ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2 ธันวาคม 2548~กลั่นแกล้ง
2 ธันวาคม 2548
“ตื่นได้แล้ว นางฟ้าใส! นอนกินบ้านกินเมืองอยู่นั่นแหละ” ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้องและเสียงเรียกของยายแพรวที่ดังโคตะระ  เอ๊ะ!!ไม่สิ มันไม่น่าจะเรียกว่าเสียงเรียก มันน่าจะเรียกว่าเสียงตะโกนมากกว่านะ ฉันคิดว่างั้น -_-“
“มาแล้วหน่ะ” ฉันเดินไปเปิดประตูด้วยความโมโหเพราะฉันเหลือบไปมองนาฬิกาและเห็นว่ามันเพิ่งตี5ครึ่งเอง
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วรีบลงไปทำกับข้าวรอได้แล้วนะ” เสียงยายแพรวสั่งฉันซึ่งแก่กว่ามัน1ปี
“แพรว แต่นี่มันเพิ่งตี5ครึ่งเองนะ”
“ก็ใช่  แต่เธอก็ต้องทำรอไว้เผื่อสิ” ยายแพรวพูดเสียงได้น่าตบมากๆ
“ก็ได้ๆ ถ้าเธอไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แล้วเธอก็เชิญไปหาบ้านอื่นอยู่เองสิ”
ฉันพูดอะไรไม่ออกพร้อมกับปิดประตูด้วยความโมโห ในขณะที่ยายแพรวยิ้มอย่างสะใจที่เธอสามารถสั่งฉันได้
“เอ่อ เดี๋ยว แพรว” ฉันเปิดประตูออกไปพร้อมกับเรียกยายแพรวให้หันมา
“เธอหน่ะ  เด็กกว่าฉัน 1ปีนะ กรุณาอย่าเรียกฉันว่านางอีก เข้าใจไว้ซะด้วย” ฉันพูดพร้อมกับปิดประตูอย่างใจเย็นแต่แอบสังเกตเห็นยายแพรวทำสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อย
<<<ยายแพรวเนี่ย เป็นลูกของคุณลุงกับคุณป้าของฉัน ซึ่งฉันต้องอาศัยอยู่กับคุณลุง คุณป้าก็เพราะว่า พ่อ-แม่ของฉันท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่ฉัน 6 ขวบ ตอนนั้นฉันเสียใจมาก ร้องไห้ทุกวันประมาณ3 เดือนแหนะ ตอนนั้นฉันเพิ่งป.1เอง ยังเด็กมากๆฉันเลยเอาแต่ร้องไห้และตอนนั้นชีวิตฉันก็เปลี่ยนแปลงอย่างมากผิดจากแต่ก่อนเพราะคุณลุง คุณป้าต้องเอาฉันมาเลี้ยง เพราะเป็นญาติฝ่ายเดียวที่ติดต่อกับครอบครัวฉัน ซึ่งคุณลุง คุณป้าดูไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่นักหรอก ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ชอบที่ฉันไปอยู่ อาศัยบ้านท่านด้วยซ้ำผิดจากพ่อ-แม่ที่รักฉันมาก แต่พอฉันโตขึ้นท่านก็ใช้ฉันทำงานอย่างกับทาสแล้วก็พอฉัน ม.3ท่านก็เลิกให้ค่าขนมฉันให้ฉันไปทำงานพิเศษหาเงินเอง สรุปก็คือท่านจ่ายให้แต่ค่าเรียนฉันเลยต้องตรากตรำทำงานตั้งแต่จันทร์ เสาร์ บางช่วงที่ฉันเงินไม่พอใช้ก็ต้องทำงานวันอาทิตย์ด้วย ชีวิตฉันออกจะลำบากซักหน่อยแต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เฮ้อ ..เศร้า>>>
