ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Black Memories

    ลำดับตอนที่ #2 : Memories -1-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 545
      3
      8 ก.พ. 57


    Black Memories


    -1-










     

    “ผลการตรวจดูแล้ว คุณมินซอกร่างกายปกติดีทุกอย่าง เว้นซะแต่...” 

     

    มินซอกเงยมองคุณหมอหนุ่มหล่อที่อยู่ในชุดกาวน์ยาวคลุมถึงหัวเข่า ข้างในสวมทับด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำ บนคอมีที่ตรวจชีพจรเหมือนแพทย์ทั่วๆไป ด้วยคิ้วที่ตีกันจนยุ่งเหยิง แต่ก็ไม่ได้ลดความน่ารักของคนตัวเล็กหน้ากลมนี้เลย

     

    “สมอง? นี่จะบอกว่าผมความจำเสื่อมงั้นหรอ?” 

     

    พอฟื้นขึ้นมาเขาก็เจอคนที่อ้างบอกเป็นคนรัก แถมยังบอกเขาอีกว่าชื่อ มินซอกอะไรนั้น พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสักนิด ยิ่งนึกก็มีเพียงความมืด สมองเขาตอนนี้มีเพียงความว่างเปล่า ไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชื่ออะไร เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่ถูกล้างข้อมูลทุกอย่างจนเกลี้ยง! แต่จากการที่คนตัวสูงที่ชื่ออี้ฟานบอกเขาชื่อ มินซอกเป็นน้องบุญธรรมของอี้ฟานแถมยังควบตำแหน่งคนรักอีก

     

    “ครับ จากการประสบอุบัติเหตุและศีรษะของคุณมินซอกถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทำให้ความทรงจำทั้งหมดของคุณสูญหายไปจนหมด”

     

    น้ำเสียงทุ้มของคุณหมอหนุ่มหล่อที่ตอบกลับอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีแววล้อเล่นแม้เพียงสักนิด มันทำให้เขานิ่งอึ้งไป ค่อยๆล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรง รู้สึกคว้างไปหมด จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาแล้วมีคนมาบอกว่าความจำเสื่อม แถมยังมีคนรักที่เป็นพี่ตัวเองอีกด้วย เหอะ!

     

    “.....” 

     

    มินซอกทรุดกายพิงกับหมอนนุ่มที่วางซ้อนกันสองใบเพื่อใช้ในการคล้ำไว้เวลาที่เขาต้องการจะนั่ง เปลือกตาปิดลงเหมือนกำลังใช้ความคิดของตัวเองอยู่เงียบๆ อี้ฟานที่นั่งฟังอย่างเงียบๆมานานเอยทำลายความเงียบขึ้นมาบ้าง

     

    “แล้วมินซอกจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”

     

    “ผมขอรอดูอาการอีก 2-3 วันถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ ทางเราจะอนุญาตให้คุณมินซอกกลับบ้านได้ แต่ส่วนเรื่องการดูแลผู้ป่วยผมจะบอกรายละเอียดให้ราบภายหลังเองครับ หมดธุระแล้วผมขอตัว”  กล่าวตัดผมอะไรเสร็จสรรพ ร่างสูงโปร่งก็หันมายิ้มให้เล็กน้อย แล้วจึงก้าวออกจากห้องไปทันที

     

    “บ้าชิบ ทำไมนึกอะไรไม่ออกเลยว่ะ!

     

    มินซอกสบถอย่างหัวเสียบนเตียง ยกมือขึ้นจิกเส้นผมนุ่มของตัวเองยีไปมาจนมันยุ่งเหยิง ร้อนถึงอี้ฟานรีบรั้งมือบางนั้นให้ออกจากหัว ไม่อย่างนั้นมินซอกอาจจะเผลอกระทบเข้ากับแผลบางจุดที่ยังไม่หายดี ถึงหมอจะบอกไม่เป็นอะไรมากแต่เขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

     

    “เฮ้ จะดึงจนมันล่วงลงมาหมดเลยรึไง”

     

    “นี่ถามจริงเถอะ คุณกับผม เอ่อ..”

     

    เพียงนึกประโยคต่อไป ใบหน้าซีดของผู้ป่วยก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆ อีกคนที่มองมาโดยตลอดหัวเราะพอใจในลำคอเล็กน้อย แต่ก็ถูกสายตาค้อนเบาๆของมินซอกจนต้องพยายามปรับสีหน้าให้หยุดยิ้ม

     

    “ใช่ เราเป็นคนรักกัน”

     

    “แต่คุณบอกว่าผมเป็นน้องบุญธรรมของคุณ”

     

    “นั้นก็ใช่”

     

    “ถึงแม้ผมจะความจำเสื่อมแต่ความรู้สึกผมลึกๆแล้ว ผมคงไม่เอาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ตัวเองมาเป็นคนรักหรอกนะ”  ประโยคที่แย้งขึ้นทำอี้ฟานนิ่งงันไป แววตาที่มินซอกสังเกตเห็นมันทั้งเจ็บปวดและผิดหวัง แต่ก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น จนเขาก็อดสงสัยในตัวของอี้ฟานคนที่อ้างว่าเป็นพี่และคนรักเขาไม่ได้

