ๆ แต่คิดได้เท่านั้นเสียงขวดแก้วเหล้ายี่ห้อดีที่กระทบกับโต๊ะเรียกให้มินซอกหันไปสนใจได้ไม่ยาก

    “ดื่มหน่อยมั้ย?”

    “ไม่”

    “กลัวอะไร?” ขอบตาเรียวที่ถูกกรีดด้วยอายไลเนอร์ของแบคฮยอนจ้องนิ่งมายังเขา ริมฝีปากบางกดยิ้มลึกราวกับผู้ที่อยู่เหนือจากเขา เรียกความไม่พอใจให้มินซอกได้ไม่ยากนัก

    “ไหนล่ะ การพิสูจน์ของนาย?ไม่ใช่หลอกให้ฉันมาเสียเที่ยวหรอกใช่มั้ย”

    แบคฮยอนไม่ตอบเพียงกระตุกยิ้มมุมปาก นิ้วเรียวหยิบขวดเหล้าแพงเปิดฝาพร้อมกับเทลงบนแก้วทรงสูง ยกขึ้นจิบเบาๆ แล้วจึงเดินมาล้มตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มอีกฝั่งยกขาเรียวขึ้นไขว้ห้าง มินซอกอดสังเกตไม่ได้ ทั้งร่างกายที่บอกบาง ขายาวเรียวสวยนั้นยิ่งอยู่ในชุดนอนเสื้อเชิ้ตขาวบางที่ยาวถึงต้นขาทำให้ยิ่งดูเซ็กซี่ เขาไม่แปลกใจเลยหากอี้ฟานจะมีความสัมพันธ์อย่างว่ากับแบคฮยอนจริงๆ

    “ใจเย็นสิ.. อยากร้องไห้สติแตกขนาดนั้นเชียว มินซอก?” น้ำเสียงเยาะเย้ยที่มินซอกแสนเกลียดชังถูกเอยออกมาด้วยท่าทีไม่หยี่ระของแบคฮยอนอีกครั้ง

    “นายเอาอะไรมามั่นใจว่าฉันจะร้องไห้สติแตก?”

    “เห็นคนรักของตัวเองมานอนกกกับคนอื่นต่อหน้าต่อตา คิดว่านายจะยืนมองด้วยรอยยิ้มหรือยังไง” แต่ครั้งนี้เป็นฝ่ายที่มินซอกยกยิ้มขึ้นมาข่มอีกฝ่ายบ้าง

    “ก็ไม่เชิงหรอกมั้ง นายไม่มีค่าอะไรที่สามารถทำให้อี้ฟานทิ้งฉันไปหาคนอย่างนายหรอกแบคฮยอน อย่าคิดว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้นสิ”

    “มินซอก!”  มือเรียวบีบเขากับแก้วที่เหลือเหล้าเล็กน้อยแน่น กับคำพูดดูถูกเขาของมินซอกนั้น

    “นายมันก็แค่ของเล่นแก้เบื่อของอี้ฟานชั่วคราว เพียงเพราะฉันยังไม่พร้อมให้ความสุขเขาเท่านั้นแหละ ไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่านี้เลย”

    “หมายความว่าไง!

    “รู้อะไรมั้ย? ตลอดเวลามานี่ อี้ฟานยังไม่เคยล้วงเกินฉันสักครั้งเลยนะ... เพราะอะไรนะหรอ? ก็เพราะเขาต้องการให้ฉันพร้อม ช่วงเวลาที่เหลือก็เลยมาลงกับของเล่นฆ่าเวลาอย่างนายไง แต่เมื่อไหร่ที่ฉันพร้อมล่ะก็ ของเล่นอย่างนายคงรู้ตัวนะว่าจะถูกโยนลงถังขยะสักวันนะ”

    เพล้ง!