ฉันรีบทำอาหารเช้าให้เสร็จเพราะไม่อยากจะอยู่บ้านนี้สักเท่าไหร่นักหรอก  แล้วพอฉันเอาอาหารเช้าไปตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็รีบหยิบเป้สะพายพร้อมกับนม 1 กล่องซึ่งถือเป็นข้าวเช้าของฉันทุกวันแล้วกำลังจะเดินออกจากบ้านแต่ว่า
“เดี๋ยวสิ!! เธอต้องล้างจานด้วยนะ” เสียงคุณป้าเรียกฉันไว้
“แต่ว่านี่มันเจ็ดโมงแล้วนะคะ หนูกลัวว่าจะสาย เดี๋ยวตอนเย็นหนูค่อยกลับมาล้างให้ไม่ได้หรอคะ” ฉันบอกกับคุณป้าด้วยน้ำเสียงเซ็งเล็กน้อย
“เธอต้องทำ สั้นๆแต่ได้ใจความ” คุณป้าพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ฉันเนี่ยเบื่อจริงๆระบอบเผด็จการเนี่ย น่าเบื่อโคตะระเลยอ่ะนะ
ฉันรอ รอ รอ และรอเขาทั้ง3คนทั้งคุณลุง คุณป้า แล้วก็ยายแพรวจนกว่าจะกินข้าวเสร็จตอนนั้นก็เจ็ดโมงครึ่งแล้วฉันดูนาฬิกาด้วยความโมโหแล้วรีบเก็บจานทั้งหมดไปล้างอย่างเร่งรีบ
“ไปก่อนนะจ๊ะ นาง .เฮ้ย ขอโทษๆๆพี่ฟ้า แหม .แค่นี้ก็หันมาทำตาดุไปได้ 555 เออ ..แล้วก็ระวังสายนะคะ” ยายแพรวพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความสะใจและเยาะเย้ยสุดๆในขณะที่ฉันกำลังล้านจานอยู่ที่ห้องครัวแล้วเธอก็เดินออกจากบ้านอย่างเฉิดฉาย
ใช่สิ!!เธอไม่มีทางไปโรงเรียนสายอยู่แล้วก็ในเมื่อเธอมีรถส่วนตัวไปส่งถึงหน้าโรงเรียน
ส่วนฉันสิก็ต้องไปเอง โหย ..ไม่ยุติะรรมเอาซะเลย
ฉันรีบล้างจานอย่างรวดเร็วภายใน 15นาทีแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านด้วยความรวดเร็วพร้อมกับวิ่ง วิ่ง วิ่ง และวิ่งอีกตามเคยไปขึ้นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
“พี่ ซิ่งให้สุดๆๆเลยนะ ด่วนมาก” ฉันสั่งพี่วินมอเตอร์ไซด์อย่างแตกตื่นแล้วรีบใส่หมวกกันน็อกด้วยความรวดเร็ว
8.00 น.
“โอ๊ย!ปล่อยไฟเขียวสักทีสิวะ คนยิ่งรีบๆอยู่นะเว้ย” ฉันพูดด้วยความโมโห
“ใจเย็นๆน้องเดี๋ยวก็ถึงแล้ว ” พี่วินมอเตอร์ไซด์พูดน้ำเสียงเกรงๆเหมือนจะกลัวฉันยังไงก็ไม่รู้<<<เฮ้ย!! นี่ฉันไม่ได้ดุเหมือนหมานะเว้ยไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้คะ=_=”
