คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : First Kiss
“โห่เอ๊ย ไอ้พวกลำเอียง แฮร์รี่ยังไม่ทันดึงไม้ออกมาด้วยซ้ำ ถ้าเป็นฉันนะอัดมันให้คว่ำไปแล้ว ให้มันคุ้มๆกับ 30 คะแนน ซะหน่อย” รอนกำหมัดชกขึ้นไปในอากาศ สายตาของเขาโกรธแค้นหรืออาจเป็นอาฆาตแค้นเลยก็ได้
“จะถูกหักมากขึ้นน่ะสิยะ” เฮอร์ไมโอนี่มองรอนด้วยหางตา เป็นผลให้เด็กหนุ่มผมแดงยิ่งโมโห
“นี่เธอจะเข้าข้างไอ้หัวเมือกนั่นหรอ ไม่เห็นรึไงว่ามันลำเอียงแค่ไหน” รอนหันไปจ้องเธอ
“อยู่มาตั้ง 4 ปี นายยังไม่ชินอีกหรอ ดูคนอื่นสิ ไม่เห็นบ่นอะไรเลย พวกเขาก็ชินกันทั้งนั้นแหละ ยิ่งเป็นแฮร์รี่ด้วยนะ ยิ่งสุดแสนจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา” เธอยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“แต่ว่า...”
“พอซะทีเถอะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง พวกนายไม่ต้องมาโกรธแทนหรอก” แฮร์รี่พูดขึ้นมาเรียบๆ เดาไม่ถูกว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่เขาก็เดินหนีไปเลย
“เฮ้ นายจะไปไหน” แต่เด็กหนุ่มผมดำก็ไม่หันกลับตามเสียงเรียกของเพื่อนสนิท “เขาโกรธหรอ” รอนหันไปถามแฟนสาวแทน
“ฉันว่าไม่หรอก แต่ดูเหมือนเขาจะปิดบังอะไรพวกเราอยู่”
“ปกติเราก็คุยกันทุกเรื่องนี่นา”
“รอน คนเราก็มีความลับส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้นแหละ ถ้าเขาไม่อยากจะพูด เราก็อย่าไปบังคับเขาเลย” สายตาของเฮอร์ไมโอนี่ทอดยาวไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย เหมือนว่าคำพูดที่ตนเอ่ยออกไปเองนั้น กระทบกับความทรงจำบางอย่างในสมอง
.......................................
จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี ลั่นวาจาออกไปแล้วด้วย แต่ยังไม่มีแผนอะไรซักอย่าง สมองปั่นป่วนเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถประกอบเป็นรูปแบบที่ชัดเจนได้
ดวงตาหลังกรอบแว่นกลมขมวดมุ่น เขาคิดได้แค่ว่าถ้าเจอมัลฟอยอีกครั้งตามลำพัง เขาจะทำอะไร แต่ว่าจะเจอกันสองต่อสองได้ยังไงนั้น คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จริงอยู่ว่าเขาน่ะแอบหนีออกจากหอได้ง่ายดาย แต่จะเจอมัลฟอยได้ยังไงล่ะ มันมีแต่คำว่าแต่แต่แต่แต่แต่เต็มหัวไปหมดแล้ว อะไรๆก็ไม่ลงตัวซักอย่าง
.....อยากจะประทับรอยจูบไว้ที่อื่น ที่ไม่ใช่แก้มเหมือนเดิม....
บ้าหน่า แค่แก้มก็พอแล้ว
ในสายตาของเขาเหม่อลอยไปถึงใบหน้าซีดๆกับผมบลอนด์เรียบติดหัว สายตาเชิดหยิ่ง จมูกรั้นๆบ่งบอกว่าไม่เคยยอมใคร ยิ่งคำแต่ละคำที่หลุดออกมาจากปากก็ยิ่งไม่น่าฟัง นิสัยก็เรียกได้ว่า เลวร้าย...แต่เขาก็ยังคิดถึงคนบ้าๆที่ว่ามาอยู่ได้ คิดถึงทุกลมหายใจ เขาเข้าใจแล้วว่าคำนี้มันไม่ได้เกินจริงเลยซักนิด
...แต่เขาจะคิดถึงทำไมนะ ก็แค่แกล้งเฉยๆไม่ใช่หรอ ทำไมเขาต้องรู้สึกอะไรมากขนาดนี้...
พลั่ก
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะ คือว่ากำลังรีบน่ะค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะชนนะคะ ขอโทษค่ะ”
“ช่างเหอะ ถ้ารีบก็ไปซะสิ”
เขาก้มลงเก็บหนังสือที่กระเด็นออกจากกระเป๋า เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ ยังตัวเล็กอยู่เลยคงจะอยู่ปี 1 ล่ะมั้ง แปลกดีที่เขาไม่โกรธเลยซักนิด มีอะไรถ่วงเวลาอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาเบื่อ เบื่อที่จะกลับไปหออันน่าเบื่อ ไปกินอาหารเย็นที่ห้องโถงใหญ่เหมือนเดิม ทุกอย่างมันช่างวนเวียนซ้ำซาก ทั้งๆที่ตอนเขามาอยู่ฮอกวอตส์ใหม่ๆอะไรๆก็ดูน่าค้นหาไปซะหมด
“เบื่อ เบื่อจริงๆ ทำไมมันซวยอย่างนี้ ต้องมาคุมเด็กที่ถูกสั่งกักบริเวณวันที่จะไปดื่มพอดี” เสียงฟิลช์ (เขาจำได้ดีไม่มีพลาด) พึมพำอยู่ใกล้ๆนี่เอง แฮร์รี่รีบหลบวูบ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องหลบ แต่การเผชิญหน้ากับฟิลช์ยามที่เขาอารมณ์เสียก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำนี่
“ไอ้เด็กหัวบลอนด์เรียบแปล้นั่น ฉันจะถลกหนังหัวมันให้ได้ จะใช้งานให้หนักๆเอาให้มันจำไปจนวันตายเลยเชียว ถ้าเขาอนุญาตให้ใช้แส้ล่ะก็ ไอ้เด็กสลีธิรินไม่รอดแน่” รอยยิ้มผุดบนใบหน้าบิดๆเบี้ยวๆของภารโรงเก่าแก่ เมื่อฟิลช์ขโยกเขยกผ่านไป แฮร์รี่ก็ออกจากมุมมืดที่ซ่อนตัวอยู่
“หัวบลอนด์เรียบแปล้.....สลีธิริน” หน้าที่ยับย่นค่อยๆคลายออก คุณลักษณะพิเศษนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้
เดรโก มัลฟอย
.......................................