     

    แต่นั้นก็ถูกทำให้หายไปเมื่อริมฝีปากหนาทาบทับลงมาอย่างแผ่วเบา ทีแรกก็ตกใจเตรียมจะผลักแต่มือแกร่งที่ไวกว่าก็รวบกุมไว้จนหมดเพียงมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างที่ว่างก็จับล็อกแก้มเนียนไม่ให้ถอยหนีห่าง มินซอกเองก็เผลอไปกับจูบที่แสนโอนโยนของคนตรงหน้า

     

    ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปกวาดต้อนความหวานเหมือนอย่างเคย ลิ้นเล็กที่ไม่ประสาพยายามจะเกี่ยวพันตอบกลับคนตัวสูงไปแต่มันก็ดูเงอะงะ  แต่อี้ฟานกลับพอใจกับมันไม่น้อยทีเดียว ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาในสมอง...

     

    รู้สึกเหมือนเคยจูบกับคนคนนี้

     

    แต่เป็นจูบที่ดุเดือด และป่าเถื่อนกว่า... ไม่ใช่จูบที่แสนอ่อนโยนเหมือนดั่งตอนนี้ ก่อนทุกอย่างจะมากไปกว่านี้ มินซอกจึงเป็นฝ่ายคางฮือในลำคอส่งสัญญาณให้อี้ฟานรู้ว่าตนเองหายใจไม่ออก อี้ฟานผละออกมาด้วยความเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ยอมโดยดี

     

    “เมื่อก่อนนายก็พูดประโยคนั้น... แต่สุดท้ายเราก็สามารถข้ามผ่านคำว่าพี่น้องไปได้”

     

    “.....”

     

    “ไม่ต้องพยายามเชื่อตอนนี้เลยก็ได้ว่านายเป็นคนรักกับฉันจริงๆ ขอให้รู้ว่าอี้ฟาน.. รักมินซอก”

     

    “เข้าใจแล้ว”   แก้มเนียนขึ้นสีแดงระเรื่อ จนอี้ฟานอดที่จะก้มลงฝังปลายจมูกโด้งลงเบาๆไม่ได้ แต่ก็ต้องถูกสายตาเอ็ดกลับของมินซอก อมลมพองปากจนหน้ากลม อี้ฟานหัวเราะออกมาน้อยๆ

     

    “ขอโทษครับ”   เสียงบุคคลที่สามเรียกความสนใจของมินซอก คนที่อยู่ตอนที่เขาฟื้นขึ้นมาวันแรก อี้ฟานคงจะอ่านแววตาสงสัยของอีกฝ่ายออกจึงกล่าวแนะนำอีกคนให้มินซอกรู้จัก

     

    “นี้ จางอี้ชิง บอดี้การ์ดของฉันเอง”

     

    มือแกร่งพ่ายไปยังอี้ชิง ผู้ชายในชุดสูมดีดู และก็มีใบหน้าที่ติดจะหวาน ผิวขาว ดวงตาหวานสวย คนถูกแนะนำตัวรีบยกยิ้มหวานส่งกลับมายังมินซอกทันทีทำให้เห็นลักยิ้มที่บุ๋มลึกลงไป ที่มันดูเข้ากันได้ดีกับใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ มินซอกยกยิ้มจางตอบกลับไป โดยไม่ทันสังเกตแววตาบางอย่างที่อี้ชิงมองกลับมายังมินซอก

     

    “สวัสดีครับคุณหนู”

     

    “คุณหนูเลยหรอ? บอดี้การ์ดอีก... ที่ที่รับฉันไปเลี้ยงนี้ทำอาชีพอะไรกันเนี่ย?”

     

    อดสงสัยกับการวางตัวหรือแม่แต่คำเรียกของอีกฝ่ายจนเอยถามออกไปไม่ได้ ได้รับเพียงรอยยิ้มบางๆของอี้ฟานที่ส่งยิ้มมาให้ มือใหญ่ยกขึ้นยีผมนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดู

     

    “ไว้นายได้กลับบ้านก็รู้เองแหล่ะ”

     

    “แต่...”

