คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Memories -9-
Black Memories
-9-
“อะไร”
มินซอกช้อนสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ หลังจากลู่หานใช้เวลาพักใหญ่ๆในห้องน้ำจึงเดินออกมาก่อนจะคว้าเสื้อผ้าของตนเองโยนให้ร่างของมินซอกที่นั่งมุดกับผ้าห่มผื่นหนาด้วยท่าทีกึ่งหวาดระแวงกึ่งสั่นจากความเย็นของแอร์ในห้อง เนื่องจากเสื้อผ้าข้างบนถูกเขากระชากจนมันขาดเผยท่อนบนเปื่อยเปล่า
“อาหารหมามั้ง” ลู่หานกรอกสายตาด้วยใบหน้าหงุดหงิดกับคำถามของอีกคนเล็กน้อย
“.....”
“เสื้อของฉัน ใส่ซะบอกไว้เลยนะฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่เห็นนายเปื่อยตรงหน้าแล้วไม่อยากเอานะ” คำพูดซื่อตรงติดทะลึ่งของอีกคนทำเอาใบหน้ากลมแดงเถือกขึ้นมาได้ไม่ยาก มือน้อยยกเสื้อยืดที่ยังดูใหม่คาดว่าคงจะเอามาใช้ได้ไม่บ่อยนัก ขนาดตัวของอีกฝ่ายพอๆกับของเขาจึงทำให้เวลาใส่กำลังพอดีไม่หลวมหรือคับจนเกินไป
“เมื่อไหร่นายจะไปส่งฉันซะที” มินซอกเอยแทรกขึ้นกลางอากาศหลังจากถูกความเงียบเขาปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่เนื่องจากไม่มีใครคิดจะเอยอะไรออกมา
“ถ้าบอกว่าไม่ละ”
“ฉันจะหนี”
“เดี๋ยวกูจับปล้ำ”
“.....” เป็นมินซอกอีกครั้งที่เงียบนิ่งไป คิดๆดูแล้วถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้ทำอะไรเขาก็ตามแต่ตราบใดที่เขายังอยู่ในห้องกับผู้ชายตรงหน้าสองต่อสองแบบนี้ก็มีสิทธิ์ที่ลู่หานจะทำอย่างที่พูดทุกเมื่อ เพราะอย่างงั้นจึงเลือกที่จะนั่งเฉยๆเสียจะปลอดภัยที่สุด
“รอยนั้น..” ลู่หานทิ้งตัวลงนอนข้างๆที่ว่างของเตียง เหล่มองเสี้ยวหน้าของมินซอกที่กำลังนั่งเหม่อก่อนจะเอยขึ้นสั้นๆ
“มันไม่ใช่เรื่องของนาย”
“เต็มใจหรือโดนข่มขื่น” จากอาการเงียบของมินซอกและแววตาที่ดูหม่นลงไหนจะนิ้วเล็กที่จิกเข้าหากันแน่นทำให้ลู่หานมั่นใจว่ามันคือข้อสุดท้าย
“.....”
“เป็นแฟนกันไม่ใช่หรอ”
“หรอ.. เหมือนขนาดนั้นเลยหรอ”
“เห็นนายแคร์ความรู้สึกหมอนั้น” มินซอกหัวเราะในลำคอเสียงแผ่ว
“นั้นมันตอนที่ฉันเป็นมินซอก”
“.....”
“ไม่ใช่ตอนเป็นซิ่วหมิน” ดวงตากว้างเหล่มองเสี้ยวหน้าได้รูปของอีกคนด้วยความสงสัยมากมายและมินซอกก็รับรู้ได้ ก่อนจะหันกลับมาเอยเสียงแผ่วด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน”
แล้วจึงล้มตัวลงนอนคว้าผ้าห่มผืนหนาคุมโปงหันหลังให้อีกคนเพื่อเป็นการปิดการสนทนาทั้งหมดให้จบลง ลู่หานครางหึในลำคอก่อนจะเอื้อมมือปิดไฟแล้วจึงล้มตัวลงนอนตามไปติดๆ
“ลู่หาน อื้อ!”
