คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Memories -10-
Black Memories
-10-
‘ซิ่วหมิน’
‘เฉิน... เฉินใช่มั้ย? นายจริงๆด้วย’ ใบหน้าเรียวฉายแววดีใจจนปิดไม่มิดก่อนจะโผเข้ากอดร่างโปร่งของอีกคนจนเกือบจะหงายหลังล้ม ใบหน้าคมคลี่ยิ้มอ่อนโยนออกมาที่ทำให้ร่างเล็กรู้สึกอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจผ่ามือหนาอบอุ่นยกขึ้นกอดตอบร่างน้อยที่กำลังสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น ลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มสลวยเบาๆราวกลับกำลังปลอบโยน
‘ฮึก ฮือ นาย จ จริงๆด้วย เฉิน ฉันฉัน ฮือออ’ เสียงเล็กดังอู้อี้จนแทบจับใจความไม่ได้ ฝังใบหน้าเนียนลงบนไหล่ผ่ายแน่นจนมันชุ่มเปียกเป็นวงกว้างแต่คนตัวสูงก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะผลักไสออกแต่อย่างใดกลับเพิ่มแรงกอดให้แน่นมาขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ การกระทำแสนอ่อนโยนทำให้มินซอกสะอื้นหนักกว่าเดิมรู้สึกโหยหาสัมผัสจากคนคนคนนี้เหลือเกิน
‘ฉัน ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้... ถ้าฉันรู้ ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ฉันจะไม่ดึงนายเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย เฉิน..ขอโทษ ฮึก ขอโทษ..’ คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมาจากเรียวปากเล็กไม่หยุด ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังบีบรัดก้อนเนื้อสีแดงในอกของเขาให้มันเต้นแผ่วลงเรื่อยๆ ยิ่งอีกฝ่ายไม่เอยอะไรออกมาเพียงแค่ลูบแผ่นหลังของเขาแผ่วเบาก็ยิ่งทำให้มินซอกอยากจะตายสักพันครั้งเพื่อทดแทนความขลาดของเขาที่ต้องดึงอีกคนเข้ามารับชะตากรรมบ้าๆแบบนี้
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ามันทดแทนกันไม่ได้เลยสักนิดก็ตาม
‘เฉิน...’ มินซอกสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ ดูเหมือนอีกคนจะเงียบเกินไปจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ ก่อนจะกลั้นใจค่อยๆผละออกมาเงยมองใบหน้าที่มักจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเสมอมาของร่างโปร่ง
แต่แล้วก็เหมือนถูกฟาดด้วยท่อนไม้ใหญ่ลงบนหน้า ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างจนสุดภาพที่เห็นทำเอาขาเล็กพาลไร้เรี่ยวแรงจนทรุดลงไปกองบนพื้น
‘ฮึกฮือ...ออ’
ใบหน้าดูดีกลับแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีดจนเห็นเส้นเลือดกระจายทั่วใบหน้า ดวงตาขาวโพล้นไร้ลูกตาดำจ้องมองมายังร่างน้อยที่เริ่มกลับมาสะอื้นไห้อีกครั้งแต่มันต่างไปจากเมื่อกี้ เพราะมินซอกกำลังหวาดกลัวร่างตรงหน้าจนไม่มีแรงจะลุกขึ้นวิ่ง เลือดสีแดงสดขยายวงกว้างตรงอกซ้ายก่อนจะเริ่มไหลลงมาเรื่อยๆไม่มีหยุด มินซอกเบ้หน้ากับกลิ่นฉุนกึกของเลือดอยากกระเถิบกายหนีหากแต่แม้เรียวแรงจะพูดยังไม่มี ทำได้เพียงหลับตาหนีภาพตรงหน้าแน่น
‘ซิ่วหมิน’
‘ฮึกฮือออ’
‘ซิ่วหมินมองหน้าฉันสิ มองหน้าผู้ชายที่นายรักสิซิ่วหมิน’ น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มกลับแหบแห้งจนเขาหวาดกลัวจับใจ ก้มลงกระซิบข้างใบหูขาวมือหนาบีบแน่นที่ต้นแขนเล็กจนต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
“ฮือออ”
“ซิ่วหมิน!!! ฉันบอกให้มองหน้าฉัน” เสียงแหบตวาดลั่นจนมินซอกสะอื้นตกใจตัวโยน เพราะความกลัวแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้จึงต้องจำยอมเปิดเปลือกตาตามเสียงห้าวของอีกคน ใบหน้าขาวซีดที่อยู่ใกล้จนแทบจะแนบติดเขายิ่งทำให้น้ำตาใสอาบท้วมใบหน้ามากยิ่งกว่าเดิม หวาดกลัวจนอยากจะสลบให้รู้แล้วรู้รอด
‘ฮึก เฉินฉันขอโท...’
‘เพราะนาย เพราะนาย...’ คำพูดของอีกคนทำเอามินซอกต้องหยุดค้างประโยคทุกอย่างลง ความกลัวเมื่อกี้หายไปจนหมดเมื่อดวงตาขาวโพล้นน่ากลัวมีน้ำสีดำขลับเอ่อล้นออกมาจากดวงตาขาว ซึ่งมินซอกมั่นใจได้ว่า
กำลังร้องไห้
‘…..’
‘นายทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ นายทำให้ฉันต้องตายซิ่วหมิน...ชีวิตของฉันมันจบลงเพราะความขี้ขลาดของนาย’
‘ฉ ฉัน’ ใบหน้ากลมตอนนี้กำลังสับสนอย่างหนัก ด้วยทั้งคำพูดของอีกคนและอีกมากมายที่กำลังตีรวนในหัวจนอยากจะทุบให้มันระเบิดไปซะ
‘นายกำลังสับสนใช่มั้ยซิ่วหมิน?’
