ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Black Memories

    ลำดับตอนที่ #4 : Memories -3-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 444
      2
      8 ก.พ. 57

     
     
      Black Memories

    -3-











     

    “ไอ้บ้า! ทำอะไรของนายนะห๊ะ!!”  หมัดหนักถูกรัวกระหน่ำทุบคนข้างบนอย่างหัวเสีย มินซอกทั้งผลักทั้งถีบจนลู่หานยอมแพ้ ลุกออกจากตัวเขาแต่โดยดี คนตัวเล็กกว่ากระชากเครื่องโทรศัพท์ราคาแพงของตัวเองคืน ก้มมองหน้าจอที่โชว์ว่ายังอยู่ในสาย

     

    มินซอก มินซอก!’

     

    “คะ ครับ”  พยายามส่งเสียงตอบกลับให้นิ่งที่สุด เพราะเสียงปลายสายของอี้ฟาน ฟังปราดเดียวก็รู้ว่ากำลังโกธรมากถึงมากที่สุด เหลือบมองลู่หานที่นั่งส่งยิ้มเป็นทองไม่รู้ร้อนกลับมาก็ยิ่งอยากจะกระชากมาต่อยให้เสียโฉม!

     

    นายอยู่ไหน ออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้!! น้ำเสียงเด็ดขาดทำมินซอกตัวเกร็ง กลืนก้อนน้ำลายหนืดๆลงคออย่างยากลำบาก เหงื่อที่เริ่มซึมขึ้นตามใบหน้าสวย ลู่หานขมวดคิ้วกับท่าทีของมินซอก

     

    “นี่นายกลัวแฟนนายขนาดนี้เลยหรอ?”

     

    “นายกำลังทำให้ตัวนายเองกับฉันต้องรำบาก! รู้ไว้ซะ” มินซอกชี้หน้าอีกฝ่ายด้วยอารมณ์โกธรเคือง เขายอมรับอย่างเต็มปากเลยว่าความกลัวทั้งหมดที่มีต่อคนตรงหน้าเป็นศูนย์ แต่ถ้าความโกธรตอนนี้ล่ะก็ร้อนอัพ! กล่าวจบใบหน้าสวยก็ตวัดกลับเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่สนเสียงร้องท้วงตามหลังของลู่หาน ที่เขาเริ่มรู้สึกผิดหน่อยๆที่ทำให้มินซอกโกธรขนาดนี้ แค่จะแกล้งกลับไปหน่อยไม่คิดว่าอีกคนจะโกธรเป็นฝืนเป็นไฟขนาดนี้ คิดได้ดังนั้น ลู่หานจึงรีบออกตัววิ่งตามมินซอกไปทันที

     

    มินซอกกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาหน้ามหาลัย เจอร่างสูงสง่าเท้าแขนพิงรถคันหรู สายตาคมตวัดกลับมามองมินซอกที่ยืนก้มหน้างุด ไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ตอนนี้แทบจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า อี้ฟานถลาเข้ามาจับข้อมือเล็กของมินซอกแน่น

     

    “บอกมา ไอ้หมอนั้นมันเป็นใคร!?”  แววตาเกรียวกราดของอี้ฟานอดทำเอามินซอกตัวเกร็ง ยังไม่เคยเห็นอี้ฟานในโหมดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

     

    “แล้วจะไปเล่าที่บ้าน กลับกันก่อนเถอะ”

     

    “ฉันไม่กลับจนกว่าจะรู้ว่าไอ้หมอนั้นมันเป็นใคร”  น้ำเสียงเย็นยะเยือกแสนเย็นชาทำให้มินซอกขนลุกขึ้นมาเสียดื้อๆ มือน้อยในผ่ามือกร้านของอี้ฟานสั่น  ไม่นานเสียงของเจ้าตัวปัญหามันก็ดังขึ้นพร้อมเจ้าของเสียงร่างโปร่งที่เดินตามมินซอกมาติดๆ

     

    “เฮ้ ใจเย็นๆสิครับเรื่องนี้ผมอธิบาย... ผลั๊ก!”  ยังไม่ทันที่ลู่หานจะกล่าวจบ หมัดหนักๆเพรียวๆของอี้ฟานก็พุ่งสวนเข้าที่มุมปากซ้าย ใบหน้าหวานของลู่หานสะบัดไปตามแรงกระแทก เป็นมินซอกที่ยืนอึ้งอยู่กับที่จะเข้าไปห้ามก็คงเสียแรงเปล่าเพราะขนาดตัวเขากับอี้ฟานมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเกินไปนะสิ

