กลรักลวงเล่ห์ - นิยาย กลรักลวงเล่ห์ : Dek-D.com - Writer
×

    กลรักลวงเล่ห์

    มินทรา หญิงสาวที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สมบัติมรดกของตระกูลกลับคืนมา การแก้แค้นครั้งนี้มีเดิมพันด้วยชีวิต เกียรติยศ ชื่อเสียง และเงินทอง การแก้แค้นครั้งนี้กลับก่อเกิดความรักกับเขา..คนนั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    1,402

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.4K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  11 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ค. 50 / 16:23 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                 กลรักลวงเล่ห์


                                                                                                                                                          ตอนที่ 1

    อากาศในยามเช้าดูสดใส แสงแดดอ่อนๆ  ทอแสงสีชาสว่างสาดส่องกระทบตัวบ้านไม้ สองชั้น ปูน 1 ชั้น ส่วนชั้นบนเป็นแผ่นไม้ฝาเฌอร่า  ฝาผนังภายนอกทาด้วยสีเขียวอ่อนดูเย็นสบายตา

    บริเณรอบบ้านปกคลุมด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์  ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้ดอก  ไม้ประดับ  ล้วนแต่แผ่กิ่งก้านสาขามากมายให้ความร่มเงา

    เอี๊ยด.......

    เสียงรถแท๊กซี่จอดเรียบหน้าประตูรั้วหน้าบ้านหลังดังกล่าว

    ขอบคุณค่ะ เสียงแหลมเอ่ยบอกโซเฟอร์อย่างเป็นมิตร  พร้อมกับยืนธนบัตรสีแดงจำนวนสองใบให้เป็นค่าบริการ

    ขาเรียวเหวี้ยงลงบนพื้นคอนกรีตถนนหน้าบ้าน  ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ  ใบหน้าเรียวเล็กอิ่มเอมอย่างมีความสุข

      นี้คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่หล่อนไม่ได้เห็นบ้านหลังนี้ 

    หากแต่ว่าความสุขเปรมปรีติในใจกลับหดหายไปในพริบตา  เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องขอใครคนหนึ่งในบ้าน

    " กรี๊ด !!!  โครม " เสียงกรีดร้องของคุณหญิงแช่มช้อย ในขณะที่ร่างนั่งบนพื้นหินอ่อนภายในบ้าน ในมือกำหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับวันที่ 9 สิงหาคม ปี 2530 อย่างแน่นจนยับยู่ยี่ ข้างตัวมีรถเข็นไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล้มล้อหมุน ใบหน้าเหี้ยวย่นตามวัย หน้าผากและแก้มมีรอยแผลเป็นหยึกหยัก

    แม่.! ......  เสียงแหลมร้องตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ  เท้าเรียวสวมรองเท้าบูทส้นสูงสีดำคู่ใจก้าวเข้าบ้านอย่างรีบร้อน

    ภายในบ้านถูกแบ่งเป็นสัดส่วนหลายห้อง 

    ห้องโถง  ซึ่งใช้สำหรับนั่งเล่น  หรือดูข่าวสารต่างๆผ่านโทรทัศน์ขนาด 27 นิ้ว  โซฟาชุดเล็กสีขาวซีดเมื่อเทียบกับระยะเวลาในการใช้งานมากกว่า 30 ปี 

    ชั้นวางหนังสือ  ตั้งชิดมุมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  หนังสือหลากหลายขนาดตั้งวางไล่ระดับและประเภทเดียวกัน               

    " แม่ค่ะ เป็นอะไรเหรอค่ะ " มินทราสาวร่างบาง ใบหน้าเรียวเล็ก  วิ่งกระหืดกระ หอบหน้าตั้งยังต้นเสียงกรีดร้องโวยวาย  นัยน์ตาคู่สวยจ้องยังมือของคุณหญิงแช่มช้อยที่กำหนังสือพิมพ์แน่นจนเป็นรอยยับยู่ยี่

    มิน  มินจริงๆด้วย เสียงแหบแห้งเอ๋ยถาม  เมื่อเห็นร่างบางที่กำลังก้าวเข้าหาตัวเองอย่างช้าๆ

    ค่ะ  มินเองค่ะ

    เหตุใดคุณหญิงแช่มช้อยถึงไม่ลืมเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน  หล่อนคิดเสมอว่าเวลาจะช่วยลบเลือนภาพเหตุการณ์ต่างๆทีเกิด

    แต่สิ่งที่หล่อนคิดไว้  มันกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง  