“โหย เย็นไม่ไหวแล้วพี่ ชั่งมันอีกนิดเดียว เดี๋ยววิ่งเอาก็ได้วะ” ฉันรีบจ่ายเงิน ถอดหมวกกันน็อกและวิ่งไปโรงเรียนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โอ๊ย!!ตายแล้วตอนนี้น่องฉันคงดูเหมือนน่องไก่ที่อ้วนพลีแหงเลย ปวดขาชะมัดเลย รู้สึกว่าพักนี้ฉันจะวิ่งบ่อยเกินไปป่ะเนี่ย= _ =”
“เฮ้ย!! ตายแล้ว” ฉันมองไปที่รองเท้าสีขาวกับถุงเท้าสีขาวของฉันที่ตอนนี้ดำปิ๋ดปี๋เลย(วันนี้ใส่ชุดพละ รองเท้าสีขาว)สาเหตุมันก้มาจากฉันดันไปซุ่มซ่ามไปเหยียบหย่อมน้ำเล็กๆอะไรก็ไม่รู้ที่ทั้งดำ สกปรก เหม็นอย่างรุนแรงถ้าเทียบกับชายก็คงเรียกว่า ถึก ดำ เถื่อน อารายประมาณเนี่ย<<เหอะๆๆมานเกี่ยวกับมั้ยเนี่ย งงเอง>>
โหย .ทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างงี้วะ เซ็งชิปเป้งเลย เอาไงดี เอาไงดี ชั่งมันละกันถึงโรงเรียนค่อยว่ากัน
และแล้วฉันก็มาถึงโรงเรียนประมาณ 8.08 น.ความซวยมาเยือนแน่เลยตรู ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วเดินเข้าโรงเรียน
โอ้!!ภายในโรงเรียนเงียบมากมาย(ไม่เงียบได้ไงหล่ะวะ ก็เขาเคารพธงชาติแล้วก็เข้าห้องเรียนกันเสร็จหมดแล้วนี่หว่า {-_-} รู้สึกว่าฉันจะสายที่สุดนะเนี่ย  ไหงเป็นงั้นไป  ไม่เห็นมีนักเรียนสายอยู่เลยสักคนเดียว
ฉันว่าแล้วมั้ยหล่ะ ก็ถึงว่าตาขวามันกระตุกอะไรนักหนาวะเนี่ย กระตุกอยู่นั่นแหละ และแล้ว.......................
มันซวยจริงๆแล้วหล่ะสิเพราะว่าไอคนที่ยืมคุม ยืนตรวจนักเรียนมาสายวันนี้ดันไปเป็นอีตาประธานนักเรียนสุดหล่อแต่ปากร้าย เฮงซวย ห่วยแตกที่ฉันเอาเค้กโป๊ะหน้าไปเมื่อวาน แล้วทำไมมันต้องมาเป็นเวรวันนี้ด้วยวะเนี่ย
“อ้าว! เธอ .ยายน้ำแข็งใส” เขาเรียกฉัน โอ้โห!แบบว่าอย่างเดือดอ่ะ อีตาปากเสียเอ้ย ชื่อฉันดีๆมีไม่เรียก แต่ฉันก็ไม่กล้าด่าเขากลับก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้เขา
“แหม .นอกจากเธอจะปากร้าย ซุ่มซ่ามแล้วยังเป็นคนที่ไม่มีความตรงต่อเวลาอีกนะเนี่ย” เขาพูดต่อว่าฉัน
แหม.....ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ เออ.....ด่าเข้าไป
“โอ้โห!! แล้วนี่เธอไปตกถังขยะมาหรอเนี่ย เหม็นชะมัดเลย” เขากล่าวแล้วก็มองไปที่รองเท้าพละกับถุงเท้าสีขาวที่ตอนนี้ทั้งดำและสกปรก โสโครกอย่างรุนแรง
“เธอนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆเลย”
“นี่!!นาย .”