     

    “มึง!”  ลู่หานครางเสียงต่ำด้วยความโกธรจนเลือดขึ้นหน้า พุ่งตัวจะสวนหมัดลงอีกครั้ง แต่อี้ฟานก็หลบได้อย่างว่องไว มือใหญ่ทุบที่หลังของลู่หานจนล้มลงไปไม่เป็นท่า เท้าหนักๆกระแทกเข้าที่สีข้างแรงๆอีกหลายที จนมินซอกต้องรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนให้คนรักของเขาให้หยุด ไม่อย่างนั้นลู่หานอาจจะได้ตายขึ้นมาจริงๆแน่

     

    “พอ! พอได้แล้วอี้ฟาน กลับบ้านเถอะ”  มินซอกร้องขอเสียงแผ่ว แม้คนตัวสูงจะยังโมโหอยู่มาก แต่ก็พอจะหายไปเมื่อได้กระทืบอีกฝ่ายจนหน่ำใจแล้วจึงยอมผละตัวขึ้นรถ ไม่ลืมจะตวาดลู่หานเยาะเย้ยลั่นก่อนไป

     

    “อย่ามายุ่งกับคนของกู จำใส่หัวมึงไว้!!

     

    “มึง.. อึก!”  สายตาที่เริ่มพล่ามัวจากหยดเหงื่อปรือขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความแค้น แต่แรงจะยืนแทบไม่ไหวจึงทำได้เพียงแต่นอนนิ่งมองอี้ฟานที่ยังส่งสายตาเยาะเย้ยมองจนคนตัวสูงลากมินซอกขึ้นรถและขับออกไป เขาพยายามตั้งสติ และคว้านล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือโทรออกไปอย่างยากลำบาก

     

    “ฮะ ฮัลโหล.. มา อึก.. มารับกูทีที่หน้ามหาลัยที”

     

     

    มินซอกนั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะเอยอะไรออกไป อี้ฟานตอนนี้หน้ากลัวเกินไป โกธรแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มือใหญ่ที่จับพวงมาลัยบีบเข้าหากันแน่น สายตาที่มองไปยังทางเบื้องหน้า และเท้าที่เหยียบคันเร่งจนมิด มินซอกต้องจับที่เซฟความปลอดภัยเพราะความกลัว

     

    ไม่นานคนตัวสูงก็จับเคลื่อนลงหรูมายังบ้านของเขา ฉุดลากมินซอกขึ้นไปบนห้องโดยมีสายตาตกตะลึงของพวกแม่บ้านและการ์ดจำนวนมาก รวมไปถึงอี้ชิงที่มองด้วยสายตาหลากหลายอีกด้วย ร่างมินซอกถูกจับเหวี่ยงลงบนเตียงกว้าง เพราะแรงกระแทกส่งผลให้มินซอกงอตัวด้วยความจุก

     

    “อึก.. ทำบ้าอะไร ผมเจ็บนะ!!” พยายามเค้นเสียงตอบกลับให้รู้เรื่องที่สุด ความจุกเริ่มทำเอาสติเขาพล่าเลื่อนเต็มทน

     

    “นายคบชู้ นายทำแบบนี้ได้ยังไงมินซอก!” 

     

    “ม ไม่! ผมไม่ได้คบชู้”  พยายามลุกขึ้นทรงตัวแต่ไอ้ความจุกที่ยังไม่หายก็พาลทำให้จะล้มทุกที แต่ก็ยังฝืนกายไว้ได้

     

    “ฉันไม่ได้โง่ ฉันได้ยินกับหูว่าชู้ของนายมันพูดว่ายังไงบ้าง!!!

     

    “อยากจะเชื่ออะไรก็ตามใจเถอะ เชิญ!!” เป็นมินซอกที่ตวาดกลับเสียงดัง พอเริ่มตั้งหลักได้ก็ยันตัวลุกขึ้น กายเล็กผลักร่างสูงที่ยืนขว้างทางเขาไว้ออกห่าง เขาอยากจะเดินหนีสถานการณ์แบบนี้เต็มทนแต่เหมือนอีกคนจะรู้จึงดึงรั้งแขนเล็ก พร้อมกับเหวี่ยงตัวทับติดกับกำแพงเรียบ

     