    แก้วเหล้าสีใสถูกเคว้างลงบนพื้น จนเศษแก้วมันแตกกระจัดกระจาย มินซอกอึ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยก้าวเท้าถอยหลังลง

    “แก! อยากตายมากใช่มั้ย!!!” แบคฮยอนเอยเสียงสั่นเครือด้วยความโกธรจนแทบระงับไม่ได้ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เท้าเรียวก้าวเข้าประชิดกายมินซอกแน่น มือเรียวเล็กตวัดเข้าข้างแก้มนิ่มจนมันขึ้นแดงเถือกเพราะแรงกระแทก มินซอกหน้าหันไปตามแรง

    เขาไม่ใช่คนดีที่โดนกระทำแล้วจะไม่โต้ตอบ มินซอกที่จะหันกลับมาหมายจะสวนกลับบ้างชะงักเมื่อพบว่าแจกันใบใหญ่ถูกแบคฮยอนยกขึ้นสูง

    ก่อนมันจะถูกทุ้มลงมายังมินซอก คราแรกมินซอกยกมือขึ้นมาบังตามสัญชาตญาณ แจกันใหญ่จึงฟาดเข้าที่เรียวนิ้วเล็ก จนทำให้แหวนสวยหลุดกระเด็นไปโดยที่ไม่รู้ตัว ตามด้วยแรงกระแทกครั้งที่สอง แต่ครั้งนี้มันทั้งแรงและโดนเข้าที่ศีรษะเล็กของมินซอกอย่างจัง

    ผลัก!

    “อะ โอ๊ย..” ร่างเล็กของมินซอกทรุดลงกับพื้นห้องเย็นเฉียบ สายตาที่ใกล้จะพล่าเลือนเต็มทีของมินซอกพยายามเค้นเปิดเงยหน้ามองแบคฮยอนที่ยืนมองเขาด้วยแววตาพราวสนุกและแสนจะเกลียดชังข้างบน

    นั้นคือสิ่งเดียวที่มินซอกสามารถมองเห็น แต่จู่ๆ สมองเล็กก็บีบรัดเข้าหากันจนแน่น แน่นจนใบหน้าหวานเหยเกด้วยความทรมาน อยากจะยกมือขึ้นมากุมแต่ก็ทำได้เพียงเกร็งมือจิกบนพื้นแน่น ภาพความทรงจำบางอย่างที่เคยถูกทำให้หายไป ค่อยๆฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง

    เสียงปืนที่ได้ยิน

    รอยยิ้มที่เหมือนแสงสว่าง

    เสียงเพลงที่ไพเราะ แต่ก็แสนเศร้า

    ใบหน้าของบุคคลที่ราวกับปิศาจร้ายคนนั้น..

    เพียงเท่านั้น เปลือกตาเล็กก็ค่อยๆปิดวูบลงไป ในความมืดมิดที่เต็มไปด้วยเสียงเรียกร้องของอดีตอันแสนเจ็บปวดของเขาอีกครั้ง

    “หลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวพอแกตื่นขึ้นมาก็จะพบกับภาพที่แกจะจดจำไปตลอดชีวิต!” แบคฮยอนโยนแจกันใหญ่ที่พึ่งใช้ทำร้ายร่างที่นอนหายใจโรยรินบนพื้นทิ้งไป พร้อมกับผุดรอยยิ้มแสนสนุกขึ้นมาบนใบหน้าสวยหวาน

    ใช่.. แบคฮยอนพูดถูก

    มันจะเป็นภาพที่มินซอกจะจดจำไปตลอดชีวิต

    จดจำได้พร้อมๆกับอดีตอันแสนเลวร้ายของเขา อดีตสีดำอันน่ารักเกียจ...






     


    CUT

     



     

    ครืด ครืด ครืด..

    แรงสั่นน้อยๆจากมือถือราคาแพงเรียกให้สายตาคมตวัดจากกองเอกสารมากมายที่เขากำลังสารวนอยู่กับมันตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าจนตอนนี้ก็ฟาดไปจะเที่ยงแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่ามันจะลดลงไปจากเดิมเลยสักนิด หน้าจอกว้างขนาด 8 นิ้วแสดงผลสายเรียกเข้าด้วยตัวหนังสือที่มองแค่ปราดเดียวก็รู้ว่าใคร