     

    “เอาล่ะเริ่มดึกแล้วนอนพักผ่อนเถอะเดี๋ยวคืนนี้พี่จะนอนเฝ้านายเอง ส่วนนายอี้ชิงกลับไปเคลียร์งานที่เหลือแทนฉันที บอกทางที่ประชุมว่าอีกไม่นานฉันจะกลับไป”  ท้ายประโยคหันไปสั่งอี้ชิง อี้ชิงก้มหัวรับคำเล็กน้อย ก่อนจะออกจากห้องไปตามคำสั่งของคนตัวสูง ภายในห้องจึงเหลือเพียงมินซอกและอี้ฟาน

     

    พอหันมาอีกทีเด็กดื้อที่ท่าทีตอนแรกรั้น แต่ตอนนี้กลับหลับปุ๋ยไปเป็นท่าเรียบร้อย เสียงลมหายใจสม่ำเสมอและใบหน้าน่ารักที่แม้ยามหลับใหลก็มิอาจทำให้เขาละสายตาจากมินซอกไปได้แม้เสี้ยวนาทีเดียว อี้ฟานล้มตัวลงนั่งบนเตียงข้างมินซอกเบาๆ มือใหญ่ยกมือขึ้นเกลี่ยข้างแก้มเนียน ปัดปลายผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้าหวาน

     

    “นายจะรู้อะไรมั้ยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันต้องทรมานกับการเฝ้ามองนายที่นอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรานานแค่ไหน” 

     

    “.....”

     

    “อ่า.. ฉันรักนาย มินซอก” 

     

    จบประโยคริมฝีปากหนาก็ค่อยๆบรรจงจูบทับลงบนหน้าผากเรียบ ไล่ลงมาช้าๆ ที่เปลือกตา พวงแก้มเนียน และหยุดลงที่ริมฝีปากอิ่มสวย จูบนิ่งแช่ค้างไว้อย่างนั้น อยากจะสัมผัสให้มากกว่านี้ แต่ก็กลัวจะทำให้อีกคนต้องตื่น จึงเลือกที่จะผละออกมาเงียบๆ

     

    “ฝันดีครับ”

     

     

    8 เดือนผ่านไป

     

    หลังจากที่มินซอกย้ายเข้ามาในบ้านของเขา ทีแรกมีท่าทีตกใจบวกกับช็อกสุดๆ จากที่คิดว่าอี้ฟานอาจเป็นแค่พวกผู้บริหารระดับสูงธรรมดา แต่ครั้งแรกที่เห็นบ้านของอี้ฟานทำให้เขาแทบจะเข่าอ่อน ก็เพราะบ้านของตระกูล อู๋  มันยิ่งกว่า ไม่สิ... มันล้ำหน้าคำว่า วังมาแล้วหลายขุม!

     

    ทั้งเนื้อที่ภายในบ้านก็กินเข้าไปแล้วหลายสิบไร่ ไหนจะการประดับตกแต่งที่สวยหรู ของทุกชิ้นภายในบ้านดูหรูหรา มีราคาที่แทบประเมินค่าไม่ได้วางเรียงรายเต็มทางเดินสุดลูกหูลูกตา ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เขาเข้ามาที่นี้ เขาก็เกิดหลงอยู่ภายในบ้านจนอี้ฟานต้องให้พวกคนในบ้านออกตามหากันให้วุ่น  พึ่งมารู้ภายหลังว่าอี้ฟานเป็นประธานของบริษัทนำเข้ารถชั้นแนวหน้าของประเทศ และไหนจะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มากมาย และไม่นับรวมธุรกิจด้านอื่นๆที่อี้ฟานไม่เคยบอก

     

    เอาง่ายๆ ตระกูลอู๋ .... อภิมหาเศรษฐีดีๆนี้เองล่ะ!

     

    แต่ในความรู้สึกลึกๆ เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ารู้สึกคุ้นเคยและผูกพันกับบ้านหลังนี้เหลือเกิน แต่ในสมองกลับไม่สามารถจดจำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย เคยพยายามฝืนที่จะจำเรื่องราวต่างๆให้ได้จนเกิดอาการช็อกเป็นลมหมดสติ หามส่งโรงพยาบาล ตั้งแต่นั้นอี้ฟานก็สั่งห้ามให้เขาฝืนมันอีก ตลอดเวลาอี้ฟานดูแลเขาดี ราวกับไข่ในหิน ..ไม่สิ ยิ่งกว่าไข่ในหินซะอีก อี้ฟานบอกนิสัยเดิมๆของเขาเริ่มกลับมา แต่แปลกที่ว่าความทรงจำไม่ยักจะหวนกลับมาสักที แต่ด้านนิสัยที่มันออกมาเองอย่างไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีเขาก็กลายเป็นเด็กขี้อ้อน แถมยังเอาแต่ใจสุดๆ 

     

    ยิ่งอี้ฟานซื้อรถคันใหม่ให้แทนรถที่มินซอกขับออกไปได้รับอุบัติเหตุก็ยิ่งทำให้รู้ตัวเองว่า เมื่อก่อนตัวเองนะ เป็นพวกสังคมจัดขนาดไหน หนีเที่ยวเกือบจะทุกวันจนอี้ฟานเคยจะสั่งขังบริเวรมินซอกเป็นเวลา 3 วันเนื่องจากหนีเที่ยว แต่สุดท้าย 3 วันก็กลายเป็น 3 ชั่วโมงเพราะแพ้ลูกอ้อนอย่างเคยๆ ทุกวันดำเนินไปเรื่อยๆ จนมินซอกชินกับชีวิตความเป็นอยู่ รู้สึก...ไม่จำเป็นที่จะต้องอยากได้ความทรงจำเดิมๆกลับมาอีก

     

    มินซอกคิดว่าชีวิตความเป็นอยู่แบบทุกวันมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปอยากรู้อะไรในอดีต รู้ไปก็เท่านั้น ใช่มั้ยล่ะ?