    คุณหญิงแช่มช้อยกลับอาฆาตพยาบาทมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า  ความแค้น  ความพยาบาท  รวมไปถึงกิเลส  ตัณหา  ความโลภ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

    " แม่ค่ะ อ่านอีกแล้วเหรอค่ะ " มินทราพูดเสียงเหนื่อย เมื่อเห็นต้นตอในมือที่ทำให้คุณหญิงแช่มช้อยกรีดร้อง หัวสมองพลันคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน

                   20 ปีก่อน

                    ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ  มินทราถูกคุณหญิงแช่มช้อยส่งไปเรียนที่ต่างประเทศ

                    เด็กน้อยวัย 3 ขวบ ถูกย้ายไปเรียนต่างแดนโดยมีคุณหญิงอมรา  ป้าสาวผู้ใจดี  เป็นคนดูแลอุปถัมภ์ความเป็นอยู่มากมายในระหว่างที่หล่อนเรียนอยู่ที่เมืองฝรั่งแห่งนี้

                    คุณหญิงอมรา  เป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของคุณหญิงแช่มช้อย  หล่อนแต่งงานกับนักการฑูตประเทศไทยประจำประเทศสหรัฐอเมริกา

                    คุณหญิงอมรา  มีลูกชายวัยไล่เลี่ยกับหล่อนหนึ่งคน  ชื่อ ไมค์ ส่วนชื่อไทยนั้นคือ  มัฐวี 

                    มัฐวี  มีใบหน้าคมเข้ม  จมูกโด่งเป็นสัน  ดวงตากลมโต  คิ้วเข้มดกดำ  ดูตัดกับสีผิวที่ขาวนวลเนียนยิ่งกว่าเด็กแรกเกิด 

                    มินทราถูกเลี้ยงอย่างอิสระ ไร้ครอบเขต  ทุกสิ่งทุกอย่างหล่อนจึงตองพึ่งตัวเองซ่ะเป็นส่วนมาก  ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับเมืองไทยในยามปิดเรียนซัมเมอร์  การรับผิดชอบตัวเอง  และที่สำคัญ  คือ  บริหารการใช้เงินในแต่ละเดือนอย่างลงตัว 

                    ซึ่งแต่ละเดือน  คุณหญิงแช่มช้อยโอนเงินผ่านธนาคารให้หล่อนไว้ใช้  เป็นจำนวน 1 แสนบาท

                    เงิน 1 แสน  ของบ้านเรา  เมื่อเทียบกับเงินของประเทศที่หล่อนอยู่แล้ว  กลับเป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้นเอง   การใช้จ่ายมากมายแต่ละเดือนแทบไม่พอด้วยซ้ำ  ไหนจะค่าครองชีพที่สูงเฉียดฟ้า  อาหารการกินที่แสนจะแพงหูฉี่เมื่อเทียบกับประเทศไทย  แล้วไหนยังจะข้าวของเครื่องใช้จิปาถะมากมายอีก

                    ดีทว่า  หล่อนยังมีคุณหญิงอมรา  ป้าสาวแสนสวยหยิบยื่นให้ใช้ทุกสิ้นเดือน 

                    ปิดเรียนซัมเมอร์ทุกๆปี  หล่อนจะเดินทางกลับเมืองไทย  โดยมีพี่เลี้ยงคอยติดตามดูแลในทุกๆครั้ง ที่เดินทางกลับเมืองไทย

                    จนกระทั่ง  หล่อนอายุได้ 10 ขวบเต็ม  หญิงสาวจึงขออนุญาตกลับเมืองไทยเอง 

                    หล่อนคิดเสมอว่า  หล่อนโตมากแล้ว  เหตุไฉนแค่เดินทางกลับบ้านจะต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลทุกฝีก้าวด้วย  

                   

    ช่วงปิดซัมเมอร์

                  ครอบครัวของมินทราในอดีตที่เคยมีความสุขในคฤหาสน์หร ูหราขนาดใหญ่ กว้างด้วยพื้นที่หลายพันไร่