    Baekhyun

    คราแรกจงใจจะปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้นเพราะงานของเขาหยุดเพื่อรับสายฟังแบคฮยอนพล่ามเรื่องไร้สาระไม่ได้ แต่เพราะเหมือนอีกคนจะรู้ว่าเขาจงใจไม่รับสาย จึงเปลี่ยนมาส่งเป็นข้อความทันที คำแรกที่ขึ้นต้นทำให้อี้ฟานตัดสิ้นใจเลื่อนมือหยิบมันขึ้นมาอ่านทันทีอย่างไม่ลังเล

     ‘-Minseok

    มาหาผมหน่อยสิครับ มีเรื่องจะคุยด้วย... อย่าปฏิเสธล่ะ เรื่องของมินซอกแหล่ะถ้าไม่อยากให้ความลับของเราสองคนถึงหูหมอนั้น เพราะฉะนั้นมาหาผมหน่อยนะครับ ที่รัก~

    มือแกร่งบีบแน่นเข้าโทรศัพท์ราคาแพงเมื่ออ่านข้อความของแบคฮยอนจบ  สายตาคมวาวโรจน์จนบรรยากาศรอบกายดูเย็นจัดจนน่ากลัว

    เขาคิดอยู่แล้วละว่าวันนี้จะมาถึง วันที่คนทะเยอทะยานอย่างแบคฮยอนจะกล้าเอาเรื่องความลับมาต่อรองเขา ที่เขาเลี้ยงแบคฮยอนไว้เพียงแค่ต้องการสายที่คอยสอดส่องมินซอกตอนอยู่มหาลัยและรวมไปถึงเครื่องระบายความใคร่ในยามที่มินซอกยังมอบให้เขาไม่ได้เพียงเท่านั้น

    แบคฮยอนเป็นเด็กกำพร้าที่สอบชิงทุนมาเรียนที่ปักกิ่งได้ จะเรียกว่าสอบก็คงไม่เชิง... แบคฮยอนเป็นเด็กเสี่ยกระเป๋าหนักที่ยัดเงินให้เพื่อให้แบคฮยอนสามารถเข้าเรียนที่มหาลัยที่ปักกิ่งได้ คอยปอกลอกทรัพย์สมบัติของพวกตาแก่ตัณหามากที่ยอมทุ้มเงินมากมายเพื่อที่จะได้เด็กนั้นมาเป็นคู่นอน พอปอกลอกจนพอก็เปลี่ยนเหยื่อไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับเขา

    นี้ก็คงจะเรียกร้องให้เขาเลิกกับมินซอกแล้วมาคบด้วยละสินะ คนอย่างแบคฮยอน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ความทะเยอทะยานที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    จมูกโด้งสูงถอนหายใจทิ้งอย่างเบื่อหน่าย แผ่นหลังแกร่งทิ้งกายเอนลงกับเก้าอี้นวมใหญ่นุ่มราคาแพงของเขา สีหน้าเรียบนิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาที่มันทั้งดูดี และน่าเกรงขามไปในตัว

    บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่เขาควรจะจัดการกับเรื่องบางเรื่องให้จบๆไปสักทีแล้วสินะ

    อี้ฟานคิดเช่นนั้น

     


     TBC.



     



    ✤✤✤

    เย้เฮททท อัพแล้ว=W=
    รอนานมั้ย? หากนานไปก็ขออภัยจีจีค่ะ คือช่วงนี้เค้ามีงานเยอะเลย
    ทั้งงานรร. ที่ต้องไปเฝ้างานทั้งคืนทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาอัพ ซอรี่จริงๆค่ะ-/\-
    แต่อัพแล้ว อย่าโกธรกันนะตัว 555
    โอเค เข้าเรื่อง
    คือช่วงนี้ลู่หมินยังไม่เด่นนะค่ะ เด่นแต่คริสหมิน กับชานหมิน *สปอย*
    แต่ลู่หมินมาแน่ๆค่ะ แต่ช้านีสนุงง
    มาทีจะเอาให้หัวใจวายกันเป็นแถบๆเลย ถถถถ

    Ps.ฉากคัดเป็นอะไรที่สั้นมาก55 หากมันไม่สนุกขออภัยค่ะคือแต่งไม่เป็นแต่ยังอยากจะแต่ง=..=
    CRY .q  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×