น้ำเสียงทุ้มติดหวานของมินซอกเรียนให้ลู่หานงัวเงียตื่นขึ้นมาไม่ยากดวงตากว้างกระพริบตาปริบๆให้ชินกับแสงแดดที่ลอดผ่านส่องถึงในห้องเหล่ตากลับมามองร่างของมินซอกที่ดิ้นขลุกขลักไม่หยุดปากบางก็ร้องสั่งเสียงดังไม่หยุด
“ปล่อย!”
“อะไร” แกล้งตีหน้าซื่อถามกลับไปทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจที่อีกคนพูดนะหมายถึงอะไร ใบหน้าบูดบึ้งของมินซอกถูกส่งกลับมาก่อนจะเริ่มออกแรงดีดดิ้นออกจากวงแขนของเขาจนลู่หานยอมแพ้คลายออกให้หลุดไปได้ ทั้งๆที่ยังอยากกอดร่างกายที่นุ่มนิ่มของมินซอกทั้งวันแท้ๆ
“นายกอดฉัน”
“แค่ละเมอ”
“ตอแหล” มินซอกเบี่ยงหน้าหนีก่อนจะขยับปากเสียงแผ่วแต่ดูเหมือนลู่หานจะได้ยินเข้าอย่างชัดเจน
“เมื่อคืนยังร้องไห้ขอร้องอยู่แท้ๆแต่ตอนนี้กลับปากดีขึ้นมาเลยนะ”
“มีความจำเป็นอะไรที่ต้องพูดดีด้วยกับคนที่คิดฉุดคนอื่นที่เจอกันได้ไม่กี่ครั้งมาทำเรื่องอย่างว่า”
“.....”
“ถึงเมื่อคืนนายจะไม่ทำก็ไม่ได้ช่วยลบล้างความจริงที่นายคิดจะทำอะไรฉันไปได้หรอก รู้ไว้ซะ” ลู่หานยันตัวลุกขึ้นจ้องหน้าอีกคนที่ร่ายออกมาซะยืดยาวก่อนจะกระตุกยิ้ม นึกสนุกยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกคนจนปลายจมูกโด้งเฉียดข้างแก้มนิ่ม
“พูดจบยัง?”
“เออ” ขานรับเสียงห้วน
“งั้นกูเปลี่ยนใจมาเอามึงจริงๆดีมั้ย? จะได้ไม่ต้องคอยระแวงว่าจะมาดีหรือร้าย”
“สันดาน”
“พอดีมันติดตัวมาตั้งแต่เกิด แก้ยาก”
“พ่อแม่ไม่รักรึไง.. อื้อ!” ทันทีที่จบประโยคผ่ามือร้อนที่แข็งราวกับคีบเหล็กก็พุ่งเข้าบีบแน่นตรงปลายคางเรียวทันที ใบหน้าที่ติดกวนอารมณ์เมื่อกี้แปรเปลี่ยนไปนิ่งเรียบและน้ำเสียงทุ้มที่ดังรอดไรฟันทำเอามินซอกถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที
“นั้นมันเรื่องของฉันอย่าปากดีให้มากฉันมีสิทธิ์เอานายทุกเมื่อที่ต้องการ อย่าลืมสิ”
“.....”
“คราวหลังจะพูดอะไรคิดด้วยว่ามันจะทำให้ฉันอารมณ์เสียรึเปล่า เพื่อความปลอดภัยของร่างกาย... ของนาย” สายตากว้างกวาดมองสำรวจที่อกขาวโผล่พ้นคอเสื้อที่ค่อยข้างกว้างที่เคยของเป็นเขาออกมาพรางกระตุกยิ้มร้าย เป็นมินซอกที่ดันอีกคนออกก่อนจะดึงปลายเสื้อขึ้นปิดมันไว้จากสายตาจาบจ้วงของคนตัวสูง
“เหอะ” ลู่หานหัวเราะในลำคอเสียงเบา ยันตัวลุกขึ้นเดินออกจากเตียงกว้างได้เพียงไม่กี่ก้าวก็จำต้องชะงักฝีเท้าลงเพราะเสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เดี๋ยว แล้วเมื่อไหร่นายจะให้ฉันออกไปจากที่นี้สักที?”
“ยังไม่เข้าใจอีกหรอ?”