‘ฉันไม่รู้ ฮึก ไม่รู้’
‘ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เพราะนายซิ่วหมิน เพราะความอ่อนแอและขลาดเขลาไร้ความกล้าของนายที่ทำให้ชีวิตนายและคนอื่นๆต้องพังลง มันเป็นเพราะนายตั้งแต่เริ่มแรก’
‘.....’
‘นายมันไร้ประโยชน์ เพราะอย่างนั้น...’
‘…..’
‘จงตายเพื่อชดใช้ความผิดและชีวิตทั้งหมดของฉันซะ ซิ่วหมิน’
‘ฮึก’
‘ตายไปซะ ตายแล้วทุกอย่างจะจบ’ น้ำเสียงหัวเราะแหบเย็นยะเยือกดังก้องจนมินซอกต้องยกมือขึ้นปิดหูคดตัวหลับตาปี๋สะอื้นไห้ด้วยความกลัวสุดหัวใจ
“ม ไม่.. ไม่ ไม่!!!!!!!!!!”
เสียงเล็กหวีดดัง กระเด้งตัวลุกขึ้นใบหน้าเล็กอาบท้วมด้วยน้ำตามายมากที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีมากเช่นนี้ มองผ่านความมืดทั่วห้องกว้างที่อากาศยังหนาวยะเยือกไม่ต่างจากในฝันที่มันแสนโหดร้ายสำหรับเขา
“ฮึกฮืออ ทำไม..ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่ ไม่.. ฮึกฮือออออ” มินซอกทรุดตัวลงกับเตียงกว้างร่ำไห้สะอื้นตัวโยนปากสวยพร่ำคำมากมายที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์เพราะเสียงเล็กที่สลับกับร่ำไห้
“เป็นเหี้ยอะไร..” น้ำเสียงหงุดหงิดของลู่หานถูกกลืนลงลำคอทันทีเพราะภาพตรงหน้า หลังจากที่ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความง่วงที่ยังมีมาก
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน ไม่ ฉันไม่...อ๊ากกกกกกก!!!” ขณะที่ลู่หานกำลังทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นมินซอกก็ได้แต่พร่ำอะไรมากมายที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง เนื่องจากดูเหมือนมันจะเป็นภาษาเกาหลีที่คาดว่าเป็นบ้านเกิดของอีกคน ก่อนจะระเบิดร้องเสียงดังออกมาอีกครั้งมือเรียวเล็กดึงกระชากเส้นผมนุ่มจนร่วงติดมือออกมาพร้อมกับพร่ำคำมากมายและร้องไห้ออกมาไม่หยุด
“ทำบ้าอะไรของนายวะ!!”
“ฮึกฮือออออ ขอโทษฉันไม่ได้ ไม่ได้ต้องการ ต้องการแบบนี้ ไม่..ไม่ ฮือออออ”
“ฉันบอกให้หยุดไง!” ลู่หานพุ่งเข้าไปกระชากมือเล็กล็อกไว้เพื่อไม่ให้มินซอกคลั่งทำร้ายตัวเองมากไปกว่านี้ แต่เป็นเขาเองที่ต้องตกใจและหน้าซีดเพราะอาการสั่นอย่างรุนแรงและเนื้อผิวที่ร้อนราวกับเปลวเพลิงจากอีกคน
“ฉันขอโทษ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฮึก ฮืออ...ขอโทษ” ปากก็พร่ำคำพูดมากมายพรางดีดดิ้นสะบัดแขนตนของจากอีกฝ่ายจนลู่หานชักจะหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆจึงจัดการเหวี่ยงร่างของมินซอกลงบนเตียงกว้างพร้อมกับโถมกายลงคล่อมเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดดิ้น
“ตื่น! ฉันบอกให้ตื่นคิมมินซอก ตั้งสติหน่อย!” ผ่ามือหยาบตบเบาๆที่ข้างแก้มเนียนของอีกคนเพื่อปลุกมินซอกให้ฟื้นจากภวังค์และเลิกทำอาการบ้าๆเช่นนี้
เพราะมันยิ่งทำให้เขารู้สึกห่วงจนแทบเป็นบ้า
“เฉิน..” ได้ผลเพราะเหมือนมินซอกจะหยุดร่ำไห้แล้วคลี่เปลือกตาเงยขึ้นมองลู่หานด้วยใบหน้าเลื่อนลอยผ่านม่านน้ำตา แต่ปากกลับเอื้อนเอยชื่อของคนที่สามจนทำให้ใบหน้ากวางหนุ่มอย่างลู่หานขมวดคิ้วแน่นอย่างหงุดหงิดขึ้นมาได้ทันที
“เหอะ!” ครางอย่างหงุดหงิดตั้งใจจะลุกหนีออกไปแต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกมือเล็กของมินซอกดึงตัวไว้แน่น ใบหน้าหวานหันกลับมามองด้วยความสงสัยแต่ก็ต้องยิ่งสับสนหนักเข้าไปอีกเมื่อมินซอกเปลี่ยนพลิกตัวขึ้นไปข้างบนและดันให้ลู่หานนอนอยู่ด้านใต้
