คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Memories -11-
Black Memories
-11-
มินซอกหย่อยตัวลงบนโซฟานุ่มโดยมีลู่หานที่ปิดประตูเพราะเดินตามเขามา พวกยาและอาหารมากมายที่ซื้อมาเยอะแยะคนตัวสูงก็หิ้วมันไปวางฝั่งครัวพร้อมกับหาชามถ้วยจัดแจงอาหารแล้วนำมาวางโต๊ะแก้วใสตรงหน้ามินซอกทันทีจนคนตัวเล็กตีคิ้วยุ่งใส่
“กินซะแล้วจะได้กินยา” ลู่หานพอจะเดาจากสีหน้าอีกฝ่ายออกจึงชิงเอยขึ้นเสียก่อน มินซอกเบือนหน้าหนีกำลังจะยันตัวลุกขึ้นแต่เหมือนลู่หานจะรู้ทันอีกเช่นกันจังใช้มือทั้งสองกดไหล่เล็กให้นั่งที่เดิม
“ฉันไม่หิว”
“แต่นายต้องกิน”
“อย่ามาบังคับ” สายตาดื้อรั้นของอีกคนทำลู่หานส่ายหน้าหงุดหงิด ทิ้งตัวลงนั่งข้างคว้าช้อนขึ้นตักโจ๊กร้อนๆขึ้นมาเป่าพร้อมกับจ่อติดริมฝีปากเล็กเป็นการป้อนเชิงบังคับกลางๆ
“.....” ดูเหมือนลู่หานจะประเมินความรั้นของอีกคนต่ำไป มินซอกเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับสะบัดหน้าหนีอีกฝ่ายอย่างดื้อรัน จมูกโด้งถอนหายใจออกมาเหนื่อยใจ
“ทำไมนายดื้อจังว่ะ!”
“ก็แล้วทำไมต้องบังคับด้วยล่ะ ก็บอกอยู่ว่าไม่หิว!!”
“โว้ย ดื้อจริงเดี๋ยวพ่อก็จับป้อนทางปากหรอก” ลู่หานครางเสียงต่ำอย่างเหลืออด มินซอกสะบัดหน้ากลับด้วยใบหน้าติดแดงเถือกนิดๆ ก่อนจะแย่งช้อนจากในมือมาตักข้าวยัดเข้าปากทันทีสร้างเสียงหัวเราะน้อยๆของลู่หานได้ไม่ยากนัก
“กินแล้ว จะไปไหนก็ไปสิมองอยู่ได้” ริมฝีปากที่เลอะไปด้วยข้าวต้มบู่ปากใส่เขาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเอยไล่อย่างชัดเจน ใจจริงอยากจะแกล้งต่ออีกหน่อยแต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นและชื่อสายเรียกเข้าที่โชว์หราจึงทำให้ลู่หานยอมผละออกไปง่ายๆ แต่ก็ไม่วายที่จะสั่งคนตัวเล็กอีกครั้งจนได้สายตาเหวี่ยงกลับมา
“กินเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาด้วยละ อย่าให้รู้ว่านายแอบเอาไปเททิ้ง”
“สั่งจริง” มินซอกบ่นอุบอิบคนเดียวเมื่อคล้อยหลังลู่หานที่ออกไปรับโทรศัพท์ที่ริมระเบียง แล้วจึงรีบก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าให้เสร็จและตามด้วยยา
“กินเสร็จรึยัง”
“เสร็จแล้ว” มินซอกตอบเสียงหงุดหงิดตั้งท่าจะลุกแต่ก็ถูกฉุดให้กลับไปนั่งที่เดิม คิ้วโค้งขมวดเข้าหากันแน่นอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวันเพราะผู้ชายตรงหน้า
“เห้ย! กินยาแล้วต้องรีบนอนมันก็เขียนบอกอยู่โทนโท่นายอ่านภาษาจีนไม่ออกรึไง” พูดพรางโชว์ฉลากยากำกับให้อีกฝ่ายดูด้วยใบหน้าบึ้งตึง ลู่หานดึงมันออกมาก่อนจะโยนทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ
“ยังไม่ต้องนอน”
“.....”
“นายเป็นอะไรกันแน่กับอี้ฟาน” ชื่อของบุคคลที่สามทำเอาท่าทีที่หงุดหงิดเมื่อกี้แปรเปลี่ยนไปเป็นนิ่งงันนิ่งเสียจนน่าใจหาย ลู่หานจ้องอีกฝ่ายไม่วางตาและเหมือนคราวนี้มินซอกจะไม่หลบสายตาเขาแล้วเช่นกัน
“นายจะอยากรู้ไปทำไม”
“.....”