เมื่อไหร่จะออกจากห้องฟิลช์ซะทีนะ นี่มันดึกมากแล้ว เมื่อไหร่จะมาซะทีล่ะหาาาา รอจนเมื่อยจะเป็นตะคริวแล้วนะ ง่วงด้วย เฮ้อออ
คืนนี้เขาแอบหลบมารอนอกหอ เพื่อที่จะปฏิบัติการตามแผน รอนสงสัยมากว่าเขาจะออกมาทำอะไร แต่ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะเข้าใจดี เธอลากรอนกลับเข้าห้องนั่งเล่นรวม และหันมามองด้วยสายตาที่เหมือนจะพูดว่า ไปซะทีสิ
แต่นี่เขานั่งจ้องแผนที่ตัวกวนมาเป็นชาติแล้วนะ เด็กหนุ่มเสยผมที่ตกลงมา ไม่น่าเลย น่าจะเอาผ้าพันคอมาด้วย หนาวจะตายอยู่แล้ว ทำไมเราต้องมานั่งอยู่ที่นี่ โว้ยยย เขาเกือบจะลุกขึ้นและยอมแพ้แล้ว เมื่อจุดเล็กๆนั่นเคลื่อนที่เสียที
...มาแล้วหรอ...
เขาคิดเอาไว้แล้วว่าจะไปแอบดักรอที่ไหน
ไม่นานนัก หลังจากรออยู่ในมุมกำแพง เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็สะท้อนก้องมา ในรร.ตอนกลางคืนมืดๆเงียบๆอย่างนี้ ต่อให้อยู่ห่างไปร้อยเมตรยังได้ยินเลย
“เฮ้ย” มัลฟอยหลุดปากด้วยความตกใจเมื่อแฮร์รี่โอบเขาไว้ในอ้อมแขนขวา ส่วนมือซ้ายก็กดเขาติดกำแพง
“ไง แปลกใจใช่มั้ยล่ะ” ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงซะที หลังจากนั่งหลงขดหลังแข็งรอมานาน
“ปล่อยนะเว้ยย ปล่อย” คนตัวเล็กกว่าพยายามผลักดันอีกฝ่าย แต่มันก็ไร้ผล
“รู้มั้ยว่าชั้นคิดถึงนายแค่ไหน”
......................................
“รู้มั้ยว่าชั้นคิดถึงนายแค่ไหน” แววตาของคนตรงหน้าไม่มีประกายล้อเล่น สีเขียวสดใสที่เคยเห็นเสมอ กลายเป็นสีเขียวเข้มที่บอกความจริงจัง นี่นายพูดจริงหรอเนี่ย
“ชั้นจะไปรู้นายหรอ” ทำไมเขาต้องหลบสายตาด้วยนะ เรี่ยวแรงทั้งของร่างกายและจิตใจไม่มีเหลืออีกแล้ว เขาไม่อาจต้านทานรังสีบางอย่างจากคนที่โอบเขาเอาไว้
“ชั้นคิดถึงนายทุกวินาที ทุกลมหายใจ ตลอดเวลา” โอ๊ย เน่ามากๆเน่าสุดๆ นายต้องโกหกแน่ๆเลย
“โกหก ไม่เชื่อหรอก” เขาจะดีใจทำไม ความรู้สึกเหมือนว่าใจมันพองโตด้วยความสุข ไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานเท่าไหร่นะ มันไม่ใช่ความสุขจากการแกล้งคนอื่น แต่เป็นความสุขจากความชื่นฉ่ำใจ
“งั้นก็หันมามองตาชั้นสิ” ผมสีบลอนด์ทองค่อยเคลื่อนกลับมาช้าๆ สายตาสีซีดและสีเขียวบรรจบกัน และในวินาทีนั้นก็เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีในโลกสูญหายไป มีแต่เพียงเวลานี้ ตอนนี้ ที่มีเพียงเราสองคน ทั้งคู่จ้องตากันเนิ่นนาน แฮร์รี่ค่อยๆโน้มตัวลงมา มือข้างซ้ายที่เคยดันเขาไว้กับกำแพงเลื่อนมาเชยคางสวยได้รูปขึ้น กลิ่นอันหอมหวานมาจากไหนไม่รู้แต่ก็สะกดให้เขาตกอยู่ในภวังค์ ริมฝีปากของเด็กหนุ่มผมดำเริ่มเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว รู้สึกเพียงว่าเขาต้องการคนตรงหน้ามากเหลือเกิน มือที่เคยอยู่เฉยๆแนบลำตัวยกขึ้นโอบรอบหัวยุ่งๆของอีกฝ่าย ความร้อนจากริมฝีปากหนึ่งถูกถ่ายทอดให้กับของอีกคน มัลฟอยหลับตาลง แต่....
“เมี้ยววววว”
ความคิดเห็น