“จะทำอะไรของนาย”
“เฉิน.. ฉันขอโทษ ฉันรักนายนะ” สิ้นคำริมฝีปากเล็กก็แนบทับลงบนริมฝีปากที่ดูหนาลงไปทันตาเมื่อเทียบกับอีกคน ลู่หานเบิกตาเล็กน้อยแม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่จู่ๆอีกฝ่ายก็เรียกชื่อไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ขึ้นมาแทนที่จะเรียกชื่อเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ลงเลยจริงๆว่าเขากำลังใจเต้นรัวกับการรุกครั้งนี้ของมินซอก
“อืม” มือหนายกขึ้นบีบขยำเนื้อนิ้มตรงสะโพกของร่างเล็กอย่างสนุกมือปล่อยให้มินซอกละเลงเล่นกับริมฝีปากของเขาอย่างรุนแรง ก่อนเจ้าตัวจะผละออกมาสบมองใบหน้าของลู่หานแต่สติทั้งหมดของมินซอกตอนนี้มันได้หายไปจนสิ้น ภาพตรงหน้าที่มินซอกได้เห็นจึงมีเพียงผู้ชายที่เขารักมากที่สุด
คือเฉินเท่านั้น
“ฉันเป็นของนาย” นิ้วสวยเลิกชายเสื้อขึ้นสูงก่อนจะถอดมันออกพร้อมกับเหวี่ยงมันทิ้งอย่างไร้ค่า ท่อนบนเปื่อยเปล่าจึงปะทะเข้ากับสายตาของร่างใต้อย่างลู่หานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับงดงามจนเขาไม่อาจละสายตาไปไหนได้ยิ่งแสงสีพราวระยับนอกเมืองที่มันสาดเข้ามาผ่านบานกระจกใสที่เขาไม่ได้รูดม่านปิดยิ่งทำให้มินซอกดูเซ็กซี่จนเขาอยากจะขยี้ให้แหลกคาเตียงเป็นเท่าตัว
“เป็นของนาย.. เป็นของนาย” มินซอกเอยคำเดิมซ้ำไปมาด้วยอาการล่องลอย แต่สีหน้าที่ลู่หานกำลังเห็นตอนนี้มันราวกลับกำลังยั่วเขาให้คลั่งเล่นเสียมากกว่า ก้อนน้ำลายหนืดถูกกลืนลงลำคอแห้งผากอย่างยากลำบาก ทั้งดวงตาเล็กที่กำลังเผยอขึ้นนิดๆ และดวงตาที่วาวปรือขึ้นมองอย่างล่องลอยยิ่งทำให้ลู่หานเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
“ใช่.. นายเป็นของฉัน หึหึ” ลู่หานรู้ รู้อยู่เต็มอกว่ามินซอกตอนนี้ไร้สติสิ้นดี และอาการเนื้อผิวร้อนนั้นพอจะเดาได้ไม่ยากว่าคงถูกฤทธิ์ไข้เล่นงาน แต่เพราะอีกคนเล่นอยู่ในท่าทางเช่นนี้จะให้เขาผลักออกและหยุดทุกอย่างลงนั้นก็ไม่ใช่นิสัยที่คนเลวๆอย่างลู่หานจะทำมันอยู่แล้ว
เขามันก็แค่คนเลวที่ฉวยทุกโอกาสที่เข้ามา
ทั้งพวกเต็มใจ
หรือไม่เต็มใจก็ตามทีเถอะ...
ลู่หานพลิกเปลี่ยนให้มินซอกอยู่ด้านใต้และตนเองคล่อมไว้ด้านบนพรางส่องสำรวจทั่วกายบาง ร่างกายเปื่อยเปล่านอนอวดเนื้อผิวเนียนที่มันดูดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่เขาพามายังที่นี้ แม้จะยังมีบางจุดที่หายช้าไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรมากมายนักสำหรับเขา ดวงตาเรียวรีฉ่ำเยิ้มเงยขึ้นมองเพดานขาวด้วยสายตาล่องลอยปากเอาแต่พร่ำเรียกชื่อคนคนนั้นไม่หยุด
คนที่ชื่อว่า ‘เฉิน’
แม้จะได้ใจไม่น้อยที่ทุกอย่างมันง่ายกว่าที่คิด แต่จะให้คนที่กำลังกระทำอย่างลู่หานถูกอีกคนเรียกชื่อใครขึ้นมาซ้อนทับตลอดเวลาแบบนี้มันก็น่าหงุดหงิดไม่น้อยทีเดียว
“เฉิน” ลู่หานสะบัดความคิดแล้วจึงก้มลงซุกไซร้เก็บเกี่ยวความหอมหวานจากซอกคอเนียนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งกัดทั้งดูดจนมันเป็นรอยกระจายจนทั่ว รอยใหม่ที่เกิดจากเขา
ไม่ใช่ผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น