“อยากจะรู้เพื่ออะไร? เพื่อซ้ำเติมอดีตเน่าเฟะของฉันงั้นหรอ?” เสียงนุ่มเริ่มสั่นแม้ว่าคราวนี้ดวงตาเล็กจะไม่ได้พราวไปด้วยหยดน้ำเหมือนเช่นเคย แต่แค่น้ำเสียงก็พอจะเดาได้ว่า
มินซอกนะกำลังอ่อนแอเพียงใด
“เปล่า ฉันแค่อยากช่วย” ลู่หานเอยเสียงแผ่ว มินซอกตวัดสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายนิ่ง ลู่หานพูดออกไปตามที่เขาคิดไว้อย่างนั้นจริงๆ แม้มันอาจจะมีมากกว่านั้นแต่เพียงตอนนี้เขายังไม่แน่ใจเท่านั้น
“ไม่ต้อง”
“แต่”
“จะมาเป็นคนดีอะไรปานนี้ นายไม่คิดว่ามันเหมือนการตบหัวแล้วลูบหลังบ้างหรอ” ในซอกจ้องตาขวางแล้วจึงยันตัวลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนกว้างไปทิ้งให้ลู่หานได้แต่นั่งถอนหายใจเงียบๆที่เดิม เขาสามารถเดินตามมินซอกเข้าไปก็ได้แต่ก็เลือกที่จะนั่งที่เดิมทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังเล็กที่หายลับเข้าไปทางประตู
20 นาทีก่อนหน้านี้
ลู่หานปลีกตัวออกมารับสายจื่อเทาที่ริมระเบียงและไม่ลืมที่จะเลื่อนบานกระจกปิดเพื่อป้องกันเสียงสนทนาที่มันจะดังออกไปหาร่างเล็กที่กำลังทานข้าว
“ว่าไง”
“ได้มาแล้ว”
“.....”
“คิมมินซอกเป็นคนเชื่อชาติเกาหลีแต่กำเนิดครอบครัวที่เกาหลีฐานะมีกินมีใช้ และเปิดธุรกิจขนาดย่อมทั่วไป”
“.....”
“แต่จู่ๆครอบครัวมินซอกก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่ คิมมินซอกจึงถูกครอบครัวตระกูล อู๋ รับไปเลี้ยงในนามบุตรบุญธรรมและเป็นน้องชายของอี้ฟานทายาทคนโตของตระกูล”
“.....”
“และทันทีที่สิ้นคุณอู๋หัวหน้าตระกูล คิมมินซอกก็ถูกยกให้เป็นคนรักของอี้ฟานทันที” สิ้นประโยคอันยาวเยียดที่คาดว่าจื่อเทากำลังอ่านตามตัวหนังสือที่ตามสืบมาได้ ลู่หานขมวดคิ้วแน่นพรางขบคิดเรื่องราวต่างๆแม้จะพยายามปะติปะต่อเท่าไหร่ก็ดูจะไม่เป็นผล เพราะคำตอบคือว่างเปล่า
“อย่างกับละคร”
“เออ” ลู่หานขานรับเสียงสั้นก่อนจะกดตัดสายทิ้ง สายตาเหลือบมองร่างของมินซอกที่กินเสร็จและพยายามที่จะกลืนยาลงคออย่างยากลำบากอยู่
บางทีก็ถึงเวลาที่เขาควรจะถามอีกฝ่ายออกไปตรงๆสักที
“เฮ้อ” ถอนหายใจเสียงดังพรางยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิง คิดไปแล้วมันเรื่องอะไรที่เขาต้องอยากช่วยคนตัวเล็กนี้ด้วยทั้งๆที่จุดประสงค์แรกก็แค่อยากฉุดอีกคนมาสนองความใคร่และเย้ยหยันคนอย่างอี้ฟานเพียงเท่านั้น
แต่ตั้งแต่น้ำตาของอีกคน
เขาก็เริ่มถล้ำลึกเข้าไปทีละนิด กำลังเลยเขตเดนที่มินซอกกำลังขีดเส้นไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากคนภายนอก กำแพงบางอย่างที่มินซอกสร้างมันขึ้นมาเพื่อกันคนนอกและกักขังตัวเองให้จมอยู่กับอดีตบางอย่างที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆมันไม่เคยส่งผลดีอย่างแน่นอน
มินซอกกวาดสายตามองจนทั่วห้อง ขาเรียวที่ถูกสวมทับด้วยกางเกงกากีสีดำก้าวย่างเพื่อตามหาร่างของอีกคนที่เป็นเจ้าของห้องแห่งนี้แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษโน้ตสีขาวที่ถูกแจกันทับไว้บนโต๊ะแก้วบนแผ่นเป็นใจความสั้นๆที่ทำให้คิ้วเรียวขมวดกันแน่น
‘ออกไปซื้อของ แล้วจะรีบกลับมา’
“ใครอยากรู้กัน” สบถเสียงเรียบคนเดียวด้วยใบหน้าติดรำคาญ มินซอกวางกระดาษไว้ที่เดิมก่อนจะเดินเข้าไปค้นหาของกินในตู้เย็นมุมฝั่งครัวในตู้เย็นมีของหลงเหลือเพียงไม่กี่ชิ้น มีเพียงนมกล่องเล็กและที่เหลือก็เป็นเหล้าเบียร์ที่เรียงอยู่เต็ม