“.....”
“ที่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนายเพราะไม่ใช่เกิดใจอ่อนหรือสงสารบ้าอะไรทั้งนั้นหรอกนะ”
“.....”
“รอยเต็มตัวเกือบทุกตารางนิ้วแสดงความเป็นเจ้าของขนาดนั้นใครมันจะไปมีอารมณ์”
“.....”
“จนกว่าไอ้รอยพวกนั้นมันจะหายไปจนหมด และฉันสร้างมันขึ้นทับรอยเดิมจนหน่ำใจเมื่อไหร่ก็คงจะตอนนั้น” ร่ายยาวด้วยเหตุผลแสนงี่เง่าและเห็นแก่ตัวจนมินซอกเผลอขย้ำผ้าปูที่นอนเพื่อระบายความรู้สึกกับคนตรงหน้า คล้อยหลังลู่หานที่หายเข้าห้องน้ำทันทีที่ประตูบานหรูปิดลงมินซอกจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างก่อนจะปล่อยให้ดวงตาทำหน้าที่ระบายความอัดอั้นทุกอย่างออกมาเป็นน้ำสีใส
“ทั้งๆที่คิดว่าอาจจะไม่เหมือนคนคนนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องอย่างว่า...”
“ไม่ว่าใครก็เหมือนกันหมด เหมือนกันไปหมด”
“เฉิน... ฉันคิดถึงนาย นายอยู่ที่ไหนกันนะ? ฮึก”
ผลุบ
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหนรู้สึกตัวอีกทีคือเหมือนมีร่างคนคนหนึ่งทิ้งตัวลงบนเตียงใกล้ๆจนมันยวบลงอย่างเห็นได้ชัด ก็คงจะไม่พ้นคนคนนั้นหรอก
“ลู่.. อื้อ!!” พอหันกลับไปสบผู้มาเยือนดวงตาที่เล็กอยู่แล้วเบิกกว้างเข้าไปเป็นเท่าตัวว่าบุคคลที่มาใหม่ไม่ใช่ลู่หานอย่างที่ควรจะเป็น เจ้าของใบหน้าคมที่มีดวงตาคล้ำเป็นเอกลักษณ์คลี่ยิ้มพรางใช้ผ่ามือตระคลุบปิดริมฝีปากเล็กไว้เพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกไป
“ชู่ว อย่าเสียงดังไปสิครับคนสวย”
“อื้อ!!!” มินซอกดีดดิ้นหนีร่างใหญ่ที่ใช้กายใหญ่ทับตัวเข้าไว้ไหนจะมือหนาหยาบที่กดปิดเขาไว้ไม่ยอมปล่อยอีก
“แรงยังเยอะอยู่เลย นึกว่าไอ้พี่ลู่มันจะเอาจนแทบกระดิกไม่ได้ซะอีกนะเนี่ย หึหึ” เพราะเอยถึงบุคคลที่สามก็ยิ่งทำให้มินซอกหวาดกลัวคนแปลกหน้านี้เข้าไปอีกแต่ก่อนจะได้คิดอะไรปลายจมูกโด้งเป็นสันก็ก้มลงมาสูดดมความหอมหวานจากซอกคอขาวผ่องของเขาพร้อมกับฝังริมฝีปากลงอย่างนึกสนุก ยิ่งลมหายใจอุ่นร้อนก็ยิ่งทำให้มินซอกเบ้หน้าหนีสุดกำลัง
“อย่าดิ้นสิครับ ผมเหนื่อยนะ” น้ำเสียงที่เริ่มลงโทนต่ำบอกให้รู้ว่าอีกคนเริ่มจะหงุดหงิดจริงๆเสียแล้ว มินซอกคิดว่าผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนสนิทของลู่หานที่ถึงขนาดเข้ามาในห้องพักได้มันก็ไม่มีอะไรที่คนตรงหน้าจะทำไม่ได้ บางทีคนคนนั้นอาจจะมีการตกลงอะไรบางอย่างกับเพื่อนพ้องและมันต้องไม่ส่งผลดีกับเขาอย่างแน่นอน
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ” เมื่อแน่ใจว่าคนตัวเล็กจะไม่โวยวายเสียงดังจื่อเทาจึงยอมคลายผ่ามือที่กดปิดริมฝีปากบางออก ก่อนน้ำเสียงทุ้มหวานจะเอยขอเสียงสั่นสร้างรอยยิ้มเอ็นดูจากคนตัวสูงได้ไม่ยาก
“ได้สิ แต่หลังจากที่เสร็จจากฉันและไอ้สองคนที่เหลือก่อนนะ” สิ้นคำปลายจมูกโด้งก็เริ่มซุกไซร้ลงบนซอกคอขาวอีกครั้ง ก่อนมือจะเลิกเสื้อยืดตัวเล็กบางขึ้นเผยหน้าท้องเนียนเรียบ
“อื้อ! ไม่!!”