     

    “อี้ฟาน” 

     

    มินซอกค่อยๆเปิดประตูบานใหญ่ของห้องชายหนุ่มเข้าไป ความเย็นจากแอร์ที่ปะทะเข้ากับหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นประหลาด ก้าวเข้าไปหาร่างสูงที่ยังคงหน้าเคร่งเครียดกับกองเอกสารที่สูงพะเนินเป็นภูเขา อดสงสารไม่ได้ ใจอยากจะช่วยบ้างแต่ทำไงได้ ก็อี้ฟานเป็นคนบอกเขาเองว่า มินซอกนะเป็นคนเลือกที่จะเข้าเรียนเกี่ยวกับด้านการวาดรูป ครั้นจะมาช่วยอี้ฟานคิดด้านการบริหารก็กระไรอยู่ แถมอี้ฟานก็ไม่ได้ว่าอะไร ตามใจเสียมากกว่า

     

    “หืม มีอะไรครับ?”

     

    มือหนาตวัดปากกาเซ็นหน้าสุดท้าย แล้วจึงเลื่อนมันไปวางไว้ข้างๆในส่วนที่ทำเสร็จ เงยหน้ามองมินซอกที่อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่ง กับกางเกงขาสั้นที่ถูกเสื้อยืดห้อยลงทับจนดูเหมือนไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า โชว์เรียวขาสวยที่ขาวเนียนจนผู้หญิงยังต้องอาย อาจจะเป็นภาพที่ชินตาของคนในบ้านแต่ไม่ว่าอี้ฟานจะมองมันกี่ครั้งก็อดใจมองต้นขาสวยๆนั้นไม่ได้สักที

     

    “คือ... อยากไปเที่ยว”

     

    “แล้ว?”

     

    เสียงหวานหูฉุดให้เขาต้องละสายตาจากต้นขาสวย เงยมองใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับเด็กอายุ 17-18 ทั้งๆที่ก็อายุจะ 23 เข้าแล้ว แก้มกลมยุ้ย ตาเรียวรีเฉียว รวมถึงริมฝีปากนุ่มที่มักจะถูกเคลือบด้วยน้ำลายเพราะมักถูกมินซอกกัดและเลียเสมอจนติดเป็นนิสัย

     

    แต่เป็นสิ่งที่เขาไม่ขอเถียงเลยว่า มันโคตรเซ็กซี่มากขนาดไหน...

     

    “อี้ฟานอ่า... ขอกุญแจรถ” 

     

    เมื่อรู้ว่าถูกอีกฝ่ายถามหยังเชิงแกมแกล้งน้อยๆก็อมพองลมปากจนแก้มแทบแตก เดินมาหยุดตรงหลังอี้ฟาน ที่คั่นด้วยเก้าอี้น่วมราคาแพง มือเรียวเล็กค่อยๆบีบเบาๆที่ไหล่กว้าง แม้จะไม่ใช่มืออาชีพในด้านนวดแต่มันก็ทำให้อี้ฟานเพลินและอารมณ์เตลิดไม่น้อย

     

    “ถึงจะอ้อนพี่ก็ไม่ให้หรอกนะ นี้คือการลงโทษที่ไม่เชื่อฟัง หนีเที่ยวกลับบ้านดึก ครั้งนี้...” 

     

    เสียงทุ้มถูกกลืนหายไปเมื่อมินซอกเลือกที่จะหมุนเกาอี้จนอี้ฟานหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กผิวขาว ยกขาเรียวเนียนสวยสอดเข้ากับช่องว่างที่วางมือของเก้าอี้ราคาแพง คล่อมตักอี้ฟานไว้ ยกแขนขึ้นโอบรอบต้นคอแกร่ง โน้มหน้าลงถูไถบริเวณไหล่กว้าง กลิ่นของแชมพูอ่อนๆและกลิ่นกายของมินซอกยิ่งทำให้อารมณ์เขาเตลิดไปไกลกว่าเดิม ยากจะกู่กลับ

     

    “อี้ฟานอ่า ผมขอกุญแจรถน้าครับ ผมอยากไปเที่ยว...”

     

    เสียงออดอ้อนของมินซอกที่เจ้าตัวจงใจเอยกระเซ้าข้างใบหูของอี้ฟาน มือแกร่งยกขึ้นโอบเอวคอดกิ่งของมินซอก ลูบไปมาเบาๆ กะจะแกล้งคนตัวเล็ก แต่เหมือนตัวเองที่เป็นฝ่ายจนมุมเสียเอง เมื่อมินซอกแกล้งทำเสียงกระเซ้า หอบหายใจแรงๆข้างหูอี้ฟาน ปากกัดเผยอ หลับตาคิ้วขมวดแน่น

     

    “อ่า.. น่าน่า ขอกุญแจให้มินซอกน่า อี้ฟานอ่า...”