“ฮึก ขอโทษ.. ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้” พร่ำเรียกแต่ชื่อชายปริศนาสำหรับลู่หานสลับกับสะอื้นไห้เสียงสั่น พูดภาษาเกาหลีที่เขาไม่ค่อยเข้าใจมากนักแต่เพราะแรงสะอื้นมันเริ่มมีมากขึ้นจึงจำให้ลู่หานต้องผละออกมาช้าๆก่อนจะเลื่อนสบตากับนัยน์ตาที่วาวคลอไปด้วยแอ่งน้ำสีใส
บางสิ่งบางอย่างสั่งให้ริมฝีปากกระจับที่แม้จะมีรอยแผลเป็นที่ค่อยข้างเห็นชัดแต่ก็ไม่ได้ทำให้มันดูน่าเกลียดเลยสักนิด ก้มลงจูบซับน้ำรสเค็มข้างหางตาอย่างอ่อนโยน แต่มันยิ่งทำให้อีกคนร้องไห้หนักกว่าเดิมแต่ต่างตรงที่มินซอกโผเข้ากอดพร้อมกับซุกใบหน้าลงไหล่กว้างของเขาไว้แน่น
“ขอโทษ ฉ ฉันขอโทษจริงๆ”
“มินซอก” มือหยาบยกขึ้นลูบแผ่นหลังเนียนเหมือนกลับต้องการปลอบเด็กน่าฟัดขี้แยที่เอาแต่ร้องไห้อย่างบ้าคลั่งนี้ให้สงบลง
“ฉัน..ขอ อึก” เสียงหวานขาดช่วงไปก่อนร่างของมินซอกที่เคยพยุงตัวเองไว้จะค่อยๆล่วงแรงลงจนลู่หานต้องรีบรับไว้พร้อมกับต้องค่อยๆวางและจัดแจงร่างของมินซอกไว้เรียบร้อย
ทั้งๆนี้มันคือโอกาสที่ดีแต่เขากลับปล่อยมันออกไปอีกเป็นครั้งที่สองเพราะไอ้อาการบ้าๆที่มันตีรวนในอกของเขาจนแทบคลั่ง
อาการที่เขายังไม่แน่ใจ
ลู่หานทิ้งลมหายใจเสียงดังสะบัดความคิดพรางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเหลือบมองร่างของมินซอกที่ยังคงหายใจหอบแรงน้อยๆสัมผัสกายถึงได้รู้ว่าถูกฤทธิ์ไข้เล่นงานเข้าให้ สาวเท้าเข้าโซนฝั่งพื้นที่ทำอาหารเล็กๆที่ส่วนใหญ่เข้าเอาไว้นั่งทานข้าวยามที่ขี้เกียจออกไปหาอะไรข้างนอกกินเสียมากกว่า ไม่นานในมือหนาก็ถือชามใส่น้ำอุ่นและผ้าขนหนูขาวที่เขาพึ่งไปค้นหาในตู้มาสดๆ
หย่อนกายลงข้างๆพื้นที่ร่างเล็ก จุ่มผ้าขนหนูลงน้ำอุ่นก่อนจะบิดหมาดๆแล้วจึงค่อยเลิกผ้าห่มหนาขึ้นเพื่อง่ายต่อการเช็ดกายร้อนผ่าวนั้นอย่างแผ่วเบา แม้จะเงอะงะไปหน่อยก็ตามเพราะทั้งความไม่เคยและลองเป็นใครมาเห็นร่างอวบแต่ดูเพรียวแบบมีน้ำมีนวลนอนทอดกายเปื่อยเปล่าอวดผิวพรรณตรงหน้าในระยะประชิดเช่นนี้อยู่และยังสามารถคุมสติตัวเองได้ถือว่าด้านชาเกินไปแล้ว
“อื้อ หนะ หนาว..” ริมฝีปากสวยขยับงุบงิบครางเสียงแผ่วอ่อนแรงออกมาด้วยความยากลำบากมือบางจะยกขึ้นกอดตัวเองอัตโนมัติ ลู่หานชะงักมือจากการเช็ดตัวรีบวางผ้าขนหนูแล้วตรงหรี่ไปค้นเสื้อในตู้อย่างรีบร้อน
ไม่ถึงสิบนาทีร่างของมินซอกก็ถูกเสื้อผ้าห่มทับอย่างดีแม้เนื้อผ้าค่อยข้างจะหนามากแล้วแต่เสียงครางแผ่วของมินซอกดูท่าจะไม่หยุดง่ายๆ คิ้วเรียวผูกเข้าหากันจนแทบเป็นปมและใบหน้าบูดเบี้ยวแสดงอาการที่ไม่สู้ดีนักของมินซอก ไวกว่าความคิดลู่หานก็ล้มตัวลงแทรกเข้าใกล้ก่อนจะดึงรั้งมินซอกเข้าสู่อ้อมกอดอย่างอ่อนโยนชนิดที่ว่าคนป่าเถื่อนอย่างลู่หานจะทำมันได้
วงแขนแกร่งกระชับเข้าแน่นเป็นจังหวะเดียวที่มินซอกพลิกกายเข้าหาจึงประจวบเหมาะคว้ากอดลู่หานอย่างเผลอไผล ฝังแก้มกลมลงตรงอกแกร่งทันทีลมหายใจที่เคยร้อนระอุเริ่มอุ่นลงเล็กๆก็พอที่จะทำให้ลู่หานคลายความกังวลลงได้เยอะทีเดียว
“นี่กูกำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย” แม้จะเอยอย่างงั้นแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะคลายอ้อมกอดออกจากมินซอกเลยสักนิดเดียว ถึงจะอยากทำอย่างนั้นแต่เพราะใบหน้าขาวซีดของมินซอกที่กำลังหลับตาแน่นที่รับรู้ได้ถึงความข่มขื่นยามที่ต้องเข้าสู่ห้วงนิทราก็ยิ่งทำให้ลู่หานเลือกที่จะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเท่านั้น
“.....”
