Complicated Heart : กาลครั้งหนึ่งความรัก
กาลครั้งหนึ่งเมื่อเขารักเธอ เธอกลับไม่รักตอบ แต่เมื่อเขาตัดใจได้...
ผู้เข้าชมรวม
62
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
“หัวนายไปทำอะไรมาน่ะ!!”
เสียงเกรี้ยวกราดตวาดลั่นบ่งบอกอารมณ์ฉุนเฉียวของผู้พูดอย่างชัดเจนพอๆ กับสีหน้าดุดันของชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้ม กลบเสียงพูดคุยทักทายจ๊อกแจ๊กจอแจ และเสียงหัวเราะคิกคักของบรรดานักเรียนทั้งหลายในเช้าวันเปิดเทอมที่สดใสจนเงียบกริบ ให้หันมามองที่ต้นเสียงเป็นตาเดียว รวมทั้งตัวฉันเองด้วย
ที่จุดรวมสายตา ร่างสูงในชุดนักเรียน ม. ปลาย ชายเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกใส่ไว้ในกางเกงขายาวสีเทาเข้ม สีเดียวกับเนคไทที่ผูกไว้อย่างเรียบร้อยตรงตำแหน่ง เข็มขัดหนังสีดำ กับรองเท้าหนังที่ถูกขัดจนเงารับกับหัวเข็มขัดสีเงินตราสัญลักษณ์ของโรงเรียน ยืนค้อมศรีษะน้อยๆ อยู่ต่อหน้ารุ่นพี่สมาชิกสภานักเรียนอย่างสุภาพ ผิดกับรุ่นพี่ที่มีท่าทีหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูจากรูปการแล้วก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่ารุ่นพี่ขัดใจเรื่องอะไร เพราะนอกจากบุคลิก ท่าทาง การแต่งกายที่ค่อนข้างเรียบร้อยถึงขั้นเรียกว่าเพอร์เฟคของเขานั้นคงไม่ทำให้รุ่นพี่ตวาดลั่น มือไม้สั่นถึงเพียงนี้ ถ้าหากผมของเขาไม่ได้เป็นสีส้มแสบสันปานนี้
“ผมของผมจริงๆ ครับ” นายผมส้มตอบอย่างสุภาพใบหน้านิ่งเฉยจนน่าแปลกใจ
“ว่าไงนะ!! นายเป็นคนเชื้อชาติไหน มีสีผมแบบนี้ด้วยเหรอ ห๊า!!”
“ก็มันผมจริงๆ นี่ จะให้ทำยังไงละครับ” นายผมส้มยังคงตอบเสียงเรียบ แต่ดูเหมือนจะกวนโมโหรุ่นพี่เข้าไปอีก
“นักเรียนหญิงพวกนี่ก็เหมือนกัน เธอน่ะ! หยุดก่อนสิ!” รุ่นพี่ตะโกนข้ามไหล่นายผมส้ม เรียกนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งจะเดินผ่านมาอย่างรีบๆ โดยไม่มีท่าทีรับรู้เรื่องราวที่กำลังเป็นที่สนใจนี้เลยแม้แต่น้อย
“คะ?” เธอชะงักกับเสียงแข็งๆ ของรุ่นพี่อย่างงงๆ
“ผมของเธอทำไมถึงเป็นสีทองแบบนี้!!”
“ผมของหนูจริงๆ ค่ะ” เธอขมวดคิ้วตอบซื่อๆ
“อะไรนะ!! นี่พวกเธอคิดว่าฉันโง่นักหรือไง!!” รุ่นพี่ตวาดลั่นจนสมาชิกสภานักเรียนในชุดสูทอีกคนที่ยืนต้อนรับรุ่นน้องอยู่ไม่ไกลต้องเดินเข้ามาสมทบ ขณะที่ยัยผมทองเริ่มมีประกายความหงุดหงิดปรากฏบนใบหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
“ขอโทษค่ะรุ่นพี่ พวกเขาก็บอกแล้วไงคะว่าเป็นผมจริง” ฉันเดินเข้าไปอย่างไม่ได้รับเชิญ พร้อมทั้งแสดงความเห็นอย่างสุภาพเท่าที่คนอย่างฉันจะทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้
“ว่าไงนะ!?” รุ่นพี่เอ่ยเสียงเข้มก่อนจะหันมาทางฉัน สายตายิ่งดูแข็งกร้าวขึ้นเมื่อสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “แล้วทำไมผมของเธอเป็นสีน้ำตาล!”
