ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    น้ำแข็งใส กับ ใจปอนปอน

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 ธันวาคม 2548~กลั่นแกล้ง

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 48


    2 ธันวาคม 2548





    “ตื่นได้แล้ว นางฟ้าใส! นอนกินบ้านกินเมืองอยู่นั่นแหละ” ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้องและเสียงเรียกของยายแพรวที่ดังโคตะระ   เอ๊ะ!!ไม่สิ มันไม่น่าจะเรียกว่าเสียงเรียก มันน่าจะเรียกว่าเสียงตะโกนมากกว่านะ ฉันคิดว่างั้น -_-“





    “มาแล้วหน่ะ” ฉันเดินไปเปิดประตูด้วยความโมโหเพราะฉันเหลือบไปมองนาฬิกาและเห็นว่ามันเพิ่งตี5ครึ่งเอง





    “รีบไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วรีบลงไปทำกับข้าวรอได้แล้วนะ” เสียงยายแพรวสั่งฉันซึ่งแก่กว่ามัน1ปี





    “แพรว แต่นี่มันเพิ่งตี5ครึ่งเองนะ”





    “ก็ใช่  แต่เธอก็ต้องทำรอไว้เผื่อสิ” ยายแพรวพูดเสียงได้น่าตบมากๆ





    “ก็ได้ๆ ถ้าเธอไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แล้วเธอก็เชิญไปหาบ้านอื่นอยู่เองสิ”





    ฉันพูดอะไรไม่ออกพร้อมกับปิดประตูด้วยความโมโห ในขณะที่ยายแพรวยิ้มอย่างสะใจที่เธอสามารถสั่งฉันได้





    “เอ่อ…เดี๋ยว แพรว” ฉันเปิดประตูออกไปพร้อมกับเรียกยายแพรวให้หันมา





    “เธอหน่ะ  เด็กกว่าฉัน 1ปีนะ กรุณาอย่าเรียกฉันว่านางอีก เข้าใจไว้ซะด้วย” ฉันพูดพร้อมกับปิดประตูอย่างใจเย็นแต่แอบสังเกตเห็นยายแพรวทำสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อย







    <<<ยายแพรวเนี่ย เป็นลูกของคุณลุงกับคุณป้าของฉัน ซึ่งฉันต้องอาศัยอยู่กับคุณลุง คุณป้าก็เพราะว่า พ่อ-แม่ของฉันท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่ฉัน 6 ขวบ ตอนนั้นฉันเสียใจมาก ร้องไห้ทุกวันประมาณ3 เดือนแหนะ ตอนนั้นฉันเพิ่งป.1เอง ยังเด็กมากๆฉันเลยเอาแต่ร้องไห้และตอนนั้นชีวิตฉันก็เปลี่ยนแปลงอย่างมากผิดจากแต่ก่อนเพราะคุณลุง คุณป้าต้องเอาฉันมาเลี้ยง เพราะเป็นญาติฝ่ายเดียวที่ติดต่อกับครอบครัวฉัน ซึ่งคุณลุง คุณป้าดูไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่นักหรอก ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ชอบที่ฉันไปอยู่ อาศัยบ้านท่านด้วยซ้ำผิดจากพ่อ-แม่ที่รักฉันมาก แต่พอฉันโตขึ้นท่านก็ใช้ฉันทำงานอย่างกับทาสแล้วก็พอฉัน ม.3ท่านก็เลิกให้ค่าขนมฉันให้ฉันไปทำงานพิเศษหาเงินเอง สรุปก็คือท่านจ่ายให้แต่ค่าเรียนฉันเลยต้องตรากตรำทำงานตั้งแต่จันทร์ – เสาร์ บางช่วงที่ฉันเงินไม่พอใช้ก็ต้องทำงานวันอาทิตย์ด้วย ชีวิตฉันออกจะลำบากซักหน่อยแต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เฮ้อ…..เศร้า>>>