เพื่อที่จะได้ทำให้มินซอกรู้ว่า ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพราะยังมีเขาอยู่ด้วยทั้งคนและมันจะเป็นเช่นนั้นทั้งคืน
“ชีวิตของนายมันเป็นยังไงกันแน่” เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่ามินซอกกับอี้ฟานนะ ใช่คนรักกันจริงๆหรือเปล่า แล้วชื่อผู้ชายที่คนตัวเล็กเอาแต่พร่ำเรียกเสียงสั่นคือใครกันแน่? และเป็นอีกรอบในหลายๆครั้งที่ลู่หานต้องขมวดคิ้วแน่นและอาการหงุดหงิดที่กำลังพุ่งขึ้นสูงจากคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาตอนนี้
“เฉิน.. ฉันรักนาย”
เพราะคราวนี้มินซอกเอยมันออกมาเป็นภาษาจีน ภาษาแม่ของเขาที่เข้าใจมันทุกคำทุกตัวอักษร สาเหตุที่ทำให้ลู่หานต้องข่มตาหลับด้วยความหงุดหงิดและปล่อยให้มินซอกกอดเขาและคิดว่าเป็นผู้ชายคนนั้นต่อไปอย่างช่วยไม่ได้
ลู่หานสะดุ้งตื่นจากการนอนหลับเพราะรับรู้ได้ถึงความร้อนอย่างรุนแรงในวงแขนและอาการสั่นหนักๆจนเขาต้องเค้นเปิดเปลือกตาตัวเองอย่างยากลำบาก ภาพที่เห็นคือคนตัวเล็กที่เขานอกกอดทั้งคืนกำลังตัวสั่นอย่างหนักใบหน้าที่เมื่อคืนเขามั่นใจว่ามันดีขึ้นกลับซีดเซียวจนน่าใจหาย กายที่ร้อนกว่าเดิมจนเขาเองยังตกใจ
“มินซอก”
“อึก.. อื้อ หนะ หนาว ฮึก” อาการครางเสียงสั่นกลับมาอีกครั้งลู่หานหน้าเริ่มซีดเพราะกำลังทำอะไรไม่ถูก อาการที่คิดว่าคงจะหายในเช้าถัดไปทำให้ต้องเก็บพับความคิดลงเพราะมันกลับกันโดยสิ้นเชิง นอกจากะไม่หายแล้วมันกลับเป็นหนักกว่าเดิมหลายเท่าเสียนี้สิ
“มินซอก บ้าเอ้ย!” สบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิด พอเหลือบมองนาฬิกาก็พึ่งจะตีห้ากว่าๆไวกว่าความคิดลำแขนแกร่งก็ช้อนร่างของมินซอกขึ้นไม่ลืมจะคว้ากุญแจรถและกระเป๋าเงินตรงออกจากห้องทันที
“ฮึก อ่า..ม ไม่ ไม่นะ” เสียงดังเป็นระลอกจากอาการละเมอเพราะพิษไข้ ลู่หานวางมินซอกไว้เบาะข้างๆอย่างระมัดระวังรัดสายเข็มขัดนิรภัยให้อย่างรีบร้อน ยิ่งใบหน้าซีดเซียวที่มองเห็นก็ยิ่งอยากจะทึ่งหัวด้วยความหงุดหงิด
“อ่า.. ได้โปรดล่ะ” พอเข้าฝั่งคนขับลู่หานก็เยียบเร่งเครื่องจนเกือบมิดด้วยความรีบร้อน มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ มินซอกยังคงละเมอเสียงสั่นแต่ประโยคและบุคคลที่เรียกไม่ใช่คนเดียวกับผู้ชายเมื่อตอนกลางคืน และเขามั่นใจว่าเขารู้ว่าคนที่มินซอกเรียกคือใคร
“พ พอได้แล้ว.. ไม่ ผมเจ็บ อื้อ ไม่เอาแล้ว เจ็บ..”
“.....”
“เจ็บ ผม..เจ็บ อี้ฟาน”
เมื่อส่งมินซอกจนถึงมือหมอและมั่นใจได้ว่าหายห่วงลู่หานจึงปลีกตัวออกมาโทรหารุ่นน้องของเขาทันที ไม่ถึงห้านาทีปลายสายที่กระแทกเสียงดังตอบกลับมาบวกกับน้ำเสียงอู้อี้ก็พอจะทำให้รู้ว่าคงจะตื่นขึ้นมาเพราะเขาที่โทรไปปลุกและอารมณ์ตอนนี้คงจะไม่ค่อยดีแน่ๆ แต่ใครจะสนล่ะ
“สัด โทรมาทำไมว่ะครับ”
“ไอ้เหี้ยนี่ กูรุ่นพี่มึงนะ”
“โทรมาปลุกแบบนี้ตัดพี่ตัดน้องกันเลยเถอะ”
“มีเรื่องให้ช่วย” ปลายสายเงียบไป ก่อนจะได้ยินเสียงยวบยาบที่คาดว่าจื่อเทาคงจะเปลี่ยนจากนอนคุยโทรศัพท์มานั่งเพื่อที่จะสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
“ว่า”
“มึงสืบประวัติมินซอกให้กูหน่อย”
“ก็เด็กเสี่ยอย่างอี้ฟานไง พี่จะอยากรู้อะไรเพิ่มอีก”
“ไม่”
“.....”
“กูคิดว่ามันมีมากกว่านั้น”
“.....”
“.....” บทสนทนาของเขาทั้งสองเงียบลงเมื่อไม่มีใครคิดจะเอยอะไรออกมาต่อ เป็นจื่อเทาที่ทำลายความเงียบครั้งนี้
“อยู่ไหน”
“โรงบาล”
“แล้วไปทำห่าอะไรที่นั้น?”
“ไอ้เหี้ยขี้เสือกนะมึง กูก็แค่มาส่งมินซอกเฉยๆ” พอถึงช่วงนี้ลู่หานก็หยุดพูดไปเสียดื้อๆเพราะดันคิดย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืน อะไรมันก็ชัดขึ้นสาเหตุที่มินซอกต้องมานอนที่นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะความสนุกของเขามันคงไม่เป็นแบบนี้
“นี่พี่แม่งทำหนักขนาดถึงขั้นหามส่งโรงบาลเลยหรอว่ะ? ถนอมให้ถึงพวกผมบ้างเถอะแม่งเสียของหมด ห่า”
“ถ้าเป็นเพราะแบบนั้นก็ดีสิ เหอะ”
“เหี้ยไร พูดไม่รู้เรื่อง”
“มึงไม่ต้องเสือก ไปทำตามที่กูฝากด้วย”
“ค่าตอบแทนอ่ะ?”
“เออ”
“อย่างนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย ฮึๆนอนล่ะ ง่วงโดนกวางหน้าเหี่ยวโทรมาปลุก” ไม่ต้องรอให้ลู่หานได้พูดต่ออะไรจื่อเทาก็รีบชิงตัดสายหนีคำเพราะๆจากคนเป็นรุ่นพี่ทันที ลู่หานก่นด่าออกไปแม้จะรู้ดีว่าแม่งไม่ได้ยินหรอก
“ไอ้เหี้ย”
แต่กูสะใจไง
ประตูห้องที่เคยเป็นของคนคนหนึ่งคนที่เขาเคยเป็นเจ้าของถูกเปิดอ้าจนกว้าง ร่างสูงโปร่งแทรกกายเข้า ก้าวยาวมุ่งตรงยังเตียงกว้างสีขาวที่ยังดูสะอาดเรียบร้อยและถูกเก็บเรียบตึงพร้อมใช้งานอยู่เสมอ นิ้วยาวใหญ่ลูบไล้ไปตามเตียงสีขาวนุ่มเบาๆเหมือนต้องการซึมซับบางสิ่งบางอย่าง
‘อ๊ะ ฮึก ฮืออ...’