ภาพลักษณ์ของเขาภายนอกดูไม่เหมาะเลยสักนิดที่จะคว้าขวดเบียร์ออกมาสองสามขวดด้วยใบหน้านิ่งเรียบ สาวเท้าเพื่อไปหยิบแก้วใสออกมาแล้วจึงพาตนเองมานั่งบนโซฟาหน้าทีวี
“หมอนี้ก็มีรสนิยมใช้ได้นี่นา” ดวงตาเรียวรียกขวดเหล้ายีห้อดีของเจ้าของห้องร่างโปร่งขึ้นมาหมุนดูรอบๆสร้างรอยยิ้มบางๆขึ้นบนริมฝีปากเจ่อสวยได้ไม่ยาก ไม่นานของเหลวสีอัมพันจึงถูกเทลงแก้วใสราคาแพงมินซอกไม่รีรอที่จะจับกระดกขึ้นดื่มอย่างช่ำชองราวกับมันเป็นเพียงน้ำหวานแสนอร่อย
เยียดกายเอนบนโซฟานิ่มกว้างสายตาก็จับจ้องไปยังหน้าจอทีวีขนาดใหญ่ที่กำลังฉายข่าวการเมืองที่ทำให้เขาส่ายหน้าด้วยความหน่าย หากแต่นิ้วที่กำลังจะกดเปลี่ยนช่องกลับชะงักเมื่อข่าวเปลี่ยนหัวข้อไปยังนักธุรกิจรายใหญ่ ภาพร่างสูงดูดีในชุดสูทราคาแพงฉายชัดสร้างแววตาเล็กที่สั่นไหวเล็กๆอย่างปิดไม่มิด
‘อู๋ อี้ฟาน’
ประเด็นที่ร่างสูงกำลังให้สัมภาษณ์เรียกใบหน้าหวานให้จับจ้องความสนใจไปยังสิ่งที่กำลังมองดูทันที นักข่าวมากมายที่กำลังพยายามล้อมลอบสัมภาษณ์อีกฝ่ายแต่ก็ถูกการ์ดชุดดำกันออกเว้นระยะห่างให้ปลอดภัย
‘คุณอี้ฟานค่ะ จริงรึเปล่าที่มีข่าววงในเผยออกมาว่าคุณมินซอกถูกลักพาตัวไป’ ถ้อยคำจากนักข่าวสาวที่จ่อไมค์เข้าหาตรงไปตรงมาจนอี้ฟานกระตุกยิ้มเย็นน้อยขึ้นมา สร้างบรรยากาศแปลกประหลาดที่ทำให้คนรอบข้างเกร็งขึ้นมาเสียดื้อๆ
‘ครับ’ เมื่ออีกฝ่ายถามออกมาตรงๆเช่นนั้นเขาก็พร้อมที่จะเผยคำตอบที่แท้จริงออกไปเช่นกัน สิ้นคำตอบรับสั้นๆบรรดานักข่าวมากมายก็ส่งเสียงฮือฮาเป็นการใหญ่ แสงแฟรชวาบไปมาที่เกิดจากการรัวชัตเตอร์อย่างต่อเนื่อง
‘แต่มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด และผมกำลังจะไปรับคนของผมกลับมาในเร็วๆนี้’ ใบหน้าเย็นชาและแววตาเย็นยะเยือกสบมองกับเลนส์กล้องส่งผ่านฉายเป็นจอกว้างของทีวีจนทำให้นิ้วเรียวเผลอบีบเข้ากับแก้วแน่นอย่างลืมตัว
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
มินซอกสะดุ้งหลุดจากภวังค์เพราะเสียงกริงหน้าห้องที่ดังระรัวขึ้นจนเขาขมวดคิ้วแน่น หากเป็นลู่หานทำไมหมอนั้นถึงไม่ใช่การ์ดรูดเข้ามาเลย แต่ก็สะบัดความคิดออกยันตัวขึ้นตรงดิ่งไปยังประตูบานใหญ่ แต่เมื่อก้าวเข้ามาประชิดบานประตูนิ้วเรียวที่ตั้งท่าจะบิดลูกบิดอ่อนแรงลงทันทีเมื่อเหลือบไปมองยังจอมอนิเตอร์ขนาดเล็กที่ฉายภาพบุคคลหน้าประตูได้อย่างชัดเจน
ชายสูงโปร่งในชุดลำลองดูดีสวมแว่นดำราคาแพง ปอยผมสีทองประกายดูดีที่ปกลงมาบนหน้าผากเรียบรับกับจมูกโด้งคั่นระหว่างแว่นแพงได้อย่างลงตัวริมฝีปากแดงคล้ำรูปกระจับดูดีกำลังเม้มเป็นเส้นตรง เสยหน้าขึ้นจ้องนิ่งยังบานประตูแม้จะถูกปกปิดด้วยแว่นราคาแพงแต่ก็ไม่ได้ทำให้มินซอกลืมไปได้เลยว่าคือใคร ลำแขนเล็กยกขึ้นกอดกายตัวเองช้าๆทันทีเขาพลิกตัวใช้แผ่นหลังเล็กแนบกับประตูบานใหญ่ค่อยๆลดตัวลงไปกอดกายตัวเองไว้แน่นเหมือนต้องการระงับแรงสั่นจากกายบางที่กำลังสั่นขึ้นเรื่อยๆไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
“อ อี้ฟาน”
ก้อนน้ำลายเหนียวหนืดก้อนใหญ่จุกอยู่ในลำคอจนแทบจะเปล่งอะไรออกมาไม่ได้ มินซอกนั่งคุดตัวสั่นหวาดระแวงกับร่างสูงที่คั้นเขาไว้เพียงบานประตูเท่านั้นแต่กลับมีอิทธิพลกับเขามากมายอย่างน่าเหลือเชื่อ
กริ๊งงง กริ๊งงง
ปึง! ปัง ปัง ปัง ปัง!!