“จิ๊! ไอ้พี่ลู่แม่งไม่ถนอมของซะเลย รอยเต็มไปหมด” จื่อเทาส่งเสียงขัดใจเล็กน้อยเพราะดูเหมือนลู่หานรุ่นพี่เขาจะไม่ค่อยถนอมของสักเท่าไหร่เพราะไอ้รอยอย่างว่าที่กระจายเต็มลำตัวไปหมดจนแทบจะบดบังผิวผ่องขาว มินซอกใบหน้าแดงเถือกเพราะคำพูดและสายตาของอีกฝ่ายรู้สึกอับอายและกลัวจับใจ
“ไม่นะ หยุด!!” มือหยาบเริ่มเลื่อนลงไปยุ่งย่ามบริเวณกางเกงยาวปลดกระดุมออกพยายามดึงร่นมันให้พ้นทางแต่แล้วก็ต้องถูกแรงกระชากและน้ำเสียงที่เย็นคลุ้งไปด้วยความโกธรของบุคคลที่สาม
“มึงคิดจะทำอะไรกับคนของกู ไอ้เทา”
“ก็ตามสัญญาที่พี่ให้ไว้ไง” จื่อเทาที่ร่วงตกลงอยู่บนพื้นเงยมองเจ้าของแรงที่กระชากเขาออกมาด้วยใบหน้าไม่ค่อยจะหวั่นเกรงสักเท่าไหร่ ลู่หานนิ่งไปพักพรางเงยขึ้นมองมินซอกที่ที่รีบดึงกางเกงตัวเองให้จัดให้มิดชิดดังเดิมและท่าทางดูจะกลัวจื่อเทาไม่น้อยทีเดียว
“ไปคุยกันข้างนอก” จบคำลู่หานที่อยู่ในชุดลำลองธรรมดาจึงเดินนำรุ่นน้องของเขาออกจากห้องน้ำไปในทันที จื่อเทาหัวเราะเสียงแผ่วก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าของตนเองพรางหันไปสบกับใบหน้าของมินซอกที่รีบหลบตาอีกฝ่ายอย่างเกรงกลัว
“อะไรนะ นี้พี่ยังไม่ได้เอามินซอกอีกหรอ? ไม่อยากจะเชื่อ” จื่อเทาขมวดคิ้วแน่นหลังจากลู่หานปริปากบอกความจริงออกไปด้วยท่าทางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“เหอะ กูก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน”
“แล้วรอยเต็มตัวที่ผมเห็นล่ะ”
“ของผัวมัน ไม่ใช่ของกู” พูดไปแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่หน้าจอกว้างของโทรทัศน์ราคาเหยียบครึ่งแสนของเขาไปเรื่อย จื่อเทาเบิกตาเล็กน้อย
“ท่าจะรักกันรุนแรงน่าดู เอาซะแทบไม่เหลือผิวสวยๆ”
“.....” ลู่หานเงียบนิ่งอีกครั้งของวัน เพราะคำพูดของรุ่นน้องทำให้ผาลคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาและแววตาที่กำลังหวาดกลัวจับใจทำเอาเขาหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
“แล้วเอาไง? พี่จะไม่เอาแล้วใช่มั้ยแต่ผมเอานะรอยแค่นั้นผมสร้างทับใหม่ได้สบายๆเลยละ หึ” รอยยิ้มและแววตาเพ้อฝันของจื่อเทาที่ดูก็รู้ว่ากำลังคิดถึงเรื่องอย่างว่าและบุคคลในจินตนาการคงไม่พ้นร่างบางที่กำลังนอนอยู่ภายในห้องเขาเป็นแน่
“เอาส้นตีนกูไปก่อนมั้ยละ?”