“เธอกล้าขึ้นเสียงหรอนี่เธอกำลังทำผิดอยู่นะ” นายนั่นพูดขู่ตัดหน้าคำพูดฉันที่กำลังจะด่าเขาอย่างหน้าตาย
เขาหยิบสมุดเล่มสีฟ้าขึ้นมาพร้อมกับถาม ชั้นกับห้องที่ฉันเรียนแล้วก็ถามเลขที่ฉัน
“อืม ..นางสาวฟ้าใส  อนุจิราวิวัฒน์ สายมาแล้ว 3ครั้ง นี่ก็รวมเป็น .4ครั้ง ประวัติดีจริงๆเลย” เขาพูดยิ้มๆแล้วก็เอาปากกาเขียนอะไรไม่รู้ในเล่มสีฟ้าเล่มนั้น
“เอาหล่ะ .. ฉันจะทำโทษเธอให้หนักเลย” เขาปิดสมุดสีฟ้าแล้วก็พูดกับฉัน
คิดว่าฉันกลัวนายหรือไง ฉันกลัวนายตายหล่ะ  แหม ..มาทำหน้าดุใส่ฉัน  โธ่เอ้ย .มันน่าโมโห
“จะทำโทษก็รีบๆทำมาสิ ลีลาอยู่นั่นแหละ รำคาญ” << ไอคำข้างหลังนี่ฉันพยายามพูดเบาๆ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึป่าว [>_<]
“อื้ม..วันนี้ฟ้ามันช่างสดใสตรงกับชื่อเธอจริงๆเลยเนอะฟ้าใส เอาเป็นว่าไปวิ่งรอบโรงเรียน 5 รอบ” เออ เอาเข้าไปแล้วชื่อฉันมันไปเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย อย่างงง
“เฮ้ย!!นี่นายจะบ้าหรอ โรงเรียนมันไม่ใช่เล็กๆนะ” ฉันพูดอย่างตกใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่เขากลับไม่ตอบอะไรแถมยังยิ้มให้ฉันอย่างสะใจ<<แหม .แต่อีตานี่เวลายิ้มแล้วหล่อชะมัดเลยนะเนี่ย  โอ๊ย!!ไม่ได้ ไม่ได้ ห้ามหลงเสน่ห์เขาเด็ดขาดเลยนะฟ้าใส>>
ฉันวิ่งไปบ่นไปด้วยความเซ็งสุดๆ
\"แฮ่ก ๆ เหนื่อยชะมัดเลย\" ฉันบ่นหลังจากที่วิ่งรอบโรงเรียนไป5รอบ แล้วก็เอามือพัดๆๆๆ
\"เชิญขึ้นห้องได้ คุณฟ้าใส เอ่อ....แล้วก็อย่าลืมไปซื้อถุงเท้าเปลี่ยนด้วยหล่ะ\"
\"มันเหม็น\" เขาพูดปนหัวเราะกับสภาพโสโครกของฉัน
ฉันไม่ได้ตอบอะไรแล้วก็รีบเดินไปด้วยความเซ็ง แต่ฉันคิดว่าตอนนี้หน้าฉันคงบึ้งเหมือนตูดลิงเลยหล่ะมั้ง 
\"โอ๊ย\" ฉันอุทานด้วยความตกใจและเจ็บเพราะว่าฉันดันเดินไปสะดุดก้อนหินที่มันวางอยู่จนหน้าฉันเกือบจะลงไปกองกับพื้น
แมร่ง!!ใครมันมาวางก้อนกินไว้แถวนี้วะ เซ็ง<<รู้สึกว่ามันวางของมันดีๆนะ เหอะๆ -_-\"
เมื่อคิดได้ว่ามีอีตาบ้าอำนาจนั่นอยู่ข้างหลังฉันจึงรีบทำตัวปกติ ทำเป็นว่าไม่มีไรเกิดขึ้นถึงแม้ว่าขาฉันที่ไปเตะก้อนหินมาจะเจ็บมากก็ตาม <<กลบเกลื่อนความอาย<<กลัวเสียฟอร์มอ่ะนะ >> ฉันรีบหันไปมองเขาด้วยความโคตะระอายมากๆก็พบว่าเขากำลังยืนหัวเราะฉันอยู่อย่างสะใจ
ฉันนี่ยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่ และรีบเดินไปแต่ก็ยังไม่วายที่จะได้ยินเสียงเขาตะโกนตามหลังมาอีก