ไม่นานเสียงกริงที่ถูกระรัวกดอีกครั้งและก่อนจะแปรเปลี่ยนไปเป็นแรงกระแทกจากกำปั้นใหญ่ที่กำลังรัวทุบบานประตูจนมินซอกสะดุ้งตัวโยนจนต้องรีบคลานหนีถอยห่างออกจากบานประตูที่กำลังสั่นอย่างรุนแรงเพราะแรงกระแทกจากด้านนอก ส่งผลให้มินซอกยิ่งหวาดกลัวเข้าไปอีก
“มินซอก!”
เฮือก
เจ้าของชื่ออย่างเขาผวาเบิกตาโพล้งในทันทีเพราะเสียงที่แสนคุ้นเคยและทรงพลังกำลังตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงทุ้มต่ำแต่ดังลั่นยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวเข้าไปอีกจนน้ำสีใสมันเอ้อล้นออกมาด้วยความกลัวจับใจ
“ฮ ฮึก อื้อ..ฮืออ”
“นายถูกขังอยู่ข้างในใช่มั้ย ออกมาหาฉัน” น้ำเสียงแหบห้าวยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเพิ่มแรงสะอื้นให้มินซอกเป็นเท่าตัว อยากจะวิ่งเข้าไปหลบหากแม้แต่แรงจะลุกยังแทบเป็นศูนย์เขาจึงสามารถเพียงนั่งกอดเขาสะอื้นไห้ไม่หยุดเช่นนี้
“ฉันรู้ว่านายอยู่ในนี้ มินซอก”
“.....”
“อย่ากลัวไปเลยเด็กดี..มันทำอะไรนายไม่ได้หรอก”
“.....”
“แล้วฉันจะกลับมารับนายใหม่อีกครั้ง จำไว้.. นายเป็นของฉันอี้ฟานไม่ใช่ของใครหน้าไหนทั้งนั้น”
“ฮึก ..ฮือออออออ” ฟันคมกัดกับริมฝีปากล่างตัวเองปล่อยโฮใหญ่ออกมาอีกระลอกพรางทรุดหน้าลงแนบกับพื้นพรมนุ่ม หยดน้ำตาจำนวนมากที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุดส่งผลให้พื้นที่บริเวณนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำสีใสที่มันออกมาจากดวงตาเล็กที่เริ่มแดงเถือกและนู้นจากการร้องไห้อย่างหนัก นิ้วเรียวเล็กจิกเข้าไปต้นแขนขาวของตัวเองจนมันช้ำและเลือดซิบ
ทั้งๆที่เป็นบุคคลที่เขาควรจะหนีไปให้พ้นแต่ในเวลานี้ในสมองกลับมีเพียงคนคนนั้นจนเต็มไปหมด
“ล ลู่หาน นายอยู่ไหน..ฮือ”
ลู่หานรีบสาวเท้าเดินอย่างรีบร้อนทันทีที่ได้รับสายจากการ์ดที่จ้างให้คอยสอดส่องเฝ้าห้องเขาไว้รายงานมาว่ามีผู้ชายที่กำลังพยายามจะเข้าห้องของเขาก็ยิ่งเพิ่มความร้อนรนให้เข้าไปอีก ลู่หานกำถุงในมือแน่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งด้วยความร้อนรนตรงไปยังห้อง คว้านหาการ์ดรูดประตูพร้อมกับดันมันจนสุด
“มินซอก..” ร่างเล็กที่กำลังนอนกอดตัวเองโดยมีหน้าทรุดลงกับพื้นทำให้หัวใจเขาหล่นวูบไปมือที่ถือข้าวของรีบทิ้งมันอย่างไม่ใยดีพรางถลาเข้าไปประคองร่างของมินซอกที่ดูเหมือนจะยังร้องไห้ไม่ได้สติตัวสั่นเทาเหมือนลูกแมว
“ฮ ฮึกกก.. ฮือ”
“มินอก มินซอก” ลู่หานเขย่ากายอีกคนเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติที่ดูเหมือนจะหลุดลอยออกไปให้กลับมา
“อ๊ะ! ไม่นะ ไม่ ออกไป!!” มินซอกสะดุ้งจากการสัมผัสของอีกคน หลับตาแน่นพรางดีดดิ้นผลักอีกคนให้ออกไป
“มินซอก ..ฉันเองนะ ลู่หานไม่ต้อง..”