“ผมจริงค่ะ” ฉันตอบเสียงหนักแน่นด้วยประโยคที่เคยตอบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน พอๆ กับการคุ้นชินที่มีแต่คนมองด้วยสายตาแปลกๆ
“ไปคุยกันต่อที่ห้องปกครอง!! ตามมานี่ ทั้งสามคนเลย!!” รุ่นพี่หันหลังกัดฟันกรอดๆ เดินนำออกไป
“แล้วปฐมนิเทศล่ะครับ” นายผมส้มร้องทักราวกับไม่รู้ชะตาตัวเอง
“ปฐมนิเทศเหรอ? ” หมับ!! “นี่ยังคิดจะเข้าไปทั้งผมแบบนี้นะเหรอ!!” รุ่นพี่ตะคอกเสียงดังอย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ขณะที่มือหนาก็เอื้อมขึ้นจิกผมสีส้มแสบสันอย่างแรงจนร่างสูงเซถลาเกือบล้มถ้าไม่ติดว่ามือที่ขยุ้มผมอยู่นั้นกระชากกลับมาได้ทัน สร้างความตกใจให้กับบรรดานักเรียนที่มุงดูอยู่ไม่น้อยรวมทั้งตัวฉันด้วย
ควับ! “โอ๊ย! เจ็บ!” ฟึบ! “ว้าก! ปล่อยเดียวนี้เลย! ปล่อยสิ!!” ก่อนที่ใครๆ หรือแม้แต่ตัวฉันเองจะทันรู้ตัว มือของรุ่นพี่ทั้งสองข้างก็ถูกฉันจับไขว้หลังไว้เรียบร้อย มันคงเป็นไปตามสัญชาติญาณนักกีฬาอากิโดของฉัน และที่สำคัญการเห็นคนไม่มีทางสู้ถูกรังแกมันก็ทำให้ฉันลืมตัว (นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี้ย) ในขณะที่ฉันกำลังรวบรวมสติ มือของรุ่นพี่ที่ฉันเพิ่งจะปลดล็อคอย่างงงๆ เมื่อครู่ก็ตรงดิ่งมาที่ฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว “เธอ!!” เพียะ! เสียงฝ่ามือหนาปะทะใบหน้าดังสนั่นไปทั่วบริเวณจนหลายคนที่ดูอยู่เริ่มจับกลุ่มพูดคุยกันดังขึ้นเรื่อยๆ ส่วนฉันก็ยังคงยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
ไม่มีเสียงใดๆ จากร่างสูงที่เข้ามารับฝ่ามือเมื่อครู่แทนฉัน มีเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างที่ถูกตบหันมาให้เห็นแววตาแข็งกร้าว นายผมส้มยกมือเสยผมแล้วควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเลือดที่ริมฝีปากด้วยท่าทีนิ่งเฉยเช่นเดิม
“พี่ค่ะ... ไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอ” ยัยผมทองที่ก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ที่ยังยืนนิ่งทว่าแววตานั้นสั่นไหวพอๆ กับฝ่ามือ ราวกับเพิ่งรู้สึกถึงสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่ ใบหน้าหวานยังคงส่งสายตาคาดโทษอย่างไม่ยอมอ่อนข้อจนฉันรู้สึกหวาดๆ ขนาดไม่ได้เป็นคนถูกจ้อง เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มดังขึ้นจนน่าหวั่นใจว่าเรื่องจะปานปลายไปมากกว่านี้
“ไป! ไปเข้าห้องได้แล้ว!” รุ่นพี่ในชุดสูทอีกคนสั่งเสียงเข้ม ก่อนที่จะเข้ามาลากเพื่อนของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ฉันที่เพิ่งจะหายอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อครูได้แต่โวยวายตามหลังไป
“ว่าไงนะ!!? ไปง่ายๆ แบบนี้ได้ไงล่ะ!!”
“พอเถอะน่า” นายผมส้มพูดด้วยท่าทางเรียบเฉยเช่นเดิมแม้ที่แก้มจะมีรอยฝ่ามือแดงเป็นปื้น
“แต่ว่า!!”