    ฉันรีบทำอาหารเช้าให้เสร็จเพราะไม่อยากจะอยู่บ้านนี้สักเท่าไหร่นักหรอก  แล้วพอฉันเอาอาหารเช้าไปตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็รีบหยิบเป้สะพายพร้อมกับนม 1 กล่องซึ่งถือเป็นข้าวเช้าของฉันทุกวันแล้วกำลังจะเดินออกจากบ้านแต่ว่า………………





    “เดี๋ยวสิ!! เธอต้องล้างจานด้วยนะ” เสียงคุณป้าเรียกฉันไว้





    “แต่ว่านี่มันเจ็ดโมงแล้วนะคะ หนูกลัวว่าจะสาย เดี๋ยวตอนเย็นหนูค่อยกลับมาล้างให้ไม่ได้หรอคะ” ฉันบอกกับคุณป้าด้วยน้ำเสียงเซ็งเล็กน้อย





    “เธอต้องทำ สั้นๆแต่ได้ใจความ” คุณป้าพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ฉันเนี่ยเบื่อจริงๆระบอบเผด็จการเนี่ย น่าเบื่อโคตะระเลยอ่ะนะ





    ฉันรอ รอ รอ และรอเขาทั้ง3คนทั้งคุณลุง คุณป้า แล้วก็ยายแพรวจนกว่าจะกินข้าวเสร็จตอนนั้นก็เจ็ดโมงครึ่งแล้วฉันดูนาฬิกาด้วยความโมโหแล้วรีบเก็บจานทั้งหมดไปล้างอย่างเร่งรีบ





    “ไปก่อนนะจ๊ะ นาง….เฮ้ย ขอโทษๆๆพี่ฟ้า แหม….แค่นี้ก็หันมาทำตาดุไปได้ 555 เออ…..แล้วก็ระวังสายนะคะ” ยายแพรวพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความสะใจและเยาะเย้ยสุดๆในขณะที่ฉันกำลังล้านจานอยู่ที่ห้องครัวแล้วเธอก็เดินออกจากบ้านอย่างเฉิดฉาย





    ใช่สิ!!เธอไม่มีทางไปโรงเรียนสายอยู่แล้วก็ในเมื่อเธอมีรถส่วนตัวไปส่งถึงหน้าโรงเรียน





    ส่วนฉันสิก็ต้องไปเอง โหย…..ไม่ยุติะรรมเอาซะเลย





    ฉันรีบล้างจานอย่างรวดเร็วภายใน 15นาทีแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านด้วยความรวดเร็วพร้อมกับวิ่ง วิ่ง วิ่ง และวิ่งอีกตามเคยไปขึ้นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง





    “พี่ ซิ่งให้สุดๆๆเลยนะ ด่วนมาก” ฉันสั่งพี่วินมอเตอร์ไซด์อย่างแตกตื่นแล้วรีบใส่หมวกกันน็อกด้วยความรวดเร็ว







    8.00 น.







    “โอ๊ย!ปล่อยไฟเขียวสักทีสิวะ คนยิ่งรีบๆอยู่นะเว้ย” ฉันพูดด้วยความโมโห





    “ใจเย็นๆน้องเดี๋ยวก็ถึงแล้ว ” พี่วินมอเตอร์ไซด์พูดน้ำเสียงเกรงๆเหมือนจะกลัวฉันยังไงก็ไม่รู้<<<เฮ้ย!! นี่ฉันไม่ได้ดุเหมือนหมานะเว้ยไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้คะ=_=”





    “โหย……เย็นไม่ไหวแล้วพี่ ชั่งมันอีกนิดเดียว เดี๋ยววิ่งเอาก็ได้วะ” ฉันรีบจ่ายเงิน ถอดหมวกกันน็อกและวิ่งไปโรงเรียนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้





    โอ๊ย!!ตายแล้วตอนนี้น่องฉันคงดูเหมือนน่องไก่ที่อ้วนพลีแหงเลย ปวดขาชะมัดเลย รู้สึกว่าพักนี้ฉันจะวิ่งบ่อยเกินไปป่ะเนี่ย= _ =”