“ลู่หาน..ฮึก นายจริงๆด้วย ฉ ฉันกลัว ฮืออ” ไม่ต้องรอให้เอยจบประโยคมินซอกก็รีบโผเข้าสวมกอดอีกคนแน่นพรางปล่อยโฮอย่างโล่งอกออกมา ลู่หานที่ท่าทีแรกดูแปลกใจนิดๆแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยที่อีกคนไม่หนีเขาและเลือกที่จะใช้เขาเป็นที่พักพิงมันทำให้หัวใจเขาพองโตขึ้นมานิดๆอย่างห้ามไม่ได้ ผ่ามือหนายกขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลแดงแผ่วเบา
“ไม่ต้องกลัวฉันอยู่ตรงนี้.. แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
“อ อี้ฟาน..ฮึก อี้ฟานจะมารับฉันกลับไป ฮืออ... ช ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือที่เปล่งออกมาและปลายนิ้วที่กดแรงจิกลงบนเนื้อผิวเสื้อของเขาจนมันยับยู่ยี่ทำให้ลู่หานต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อเป็นการปลอบประโลมให้อีกฝ่ายรู้สึกปลอดภัยยามเมื่ออยู่กับเขา
ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
มินซอกหลับไปแล้วโดยมีเขาที่คอยกุมมือเล็กๆนั้นไว้แน่นจนอีกฝ่ายวางใจและข่มตาหลับลงได้ ลู่หานถอนหายใจทิ้งพรางคลี่เศษกระดาษที่เขาจดจำได้ดีว่าเขาเคยส่งมันไปให้ใครและบัดนี้มันถูกตีกลับมาพร้อมข้อความหน้าที่ว่างเปล่าอีกฝั่ง
‘คนของกู กูไม่ให้’
“เหี้ยเอ๊ย!” มือหยาบขยำแผ่นกระดาษเล็กจนมันกลับไปยับยู่ยี่อีกครั้งพร้อมกับสบถคำหยาบเสียงสั่นด้วยความแค้น น้ำเสียงอ้อนวอนของมินซอกเขายังจำมันได้ดีแล้วอย่างนี้จะปล่อยให้มินซอกกลับไปอยู่ในนรกกับอสูรกายอย่างอี้ฟานได้ยังไงละ
ไม่มีทาง!
“ฮัลโหล” นิ้วรัวตัวเลขแล้วจึงยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นแนบหู
“มีอะไรอีกครับ”
“พรุ่งนี้กูจะไปอยู่คอนโดมึงชั่วคราวนะ เคลียร์ห้องให้กูด้วย” ปรายสายครางฮือด้วยความงุนงงเล็กน้อย ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากมานอนค้างที่ห้องของเขาสักนิดแต่คราวนี้กลับมาแปลก ดูเหมือนลู่หานจะอ่านใจอีกฝ่ายออกจึงกล่าวตัดบททันที
“มีเรื่องนิดหน่อย แล้วจะบอกลายละเอียดให้ทีหลัง”
ติ๊ด
ทันทีที่กดตัดสายโทรศัพท์ราคาแพงก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ขึ้นมาดื้อๆจึงถูกโยนลงบนเตียงอย่างไม่ไยดีสักเท่าไหร่ ลู่หานเหลือบมองเสี้ยวหน้ามินซอกที่ดูก็รู้ว่ากำลังวิตกกังวลมากเพียงใดยิ่งแรงบีบที่มือก็ทำให้เขายิ่งแน่ใจ
“ฉันอยากจะ..”
“.....” น้ำเสียงแสนมั่นคงเอยขึ้นมาพรางสบมองใบหน้าขาวนวลของมินซอกก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาตัดสินใจจะทำดั่งที่เอย
“ปกป้องนาย”
ไม่ใช่ความสงสาร
ไม่ใช่แค่อยากช่วยเพราะความสมเพช
แต่มันมากกว่านั้น มากจนเขาเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง
“นายยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะพาฉันไปไหนนะ” ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็เจอร่างของลู่หานที่กำลังจับยัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเป้ใบขนาดพอดีแบบลวกๆ ความจริงก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะหากอีกฝ่ายไม่เดินมาบอกให้เขาเตรียมตัวย้ายไปกับตัวเองด้วยนะ
“ถึงที่ก็รู้เอง เลิกถามมากซะที” ลู่หานกล่าวตอบเสียงหงุดหงิดพรางจัดการยัดเสื้อผ้าและของส่วนตัวลงกระเป้าเป้ต่อไป ไม่รู้คิดผิดคิดถูกกันแน่ที่บอกให้รู้แบบนี้
แม่งถามไม่หยุด
“แล้วทำไมนายไม่บอกฉันตรงนี้ไปเลยละ จะทำตัวมีลับลมคมในทำไม”
“โว๊ะ! พ่อนายเป็นตำรวจรึไงว่ะซักจริง”
“พ่อฉันเป็นนักธุรกิจ”
“เออ ไม่บอกก็รู้” เพราะความรำคาญจึงทำให้ลู่หานเผลอหลุดปากไป พอเหลือบมองก็เจอสายตามินซอกที่มองมานิ่งยิ่งดิ้นยากเข้าไปใหญ่
“จริงสิก็นายให้คนไปสืบเรื่องของฉันจนหมดแล้วนี่มีอะไรที่ยังไม่รู้อีกมั่งล่ะฉันจะได้บอกให้หมด” น้ำเสียงกึ่งประชดแดกดันไม่ทำให้ลู่หานรู้สึกผิดสักเท่าไหร่ มือที่กำลังจัดการกับเสื้อผ้าปล่อยมันก่อนจะก้าวเดินเข้าประชิดร่างบนเตียง พรางยืนหน้าเข้าใกล้และดูเหมือนอีกคนจะไม่ถอยหนีเหมือนทุกคราวราวกับกำลังท้าทายเขาด้วยแววตาไม่ยอมแพ้นั้น
“มีสิ มีเยอะเลยละ”
“....”