“ถ้าเรื่องมันปานปลาย แล้วอาจารย์รู้เข้าว่าเธอเป็นคนทำร้ายรุ่นพี่ก่อนล่ะก็ อาจถูกไล่ออกตั้งแต่ยังไม่ทันได้เรียนเลยล่ะมั้ง” ฉันที่ยังโวยวายไม่ลดล่ะต้องหุบปากลงทันใดเมื่อได้ฟังเหตุผลจากนายผมส้มอย่างยอมจำนน และได้แต่ใคร่ครวญสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไปอย่างเศร้าใจ ขณะที่ยัยผมทองหน้าหวานเดินเชิดจากไปอย่างสง่างาม “ว่าแต่.....” จู่ๆ นายผมส้มก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ ใช้สายตาเพ่งมองมาที่ฉันอย่างสำรวจ ดวงตาสีนิลกวาดมองอย่างโจ่งแจ้ง ราวกับว่ากำลังสแกนฉันไปทั่วร่าง ให้ความรู้สึกแปลกๆ จนทำไม่ตัวถูก “เธอ...” นายผมส้มขยับริมฝีปากบางเล็กน้อย เอ่ยเสียงทุ้มขณะยังไม่ละสายตาจากการสแกนฉัน แบบไม่คิดจะรักษามารยาทเลยสักนิด
“เธอคือ... ทามินี เศรษฐดา ใช่ไหม?”
“ใช่ ทำไมเหรอ?” ฉันตอบไปอย่างงงๆ เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า เมื่อนายผมส้มยื่นหน้าใกล้เข้ามาอีก
“ว่าแล้วเชียว! ขอโทษนะที่จำไม่ได้” นายผมส้มยิ้มดีใจจนแก้มปริ โชว์ให้เห็นเคี้ยวขาวๆ ที่มุมปากอย่างน่ารัก ราวกับเด็กๆ ได้เจอตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ นั้นยิ่งทำให้ฉันงงหนักขึ้นไปอีก “ผมไม่ได้ใส่แว่นแล้วล่ะ เพิ่งเปลี่ยนมาใช้คอนแทคเลนส์ ได้เห็นคุณชัดๆ แบบนี้รับรองผมจำคุณได้แม่นเลยล่ะ” นายผมส้มยังคงพล่ามต่อโดยไม่สนใจฉันที่ยังยืนเอ๋ออยู่ตรงหน้า กระทั้งฉันตัดสินใจขัดจังหวะโดยไม่ลืมที่จะส่งยิ้มน้อยๆ เป็นการขออภัย
“เอ่อ... เราเคยเจอกันที่ไหนเหรอ?”
“ห๊า!?” เขาเลิกคิ้วสูง แถมเบ้ปากทำหน้างอนใส่ฉันอย่างไม่เก็บอาการ “ถามมาได้!! ผมพีรวิชญ์ ไง พีรวิชญ์ พงศ์ประพันธ์ ไงล่ะ!!” เขาแทบจะกระโจนเอาหน้ามาทิ่มตาฉันราวกับว่าก่อนหน้านี่ฉันคงจะมองเขาไม่ชัดถึงจำเขาไม่ได้ แถมยังประกาศชื่อตัวเองดังลั่นเต็มสองหู คงคิดว่าจะรื้อฟื้นความทรงจำของฉันเลยประมาณนั้น
“เออ!? พี... พีรวิชญ์ ไหนอ่ะ?” นายผมส้มหรือนายพีรวิชญ์แสดงสีหน้าสุดเซ็งใส่ฉันเมื่อได้ยินคำถาม
“อ๋อ!”
“นึกออกแล้วใช่ไหมล่ะ” แม้จะถามเสียงเรียบแต่ใบหน้านั้นยังเซ็งจัดกดดันฉันต่อไป
“.... อ่า ??...”
“นี่เธอโง่หรือเปล่า” นายผมส้มมองฉันด้วยสายตาสิ้นหวังก่อนจะปากร้ายใส่อย่างไม่เกรงใจ และมันทำให้ฉันสิ้นสุดความอดทน
“ทนไม่ไหวแล้วนะ นายกล้าว่าฉันขนาดนี้เลยเหรอ นายนั่นแหละ!! จำคนผิดหรือเปล่า!? เพราะฉันไม่เคยรู้จักนายมาก่อนเลย!!” ฉันตะโกนใส่หน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่เขากลับมองฉันด้วยแววตาผิดหวังก่อนจะหันหลังให้แล้วออกเดิน “เดี๋ยว!”
“รีบไปได้แล้ว ปฐมนิเทศจะเริ่มแล้ว” เขาพูดขณะก้าวยาวๆ ต่อไป ไม่สนใจเสียงทักท้วงของฉันที่ตะโกนไล่หลัง ฉันถึงกับต้องวิ่งตามกว่าจะทันคว้าแขนเขาไว้ให้หันมาเผชิญหน้าเพื่อตอบคำถามที่ค้างคา
“แล้วนายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง”
นายผมส้มสบสายตาฉันอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนจะเอ่ยประโยคกวนประสาท “ก็ลองคิดเอาเองสิ” แล้วสะบัดแขนเดินจากไปอย่างน่าหมั่นไส้
ผลงานอื่นๆ ของ The Traveler ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ The Traveler
ความคิดเห็น