\"สำหรับเมื่อวานหน่ะ ขอบคุณมากนะ เค้กอร่อยมากเลย\"
>o< นรกแล้วมั้ยหล่ะ เออ.....มีการพูดกระทบ  ตอนนี้ฉันโคตะระอายจนอยากจะเอาหน้ามุด แทรกแผ่นดินหนีไปเลย
เฮ้อ!!ทำไมฉันต้องมาเจอกับนายด้วยเนี่ย
“ตื่นได้แล้ว นางฟ้าใส! นอนกินบ้านกินเมืองอยู่นั่นแหละ” ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตูหน้าห้องและเสียงเรียกของยายแพรวที่ดังโคตะระ  เอ๊ะ!!ไม่สิ มันไม่น่าจะเรียกว่าเสียงเรียก มันน่าจะเรียกว่าเสียงตะโกนมากกว่านะ ฉันคิดว่างั้น -_-“
“มาแล้วหน่ะ” ฉันเดินไปเปิดประตูด้วยความโมโหเพราะฉันเหลือบไปมองนาฬิกาและเห็นว่ามันเพิ่งตี5ครึ่งเอง
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วรีบลงไปทำกับข้าวรอได้แล้วนะ” เสียงยายแพรวสั่งฉันซึ่งแก่กว่ามัน1ปี
“แพรว แต่นี่มันเพิ่งตี5ครึ่งเองนะ”
“ก็ใช่  แต่เธอก็ต้องทำรอไว้เผื่อสิ” ยายแพรวพูดเสียงได้น่าตบมากๆ
“ก็ได้ๆ ถ้าเธอไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ แล้วเธอก็เชิญไปหาบ้านอื่นอยู่เองสิ”
ฉันพูดอะไรไม่ออกพร้อมกับปิดประตูด้วยความโมโห ในขณะที่ยายแพรวยิ้มอย่างสะใจที่เธอสามารถสั่งฉันได้
“เอ่อ เดี๋ยว แพรว” ฉันเปิดประตูออกไปพร้อมกับเรียกยายแพรวให้หันมา
“เธอหน่ะ  เด็กกว่าฉัน 1ปีนะ กรุณาอย่าเรียกฉันว่านางอีก เข้าใจไว้ซะด้วย” ฉันพูดพร้อมกับปิดประตูอย่างใจเย็นแต่แอบสังเกตเห็นยายแพรวทำสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อย
<<<ยายแพรวเนี่ย เป็นลูกของคุณลุงกับคุณป้าของฉัน ซึ่งฉันต้องอาศัยอยู่กับคุณลุง คุณป้าก็เพราะว่า พ่อ-แม่ของฉันท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่ฉัน 6 ขวบ ตอนนั้นฉันเสียใจมาก ร้องไห้ทุกวันประมาณ3 เดือนแหนะ ตอนนั้นฉันเพิ่งป.1เอง ยังเด็กมากๆฉันเลยเอาแต่ร้องไห้และตอนนั้นชีวิตฉันก็เปลี่ยนแปลงอย่างมากผิดจากแต่ก่อนเพราะคุณลุง คุณป้าต้องเอาฉันมาเลี้ยง เพราะเป็นญาติฝ่ายเดียวที่ติดต่อกับครอบครัวฉัน ซึ่งคุณลุง คุณป้าดูไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่นักหรอก ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ชอบที่ฉันไปอยู่ อาศัยบ้านท่านด้วยซ้ำผิดจากพ่อ-แม่ที่รักฉันมาก แต่พอฉันโตขึ้นท่านก็ใช้ฉันทำงานอย่างกับทาสแล้วก็พอฉัน ม.3ท่านก็เลิกให้ค่าขนมฉันให้ฉันไปทำงานพิเศษหาเงินเอง สรุปก็คือท่านจ่ายให้แต่ค่าเรียนฉันเลยต้องตรากตรำทำงานตั้งแต่จันทร์ เสาร์ บางช่วงที่ฉันเงินไม่พอใช้ก็ต้องทำงานวันอาทิตย์ด้วย ชีวิตฉันออกจะลำบากซักหน่อยแต่ยังไงก็ต้องสู้ต่อไป เฮ้อ ..เศร้า>>>