    “อึก! ปล่อย..อื้อ!!”  มินซอกเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อถูกจู่โจมโดยร่างสูงที่บดขยี้ด้วยความป่าเถื่อน พยายามทั้งผลัดทั้งดันแต่ดูเหมือนมันจะไม่ส่งผลใดใดกับร่างแกร่งตรงหน้าเขาได้เลย ไม่นานร่างของมินซอกก็ถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนุ่มกว้างอีกครั้ง อี้ฟานโถมตัวขึ้นคล่อมทาบทับ โน้มตัวลงบดขยี้ริมฝีปากนิ่ม ความป่าเถื่อนของคนตัวโตยิ่งทำให้มินซอกผวาสั่น พยายามดิ้นออกให้หลุด รู้สึกกลัวคนข้างบนจับใจ ข้อมือเล็กถูกตรึกด้วยมือใหญ่ของอี้ฟานทั้งสองข้าง จะดิ้นก็ไร้ทางหนี อี้ฟานผละออกมา มือแกร่งกระชากเสื้อนักศึกษาของมินซอกขาดวิ่น

     

    “อย่า ออกไป ออกไป ไม่!!!”  ไร้ผล เพราะความโกธรที่มันมีมากกว่าของร่างบนส่งผลให้พละกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล อี้ฟานไล่สายตามองอกขาวเปื่อยเปล่าที่เขาไม่ได้ลิ้มลองมันมานาน... ตั้งแต่เกิดเรื่องบ้าๆขึ้น ไล่ปลายจมูกโด้งไปตามหน้าท้องแบนราบ กดจูบลงพรมทั่วไม่ลืมที่จะขบกัดสร้างรอยรักลงไปด้วย มินซอกบิดไปมา ไม่ใช่เพราะเกิดอารมณ์…

     

    เขาพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ความรู้สึกบางอย่างที่เขารู้สึกมาโดยตลอด เริ่มจะแสดงผลออกชัดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งมาเจออี้ฟานแบบนี้เขาแทบอยากจะกัดลิ้นตายหนีสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้

     

    ขยะแขยง.. หวาดกลัว

     

    สองสิ่งรู้สึกที่มันผุดขึ้นมาในหัวของเขา และมันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆทวีความรู้สึกจนแทบอาเจียน น้ำตาที่พยายามเก็บมาโดยตลอดค่อยๆหลั่งไหลออกมาพลั่งพรูเต็มใบหน้า แม้อี้ฟานจะเริ่มอ่อนโยนกับเขามากกว่าเก่าแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกเมื่อครู่ของเขากลับยิ่งแน่ชัดขึ้นเรื่อยๆ

     

    “อี้ฟาน ..ได้โปรด..หยุดมัน หยุดเถอะ ฮึก..ฮือออ”  มินซอกพยายามอ้อนวอนสุดกำลัง รู้สึกหวาดกลัวคนคนนี้จนแทบไม่มีแรงต่อกร ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมานิ่งๆเท่านั้น อี้ฟานที่กำลังลากปลายลิ้นลงต่ำถึงขอบกางเกงของเขาหยุดนิ่งไป

     

    “ขอโทษ.. แต่ฉันสัญญาว่าจะอ่อนโยนกับนายให้มากที่สุด”  นั้นไม่ใช่สิ่งที่มินซอกต้องการที่จะได้ยิน เขาไม่อยาก เขาไม่พร้อม..และเขารู้สึกกลัวคนคนนี้ ไม่นานกางเกงของมินซอกก็ถูกมือแกร่งของร่างด้านบนปลดมันจนร่นไปอยู่ที่หัวเขาขาว  มินซอกนอนนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหล จำยอมต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ได้แต่กัดฟันนิ่งมือจิกเข้ากับผ้าปูที่นอนแน่น แต่เพราะอาการเจ็บจี๊ดที่หัวก็ทำให้มินซอกต้องร้องลั่นออกมา แม้จะพยายามข่มเสียงมากแล้วก็ตาม

     

    “อื้อ.. อะ โอ๊ยยย!!!” ราวกับม้วนเทปวิดิโอที่ถูกฉายเข้ามาในหัวของเขา มือเล็กยกขึ้นกุมศีรษะของเขาแน่น บิดกายไปมา ภาพเหตุการณ์หนึ่งที่เคยถูกฝังแล่นริ้วเข้ามาในความทรงจำของเขาอย่างรวดเร็ว...