    หน้าบ้านมีลานน้ำพุตั้งโชว์ตรงทางขึ้นบันได   บริเวณรอบบ้านมีสวนหย่อมขนาดใหญ่  เพื่อไว้ให้สำหรับ เด็กน้อยน่ารัก วัย 10  ขวบ  หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ผมยาวทักเปีย 2 ข้าง ผิวขาวอมชมพู ปากนิด จมูกหน่อย วิ่งเล่นภายในสวนกับสาวใช้อย่างสนุกสนาน
                 " ลูกมิน พ่อกับมาแล้ว " เสียงทุ้ม ร้องเรียกเด็กน้อยหน้าตาน่ารัก ก่อนจะถลาร่างใหญ่เข้ากอดอุ้มร่างเล็กของเด็กน้อยน่ารัก
                 " คุณพ่อกลับมาแล้วเหรอค่ะ " เสียงใสแจ๋วของเด็กน้อยน่ารักเอ๋ยถามอย่างดีใจ   ร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นสูงขนานกับแผงอกกว้างของผู้มาใหม่
                  " วันนี้ พ่อพาน้าไหมมาแนะนำให้หนูรู้จักด้วยล่ะ " เสียงทุ้มบอกเด็กน้อยน่ารัก มือใหญ่ลูบไล้ผมยาวถูกถักเปียสองข้าง ก่อนที่ใบหน้าจะหันกลับไปยังรถเพื่อพยักเรียกสาวร่างบาง  ผมยาวดัดหยิกเป็นลอนขนาดใหญ่ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนหนา ริมฝีปากเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสด
                  " สวัสดีจ๊ะ หนูมิน " เพลิงไหมกล่าวทักทายเด็กน้อยน่ารักในอ้อมกอดของบดินทร์ ก่อนจะคว้าร่างเล็กของมินทราไปอุ้ม
                  " สวัสดีค่ะ น้าไหม " เสียงใสของหนูน้อยในอ้อมกอดของเพลิงไหมกล่าวทักทายตอบอย่างเป็นมิตร
                  " งั้นผมขอตัวไปเอาของในบ้านก่อน คุณอยู่เล่นกับยัยมินตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมออกมา "  บดินทร์บอก

    เพลิงไหม ใบหน้าคมเข้มโน้มลงใกล้ใบหน้าที่แต่งแต้มของเพลิงไหม ริมฝีปากใหญ่ประทับลงแก้มชมพูที่ปัดด้วยเครื่องสำอาง อย่างดี ก่อนจะผละเดินเข้าคฤหาสน์อย่างอารมณ์ดี


                   ภายในคฤหาสน์หรู ถูกตกแต่งแบบสไตล์ยุโรปล้อมรอบด้วยกระจกใสมากมาย บันไดทำด้วยไม้สัก
    ราวบันไดโค้งดัดเป็นรูปหงส์ทาทับด้วยสีทอง
                    " นี้คุณ !! กำลังจะไปไหน ฉันเห็นน่ะว่าคุณพายัยผู้หญิงบริการหน้าด้านคนนั้นมาด้วย "

    เสียงแหลมของคุณแช่มช้อยตวาดดุร่างใหญ่ที่กำลังวิ่งข ึ้นบันไดอย่างรีบร้อน
                 " เพลิงไหม ไมใช่ผู้หญิงหน้าด้าน " คุณบดินทร์หันขวับตวาดกลับใส่อย่างอวดดี  สายตาจ้องยังร่างอวบด้วยใบหน้าโกรธแค้น  
                " ถ้ามันไม่หน้าด้าน แล้วมันจะกล้าแย่งผัวคนอื่นไปนอนกกเช้ากกค่ำเหรอ ? " คุณหญิงแช่มช้อยตวาดด่ากลับอย่างไม่ลดละ   เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นบ้าน จนทำให้เด็กน้อยน่ารักที่กำลังวิ่งเล่นในสนามกับสาวใช้ได้ยิน ก่อนจะพาร่างเล็กวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในบ้าน
               " คุณพ่อ คุณแม่ คุยอะไรกันค่ะ เสียงดังลั่นบ้านเลยค่ะ " เด็กน้อยร่างเล็กถามเสียงใส นัยน์ตาสวยมองยัง คนสองคนที่ร้องตะโกนโวยวายลั่นบ้าน ด้วยความงง
              " มินลูกรัก ออกไปเล่นกับพี่ดาวก่อนน่ะลูก เดี๋ยวขอพ่อกับแม่คุยธุระกันแปบนึงน่ะค่ะ " คุณหญิงแช่มช้อยจับบ่าร่างเล็ก ก่อนจะหันหน้ามองยังประตู ร้องตะโกนเรียกสาวใช้
             " ดาว ยัยดาว พาลูกมิ้นไปวิ่งเล่นหน้าบ้านหน่อย "
             " ค่ะ " สาวใช้ตอบ ก่อนจะวิ่งพาร่างเล็กอุ้มออกจากภายในบ้านไปยังลานสนามหญ้าหน้าบ้าน
            " หยุดเดี๋ยวนี้น่ะคุณ ฉันไม่ยอมให้คุณเอาอะไรไปปรนเปรอยัยผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นอีกแล้ว "