“ไม่เอา แม่งไม่หอมไม่น่าฟัด”
“สัด”
“แล้วคือพี่จะปล่อยมินซอกกลับบ้านงี้หรอ?” หลังจากที่เงียบไปนานจื่อเทาก็เป็นฝ่ายเอยขึ้นอีกครั้งเพื่อทำลายความเงียบ ลู่หานเหล่มองกลับ
“เรื่องอะไร กระรอกตัวเล็กมานอนอยู่บนเตียงพร้อมให้ขย้ำแบบนี้ใครจะปล่อยกลับรังง่ายๆ”
“ค่อยยังชั่วนึกว่าลู่หานคนเลวจะกลับใจเป็นคนดีแล้วซะอีก ใจหายหมด”
“กูก็แค่รอให้รอยมันจางๆลงก็แค่นั้น”
“.....”
“รอยเต็มตัวอย่างนั้นใครมันจะไปมีอารมณ์ว่ะ”
“อย่าลืมสัญญาที่พี่รับปากพวกผมไว้ล่ะ”
“เออ กูไม่ลืมหรอก”
“พอกูได้จนพอใจ เชิญมึงรับไปดูแลต่อกันบนเตียงได้เลย” เขาไม่รู้ว่าที่พูดออกไปนั้นพอถึงเวลาจริงๆแล้วจะยังยอมอย่างที่พูดจริงรึเปล่า แต่คนอย่างลู่หานคำไหนคำนั้น
แม้จะเริ่มสั่นคลอนกับน้ำตาจำนวนมากนั้นเล็กๆแล้วก็ตามที
“เฮือก”
เพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันทำเอามินซอกที่นั่งคิดอะไรคนเดียวสะดุ้งตัวโหย่งพรางตะเกียกตะกายถอยจนชิดหัวเตียงเบี่ยงหน้าหลบสายตาของร่างสูงโปร่งที่มองมายังเขา ลู่หานเลิกคิ้วกับท่าทางของคนตัวเล็กที่ดูจะหวาดกลัวเขามากกว่าเดิม
“กลัวอะไร”
“ผู้ชายคนนั้น..”
“จื่อเทา? กลับไปแล้ว” พอจะเดาๆออกว่าสาเหตุเกิดจากอะไรคนตัวสูงกว่าจึงยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอยออกมาเพื่อคลายความกังวลของมินซอก มินซอกลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่กระนั้นก็ไม่พ้นสายตาของคนที่ยืนมองไปได้เลย
“กลัวมันหรอ?”
“ก็ลองโดนคนที่เจอหน้ากันครั้งแรกก็พุ่งเข้ามาจะทำเรื่องอย่างว่าดูสินายจะรู้สึกยังไง”
“ฉันก็ไม่ต่างจากมันหรอกคงจะต่างที่แค่”
“.....”
“ฉันฉุดนายมาที่ห้องตัวเองเลยมั้ง แต่นายไม่เห็นจะกลัวเอาแต่เถียงฉอดๆ”
“ฉันแค่ทำใจดีสู้เสือ” มินซอกช้อนตาขึ้นมองแต่พอสบเข้ากับดวงตากว้างที่วาวไปด้วยเสน่ห์และการเอาชนะก็เป็นเขาเองที่ต้องหลบมัน
“แน่ใจ?” ว่าจ้องหน้าอีกฝ่ายในระยะเกือบๆสามเมตรน่าอึดอัดแล้วแต่พอยิ่งคนตัวสูงย้ายร่างกายขึ้นคล่อมพร้อมกับเคลื่อนใบหน้าดูดีนั้นเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้มินซอกประหม่าและเกร็งจนเม็ดเหงื่อก้อนใหญ่ผุดขึ้นตามใบหน้าเล็กๆ
“ออกไป”
“อยู่ที่นี้นายไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับฉัน”
“นายตกลงอะไรกับผู้ชายคนนั้น” มินซอกเปลี่ยนประเด็นพร้อมกับหันขึ้นมาเผชิญหน้าจังๆกับดวงหน้าหวานของคนข้างบน ลู่หานกระตุกยิ้มพรางส่งเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
“ขายนายไปเป็นของเล่นบนเตียงให้มั้ง”
“ลู่หาน!”