     

     

    “ปล่อยนะ ปล่อยผม ฮึก..อ๊าาา!!!”  มือเล็กที่ถูกกุญแจล็อกไว้ได้แต่ดิ้นบิดกายไปมา ส่งผลให้เหลี่ยมของเหล็กเสียดสีกับผิวเนื้อเนียนจนเกิดเป็นรอยแดงเลือดซึมช้าๆ พยายามหลีกหนีสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ สัมผัสป่าเถื่อนที่เขาแสนจะหวาดกลัว แม้จะร้องไห้จนแทบขาดใจ แต่ร่างสูงที่โถมกายเข้าใส่กลับไม่แยแสมันแม้แต่นิดเดียว

     

    “อืม... นิ่งซะเถอะ แล้วนายจะ อื้อ.. ชอบมัน หึ” เสียงแหบพล่าจากการถูกรัดแน่นของของทางรักด้านหลัง มันทำให้คนตัวสูงรู้สึกดีจนแทบคลั่ง แต่กลับทำให้อีกคนที่อยู่ข้างใต้แตกเป็นเสี่ยงๆทุกครั้งที่ถูกกระแทกกระทั้งเข้ามาอย่างไร้ความปราณี คนถูกกระทำจิกผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หายเลยแม้แต่สักนิดเดียว ต่อให้จิกจนเล็บฉีก หรือจนกระดูกแตก มันก็ไม่เท่าความเจ็บปวดที่ได้รับในตอนนี้เลยได้เลยสักนิด

     

    อยากตาย ตายเสียให้พ้น.. รู้สึกสะอิดสะเอียนทุกครั้งที่ถูกคนตัวสูงสัมผัส

     

    แม้จะสัมผัสที่แผ่วเบา แต่มันราวกับถูกบีบแน่นจนเนื้อแทบฉีก

     

    “อ๊า ..อืม สุดยอด..สุดยอด”

     

    “ฮือ..อออ พอเถอะ ได้โปรด อ๊ะ ฮือออ” แม้จะรู้อยู่แก่ใจก็ตามว่าไม่มีทางหลุดพ้นไปจากขุมนรกนี้ แต่สัญชาตญาณของมนุษย์ ก็มันจะขอร้องอ้อนวอนเพื่อให้ตนหลุดพ้นจากความหวาดกลัว แม้จะรู้อยู่แก่ใจดีว่าคำตอบคือ ไม่

     

    “นายก็รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจ”

     

    “ผมเจ็บ”  เจ็บปวดไปทั้งร่างกาย และหัวใจ

     

    “อืม.. นั้นมันก็เรื่องของนาย อ๊า...” เสียงแหบพล่าที่เอยออกมาอย่างเอาแต่ใจ ได้แต่ข่มเสียงร้องและกัดปากข่มความทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ไว้

     

    หากเขาตาย เขาคงจะหนีไปจากคนคนนี้ได้... นั้นคือสิ่งที่เขาคิด

     

    “อ๊ะ!! อื้ออ...ฮึก! อ๊ะอ๊ะอ๊ะ...” เพราะแรงที่โถมเข้าใส่ทำให้เผลอหลุดเสียงครางน่ารังเกียจออกมา คนข้างบนก้มลงมามองหน้าที่เขามองเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเบื่อ โน้มลงไล่ปลายจมูกโด้งสูดดมกลิ่นกายหอมหวานทั่วซอกคอขาว ก่อนจะเลื่อนขึ้นข้างใบหูกระซิบเสียงเรียบนิ่ง

     

    แต่มันราวกับปลายมีดแสนคมที่ตัดความหวังของเขาให้พังย่อยยับลง...

     

    “ต่อให้นายตายไป ฉันก็จะจองจำวิญญาณนายให้อยู่กับฉันตลอดไป ซิ่วหมิน

     

     

    “มินซอก! นายเป็นอะไรไป”  อี้ฟานหยุดชะงักกับทุกอย่าง เมื่อเห็นมินซอกที่ดิ้นเร้าไปมา กรีดร้องด้วยความทรมาน มือเล็กเกร็งจิกใบหูของตัวเองแน่นจนเป็นรอยเล็บฝังทั่ว สลับกับรัวทุบที่สมองของตัวเอง พร่ำคำเดิมซ้ำไปมา

     

    “ผมเจ็บ ไม่เอาแล้ว ฮึก..ฮือออ ผมเจ็บ ผมเจ็บ ไม่ ผมเจ็บ!!” มินซอกบิดตัวไปมา จนผ้าปูที่นอนยับยูยี่ อี้ฟานมองภาพคนตัวเล็กที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความหัวเสีย แต่ก็ข่มอารมณ์เอื้อมมือเข้าไปประคองมินซอก ฟันกระต่ายของมินซอกกัดที่ริมฝีปากตัวเองแน่น แน่นจนหากปล่อยไว้อาจจะเกิดแตกก็เป็นได้