    “เฮ้ย!! ตายแล้ว” ฉันมองไปที่รองเท้าสีขาวกับถุงเท้าสีขาวของฉันที่ตอนนี้ดำปิ๋ดปี๋เลย(วันนี้ใส่ชุดพละ รองเท้าสีขาว)สาเหตุมันก้มาจากฉันดันไปซุ่มซ่ามไปเหยียบหย่อมน้ำเล็กๆอะไรก็ไม่รู้ที่ทั้งดำ สกปรก เหม็นอย่างรุนแรงถ้าเทียบกับชายก็คงเรียกว่า ถึก ดำ เถื่อน อารายประมาณเนี่ย<<เหอะๆๆมานเกี่ยวกับมั้ยเนี่ย งงเอง>>





    โหย…….ทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างงี้วะ เซ็งชิปเป้งเลย เอาไงดี เอาไงดี ชั่งมันละกันถึงโรงเรียนค่อยว่ากัน





    และแล้วฉันก็มาถึงโรงเรียนประมาณ 8.08 น.ความซวยมาเยือนแน่เลยตรู ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วเดินเข้าโรงเรียน





    โอ้!!ภายในโรงเรียนเงียบมากมาย(ไม่เงียบได้ไงหล่ะวะ ก็เขาเคารพธงชาติแล้วก็เข้าห้องเรียนกันเสร็จหมดแล้วนี่หว่า {-_-} รู้สึกว่าฉันจะสายที่สุดนะเนี่ย  ไหงเป็นงั้นไป  ไม่เห็นมีนักเรียนสายอยู่เลยสักคนเดียว





    ฉันว่าแล้วมั้ยหล่ะ ก็ถึงว่าตาขวามันกระตุกอะไรนักหนาวะเนี่ย กระตุกอยู่นั่นแหละ และแล้ว.......................





    มันซวยจริงๆแล้วหล่ะสิเพราะว่าไอคนที่ยืมคุม ยืนตรวจนักเรียนมาสายวันนี้ดันไปเป็นอีตาประธานนักเรียนสุดหล่อแต่ปากร้าย เฮงซวย ห่วยแตกที่ฉันเอาเค้กโป๊ะหน้าไปเมื่อวาน แล้วทำไมมันต้องมาเป็นเวรวันนี้ด้วยวะเนี่ย





    “อ้าว! เธอ….ยายน้ำแข็งใส” เขาเรียกฉัน โอ้โห!แบบว่าอย่างเดือดอ่ะ อีตาปากเสียเอ้ย ชื่อฉันดีๆมีไม่เรียก แต่ฉันก็ไม่กล้าด่าเขากลับก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้เขา





    “แหม….นอกจากเธอจะปากร้าย ซุ่มซ่ามแล้วยังเป็นคนที่ไม่มีความตรงต่อเวลาอีกนะเนี่ย” เขาพูดต่อว่าฉัน





    แหม.....ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ เออ.....ด่าเข้าไป





    “โอ้โห!! แล้วนี่เธอไปตกถังขยะมาหรอเนี่ย เหม็นชะมัดเลย” เขากล่าวแล้วก็มองไปที่รองเท้าพละกับถุงเท้าสีขาวที่ตอนนี้ทั้งดำและสกปรก โสโครกอย่างรุนแรง





    “เธอนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆเลย”





    “นี่!!นาย….”





    “เธอกล้าขึ้นเสียงหรอนี่เธอกำลังทำผิดอยู่นะ” นายนั่นพูดขู่ตัดหน้าคำพูดฉันที่กำลังจะด่าเขาอย่างหน้าตาย





    เขาหยิบสมุดเล่มสีฟ้าขึ้นมาพร้อมกับถาม ชั้นกับห้องที่ฉันเรียนแล้วก็ถามเลขที่ฉัน





    “อืม…..นางสาวฟ้าใส  อนุจิราวิวัฒน์ สายมาแล้ว 3ครั้ง นี่ก็รวมเป็น….4ครั้ง ประวัติดีจริงๆเลย” เขาพูดยิ้มๆแล้วก็เอาปากกาเขียนอะไรไม่รู้ในเล่มสีฟ้าเล่มนั้น