‘หยุดมัน ได้โปรด... ผมเจ็บ’
‘ม ไม่! ฮืออออ’
ความทรงจำเก่าๆไหลกลับเข้ามาในสมองยามเมื่อหลับตาลงใบหน้า ท่าทาง หรือเสียงร้องที่เขาแสนจะหลงใหลยังคงจำมันได้อย่างแม้นยำ ใบหน้าอวบที่อาบท้วมไปด้วยคราบน้ำตาและแววตาตื่นตระหนกที่เขาแสนหลงรักลอยวนจนทำให้ริมฝีปากรูปกระจับดูดีกระตุกยิ้มน้อยๆขึ้นอย่างพึงพอใจยามเมื่อนึกถึงใบหน้าอย่างที่มีให้เขาแต่เพียงผู้เดียว
แม้มันจะไม่ใช่รอยยิ้มสดใสเหมือนอย่างครั้งที่ให้ใครคนนั้น
แต่มันคือสิ่งเดียวที่ยืนยันได้ว่าเขายังคงเป็นเจ้าของมินซอกแต่เพียงผู้เดียว หากแต่ไม่นานรอยยิ้มก็ต้องหุบลงอย่างรวดเร็วปลายนิ้วที่กำลังลูบแผ่วเบาเปลี่ยนเป็นขยำผ้าปูที่นอนจนมันยับยู่ยี่ก่อนมันจะถูกดึงกระชากพร้อมกับเหหวี่ยงมันจนกระเด็นไปไกล
“นายเป็นของฉัน ของฉันเพียงคนเดียว” ผ่ามือหยาบหยิบเศษกระดาษที่เขาเคยขยำทิ้งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง คลี่มองตัวหนังสือจีนที่ยับยู่ยี่สายตาคมจ้องอ่านด้วยใบหน้าที่ยากจะคาดเดา ก่อนมันจะถูกทำให้กลับไปเป็นเช่นเดิมอีกครั้ง
‘คนของมึง กูขอนะ’
ประโยคสั้นๆที่เดาได้ไม่ยากว่ามันหมายถึงใครและเจ้าของมันคือใคร รองเท้าหนังสีดำขลับบดขยี้เศษกระดาษซ้ำๆจนมันฉีกไม่เป็นทรง เสียงทุ้มต่ำคำรามเสียงสั่น
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ลู่หาน”
“นึกว่าแม่งตายแล้วซะอีก”
นั้นคือคำทักทายแรกเมื่อมินซอกตื่นขึ้นมาพบลู่หานที่นั่งไขว่ห้างบนโซฟาริมสุดมองมายังเขาด้วยใบหน้านิ่งเรียบที่ไม่แสดงอารมณ์ใดใดทั้งสิ้น
“น น้ำ”
“พูดเหี้ยอะไร ไม่ได้ยิน” เขาถามเสียงหงุดหงิดเพราะมินซอกเอยอ้ำอึ้งด้วยน้ำเสียงแหบแห้งก่อนมือที่จะยกขึ้นมาลูบลำคอขาวซีดตนเองลู่หานถึงพอเข้าใจว่าอีกคนต้องการอะไร
“ฟื้นขึ้นมาก็เป็นภาระกูอีก” แม่จะเอยเช่นนั้นแต่ก็ยอมลุกขึ้นรินน้ำใส่แก้วใสพร้อมกับยืนให้คนตัวเล็กที่รีบรับไปกระดกกินทันทีด้วยความรีบร้อน เพราะพิษไข้ยังไม่จางหายง่ายๆ ตื่นขึ้นมาเลยทั้งปวดตามเนื้อตัวและลำคอที่แห้งผาก
“ขอบคุณ” น้ำเสียงแหบที่พอจะดีขึ้นบางเมื่อได้น้ำไหลผ่านลำคอเอยเสียงแผ่วขอบคุณร่างสูงโปร่งของลู่หานที่ดูจะไม่ค่อยแยแสกับคำขอบคุณสักเท่าไหร่ ล้มตัวลงนั่งที่เดิมพร้อมกับจ้องมายังมินซอกด้วยสายตาจับผิด
“อ อะไร”
“ฉันต้องถามต่างหาก เมื่อคืนเป็นเหี้ยอะไรตื่นขึ้นมาก็ร้องโวยวาย”
“.....”
“อย่าเงียบ กูไม่ชอบ” พอถามออกไปอีกฝ่ายก็เอาแต่เงียบเป็นลู่หานที่เริ่มอารมณ์ขึ้นนิดๆ ทุกครั้งที่หงุดหงิดคำหยาบที่ใช้แทนตัวเองก็กลับมาอีกครั้ง แม้จะรู้สึกเคืองหูหน่อยๆแต่มินซอกก็พยายามมองข้ามมันไป
“ผมเปล่า”
“ใครชื่อเฉิน”
“.....” ใบหน้าเนียนซีดหันกลับมามองลู่หานทันทีเมื่อเอยถึงชื่อบุคคลที่สาม ยังไม่ทันจะได้เอยอะไรจู่ๆน้ำสีใสมันก็กลิ้งร่วงลงมาทีละนิดและเปลี่ยนเป็นไหลออกมาไม่หยุด มินซอกยกมือขึ้นปาดออกก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหนีสายตาของลู่หานที่ยังจ้องมาไม่หยุด
“เลิกร้องไห้สักที รำคาญ”
“ฮึก”
“.....”