     

    “มินซอก มินซอกตั้งสติสิ !!”  อี้ฟานเขย่าร่างของมินซอกที่สะอื้นไห้ตัวโยน ร่างเล็กผลักอี้ฟานออกห่าง ลนถอยหนีจนชิดขอบเตียง มือเล็กเริ่มที่จะจิกเข้าที่เส้นผมนุ่มลื่นของตัวเองจนมันหลุดล้วง ชายหนุ่มสบถหัวเสียกับท่าทีอีกฝ่าย แต่คำที่ร่างเล็กเอยออกมาทำให้เขานิ่งอึ้งกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอก้อนใหญ่

     

    “ผมเจ็บ คริส.. ผมเจ็บ ปล่อยผมไปเถอะ ฮือออ!!”  แววตาหวาดหวั่นของอี้ฟานฉายชัดขึ้นมา แต่คนตัวสูงก็ต้องรีบปรับให้เป็นเรียบนิ่งดังเดิม มือใหญ่ล้วงหยิบขวดยาที่พึ่งได้รับมันมาจากเพื่อนหมอของเขา จ้องสักพักก่อนจะดึงมือมินซอก กดจนตัวจ่มลงบนเตียงนุ่ม แต่ไม่รู้ว่ามินซอกเอาแรงที่ไหนมากมายมาขัดขื่นเขา

     

    “ใครอยู่ข้างนอก เข้ามาหาฉันที!!!” 

     

    เสียงแหบทุ้มกระโกนเสียงดัง มือก็ยังกดไหล่เล็กของมินซอกไว้แน่น ไม่นานอี้ชิงที่เปิดประตูเข้ามา สายตาสวยกวาดมองทั่วห้อง ต้องสะดุดกับสองร่างบนเตียง ด้วยสภาพของอี้ฟานที่กระดุกเสื้อถูกปลดออกโชว์แผงอกขาว และมินซอกที่เสื้อผ้าขาดวิ่น และกางเกงที่ถูกถกร่นจนอยู่ที่หัวเข่า แต่ก็เพราะการดิ้นขัดขื่นทำให้มันหลุดไปอยู่ปลายเตียง เหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวจิ๋ว ก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเหตุการณ์ก่อนหน้ามันเกิดอะไรขึ้น

     

    หากก็ต้องหลุดออกจากภวังค์เมื่อถูกเสียงใหญ่ของของอี้ฟานที่ตวาดใส่ตนลั่น สะบัดความคิด รีบวิ่งเข้าไปจับล็อกร่างของมินซอกลงบนเตียงนุ่ม อี้ฟานหายใจฟึดฟัดอย่างหงุดหงิด นิ้วโป้งใหญ่ดีดจุกปิดขวดยา ก่อนมือหยาบใหญ่จะบีบเข้าที่กรามเล็กเพื่อที่จะให้อ้าปากออก แล้วจึงเทยาในขวดลงรวดเดียวจนหมด มินซอกที่มีท่าทีราวคนเสียสติค่อยๆหยุดดิ้น

     

    ไม่นานเปลือกตาสวยนั้นก็ค่อยๆปิดลง พร้อมกับสติทั้งหมดที่ดับวูบลงไป อี้ชิงผละออกจากมินซอกเมื่อแน่ใจว่าคนตัวเล็กนี้จะไม่แผลงฤทธิ์ เหลือบมองอี้ฟานที่ก้าวลงจากเตียงไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดไม่จางหาย  อี้ฟานทุบโต๊ะโครมใหญ่เพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะตวัดสายตากลับมามองอี้ชิง สั่งเสียงเรียบ

     

    “โทรตามไอ้ชานยอลมาหาฉันที่บ้าน เดี๋ยวนี้”

     

    “ครับ”  อี้ชิงก้มรับคำสั่งเสียงเรียบ รีบไปทำตามคำสั่งของคนเป็นนาย หากชักชาระเบิดลูกใหญ่อาจจะลงที่บ้านอีกก็เป็นได้

     

    อี้ฟานเหลือบมองร่างมินซอกที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความหงุดหงิด และหวั่นเกรงจับใจ แต่ก็ต้องข่มมันไว้ให้มากที่สุด

     

     

     