“เรียกทำไม?”
“สารเลว” มินซอกเอยเสียงรอดไรฟันออกมาอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายแม้ในใจจะหวั่นกับคำพูดที่อีกคนเอยออกมาก่อนหน้ามากก็ตาม แต่เพราะความโกธรมันมีอยู่มากทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้
“อยากได้คนสารเลวเป็นผัวมั้ยละ?”
“อื้อ!!” ใบหน้าหวานโน้มลงแนบริมฝีปากทาบทับกับเนื้อปากสีเชอรี่สุกนุ่มบดขยี้อย่างหนักหน่วงไม่เว้นช่วงให้อีกคนได้ผลักไส ก่อนจะบังคับให้มินซอกเผยอปากออกแล้วจึงดุนดันลิ้นร้อนเข้าไปกวาดสำรวจในโพรงปากนุ่มจนหน่ำใจ ครั้งนี้มินซอกเลือกที่จะยอมอยู่เฉยไม่ต่อต้านอีกฝ่ายโดยการกัดลิ้นเหมือนครั้งก่อนเพราะไม่มีอะไรประกันได้ว่าหากอีกคนโมโหขึ้นมาแล้วเขาจะเป็นอันตรายแค่ไหน พอกอบโกยจากอีกคนจนสะใจลู่หานจึงผละออกมาหาเศษหาเลยกับซอกคอหอมกรุ่นเพื่อเป็นการแสดงเจ้าของและทิ้งร่องรอยไว้บนลำคอขาวผ่องจนเจ้าของร่างได้แต่เบ้หน้ากับการกระทำของอีกฝ่าย
“แค่นี้ก่อนดีกว่า เห็นรอยเก่าของนายแล้วไม่มีอารมณ์” คำพูดเสียดแทงทำเอามินซอกจิกเล็บแน่นทั้งอับอายและเกลียดบุคคลตรงหน้าเกินบรรยาย
“จะทำอะไร!!”
มินซอกขื่นตัวเองแน่นเมื่อลู่หานผละออกแต่เปลี่ยนเป็นคว้าข้อมือเล็กลากลงเตียงก่อนจะเดินนำเข้าห้องน้ำแกมบังคับ
“ไปอาบน้ำ”
“อยากอาบก็อาบนเดียวสิ! จะพาฉันมาด้วยทำไม” ใบหน้าเล็กที่เคยบูดบึ้งเปลี่ยนมาเป็นแดงเถือกไม่รู้ว่ากำลังโกธรหรืออายกันแน่ ใช้แขนข้างที่เหลือขื่นตัวจับขอบประตูไว้ไม่ยอมเดินเข้าไปในห้องน้ำจนลู่หานจิ๊ปากหงุดหงิด
“ไม่ใช่ฉันที่อาบ แต่เป็นนายต่างหาก” มือก็ดึงส่วนอีกข้างที่ว่างก็ยื่นไปเปิดน้ำให้เต็มอ่างหรูเพื่อสำหรับกระรอกจอมดื้อของเขา
“งั้นก็ออกไปสิ จะเข้ามาด้วยทำไม!!”
“ก็จะอาบให้”
“ฉันไม่ต้องการ ออกไป! เห้ย!” ลู่หานตัดบทโดยการลดมือลงก่อนจะคว้าร่างของมินซอกขึ้นอุ้มจนลอยหวือเพราะความตกใจทำให้มินซอกคว้าเข้าหาที่ยึดตรงต้นคออีกฝ่ายอัตโนมัติ ไม่ต้องรอให้โวยวายอะไรลู่หานก็เดินตรงไปยังอ่างพร้อมกับโยนมินซอกลงในอ่างทั้งๆที่ยังสวมเสื้อ น้ำที่ยังไม่ได้ปรับอุณหภูมิให้พอดีไหลซึมเข้าผิวขาวส่งผลให้ร่างเล็กต้องยกมือขึ้นโอบรอยตัวเองหนาวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
“ทีนี้จะเลิกพยศได้แล้วใช่มั้ย ฉันหนวกหูเสียงนายเต็มทน” ปากบางขยับอย่างหงุดหงิดก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนจอมพยศเมื่อกี้นั่งนิ่งสั่นช้อนตามองเขาอย่างเอาเรื่องแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“.....”