ฉันรีบทำอาหารเช้าให้เสร็จเพราะไม่อยากจะอยู่บ้านนี้สักเท่าไหร่นักหรอก  แล้วพอฉันเอาอาหารเช้าไปตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยก็รีบหยิบเป้สะพายพร้อมกับนม 1 กล่องซึ่งถือเป็นข้าวเช้าของฉันทุกวันแล้วกำลังจะเดินออกจากบ้านแต่ว่า
“เดี๋ยวสิ!! เธอต้องล้างจานด้วยนะ” เสียงคุณป้าเรียกฉันไว้
“แต่ว่านี่มันเจ็ดโมงแล้วนะคะ หนูกลัวว่าจะสาย เดี๋ยวตอนเย็นหนูค่อยกลับมาล้างให้ไม่ได้หรอคะ” ฉันบอกกับคุณป้าด้วยน้ำเสียงเซ็งเล็กน้อย
“เธอต้องทำ สั้นๆแต่ได้ใจความ” คุณป้าพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ฉันเนี่ยเบื่อจริงๆระบอบเผด็จการเนี่ย น่าเบื่อโคตะระเลยอ่ะนะ
ฉันรอ รอ รอ และรอเขาทั้ง3คนทั้งคุณลุง คุณป้า แล้วก็ยายแพรวจนกว่าจะกินข้าวเสร็จตอนนั้นก็เจ็ดโมงครึ่งแล้วฉันดูนาฬิกาด้วยความโมโหแล้วรีบเก็บจานทั้งหมดไปล้างอย่างเร่งรีบ
“ไปก่อนนะจ๊ะ นาง .เฮ้ย ขอโทษๆๆพี่ฟ้า แหม .แค่นี้ก็หันมาทำตาดุไปได้ 555 เออ ..แล้วก็ระวังสายนะคะ” ยายแพรวพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความสะใจและเยาะเย้ยสุดๆในขณะที่ฉันกำลังล้านจานอยู่ที่ห้องครัวแล้วเธอก็เดินออกจากบ้านอย่างเฉิดฉาย
ใช่สิ!!เธอไม่มีทางไปโรงเรียนสายอยู่แล้วก็ในเมื่อเธอมีรถส่วนตัวไปส่งถึงหน้าโรงเรียน
ส่วนฉันสิก็ต้องไปเอง โหย ..ไม่ยุติะรรมเอาซะเลย
ฉันรีบล้างจานอย่างรวดเร็วภายใน 15นาทีแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านด้วยความรวดเร็วพร้อมกับวิ่ง วิ่ง วิ่ง และวิ่งอีกตามเคยไปขึ้นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
“พี่ ซิ่งให้สุดๆๆเลยนะ ด่วนมาก” ฉันสั่งพี่วินมอเตอร์ไซด์อย่างแตกตื่นแล้วรีบใส่หมวกกันน็อกด้วยความรวดเร็ว
8.00 น.
“โอ๊ย!ปล่อยไฟเขียวสักทีสิวะ คนยิ่งรีบๆอยู่นะเว้ย” ฉันพูดด้วยความโมโห
“ใจเย็นๆน้องเดี๋ยวก็ถึงแล้ว ” พี่วินมอเตอร์ไซด์พูดน้ำเสียงเกรงๆเหมือนจะกลัวฉันยังไงก็ไม่รู้<<<เฮ้ย!! นี่ฉันไม่ได้ดุเหมือนหมานะเว้ยไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้คะ=_=”