    ลู่หานทิ้งตัวลงนั่งโซฟาในโซนวีไอพี เพราะคลับนี้เป็นของรุ่นน้องเขาเองจึงได้มานั่งโซนวีไอพีโดยที่ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว ถึงจะมีทั้งเหล้ายี่ห้อดี แอร์เย็นๆ หรือแม้แต่สาวสวยมากมายที่นั่งขนาบซ้ายขวามันก็ไม่ช่วยให้เขาข่มอารมณ์หงุดหงิดที่พร้อมปะทุขึ้นมาทุกเมื่อลงได้เลย แก้วทรงสวยถูกกระแทกวางสลับกับยกขึ้นกระดกครั้งแล้วทั้งเล่า ทุกการกระทำเขาถูกมองด้วยสีหน้าสงสัยของเหล่ารุ่นน้องที่นั่งรวมโต๊ะ

     

    “เฮ้ย พี่เป็นไรว่ะหงุดหงิดเชียว?” จงอิน ที่ทนความสงสัยไม่ไหวถามออกมา ลู่หานเหลือบตามอง พ่นลมหายใจที่มีกลิ่นแอลกอฮอร์ออกมาอย่างหน่ายๆ เอนตัวพิงโซฟานุ่ม

     

    “แม่งหงุดหงิด” 

     

    “เรื่องที่ถูกแฟนชาวบ้านเขากระทืบซะเละนะหรอ?”  ลู่หานถลึงตาใส่ คว้าก้อนน้ำแข็งปาใส่หน้าไอ้รุ่นน้องปากหมาของเขาอย่างอดไม่ได้ แต่ที่พูดมันก็ถูก ใช่ เขาหงุดหงิดหงุดหงิดมากด้วย เกิดมายังไม่เคยเสียท่าให้ใครกระทืบแบบไม่ทีทางสู้แบบนี้มาก่อนในชีวิต! รอยแผลบนใบหน้าที่เป็นจ้ำๆยิ่งย้ำชัดว่าเขาโดนอะไรมาบ้าง ก็พาลทำให้มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูด

     

    “หุบปาก” ลู่หานกล่าวเสียงเรียบนิ่ง กัดฟันกรอด

     

    “งั้นพี่จะให้คนไปรุมป่ะล่ะ? ผมช่วยได้นะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ยืดเส้นยืดสายเท่าไหร่” จื่อเทาที่เงียบมานาน ยกยิ้มบิดตัวไปมา ถ้าเรื่องใช้กำลังขอให้บอก เขาละถนัดนัก แต่พอเห็นแรงส่ายหน้าของคนเป็นรุ่นพี่ก็ต้องเอนตัวพิงกลับที่เดิมด้วยใบหน้าที่เห็นได้ชัดว่าเซ็งแค่ไหน

     

    “ไม่ต้อง”

     

    “แล้วพี่จะเอาไงต่อล่ะ” เซฮุนเป็นฝ่ายถามขึ้นมาบ้าง หลังจากนั่งฟังบทสนทนาของคนอื่นๆมาพักใหญ่ ลู่หานไม่ตอบ เลือกจะเลื่อนมือหยิบแก้วเหล้าขึ้นกระดก แต่ก็ต้องละสายตาจากเหล้าเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ยังคงสั่นไม่หยุด ทีแรกก่ะจะเมินเพราะไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร แต่ทนความรำคาญของแรงสั่นไม่ไหวจึงหยิบขึ้นมากดรับหน่ายๆ

     

    “ฮัลโหล”  กรอกเสียงหงุดหงิดลงไป สักพักคิ้วเรียวก็ต้องขมวดกันแน่น ยกโทรศัพท์ขึ้นดูชื่อเบอร์ของคนโทรเข้า เขาผลาดเองที่ไม่ดูให้ดีว่าใครโทรเข้า กรอกตาไปมา ก่อนจะตอบรับคำเดียวสั้นๆ

     

    “ครับ”

     

    ติ๊ด

     

    ตัดสายทิ้ง มือใหญ่อยากจะทึ่งหัวตัวเองแรงๆ แต่ติดที่ว่าเขาจัดทรงมาอย่างดีนี้สิ จึงได้แต่ครางหงุดหงิดในลำคอเท่านั้น

     

    “อ้าว จะไปไหนพี่” เซฮุนถามขึ้น เมื่อเห็นลู่หานทำท่าจะลุกเดินออกไป

     

    “มีธุระนิดหน่อย กูไปล่ะ” ตอบกลับโดยไม่หันกลับมามอง เปิดประตูเดินออกไปทันที ทิ้งให้เหล่ารุ่นน้องที่เหลือมองตามงงๆ แต่พักเดียวก็กลับไปสนใจสาวสวยที่นั่งขนาบข้างของพวกเขามาตั้งแต่ต้นประโยคต่อ