     

    “อึก... มะ ..มินซอกพอ อย่า..อืมม..”

     

    จะไม่ให้เขาคุมเสียงไม่ให้สั่นได้ยังไงก็คนตัวเล็กนี้เล่น ขย่ม บนตักเขาไม่เลิก ขย่ม..จนเจ้านั้นมัน ตื่น ..อ่า เดี๋ยวก็ได้แย่หรอก

     

    “ไม่! ถ้าอี้ฟานไม่ให้กุญแจ ...ฉันจะขย่มอยู่อย่างนี้ ..อ๊า ...อื้อ”

     

    แกล้งล้อเลียนโดยการครางเสียงสั่นยั่ว ใบหน้าหล่อเหล่าเริ่มซีดเผือก เหงื่อกาฬจำนวนมากที่ไม่รู้ออกมาได้ยังไงทั้งทั้งที่ในห้องแสนจะเย็นเฉียบกับเครื่องปรับอากาศที่แผ่ความเย็นไม่หยุด ก่อนที่อารมณ์มันจะขาดผึ่งมากไปกว่านี้ อี้ฟานรีบดึงลิ้นชักโต๊ะ คว้านหากุญแจรถยืนให้มินซอกไปอย่างช่วยไม่ได้ มินซอกยิ้มจนตาเกือบหาย รีบคว้าหมับดึงกุญแจเข้าแนบหน้า ถูไถราวกับเด็กได้ของเล่น

     

    “เย้ อี้ฟานน่ารักที่สุดเลย จุ๊บ”

     

    เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ มินซอกก็รีบเด้งตัวลุกขึ้น ไม่ลืมที่จะหันกลับมาฝังจูบลงข้างแก้มเนียนของคนตัวสูงเบาๆ วิ่งตัวปลิวออกไปทันทีด้วยอารมณ์เบิกบาน ต่างจากอีกคนที่ความรู้สึกทรมานจากอารมณ์ที่มินซอกสร้างมันขึ้น แต่กลับทิ้งหนีไปเสียดื้อๆ  ความรู้สึกปวดทรมานเบาๆจากการที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย ...อ่า

     

    “เป็นเด็กที่เจ้าเล่ห์จริงๆ” 

     

    นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มินซอกทำแบบนี้ ยั่วให้อยากแล้วก็จากไป... ห้องเขาและมินซอกก็แยกกันนอน  ก็อีกฝ่ายยังอยากนอนคนเดียวเขาจึงไม่อยากจะบังคับอะไรแต่นานๆทีก็มานอนเล่นที่ห้องนอนเขาบ้าง บางครั้งบางคราว

     

    ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขาจะทนไปได้อีกสักเท่าไหร่ ก็มินซอกทั้งรูปร่างใบหน้าหรือทั้งการกระทำแม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่เขาเห็นมินซอกกัดริมฝีปากเล่นเฉยๆ อารมณ์มันก็เกิดขึ้นมาเองอย่างช่วยไม่ได้ ราวกับถูกสะกดจากคนตัวเล็ก

     

     แต่ในเวลาแบบนี้...

     

    มือแกร่งหันไปเอือมโทรศัพท์ กดไปยังปลายสาย ไม่นานเสียงหวานนุ่มหูที่แสนจะคุ้นเคยก็ตอบกลับมา กรอกเสียงเรียบพยายามระงับอารมณ์ที่มันต้องการปลดปล่อยออกมาเสียเต็มประดา ไปยังปลายสายให้มากที่

     

    “ขึ้นมาหาฉันหน่อย เร็ว

     

     

    เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มทั่วผับหรู ผู้คนที่ออกมาเต้นกันมั่วไปหมดยิ่งแอลกอฮอล์เข้าปาก คนที่ท่าทีเงียบหนิม หรือวางท่าผู้ดีแค่ไหนก็ถูกฤทธิ์ของเจ้าน้ำสีใสหม่นนี้ทำให้ลืมความอาย กล้าได้กล้าเสียอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็กลับเป็นที่นิยมของพวกเขาเสียยิ่งกว่าอะไร

     

    มินซอกในชุดเสื้อยืดสีดำคอวีแหวกลึกลงเกือบจะถึงช่วงหน้าท้อง ตาข่ายสีดำที่ปกปิดอกขาวไม่ให้ออกมาเจอโลกนอก แต่ก็เพียงน้อยนิดเท่านั้นตาข่ายที่เป็นช่องทำให้ยังสามารถเห็นอกขาวๆนั้นได้ไม่ยาก ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับคนตัวเล็กนี้เป็นเท่าตัว กางเกงขาเดฟและรองเท้าผ้าใบแม้จะดูธรรมดาแต่ทุกย่างก้าวกลับดึงดูดสายตาของคนรอบข้างได้ไม่ยากนัก