“ถามหน่อยสิ เมื่อไหร่นายจะเลิกดื้อและคอยขัดใจฉันแบบนี้ซะที”
“.....”
“รู้มั้ยว่ามันน่าจับกดลงบนเตียงมากแค่ไหน” ใบหน้าแดงเถือกขึ้นทันทีที่จบประโยคแสนเจ้าเล่ห์ของอีกคน มินซอกยกแขนขึ้นดันอกแกร่งออกให้พ้นพรางหันหน้าหนีสายตาที่อีกฝ่ายมองมา ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ไม่เคยทำให้เขาเลิกหวั่นกับมันได้เลยสักครั้ง
“จ จะเก็บของไม่ใช่รึไง รีบๆไปทำสิ!”
“หึ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” ลู่หานส่งเสียงหัวเราะเบาๆกับท่าทีเขินอายจนปิดไม่มิดของมินซอกพรางหมุนตัวเดินกลับไปจัดการกระเป๋าใบเดิมให้เสร็จ
“อีกสักพักมันคงมา” หลังจากภายในห้องถูกปกคลุมด้วยความเงียบที่เคลื่อนเข้ามาเพราะไม่มีใครเอยอะไรออกมา ลู่หานที่จัดการกับกระเป๋าเสร็จเงยหน้าขึ้นเพื่อบอกกับมินซอก
“ใคร?”
กริ๊ง กริ๊ง..
“พูดถึงก็มา ไอ้เหี้ยนี้ตายยากจริงๆ” ลู่หานตวัดสายตามองตามเสียงกริงที่ดังขึ้นไม่หยุดพรางกระตุกยิ้ม มินซอกมองอีกฝ่ายสลับกับต้นเสียงด้วยใบหน้างุนงง กำลังจะเอยถามออกไปหากเสียงบานประตูที่เปิดออกและร่างผู้มาใหม่ทำให้เขานิ่งอึ้งไปทันที
“รถมาพร้อมแล้วครับไอ้รุ่นพี่” ร่างสูงโปร่งในชุดที่คาดว่าคงจะเป็นแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ดวงตาคล้ำดูดีภายใต้กรอบแว่นตาดำราคาแพงเหลือบมองมายังมินซอก ริมฝีปากรูปกระจับจึงกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นทันทีพร้อมกับเอยทักทายร่างเล็กที่ยังอึ้งไม่หาย
“หวัดดีครับ คุณน่าฟัด”
“น นาย!!”
“นี่ ไม่ต้องระแวงกันขนาดนั้นก็ได้ผมไม่บ้าจี้เลี้ยวลงข้างทางพาคุณไปซั่มหรอกน่า” คำพูดของรุ่นน้องลู่หานไม่ได้ทำให้เขาคลายความกังวลลงซักนิดเดียวแต่กลับยิ่งเพิ่มความระแวงขึ้นไปอีก อยากจะหันไปร้องขอความช่วยเหลือแต่ลู่หานก็เอาแต่หัวเราะเบาๆแต่ก็รับรู้ได้ว่ากำลังสนุกแค่ไหนที่เห็นมินซอกถูกเย้าจนหน้าแดงเช่นนี้
“.....” แต่เขาก็ยังไม่พร้อมเสี่ยงต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะเหนือกว่าและเขาจะต้องพึ่งพาอีกพักใหญ่ๆจึงเลือกที่จะนั่งนิ่งและคอยใช้สายตาหวาดระแวงลอบมองตลอดเวลา สร้างรอยยิ้มขันให้จื่อเทาได้เป็นอย่างดี
“มึงเลิกเล่นได้แล้ว รีบๆขับไป” ลู่หานกล่าวยุติสงครามประสาทของจื่อเทาที่ใช้คำพูดและสายตากดดันมินซอกไม่หยุดเช่นนี้ พอเหลือบไปมองก็เจอเจ้าตัวลอบมองเหมือนอยากจะกล่าวขอบคุณกลางๆก็รู้สึกหัวใจมันพองโตขึ้นอย่างประหลาด
“เออครับ แตะต้องไม่ได้เลยใช่มั้ยคนนี้นะ”
“.....”
“พาหนีมานี้กะจะจริงจังด้วยรึไง” จื่อเทาเอยออกมาทั้งๆที่บุคคลที่สามอย่างมินซอกที่นั่งหัวโด่อยู่มินซอกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในประโยคคำถามพอเบนสายตามองคนข้างๆอย่างลู่หานก็เจอใบหน้านิ่งๆและริมฝีปากที่เตรียมขยับตอบ ไม่รู้ทำไมมินซอกถึงได้รู้สึกว่าใจกำลังเต้นขึ้นมาเหมือนกลองที่กำลังถูกระรัวตียามเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะตอบคำถามนี้
“กู..” ประโยคบางส่วนที่ยังถูกเอยออกมาไม่ครบสร้างรอยยิ้มเล็กๆขึ้นมุมปากกระจับบางเบา หากแต่มันก็ต้องหุบลงทันทีเช่นกัน
“แค่สงสาร”
“.....”