ฉ่า ฉ่า ฉ่า
มือหนาคว้าสายฝักบัวก่อนจะบิดจนสุดพร้อมกับเลื่อนมาจ่อตรงร่างเล็กที่นั่งสั่นเทาในอ่างขาวสะอาด สายน้ำเย็นที่ไหลลงมาจากฝักบัวตกกระทบลงบนร่างกายเล็กยิ่งเพิ่มความหนาวเหน็บเข้าไปอีก
“ถอดเสื้อ”
“.....”
“ฉันเกลียดคนที่ชอบทำหูทวนลมที่สุดรู้มั้ย”
“ม ไม่” เพราะความหนาวเริ่มเกาะกุมทำให้เสียงที่เคยเถียงเขาฉอดๆเริ่มที่จะสั่นลงไปมากก็ตามที แต่ไอ้ท่าทีพยศกลับไม่หายไปง่ายๆสักที สิ่งนี้แหละที่ทำให้เขาหงุดหงิดนะ
“หรือจะให้ฉันถอดมันเอง จะนับหนึ่งถึงสาม.. หนึ่ง...”
“.....”
“สอง”
“.....” แต่กระนั้นมินซอกก็เลือกที่จะกอดเข่าแน่นแนบใบหน้าลงแม้ความเย็นจะทำให้สั่นมากแล้วก็ตามที
“สาม!”
“ไม่!”
เคล้ง!
“มินซอก! นายมัน.. แม่ง!” ท่าทีที่ไม่ยอมอ่อนให้เขาง่ายๆทำเอาลู่หานเลือดขึ้นหน้า เหวี่ยงฝักบัวที่ถือไว้จนกระแทกเข้าไปกับขอบอ่างอย่างแรงจนเกิดรอยร้าวที่สังเกตได้ มินซอกสะดุ้งโหย่งแต่ก็ยังคงนั่งเบี่ยงหน้าหนีอย่างไม่ยอม
“.....”
“ให้เวลาอีก 30 นาทีถ้ายังอาบน้ำไม่เสร็จฉันจะเป็นคนอาบให้นายเองจะขัดทุกซอกทุกมุมให้สะอาด คอยดู..” ทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนต้องการระงับอารมณ์ก่อนประตูห้องน้ำบานใหญ่จะถูกกระแทกปิดลงอย่างแรง กระนั้นมินซอกถึงได้กล้าหายใจได้อย่างเต็มปอด
“อึก.. ” ก้อนน้ำลายเหนี่ยวหนืดถูกกลืนลงลำคออย่างยากลำบากยิ่งท่าทีโมโหที่ดูคลุ้มคลั่งแทบจะอาระวาดได้ทุกเวลายิ่งทำให้มินซอกกลัวผู้ชายคนนั้นจับใจ แต่ก็ได้เพียงถอนหายใจเสียงเรียบหากยังอยู่ในที่ของอีกฝ่ายอย่างนี้ สิ่งที่ทำได้คงมีแต่ทำตามคำสั่งที่แสนเอาแต่ใจของอีกฝ่ายไป และค่อยคิดหาหนทางเอาตัวรอดยามที่มีโอกาส..