    “เอาหล่ะ….. ฉันจะทำโทษเธอให้หนักเลย” เขาปิดสมุดสีฟ้าแล้วก็พูดกับฉัน





    คิดว่าฉันกลัวนายหรือไง ฉันกลัวนายตายหล่ะ  แหม…..มาทำหน้าดุใส่ฉัน  โธ่เอ้ย….มันน่าโมโห





    “จะทำโทษก็รีบๆทำมาสิ ลีลาอยู่นั่นแหละ รำคาญ” << ไอคำข้างหลังนี่ฉันพยายามพูดเบาๆ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึป่าว [>_<]





    “อื้ม..วันนี้ฟ้ามันช่างสดใสตรงกับชื่อเธอจริงๆเลยเนอะฟ้าใส เอาเป็นว่าไปวิ่งรอบโรงเรียน 5 รอบ” เออ…เอาเข้าไปแล้วชื่อฉันมันไปเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย อย่างงง





    “เฮ้ย!!นี่นายจะบ้าหรอ โรงเรียนมันไม่ใช่เล็กๆนะ” ฉันพูดอย่างตกใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่เขากลับไม่ตอบอะไรแถมยังยิ้มให้ฉันอย่างสะใจ<<แหม….แต่อีตานี่เวลายิ้มแล้วหล่อชะมัดเลยนะเนี่ย  โอ๊ย!!ไม่ได้ ไม่ได้ ห้ามหลงเสน่ห์เขาเด็ดขาดเลยนะฟ้าใส>>





    ฉันวิ่งไปบ่นไปด้วยความเซ็งสุดๆ





    \"แฮ่ก ๆ เหนื่อยชะมัดเลย\" ฉันบ่นหลังจากที่วิ่งรอบโรงเรียนไป5รอบ แล้วก็เอามือพัดๆๆๆ





    \"เชิญขึ้นห้องได้ คุณฟ้าใส เอ่อ....แล้วก็อย่าลืมไปซื้อถุงเท้าเปลี่ยนด้วยหล่ะ\"





    \"มันเหม็น\" เขาพูดปนหัวเราะกับสภาพโสโครกของฉัน





    ฉันไม่ได้ตอบอะไรแล้วก็รีบเดินไปด้วยความเซ็ง แต่ฉันคิดว่าตอนนี้หน้าฉันคงบึ้งเหมือนตูดลิงเลยหล่ะมั้ง  





    \"โอ๊ย\" ฉันอุทานด้วยความตกใจและเจ็บเพราะว่าฉันดันเดินไปสะดุดก้อนหินที่มันวางอยู่จนหน้าฉันเกือบจะลงไปกองกับพื้น





    แมร่ง!!ใครมันมาวางก้อนกินไว้แถวนี้วะ เซ็ง<<รู้สึกว่ามันวางของมันดีๆนะ เหอะๆ -_-\"





    เมื่อคิดได้ว่ามีอีตาบ้าอำนาจนั่นอยู่ข้างหลังฉันจึงรีบทำตัวปกติ ทำเป็นว่าไม่มีไรเกิดขึ้นถึงแม้ว่าขาฉันที่ไปเตะก้อนหินมาจะเจ็บมากก็ตาม <<กลบเกลื่อนความอาย<<กลัวเสียฟอร์มอ่ะนะ >> ฉันรีบหันไปมองเขาด้วยความโคตะระอายมากๆก็พบว่าเขากำลังยืนหัวเราะฉันอยู่อย่างสะใจ

    ฉันนี่ยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่ และรีบเดินไปแต่ก็ยังไม่วายที่จะได้ยินเสียงเขาตะโกนตามหลังมาอีก





    \"สำหรับเมื่อวานหน่ะ ขอบคุณมากนะ เค้กอร่อยมากเลย\"





    >o< นรกแล้วมั้ยหล่ะ เออ.....มีการพูดกระทบ  ตอนนี้ฉันโคตะระอายจนอยากจะเอาหน้ามุด แทรกแผ่นดินหนีไปเลย





    เฮ้อ!!ทำไมฉันต้องมาเจอกับนายด้วยเนี่ย





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×