“โดนขนาดนี้เป็นใครก็ช่วยป่ะ เลิกถามเซ้าซี้ซะทีกูรำคาญ” ได้ผลที่ว่าจื่อเทากระตุกยิ้มและเลิกที่จะก่อความกดดันให้ร่างเล็ก หากแต่คำพูดบางอย่างของลู่หาน บางทีมันก็ทำให้ร่างเล็กข้างๆรู้สึกเหมือนถูกทุบขึ้นมาเสียดื้อๆ
มินซอกช้อนมองสายตาตากว้างที่เขาคอยหลบตลอดเวลาแต่บัดนี้เป็นลู่หานเสียเองที่เป็นฝ่ายหลบหนีเขาโดยเลือกที่จะลดกระจกและหยิบแท่งบุหรี่ขึ้นมาคาบปล่อยควันพิษสีนิล ควันที่ลอยฟุ้งในอาการไม่ได้ทำให้มินซอกกำลังหงุดหงิดใจเท่าอาการในตอนนี้ของลู่หาน รู้ตัวอีกทีนิ้วเล็กก็จิกเข้าหากันเหมือนต้องการระบายความในใจออกมา
“ไหนบอกว่า..”
“เพราะอยากปกป้องฉันไง” ริมฝีปากเล็กขยับเสียงแผ่วแต่เพราะลู่หานเปิดกระจกและความเร็วในการขับของจื่อเทาทำให้เสียงผ่ายนอกมันกลบเสียงพร่ำแสนเบาบางของมินซอกได้เป็นอย่างดี จึงไม่มีใครในรถที่พอจะจับเสียงเล็กและได้ยินมัน
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องที่หรูและมีระดับไม่แพ้ลู่หานมินซอกก็ยิ่งต้องเพิ่มความหวาดระแวงยังที่นี้อีกเป็นเท่าตัวก็เพราะร่างของชายสองคนที่เขาจำมันได้อย่างแม้นยำกำลังนั่งหายใจร่วมกับเขาอยู่ที่นี้ยังไงละคนผิวขาวนั่งส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มองมายังเขาไม่หยุดไหนจะสายตาแพรวพราวของคนผิวเข้มที่เหมือนร่วมมือกับอีกคนก่อกวนสร้างความหวั่นเกรงให้เขายังไงอย่างงั้น
ลู่สังเกตจากอาการเกร็งของร่างเล็กได้เป็นอย่างดีก่อนจะกระแอมเสียงดังเพื่อสั่งให้ไอ้พวกบ้าที่เหลือหยุดหยอกเย้ามินซอกเล่นเสียที
“ไอ้ดำนี้ชื่อจงอิน อีกคนเซฮุน” เอยแนะนำรุ่นน้องของเขาให้มินซอกได้รับรู้ ร่างเล็กพยักหน้าแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าหลบสายตา
“จำกันได้มั้ยคุณน่าฟัด? พวกผมที่อุ้มคุณมาไง หึหึ” น้ำเสียงยียวนของจงอินที่เอยตามตรงทำให้มินซอกอดสะดุ้งไม่ได้ก่อนจะใช้มือดึงชายเสื้อลู่หานเป็นเชิงร้องขอให้ช่วย
“ไอ้เหี้ย หยุดเต๊าะเมียกูได้แล้ว” ลู่หานกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดคว้าตัวของมินซอกที่ยังอึ้งอยู่ให้มานั่งบนตักกว้างของตน พรางใช้สายตาข่มขู่ทั้งสอง
“โหย ทีนี้หวงเชียวนะ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ใช่มั้ย” จงอินกล่าวเสียงติดน้อยใจที่เจ้าตัวแสร้งทำมันขึ้นจนทำให้ลู่หานอดเบะปากไม่ได้
“หุบปากสักที ไอ้เทากูกับมินซอกจะใช้ห้องมึงนอนไปพรางก่อนแล้วกัน”
“อ้าวเห้ย แล้วผมจะนอนไหนวะครับ” เจ้าของห้องถามติดงุนงงจึงได้รับน้ำเสียงไม่ค่อยจะแยแสของลู่หานกลับมาแทน
“นอนบนพื้นไปดิ โซฟาก็เชิญกูไม่ว่า ทำตัวตามสบายเลยนึกซะว่าเป็นห้องของมึง”
“ขอบคุณครับ ถุ้ย!”
“ลู่หานมันย้ายหนีจากคอนโดนั้นไปแล้ว จะให้พวกเราตามตัวมั้ยครับ” น้ำเสียงนุ่มของบอดี้การ์ดเอยเสียงติดหวั่นเกรงหลังจากตนสั่งให้ลูกน้องตามรถคันหรูนั้นไปจนถึงที่หมาย อี้ฟานก็บุกออกไปเองด้วยตัวคนเดียวแม้จะยังงุนงงอยู่ไม่น้อยว่าเหตุใดอีกคนถึงได้กลับมามือเปล่าด้วยใบหน้าไม่บอกอารมณ์ใดใดทั้งสิ้น
“.....”