     

     

    เมื่อเฟอร์รารี่คันหรูแล่นเข้าโรงจอดรถ ลู่หานกระแทกปิดประตูรถหรูด้วยความหงุดหงิด ขายาวในกางเกงผ้าเนื้อดี ขาที่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าไปในตัวบ้านชะงักกับเสียงที่เขาแสนจะรำคาญฉุดให้ขายาวต้องหยุดอยู่กับที่

     

    “ลู่หาน ตามฉันขึ้นไปบนห้อง”  เสียงเรียบแต่ดูสุขุม ทำให้เขาต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะอยากกลับขึ้นไปบนห้องตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม

     

    ล้มตัวลงนั่งเก้าอี้น่วมยกขาไขว้หางด้วยท่าทีสบายๆ รีบเปิดประเด็ดสาเหตุที่ตนถูกเรียกให้กลับบ้านกะทันหันแบบนี้  จากผู้เป็นพ่อของเขาเอง

     

    “พ่อมีอะไรก็รีบพูดมาเหอะ ผมจะรีบไปนอน”

     

    “นี้มันคืออะไร!?” กระดาษแผ่นบางที่ถูกขยำจนยับยู่ยี่ถูกคว้างติดหน้าของเขา ลู่หานกัดฟันกรอดระงับอารมณ์ ก้มลงเก็บขึ้นมาคลี่มอง ภายในกระดาษมีคะแนนเกรดภาคเรียนของเขาในเทอญการศึกษา แม้จะถูกขยำจนยับแต่ก็พอจะอ่านออกบ้างเล็กน้อย ไม่นานลู่หานก็ทำให้มันกลับไปอยู่ในสภาพเดิมที่ถูกส่งมาให้เขา

     

    “แล้ว?” ใบหน้าเรียบเฉยของลู่หานที่ถามออกไปด้วยท่าทีไม่รู้ร้อน เขาไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทคนเป็นพ่อ ก็อย่างที่เห็นอยู่ว่ามันคืออะไรแล้วยังจะมาถามเอาอะไรจากเขาอีกเท่านั้นเอง ที่เขาหงุดหงิดใจ

      

    “นี้แกจะกวนประสาทฉันรึไง! ติดFเป็นแถบแบบนี้ แถมอาจารย์ที่มหาลัยยังแจ้งมาอีกว่าแกแทบจะไม่เข้าเรียนเลยสักครั้ง!” น้ำเสียงเดือดดาลของคนเป็นพ่อไม่ได้ทำให้ลู่หานรู้สึกกลัวหรือสำนึกผิดเลยสักนิด

     

    “ก็แล้วจะทำไมครับ?”

     

    “ลู่หาน!!” มือหยาบใหญ่ของคนเป็นพ่อกระชากเสื้อราคาแพงขึ้น ลู่หานที่สบจ้องหน้านิ่งไม่อ่อนข้อให้คนเป็นพ่อเช่นกัน แต่สุดท้ายคนที่เป็นฝ่ายปล่อยเขาให้เป็นอิสระก็คือคนเป็นพ่ออยู่ดีนั้นแหล่ะ

     

    “พ่อก็ทำแบบทุกทีสิ ยัดเงินไป เดี๋ยวมันก็ให้ผมผ่านเองแหล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว ง่วง! อ่อ.. แล้วพรุ่งนี้ผมจะย้ายไปนอนคอนโด ไม่เข้าบ้านอีก ถ้าไม่จำเป็น” ลู่หานหมุนตัวเดินออกจากห้องไป แต่คำถามหนึ่งของคนเป็นพ่อทำให้เขาหยุดก้าวเท้า

     

    “เดี๋ยว แล้วหน้าแกไปโดนอะไรมา” เมื่อสังเกตเห็นแผลที่ช้ำเป็นจ้ำๆบนใบหน้า ก็อดห่วงไม่ได้ แต่ก็ยังคงวางฟอร์มนิ่งอยู่ดี

     

    “พ่อสนด้วยหรอ? ผมไม่ยักจะรู้” ไม่ตอบ แต่เลือกที่จะตัดพ้อแกมน้อยใจลงไป คนเป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ลู่หานกระตุกยิ้มเดินออกไปจากห้องทันที โดยมีสายตาที่มองไล่หลังทั้งโกธรและผิดหวังในตัวลูกชายเพียงคนเดียวของเขา

     