“อึก ฮึกฮือออ”
“บอกว่าหุบปากไง!!” ลู่หานลุกขึ้นเดินเข้าประชิดร่างเล็กคว้าต้นแขนเล็กขึ้นมาตวาดเสียงลั่นจนใบหน้าเนียนอึ้งก่อนจะเริ่มร้องไห้สะอื้นหนักกว่าเดิม ลู่หานหน้าหงิกด้วยความหงุดหงิดยิ่งเห็นมินซอกเอาแต่สะอื้นไม่หยุดเพราะผู้ชายที่ชื่อเฉินอะไรนี่ก็ยิ่งทำให้โมโหเข้าไปใหญ่
“มินซอก ฉันบอกให้หยุด”
“ฮึก”
“โถ่เว้ย เออ! อยากร้องก็ร้องไป ตามสบาย!!” แขนหนาปล่อยจากต้นแขนเล็กหมุนตัวตั้งใจจะเดินออกไปเพราะยิ่งอยู่มินซอกก็คงไม่หยุดร้องไห้แน่ๆเขาไม่ใช่พวกอ่อนโยนที่จะปลอบโยนด้วยถ้อยคำอบอุ่นเถือกนั้นได้เลย หากต้องชะงักเมื่อนิ้วเล็กเป็นฝ่ายที่ดึงชายเสื้อเขาให้หยุดเสียเอง
“.....”
“น นี่.. ฮึก ขออะไรอย่างได้มั้ย?”
“.....”
“ถ้านายได้ทุกอย่างจากฉันจนพอใจแล้ว”
“.....”
“ช่วยฆ่าฉันให้ตายทีเถอะ”
“…..”
“ด ได้โปรด ฮืออออ” ใบหน้าเนียนฝังลงบนหมอนใหญ่พร้อมกับปล่อยโฮใหญ่ออกมาอีกครั้ง ดวงตากว้างดุจกวางหนุ่มจ้องมองลำตัวที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงจากแรงสะอื้นก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกบางอย่าของเขาจนชัดเจนยิ่งขึ้น
“งี่เง่า”
“ฮึก”
“คิดว่าถ้าตายแล้วมันจะจบรึไง?”
“ฉ ฉันก็แค่.. จะไถ่บาป ฉันแค่ ฮึก..”
“.....”
“ทุกอย่างเป็นแบบนี้ มันเพราะความขี้ขลาดของฉัน ฮึกฮืออ ท.. ที่ดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามารับชะตากรรมบ้าๆทีเขาไม่สมควรจะได้รับมันเลยสักนิดเดียว”
“.....”
“ฉันมัน.. สารเลว”
“บางที..คนคนนั้นเขาก็อาจจะไม่ได้รู้สึกโกธรเกลียดอะไร..”
“หุบปาก!” มินซอกตวาดเสียงสั่น เงยขึ้นมองทั้งน้ำตาด้วยแววตาอ่อนแรงแม้เสียงจะกำลังโกธรมากเพียงใดแต่แววตานั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ลู่หานเป็นฝ่ายที่นิ่งเงียบลงทันที
“นายจะไปรู้อะไร! นายไม่มีทางรู้..ใช่ ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น ม ไม่มี..” ท้ายประโยคเอยเสียงเบาหวิวกับตัวเอง ดวงตาเหลือบซ้ายขวาติดระแวงก่อนจะหม่นลง ทุกการกระทำของมินซอกตกอยู่ในสายตาของเขาจนหมด ยิ่งเห็นร่างเล็กที่สั่นกลัวบางสิ่งสลับกับดวงตาที่เศร้าสร้อยเต็มไปด้วยความเงียบเหงาก็ยิ่งเหมือนมีอะไรกระตุ้นให้เขาทำบางสิ่งที่ไม่คิดจะทำมันกับใคร
“อื้อ” มือหนาดึงร่างบางให้ออกจากหมอนใบใหญ่ปะทะเข้ากับอกกว้างสมส่วนก่อนจะกางวงแขนกอดรัดมินซอกแม้คราแรกอีกฝ่ายตั้งใจจะดิ้นหนีแต่สุดท้ายก็ยอมแพ้และร้องไห้อยู่บนอกเขานิ่งๆเท่านั้น
“…..” ลู่หานเพียงยืนอยู่นิ่งเป็นฝ่ายที่จมลงสู่ความคิดตัวเองบ้าง ความรู้สึกผิดชอบมันตีกันรวนไปหมดจนเขาก็แทบแยกไม่ออกว่าควรจะต้องรู้สึกอย่างไร หากเป็นเขาเมื่อก่อนคงไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไงขอให้สนองความใคร่ให้ได้เป็นพอ
แต่กับมินซอกมันมากกว่านั้น
“.....” ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เขาทั้งสองกอดกันอยู่เช่นนี้รู้ตัวอีกทีก็ถูกแรงจากร่างที่เขาดึงเข้ามากอดไว้ออกผลักดันออกเบาๆเป็นเชิงให้ปล่อย ลู่หานจึงยอมคลายวงแขนออกอย่างว่าง่ายความเงียบกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา ลู่หานเดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนโซฟายาวเงยหน้าขึ้นมองเพดานขาวราวกลับกำลังขบคิดเรื่องบางเรื่องที่เขาควรจะให้แน่ใจมากขึ้น
มีบางระยะที่แอบเหลือบมองคนไข้บนเตียงเดี่ยวที่นอนเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่างด้วยสายตาเลื่อนลอยอย่างลืมตัวทุกครั้ง
รู้ตัวอีกที...