“โหย เย็นไม่ไหวแล้วพี่ ชั่งมันอีกนิดเดียว เดี๋ยววิ่งเอาก็ได้วะ” ฉันรีบจ่ายเงิน ถอดหมวกกันน็อกและวิ่งไปโรงเรียนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
โอ๊ย!!ตายแล้วตอนนี้น่องฉันคงดูเหมือนน่องไก่ที่อ้วนพลีแหงเลย ปวดขาชะมัดเลย รู้สึกว่าพักนี้ฉันจะวิ่งบ่อยเกินไปป่ะเนี่ย= _ =”
“เฮ้ย!! ตายแล้ว” ฉันมองไปที่รองเท้าสีขาวกับถุงเท้าสีขาวของฉันที่ตอนนี้ดำปิ๋ดปี๋เลย(วันนี้ใส่ชุดพละ รองเท้าสีขาว)สาเหตุมันก้มาจากฉันดันไปซุ่มซ่ามไปเหยียบหย่อมน้ำเล็กๆอะไรก็ไม่รู้ที่ทั้งดำ สกปรก เหม็นอย่างรุนแรงถ้าเทียบกับชายก็คงเรียกว่า ถึก ดำ เถื่อน อารายประมาณเนี่ย<<เหอะๆๆมานเกี่ยวกับมั้ยเนี่ย งงเอง>>
โหย .ทำไมมันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างงี้วะ เซ็งชิปเป้งเลย เอาไงดี เอาไงดี ชั่งมันละกันถึงโรงเรียนค่อยว่ากัน
และแล้วฉันก็มาถึงโรงเรียนประมาณ 8.08 น.ความซวยมาเยือนแน่เลยตรู ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วเดินเข้าโรงเรียน
โอ้!!ภายในโรงเรียนเงียบมากมาย(ไม่เงียบได้ไงหล่ะวะ ก็เขาเคารพธงชาติแล้วก็เข้าห้องเรียนกันเสร็จหมดแล้วนี่หว่า {-_-} รู้สึกว่าฉันจะสายที่สุดนะเนี่ย  ไหงเป็นงั้นไป  ไม่เห็นมีนักเรียนสายอยู่เลยสักคนเดียว
ฉันว่าแล้วมั้ยหล่ะ ก็ถึงว่าตาขวามันกระตุกอะไรนักหนาวะเนี่ย กระตุกอยู่นั่นแหละ และแล้ว.......................
มันซวยจริงๆแล้วหล่ะสิเพราะว่าไอคนที่ยืมคุม ยืนตรวจนักเรียนมาสายวันนี้ดันไปเป็นอีตาประธานนักเรียนสุดหล่อแต่ปากร้าย เฮงซวย ห่วยแตกที่ฉันเอาเค้กโป๊ะหน้าไปเมื่อวาน แล้วทำไมมันต้องมาเป็นเวรวันนี้ด้วยวะเนี่ย
“อ้าว! เธอ .ยายน้ำแข็งใส” เขาเรียกฉัน โอ้โห!แบบว่าอย่างเดือดอ่ะ อีตาปากเสียเอ้ย ชื่อฉันดีๆมีไม่เรียก แต่ฉันก็ไม่กล้าด่าเขากลับก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้เขา
“แหม .นอกจากเธอจะปากร้าย ซุ่มซ่ามแล้วยังเป็นคนที่ไม่มีความตรงต่อเวลาอีกนะเนี่ย” เขาพูดต่อว่าฉัน
แหม.....ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ เออ.....ด่าเข้าไป
“โอ้โห!! แล้วนี่เธอไปตกถังขยะมาหรอเนี่ย เหม็นชะมัดเลย” เขากล่าวแล้วก็มองไปที่รองเท้าพละกับถุงเท้าสีขาวที่ตอนนี้ทั้งดำและสกปรก โสโครกอย่างรุนแรง
“เธอนี่มันซุ่มซ่ามจริงๆเลย”
“นี่!!นาย .”