    คุณหญิงแช่มช้อยตวาดบอก   ร่างอวบวิ่งขึ้นบันไดจนถึงขั้นสูงสุด มือหนาคว้าแขนล่ำของคุณบดินทร์ กระชากกลับ
             " คุณไม่มีสิทธิ์ เพราะนี้มันเป็นสมบัติของผม บ้านนี้ก็เป็นของผม บริษัทก็เป็นของผม ผมจะทำอะไรมันก็เป็นเรื่องของผม " คุณบดินทร์บอกเสียงเหี้ยม ใบหน้าขึงขัง สายตาดุดันมองร่างอวบอย่างโกรธแค้น ก่อนจะสะบัดแขนให้มือหนาที่เกาะแน่นหลุด   
            " ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อของทุกอย่างมันเป็นสินสมรสระหว่างฉันกับคุณ " คุณหญิงแช่มช้อยบอก มือหนายังคงเกาะแน่นแขนใหญ่ของคุณบดินทร์
            " สินสมรสงั้นเหรอ ! ชิ  นี้คุณถ้าจะบ้าไปแน่ๆ คุณจำไม่ได้เหรอไง พ่อของผมเป็นคนมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ผมในวันแต่งงาน..... ไม่ใช่คุณ " คุณบดินทร์บอกเสียงเยาะเย้ย มือใหญ่พยายามแกะมือหนาที่เกาะแน่นออกจากแขน

    .ใช่    ในวันแต่งงานของเราสองคน  คุณพ่อของเขามอบเอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หรูหรา 

    บริษัทที่คุณพ่อของเราสองคนร่วมกันสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก  ให้มือเขา 

    แต่ท่านได้ประกาศใส่ไมโครโนตัวใหญ่บนเวที  ว่า 

    นี้เป็นของขวัญสำหรับลูกๆที่รักทั้งสองคน  ขอให้ลูกทั้งสองคนรักกันจนแก่จนเฒ่า   และพ่อขอให้ลูกดูแลบริหารบริษัทนี้ให้ใหญ่โตมากกว่าเดิม

                     " ใช่...!! วันนั้นท่านยื่นให้คุณ แต่ในสัญญาบอกไว้ว่าให้เราสองคนดูแล " คุณหญิงแช่มช้อยตอบเสียงเข้มอย่างมาดมั่น ใบหน้าใหญ่จ้องมองใบหน้าของคุณบดินทร์อย่างเกลียดชั่ งเข้าไส้
                     " ถ้าคุณอยากได้มากขนาดนั้นล่ะก็ ไปฟ้องศาลเอาล่ะกัน " คุณบดินทร์บอกเสียงเรียบ ก่อนจะตวาดดุใส่หน้า แขนใหญ่สะบัดสุดแรงจนมือหนาผละหลุด ก่อนร่างอวบจะกลิ้งลงตามขั้นบันไดหลายสิบขั้นด้วยความเร็ว


    &nbs;                ตุ๊บ .........

    เสียงร่างหนากลิ้งลงตามขั้นบันไดจนถึงขั้นส ุด ร่างอวบนอนเกลือกกลิ้งภายใต้คราบเลือดแดงเปรอะเปื้อนอาบร่างกายและพื้นหินอ่อน

    ร่างหนานอนกระอักกระอ่วมอยู่ทางขึ้นบันได  ตามร่างกายเปรอะเปรื้อนด้วยคราบเลือดสีแดงชื่นแฉะตามเสื้อผ้า 