ส่งผลให้ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดกว้างนี้ถูกความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมทันทีเมื่อไม่มีใครคิดที่จะเอยต่อ อี้ชิงยอมรับเลยว่าอาการนิ่งที่ดูไร้ความรู้สึกของอี้ฟานเขาไม่เคยที่จะชินมันเสียทีและมันก็เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหากนับแล้วนี่ก็เป็นครั้งที่สอง
ครั้งแรกเป็นตอนที่อี้ฟานรู้ว่ามินซอกมีใจให้ชายชู้ที่ชื่อว่าเฉิน
และดูเหมือนอี้ฟานคนนี้กำลังจะสูญเสียอารมณ์ทุกอย่างหากถูกสะกิดอีกเพียงนิดเดียวราวกับปล่องไฟขนาดยักษ์ที่ดูดกลืนความร้อนรุ่มเข้าไปและพร้อมที่จะระเบิดถลายทุกอย่างลงให้พินาศ
“คิม มินซอก”
“.....”
“ถูกลู่หานลักพาตัวไปใช่มั้ย มินซอกของฉันไม่ได้เต็มใจใช่มั้ย”
“.....” เหมือนกับมีมือปริศนาที่ยื่นมาบีบรัดก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจของเขาจนแน่น มันปวดหนึบไปหมดยามเมื่อน้ำเสียงแหบทุ้มเอยเสียงแผ่วแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาทำได้เพียงยืนมองคนเป็นนายพร่ำลงสู่ห้วงความคิดของตนด้วยสายตาตัดพ้อ
“ค คุณอี้..”
“หึ ใช่แล้ว มินซอกไม่เต็มใจหรอก”
“.....”
“ก็มินซอกบอกฉันเองนี่น่า... ว่ารักฉัน มินซอกไม่มีทางเต็มใจไปกับมันอยู่แล้ว” เอยดังนั้นรอยยิ้มร้ายที่แสนจะมั่นใจเต็มร้อยก็ถูกสร้างขึ้นมาทันที อี้ชิงกำหมัดแน่นอยากจะคว้าอี้ฟานเขามากระหน่ำทุบตีเสียให้หายน้อยใจแต่ก็ทำได้เพียงคิด เพราะอีกฝ่ายเป็นใครส่วนเขาเป็นแค่ใครนั้นรู้อยู่เต็มอกแต่ถึงแม้จะอยู่ในระดับทัดเทียมกันแต่เขาก็ไม่มีวันที่จะกล้าทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน
เพราะอี้ฟานเปรียบดั่งดวงใจของเขา
และตอนนี้ดวงใจดวงนี้ของเขากำลังถูกบุคคลน่ารำคาญเข้ามาปั่นป่วนเสียจนเต้นไม่เป็นจังหวะ
บุคคลนั้น …
“เข้าใจแล้วครับ”
“.....”
“ผมจะนำตัวคุณมินซอกกลับมาโดยเร็วที่สุด เพราะคุณมินซอกก็คงต้องการคุณไม่แพ้กัน”
“ดี” น้ำเสียงเรียบนิ่งสั้นๆเอยขึ้นหลังสิ้นประโยคของอี้ชิง บอดี้การ์ดหนุ่มวาดรอยยิ้มแผ่วเบาขึ้นเพื่อที่จะปกปิดความอ่อนแอของตนไว้ให้มิด
ไม่ว่าใครที่คอยปั่นป่วนดวงใจของเขา
เขาก็พร้อมที่จะฆ่ามันให้ตายเช่นกัน
ไม่นานหรอก แล้วเราจะได้เจอกัน
ลู่หาน
TBC.
✤✤✤
มาแล้วแจ๊ะตัวเองง 555555
หายไป2วันคิดถึงทุกคนจัง #ถุ้ย -..-
ทีแรกตั้งใจว่า เอ้ะ หรือจะอัพหลังสงกรานต์ดี แต่คิดไปแล้วเสี่ยงโดนส้นเท้าจุงเบย
เลยมาอัพตอนนี้ ฮึ=///=
ไรท์นั่งคิดนอนคิดเมื่อคืนว่าควรมีแท็กฟิคดีมั้ย แบบมีคนมาถามบ้างแล้ว
ตอนแรกคิดว่าจะมีแท็กตอนฟิคเรื่องต่อไปแต่คิดไปแล้วอาจมีบางคนเขาขี้เกียจเม้มในเว็บ
อาจจะสะดวกในทวิตมากกว่าไรงี้ เนอะ=_=
จ๊ะ ตามนั้น ช่วยคิดว่าจะมีแท็กดีมั้ย? ถ้ามีคนอยากให้มีไรท์ก็จิคิดแท็กให้ไปเพ้อไปด่าอิเฮีย(?)
กันในนั้น โอเครป่ะ?-..-
ป.ล. ตอนหน้าแม่ยกเทาหมินเตรียมฟินเล็กๆได้เล่อออ (?)
ความคิดเห็น