     

    มินซอกหันมองรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุดกับร่างของคนที่คุ้นเคยดี จะว่าคุ้นเคยได้รึเปล่านะทั้งๆที่พึ่งคบกันได้ 2-3 เดือน แต่เขาก็เลือกที่จะไว้ใจคนคนนี้มากพอตัว

     

    “ทางนี้มินซอก”  มินซอกรีบเดินตรงหรี่เข้าไปหาเพื่อนของเขา ยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้า

     

    “ไง รอนานรึยัง แบคฮยอน”  พอล้มตัวนั่ง กวาดสายตามองทำให้รู้ว่าแบคฮยอนไม่ได้มาคนเดียว แต่ได้พาเพื่อนใหม่มาอีก 2 คน

     

    “สักพักแล้วล่ะ อ่า นี่มินซอกเพื่อนฉันล่ะ นั้นพี่ คิม จุนมยอน ส่วนอีกคน โด คยองซู นะ”

     

    ท้ายประโยคแนะนำเพื่อนของตัวเองให้มินซอกรู้ มินซอกส่งยิ้มเป็นมิตรไปให้ทั้งสอง จุนมยอน ชายที่มีผิวขาวแบบสุดๆ การแต่งตัวดูสบายๆแต่กลับดูดี ส่วนคยองซูถึงแม้จะตัวเล็กแต่กลับดูพึ่งพาได้อย่างประหลาด

     

    “สวัสดีครับ”

     

    มินซอกกล่าวสวัสดี ทั้งสองจึงโค้งศีรษะให้เล็กน้อย แบคฮยอนคงกลัวบรรยากาศจะดูอึดอัดเกินไปเพราะยังไม่คุ้นกันเท่าไหร่ของทั้งสามคนทำให้พยายามชวนคุย และแน่นอนมันรวมไปถึงการดื่มเหล้าด้วยเช่นกัน เป็นไปตามคาดบรรยากาศดูเป็นกันเองขึ้นมากโข

     

    มินซอกเข้ากันได้ดีกับทั้งจุนมยอนและคยองซู  ส่วนแบคฮยอนก็คอยปั่นบรรยากาศสนุกสนานเนื่องจากเจ้าตัวเป็นคนคุยเก่ง แถมยังมีมุขฮ่าๆมาเล่นไม่เลิก เพราะเสียงหัวเราะทำให้โต๊ะของพวกมินซอกดึงดูดจุดสนใจของโต๊ะอื่น ก็ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยคนหน้าตาน่ารัก ถึงแม้เสียงเพลงจะดังแต่เกือบจะทุกคนก็ยังคงให้ความสนใจกับโต๊ะของมินซอก

     

     

    “น่ารักชิบหาย” 

     

    ลู่หาน ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกยิ่งกว่ากินน้ำเปล่าแม้มันจะแสบคอแต่คนตัวสูงโปร่งก็ไม่แสดงทีท่าอะไรมากมาย แต่สายตาหวานเยิ้มที่มันล่องลอยไปยังโต๊ะอีกฟากของเขามากกว่าที่ทำให้รุ่นน้องร่วมโต๊ะต้องมองตามสายตาดุจกวางนั้นของเขาไป พอรู้สาเหตุของสายตาหวานเยิ้มจึงหันไปกระตุกยิ้มกันในกลุ่มอย่างรู้ทัน คนข้างๆตบเข้าที่ไหล่ลู่หานแรงๆ เพื่อเรียกสติรุ่นพี่ของตนที่มันล่องลอยไปหาโต๊ะนู้นให้กลับมา

     

    “เห้ย! ไอ้พี่ลู่”

     

    “ซี๊ด... ไอ้เชี้ย เจ็บ!

     

    คนถูกตบซี๊ดเบาๆก็เล่นตบซะแรง แถมแรงมันก็ไม่ใช่น้อยๆก็ต้องมีเจ็บแสบกันบ้าง ลู่หานหันไปมองหน้ารุ่นน้องอย่าง โอ เซฮุน เอาเรื่องแต่แค่แปบเดียวก็หันกลับไปสนใจจุดเดิมที่เขาละสายตามาเพียงครู่เดียว  

     

    “พี่สนใจใครอ่ะ?”

     

    “.....”