แต่ก่อนอื่นเขาควรจะรีบอาบน้ำตามที่คนตัวสูงนั้นบอกไว้ เพราะถ้าหากชักช้าคำพูดทิ้งท้ายเมื่อกี้อาจจะไม่ใช่แค่คำขู่ก็ได้
“..... หนาว”
นิ้วเย็นเฉียบยกขึ้นลูบลำแขนตัวเองอัตโนมัติทันทีที่ก้าวเท้าออกจากห้องน้ำหลังจากชั่งใจอยู่นาน สายตารีกวาดมองรอบก่อนจะต้องสะดุดกับร่างคนตัวสูงที่นอนพิงอยู่บนเตียงจ้องเขาด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่ายังอารมณ์ไม่สงบมากนัก
“สำออย” น้ำเสียงห้วนเรียบทำมินซอกชะงักเท้า ทั้งๆที่เขาแค่เปรยๆกับตัวเองเบาๆแต่เหมือนอีกฝ่ายจะหูดีเกินไปหรือจงใจคอยจับผิดเขากันแน่ก็ไม่ทราบ
“คิดจะทำอะไร” น้ำเสียงดังขึ้นเมื่อเห็นมินซอกกำลังเปิดตู้ค้นเอาเสื้อออกราวกับกำลังทำเรื่องใหญ่โตก็ไม่ปาน
“เอาเสื้อ”
“ใครอนุญาต”
“นายไง”
“ฉันไม่ให้” คำพูดแสนเอาแต่ใจทำเอามินซอกหน้านิ่ว อยากจะเคว้งเสื้อใส่หน้าอีกคนแรงๆแต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดในหัวเท่านั้น
“แล้วฉันจะใส่อะไร ชุดนั้นนายทำให้มันเปียก” ตอนนี้กายบางของเขาจึงมีเพียงชุดเปียกๆที่ถูกสวมทับไปพรางกะว่าจะเดินมาเอาชุดเพราะอีกฝ่ายไม่ได้เอาเข้ามาให้เขาตอนลากเข้าห้องน้ำ
“ก็ใส่แม่งอย่างนั้นแหล่ะ”
“มันเปียก”
“เรื่องมากนักมึงก็ถอด นอนแบบเปื่อยๆไปสิกูไม่ถือ” เพราะความหงุดหงิดทำให้สรรพนามในการพูดคุยของลู่หานหยาบขึ้นทันที มินซอกปั้นหน้าเรียบทั้งๆที่อยากจะเหวี่ยงหมัดซัดอีกคนเต็มทีแล้วก็ตาม
“โรคจิต” แม้จะหนาวเต็มทนกับทั้งอุณหภูมิของอากาศในห้องและชุดเปียกชื้นนี้แม้จะกังวลมากเพียงไหนแต่ดูเหมือนเพราะสายตาไม่น่าไว้วางใจของอีกฝ่ายที่ยังไม่ละไปไหนจากเขา มินซอกจึงเลือกที่จะล้มตัวลงนอนที่ว่างข้างๆเว้นระยะห่างจากผู้ชายอันตรายและร้ายกาจอย่างลู่หานเพื่อความปลอดภัย
“เว้นซะไกล ไม่กลัวกลิ้งตกเตียงรึไง” เสียงทุ้มเลื่อนเข้ามากระซิบข้างริมหูของมินซอกที่นอนตะแคงข้างหันหน้าออก
“ก็ยังดีกว่ากลิ้งเข้าปากเสืออย่างนาย”
“ระวังกลิ้งมาหาฉันก็แล้วกัน บอกไว้ก่อนถ้านายกลิ้งมาตกอยู่ฝั่งฉันแล้วไม่มีทางกลิ้งหนีไปง่ายๆหรอกนะ” ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะเลื่อนตัวกลับคว้าปิดไฟที่หัวเตียง โดยมีอาการเกร็งของมินซอกที่นอนตัวเกร็งไม่กล้าขยับเขยินไปไหนสักท่า
มินซอกไม่รู้ตัวหรอกว่าไอ้อาการเหล่านั้นสร้างรอยยิ้มบางๆขึ้นแทนใบหน้าที่ปั้นหน้าเหี้ยมตลอดเวลาของลู่หานได้ค่อยๆจางหายไปทีละนิดมากแค่ไหน
TBC.
✤✤✤
เสร็จแล้ว -W-
โรงเรียนยังไม่ปิดเลย แถมต้องแก้งานอีกบางส่วน
และปีนี้เค้าจะไปบ้านยายนะ ไม่นานหรอกแค่ประมาณหนึ่งอาทิตย์กลับ
ตอนต่อไปอาจนานหน่อย แต่อย่าพึ่งทิ้งกันนะตัววว #กราบบ
CRY .q
ความคิดเห็น