ไอ้ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ มันก็เต้นแรงขึ้นจนน่าหงุดหงิด
“นายไม่ต้องใกล้ฉันแบบนี้ก็ได้ ฉันไม่หนีไปหรอก” มินซอกหันกลับไปตีหน้ายุ่งใส่ลู่หานที่คอยประคองจับนู้นจับนี้เขาไม่หยุดจนน่าระแวง ถึงมันจะดูอ่อนโยนขึ้นมากกว่าเก่าแต่พูดก็พูดเถอะเขาไม่ชินเอาซะเลย
“หมอกำชับให้ฉันดูแลนายให้ดี” ลู่หานแก้ตัวน้ำขุ่นๆแม้จะอยากโต้แต่ประโยคก็ตัดบทลงเมื่อพวกเขาเดินมาถึงรถ วันนี้หมออนุญาตให้กลับบ้านได้และมียาเล็กน้อยเพื่อไปทาน มินซอกแทรกตัวเข้ารถหรูด้วยใบหน้ายุ่งนิดๆเพราระพอจะเปิดประตูรถอีกคนก็แย่งเปิดให้ราวกลับคนสำคัญ
“อยากกินอะไรมั้ย ฉันจะได้แวะซื้อให้”
“ไม่”
“แล้วอยากได้อะไรเพิ่ม..”
“ปล่อยฉันสิ” มินซอกพูดแทรกขึ้นพรางหันมองเสี้ยวหน้าลู่หานที่กำลังมองทางตรงหน้าระหว่างขับรถ มือหนาบีบเข้าที่พวกมาลัยรถเบาๆ
“.....”
“ปล่อยฉันให้เป็นอิสระ”
“นายอยากให้ฉันปล่อยนายกลับไปหาคนที่ข่มขื่นนายงั้นหรอ?” คำพูดของลู่หานที่ไปสะกิดมินซอกเข้าอย่างจังส่งผลให้ใบหน้าเนียนหม่นลงอีกครั้ง มินซอกเบี่ยงหน้าหนีอีกคนเพื่อมองออกไปนอกกระจกข้าง
“ทำอย่างกับว่าฉันอยู่กับนายแล้วนายจะไม่ข่มขื่นฉันอย่างงั้นแหล่ะ นายฉุดฉันมาก็เพื่อเรื่องอย่างว่าไม่ใช่รึไง”
“นั้นมัน..” มินซอกพูดถูกทุกอย่าง จุดประสงค์แรกที่ลู่หานต้องการจากคนข้างๆมีเพียงเรื่องอย่างว่าเท่านั้น หากแต่ความรู้สึกของเขามันก็สั่นคลอนกับน้ำตาจำนวนมากของอีกฝ่ายทุกครั้งจนความอยากตอนแรกแปรเปลี่ยนไปจนสิ้น
“อย่าบอกนะว่า”
“ฉัน..” ลู่หานหยุดรถลงเพราะคิดว่าไม่ดีแน่ที่จะคุยกันไปทั้งๆที่กำลังอยู่ในอารมณ์นี้
“สงสาร? นายสงสารฉันงั้นหรอ?” มินซอกหันกลับมามองลู่หานเป็นจังหวะเดียวที่ลู่หานเองก็หันมาจึงทำให้สายตาทั้งคู่สบเข้าหากันอีกครั้ง ดวงตาที่กำลังวาวไปด้วยน้ำใสสะท้อนชัดในแววตาของเขาและเมื่อมันกลิ้งล่วงลงมามือแกร่งก็เอื้อมไปปาดมันแผ่วเบา มินซอกสะอึกเล็กน้อย
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เผลอสบตากันนิ่งก่อนลู่หานจะได้สติเมื่อถูกมือบางของอีกคนยกขึ้นปัดมือเขาให้ออกห่าง แววตาที่หม่นเมื่อกี้กลับมาเป็นปกติและเบี่ยงหน้าหนีเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตาเขาจะฝาดไปหรือเพราะอะไรถึงทำให้สังเกตเห็นแก้มเนียนที่ถึงแม้จะเบี่ยงหนีแต่กลับกระจายด้วยเลือดฝาดสีแดงจางๆเสียจนน่าหยิก
“ตามรถคันนั้นไป แล้วคอยรายงานฉันทันทีที่ถึงที่หมาย” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอยฉะฉานชัดถ้อยชัดคำกับปลายสาย สายตาคมมองผ่านแว่นสีดำขลับราคาแพงตามรถคันหรูที่แล่นออกไปได้พักใหญ่ นิ้วเรียวกดตัดสายทิ้งทันทีเมื่อไม่ต้องการจะเอยอะไรต่อ
ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่เขาเกิดอาการป่วยเล็กน้อยและมารับยาที่โรงพยาบาลจะบังเอิญได้เห็นบุคคลที่คุ้นเคยดี ภาพคนตัวเล็กที่มีศักดิ์เป็นนายใหญ่ของตระกูล อู๋ ถูกลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล ลู่ ที่ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันคอยประคับประคองราวกับคนสำคัญ
อี้ชิงสะบัดหน้าหนีจุดเดิมที่เขามองมานานไปสนใจกับรถหรูของเขา แทรกกายเข้าฝั่งคนขับอย่างเชื่องช้าไม่นานรถหรูก็พุ่งออกจากบริเวณทันทีด้วยความเร็วไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
“เจอสักที มินซอก.. ลู่หาน”
TBC.
✤✤✤
มาอัพช้าไปมั้ย? ไม่หรอกเน๊าะ #ถุ้ย #โดนยัน
แง่ง กลับจากบ้านยายมาได้ไม่กี่วันเอง เค้าเร่งปั่นให้แล้วนะ.__.
ช้าไปอย่ายันกันนะคะ #กราบบ
ตอนนี้ไม่ต้องสับสนถ้าอิพี่ลู่นางเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คือคนแต่งก็งงค่ะ #ห้ะ
บางทีก็คิด กูแต่งอะไรของกูว่ะ แอร้ย
แต่ตามบทอพล.นางซึนอ่ะ -///-
ปล.รู้สึกตอนนี้อิจ๊อกเสียน้ำตาเยอะมว๊ากกก โถ่จ๊อกของแม่ #โผเข้ากอด
เครร ตอนหน้าเจอกันนะตัวว~
ความคิดเห็น