    ลู่หานเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล ลู่ ตระกูลที่มีเพียบพร้อมทุกอย่างไม่น้อยหน้าใคร ลู่หานเป็นเด็กที่จะเรียกว่าขาดความอบอุ่นก็คงไม่เกินไป ขาดผู้เป็นแม่ที่แสนจะรักไปตั้งแต่ยังเด็ก คนเป็นพ่อก็มัวแต่ทำงานหาเงินเพื่อให้คนเป็นลูกได้อยู่อย่างสุขสบาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำให้ลูกชายคนเดียวของตนจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา และขาดความอบอุ่น ก้าวร้าวถึงเพียงนี้

     

    เขาเคยส่งลู่หานไปเรียนที่แคนนาดาแต่ก็ถูกรีไทร์ เพราะเวลาเรียนไม่พอ เพราะมัวแต่กิน เที่ยวสนุก คั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า จนต้องยัดเงินเพื่อให้มาเข้ามหาลัยชื่อดังของปักกิ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลู่หานสำนึกขึ้นมาเลยสักนิด ยังคงทำนิสัยเดิมๆเหมือนทุกครั้ง จนเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับนิสัยลูกชายคนนี้แล้วเหมือนกัน

     

    ได้แต่ถอนหายใจเหมือนทุกครั้ง และการทะเลาะด้วยสงครามประสาทของเขาและคนเป็นลูกนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเหมือนกัน เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาคุยกับคนเป็นลูก ไม่เคยจะมีครั้งไหนที่จะคุยกันด้วยประโยคดีๆที่พ่อลูกเขาควรจะคุยกันเลยสักครั้งเดียว เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

     

     

    ร่างบางแต่ก็ไม่ได้บอกบางราวกับผู้หญิง ยังพอมีหมัดกล้ามสมส่วนดูดีที่สามารถดึงดูดผู้หญิงให้พร้อมเสนอตัวให้เขาได้ไม่ยาก  ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มขนาดคิงส์ไซค์  ดางตากว้างราวกับกวางหนุ่มที่ตอนนี้ปิดลงด้วยความหงุดหงิด  ไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้หลับยังไงเรื่องมากมายที่คอยทำให้ลู่หานหงุดหงิดก็ลอยเวียนในหัวไปมา

     

    “แม่ง วันซวยอะไรของกูหนักหนาว่ะ เจอแต่เรื่อง!” น้ำเสียงหงุดหงิดเปล่งสบถออกมากับตัวเองเสียงเบา ทั้งหงุดหงิดเรื่องพ่อ แล้วไหนความหงุดหงิดเรื่องของคนตัวเล็กที่ชื่อ มินซอกยิ่งวนเวียนในหัวเขาไม่เลิก เขายอมรับว่าทั้งหงุดหงิดและเสียหน้าที่ถูกแฟนของมินซอกอัดเละแบบไร้ทางต่อสู้แบบนั้น แต่ความรู้สึกแปลกบางอย่างที่เขาเองก็ไม่แน่ใจมักจะผุดขึ้นตามมาติดๆทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องของมินซอก

     

    ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนมินซอกจริงๆ ดูจากท่าทางทีแสดงออกว่ามันโกธรเป็นฝืนเป็นไฟขนาดไหน  ก็ยิ่งทำให้เขาวิตกไปถึงอีกคนว่า จะเจอลูกหลงของคนพรรค์นั้นรึเปล่า...?

     

    แต่นั้นมันก็แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะใบหน้าและน้ำเสียงที่ยังก้องชัดในโสนประสาทของผ็ชายคนนั้นมันทำให้ผ่ามือใหญ่กำเข้าหากันแน่น

     

    อี้ฟาน.. กูไม่ยอมเสียหน้าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก

     

     


     


    TBC.
      

    ✤✤✤✤
     

    แง่งๆ สารภาพ คือเห็นยอดเม้นท์ตอนนั้นเกือบจะถอดใจ

    ทิ้งไปแต่งฟิคเรื่องใหม่แล้ว แต่วันนี้นึกครึมอะไรไม่รู้เปิดหน้าบทความดู

    พอเห็นยอดเม้นท์เท่านั้นแหล่ะ รีบเลื่อนลงมาอ่านด้วยความเร็วสูง!

    อ่านไปยิ้มไปอ่ะ คือเติมกำลังใจไรท์ได้มากๆเลยค่ะ

    ขอบคุณมานะค่ะ ขอบคุณจริงๆ T w T

    CRY .q  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×