     

    “คนที่คุยจ้อไม่หยุด คนที่ผิวข๊าวขาวอย่างกับกระดาษ คนที่ตัวเล็กๆตากลมๆ หรือ.. คนที่หน้าตารูปร่าง ..น่าฟัด นั้น?”  เซฮุนเน้นคำน่าฟัดกับลู่หานอย่างจงใจ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจแล้วว่ารุ่นพี่ของตัวเองมองใครแต่ก็อยากยั่วโมโหอีกฝ่ายเล่น

     

    “อยากแดกแก้วเหล้าแทนเหล้าป่ะมึง? ถ้าไม่อยากก็หุบปากแล้วแดกไปเงียบๆ”  ลู่หานหันมาขู่เสียงแข็ง เซฮุนหัวเราะออกมาเบาๆ รวมไปถึงอีก 2 คนที่นั่งฟังบทสนทนาของทั้งคู่มาโดยตลอด

     

    “แล้วตกลงพี่สนใจใครว่ะ?”  คิม จงอิน ที่นั่งเงียบมานานถามขึ้นบ้าง ลู่หานหันมากระตุกยิ้มกับคนที่เหลือ

     

    “พวกมึงก็รู้ยังจะเสือกถาม”

     

    มือหนาคว้าแก้วเบียร์ขึ้นกระดกสองสามอึก กะจะหันไปมองที่เดิมแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างที่ตัวเองมองมาตั้งนานหายไปเสียแล้ว เหลือเพียงแค่สามคนที่ยังคงคุยกันอย่างออกรส ส่งผลให้คิ้วเรียวดูดีต้องขมวดย่นอย่างหงุดหงิด หันมองจนทั่วก็ไร้เงาคนที่เขามองมาตั้งแต่เข้ามาเยียบในผับ ตั้งแต่เดินผ่าฝูงชนเข้ามาโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นจุดเด่นให้พวกเสือสิงห์ขนาดไหน

     

    “หายไปไหนแล้วว่ะ”

     

    แม้จะพูดเสียงเบากับตัวเองแต่รุ่นน้องเขาอีกคน หวางจื่อเทา ก็คงดูจากท่าทางเขาได้ไม่ยากจึงจงใจเปรยขึ้นมาจงใจให้ลู่หานได้ยิน

     

    “ผมเห็นเขาเดินเข้าห้องน้ำไปอ่า”  ลู่หานหันไปส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเทาอย่างมีความหมาย มือหนาคว้าโทรศัพท์ยัดใส่ในกระเป๋า ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

     

    “สงสัยแดกเบียร์เยอะไปหน่อย แม่งปวดเยี่ยวชิบหายเลยว่ะ”

     

    พูดเท่านั้นทั้งกลุ่มก็ส่งเสียงหัวเราะกันออกมาอย่างชอบใจ ลู่หานไม่สนใจรีบเดินตรงหรี่ไปยังห้องน้ำชั้นบน เพราะมีอะไรน่าสนุกกว่านี้รอเขาอยู่ยังไงละ

     

     

    ซ่า ซ่า ซ่า

    มินซอกกวักน้ำล้างหน้าเพื่อว่ามันจะคลายความร้อนจากแอลกอฮอร์ที่เขาดื่มเข้าไปได้บ้าง เพราะรู้สึกมึนๆหน่อยๆกับพวกของมึนเมาที่เขาดื่มเข้าไป แม้จะดื่มเยอะกว่านี้แต่เขาก็ไม่ใช่พวกคออ่อนที่ดื่มไม่กี่แก้วก็เป็นลมพับ แต่คงเพราะเป็นเหล้ายี่ห้อที่ค่อยข้างรุนแรง ทั้งที่คิดว่าดื่มไปแค่ไม่กี่แก้วกลับทำให้มึนได้ถึงขนาดนี้

     

    มินซอกก้มดมเสื้อตัวเองและบริเวณอื่นๆทำให้ต้องเบือนหน้าหนีเพราะแสบจมูกกับกลิ่นเหล้าที่มันฉุนออกมา มือเล็กรีบคว้านหาโทรศัพท์ต่อสายไปยังอี้ฟาน หากกลับไปสภาพนี้มีหวังโดนทำโทษริบกุญแจรถแน่นอนเพราะอี้ฟานกำชับเขาว่าห้ามดื่ม แต่ก็ดันขัดคำสั่งไปเต็มเปา

     

    หมายเลขที่ท่านเรียก...

     

    ไม่ต้องรอให้คอลเซ็นเตอร์เอยจนจบเขาก็รีบตัดสายทิ้งทันที อี้ฟานคงกำลังทำงานหนักไม่ก็หลับไปแล้วถึงได้ปิดโทรศัพท์เพราะไม่อยากให้ใครโทรมารบกวนเวลาพักผ่อน นั้นก็ทำให้มินซอกยิ้มร่าออกมา  เพราะถ้าหากอี้ฟานยังไม่หลับก็กะจะอยู่นี้อีกสักพัก ให้กลิ่นเหล้ามันซ่าลง แต่เมื่อคนตัวโตหลับไปแล้วจึงกลับบ้านได้ทันทีไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเอ็ด

     

    มินซอกเอือมมือปิดก๊อกน้ำ สะบัดมือไล่น้ำสองสามที หมุนตัวจะเดินออกจากห้องน้ำ ว่าจะไปบอกลาสามคนที่ยังนั่งอยู่โต๊ะเดิม แต่เพราะไม่ทันระวังทำให้เขาชนเข้ากับชายแปลกหน้าจังๆ