“เธอกล้าขึ้นเสียงหรอนี่เธอกำลังทำผิดอยู่นะ” นายนั่นพูดขู่ตัดหน้าคำพูดฉันที่กำลังจะด่าเขาอย่างหน้าตาย
เขาหยิบสมุดเล่มสีฟ้าขึ้นมาพร้อมกับถาม ชั้นกับห้องที่ฉันเรียนแล้วก็ถามเลขที่ฉัน
“อืม ..นางสาวฟ้าใส  อนุจิราวิวัฒน์ สายมาแล้ว 3ครั้ง นี่ก็รวมเป็น .4ครั้ง ประวัติดีจริงๆเลย” เขาพูดยิ้มๆแล้วก็เอาปากกาเขียนอะไรไม่รู้ในเล่มสีฟ้าเล่มนั้น
“เอาหล่ะ .. ฉันจะทำโทษเธอให้หนักเลย” เขาปิดสมุดสีฟ้าแล้วก็พูดกับฉัน
คิดว่าฉันกลัวนายหรือไง ฉันกลัวนายตายหล่ะ  แหม ..มาทำหน้าดุใส่ฉัน  โธ่เอ้ย .มันน่าโมโห
“จะทำโทษก็รีบๆทำมาสิ ลีลาอยู่นั่นแหละ รำคาญ” << ไอคำข้างหลังนี่ฉันพยายามพูดเบาๆ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินรึป่าว [>_<]
“อื้ม..วันนี้ฟ้ามันช่างสดใสตรงกับชื่อเธอจริงๆเลยเนอะฟ้าใส เอาเป็นว่าไปวิ่งรอบโรงเรียน 5 รอบ” เออ เอาเข้าไปแล้วชื่อฉันมันไปเกี่ยวอะไรด้วยวะเนี่ย อย่างงง
“เฮ้ย!!นี่นายจะบ้าหรอ โรงเรียนมันไม่ใช่เล็กๆนะ” ฉันพูดอย่างตกใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่เขากลับไม่ตอบอะไรแถมยังยิ้มให้ฉันอย่างสะใจ<<แหม .แต่อีตานี่เวลายิ้มแล้วหล่อชะมัดเลยนะเนี่ย  โอ๊ย!!ไม่ได้ ไม่ได้ ห้ามหลงเสน่ห์เขาเด็ดขาดเลยนะฟ้าใส>>
ฉันวิ่งไปบ่นไปด้วยความเซ็งสุดๆ
\"แฮ่ก ๆ เหนื่อยชะมัดเลย\" ฉันบ่นหลังจากที่วิ่งรอบโรงเรียนไป5รอบ แล้วก็เอามือพัดๆๆๆ
\"เชิญขึ้นห้องได้ คุณฟ้าใส เอ่อ....แล้วก็อย่าลืมไปซื้อถุงเท้าเปลี่ยนด้วยหล่ะ\"
\"มันเหม็น\" เขาพูดปนหัวเราะกับสภาพโสโครกของฉัน
ฉันไม่ได้ตอบอะไรแล้วก็รีบเดินไปด้วยความเซ็ง แต่ฉันคิดว่าตอนนี้หน้าฉันคงบึ้งเหมือนตูดลิงเลยหล่ะมั้ง 
\"โอ๊ย\" ฉันอุทานด้วยความตกใจและเจ็บเพราะว่าฉันดันเดินไปสะดุดก้อนหินที่มันวางอยู่จนหน้าฉันเกือบจะลงไปกองกับพื้น
แมร่ง!!ใครมันมาวางก้อนกินไว้แถวนี้วะ เซ็ง<<รู้สึกว่ามันวางของมันดีๆนะ เหอะๆ -_-\"
เมื่อคิดได้ว่ามีอีตาบ้าอำนาจนั่นอยู่ข้างหลังฉันจึงรีบทำตัวปกติ ทำเป็นว่าไม่มีไรเกิดขึ้นถึงแม้ว่าขาฉันที่ไปเตะก้อนหินมาจะเจ็บมากก็ตาม <<กลบเกลื่อนความอาย<<กลัวเสียฟอร์มอ่ะนะ >> ฉันรีบหันไปมองเขาด้วยความโคตะระอายมากๆก็พบว่าเขากำลังยืนหัวเราะฉันอยู่อย่างสะใจ
ฉันนี่ยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปใหญ่ และรีบเดินไปแต่ก็ยังไม่วายที่จะได้ยินเสียงเขาตะโกนตามหลังมาอีก
\"สำหรับเมื่อวานหน่ะ ขอบคุณมากนะ เค้กอร่อยมากเลย\"
>o< นรกแล้วมั้ยหล่ะ เออ.....มีการพูดกระทบ  ตอนนี้ฉันโคตะระอายจนอยากจะเอาหน้ามุด แทรกแผ่นดินหนีไปเลย
เฮ้อ!!ทำไมฉันต้องมาเจอกับนายด้วยเนี่ย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น