     

    “ขะ ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ”  ก้มขอโทษขอโพยยกใหญ่ โดยไม่ทันสังเกตแววตาสนุกของอีกคนที่ถูกเขาชนเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    “ไม่เป็นไรครับ”  ลู่หานยกยิ้ม ก่อนมือหนาจะคว้าเข้าที่มือนุ่มนิ่มของมินซอกรวดเร็วเสียจนเจ้าของมือนิ่มยังไม่ทันตั้งตัว มินซอกนิ่งไปพัก เงยหน้ามองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

     

    “เอ่อ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”   มินซอกพยายามจะดึงมือออกจากอีกคนที่เหนียวเป็นปลิง ท่าทีลนลานของมินซอกอยู่ในสายตาลู่หานตลอดเวลา ยิ่งอยากแกล้งอีกคนให้มากกว่าเดิม

     

    “แล้วก็ปล่อยมือผมด้วยครับ!

     

    มินซอกเริ่มขึ้นเสียง เนื่องจากพยายามบิดมือออกเท่าไหร่มือของลู่หานยิ่งจับแน่นขึ้น ทั้งๆที่ขนาดตัวของเขาและลู่หานก็ไม่ได้ต่างกันมาก แต่เรี่ยวแรงของลู่หานกับมีมากโขกว่าเขานัก

     

    “เดี๋ยวสิ ผมอยากรู้จักคุยให้มากกว่านี้จัง”

     

    กล่าวจบร่างสูงโปร่งก็เบียดลำตัวดันร่างเล็กกว่าจนชิดกับกำแพงขาว มือคล่อมทั้งสองทางไม่ให้มินซอกหนีไปได้ โน้มหน้าเข้ามาคอเคลียข้างซอกคอขาวหอมกรุ่น มินซอกหดคอหลบใบหน้าของลู่หาน อกเล็กกระเพื่อมขึ้นลงหายเพราะเริ่มรู้สึกกลัวการกระทำของผู้ชายที่พึ่งเจอกันได้ไม่ถึงห้านาที แต่กลับมาทำรุ่มร่ามกับเขาขนาดนี้ มือเล็กยกขึ้นดันอกลู่หานให้ถอยห่าง แต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเป็นผลมากนัก กลับยิ่งทำให้ลู่หานโน้มตัวลงใกล้มากกว่าเดิมเสียอีก

     

    “ปล่อย! ออกไปนะไม่งั้นฉันจะเรียกให้คนช่วยจริงๆด้วย!! ช่วยด้ว..อื้อ!” 

     

    ปากเล็กที่ตั้งท่าจะตะโกนเรียกให้คนช่วยถูกมือหยาบของอีกฝ่ายปิดไว้แน่น ลู่หานจ้องตาอีกฝ่าย ราวกับถูกแรงดึงดูดจากดวงตาวาวรีคู่นั้น ลู่หานลดมือลง มินซอกเองก็เริ่มหยุดดิ้นไปบ้างแล้ว

     

    สายตากว้างของลู่หานเลื่อนมองลงต่ำก็ต้องสะดุดกับอกขาวๆที่หายใจกระเพื่อมขึ้นลงถี่ คงเพราะกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ถูกคนแปลกหน้าที่เจอกันไม่กี่นาทีจู่โจมขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องตกใจกันเป็นธรรมดา  สายตากว้างดุจกวางป่าจ้องนิ่งยังอกขาวไม่คลาดสายตา และไหนจะแสงไฟจากห้องน้ำทำให้เห็นชัดว่ามันขาวเพียงใด แต่ทุกอย่างก็ต้องพังคลื่นลง เมื่อถูกมินซอกยกเข่าขึ้นกระแทกกับเข้าแท่งตรงหว่างขาพอดี ไม่ลืมที่จะซัดหมัดหนักๆลงข้างแก้มนั้นอีกที  แล้วจึงรีบกระชากเปิดประตูวิ่งหนีหายไป ทิ้งให้ลู่หานนั่งซี๊ดปาก กุมลูกรักของตนเองแน่นบนพื้น

     

    “โอ๊ย ซี๊ด... แสบเป็นบ้า!”  ความจุกทำให้เขาแทบจะเค้นคำพูดอะไรออกมาโดยไม่เสียงสั่นช่างยากเย็นเหลือเกิน แต่กลิ่นตัวหอมอ่อนๆก็ทำให้กระตุกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่ยังจุกไม่หายได้อย่างง่ายดาย

     

    เราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน

     

    ลู่หานคิดอย่างนั้น



                

     

     


    TBC.





    ✤✤✤✤

     

    ตอนนี้ยังเบาๆ(?) อยู่นะค่ะ กรุ๊งกริ๊งน่ารักเบาๆอยู่

    ส่วนตอนหน้าก็จะค่อยเพิ่มความเบาสมอง(?) เข้าไปอีกเรื่อยๆ

    ติดตามด้วยนะค่า~

     

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×