    แต่ร่างหนากลับพยุงร่างขึ้นที่ละนิด  พร้อมกับเอ๋ยความปรารถนาภายในใจอย่างทรมาน 
                     " คุณ !! อย่าน่ะ .... ห้ายย มินนน " เสียงพร่าแหบแห้งบอก ริมฝีปากเล็กเปรอะคราบเลือดที่ทะลักออกจากภายใน ร่างหนาช้ำเขียวม่วงเป็นแทบ ผมสีน้ำตาลม่วงชุ่มด้วยเลือดที่ไหลออกตามรอยแตกของศีรษะ
    สนามหญ้าหน้าบ้าน ร่างเล็กของเด็กน้อยหน้ารักกำลังวิ่งไล่จับสาวใช้อย่างสนุกสนาน หยุดวิ่งทันทีเมื่อได้ยินเสียงตุ๊บ ตั๊บ ภายในบ้าน ก่อนจะพาร่างเล็กวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความตกใจ นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองยังร่างอวบที่กำลังกลิ้งตกลงตาม ขั้นบันไดไม้สักทีละขั้น ก่อนจะนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่พื้นหินอ่อนหน้าบันได
                    " คุณแม่ !! " เสียงใสกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นร่างอวบของคุณหญิงแช่มช้อยนอนนิ่งจมอยู่บนกองเลือด ก่อนจะผละสายตาออกจากร่างอวบที่นอนนิ่งไร้สติบนกองเล ือด หันมองยังร่างใหญ่ของคุณบดินทร์ที่ตื่นตระหนกตกใจไม่ต่างจากร่างเล็ก
                     " มิน..!! พ่อขอโทษ พ่อไม่ได้ตั้งใจ " คุณบดินทร์พึมพำบอกลูกสาวที่จ้องหน้าอย่างโกรธแค้นเพียงเบาๆ ก่อนจะผละวิ่งเข้าห้องนอน ออกมาพร้อมกับซองน้ำตาลขนาดใหญ่ในมือ ร่างใหญ่รีบวิ่งลงบันไดอย่างเร็วจนเท้าสองข้างยืนเด่นหน้าร่างอวบที่นอนแน่นิ่งไร้สติ กับเด็กน้อยร่างเล็ก
                     " มิน พ่อจะบอกอะไรอย่างน่ะลูก คนเราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้หรอกถ้าหากไร้ความรัก ความเชื่อใจ และการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน " คุณบดินทร์สอนเด็กน้อยร่างเล็ก ใบหน้าใหญ่จ้องยังใบหน้ากลมของเด็กน้อยร่างเล็กที่เป รอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและคราบเลือด ก่อนจะผละมองร่างอวบที่นอนแน่นิ่งไร้สติจมกองเลือด
                     " คุณ !! ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ยกโทษให้ผมด้วยน่ะ " คุณบดินทร์บอกเสียงเอื่อย

    ร่างอวบที่นอนนิ่งไร้สติจมกองเลือด  มือใหญ่ลูบหน้าผากที่แตกเป็นรอยเลือดปริ ซึมไหลออกมา

    ก่อนจะผละมองยังร่างเล็กอีกครั้ง
                    " พ่อฝากแม่ด้วยน่ะ พ่อต้องไปแล้วล่ะ " คุณบดินทร์บอกร่างเล็ก ก่อนจะผละร่างวิ่งออกจากบ้านขึ้นรถ crv ป้ายทะเบียน ท. 0003 ขับออกจากคฤหาสน์หรูหราทันที

    เฮอ.... นี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี้ยะ  ทำไม? มันถึงเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างนี้  

    ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์คุณแช่มช้อยตกบันได  และยังคุณบดินทร์พาหญิงสาวที่ไหนไม่รู้มาที่บ้าน  และยังจะเรื่องหัวข้อการทะเลาะกันอีก  


    โรงพยาบาลศรีอรัญ
                      " คุณแม่ค่ะ   คุณแม่ตื่นซิค่ะ   คุณแม่ " เสียงใสแจ๋วของเด็กหญิงร่างเล็กร้องเรียกร่างหนาที่นอนนิ่งบนเตียงรถเข็นของโรงพยาบาล

    ร่างหนาบนเตียงนอนนิ่ง  โดยมีอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆมากมายบนใบหน้า  และร่างกาย

    ไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยหายใจ   และยังจะสายต่างๆระโยงระยาง
                     " คุณนายค่ะ คุณนาย " เสียงสาวใช้ตะโกนร้องเรียกสลับกับเสียงใส จนถึงหน้าห้อง ฉุกเฉิน
                    " ญาตินั่งรอข้างนอกน่ะค่ะ " เสียงคุณหมอบอก ก่อนจะพาร่างอวบใหญ่ก้าวตามเตียงรถเข็นเข้าห้องฉุกเฉินทันที โดยที่ทิ้งร่างบางต่างวัยของสองสาวนั่งร้องห่มร้องไห ้อย่างหน้าห้อง

    3 ชั่วโมงผ่านไป
                " พี่ดาว คุณแม่จะเป็นอะไรมากไหมค่ะ " เสียงใสสะอึกสะอื้นถามสาวใช้ นัยน์ตาคมแดง น้ำตาไหลอาบแก้มป่อง
                 " คุณแม่ต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆค่ะ เพราะคุณแม่ของคุณหนูเป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่น " สาวใช้ปลอบร่างเล็กที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด มือเล็กกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เกลียด

    ใช่...ในเวลานี้  ภาพเหตุการณ์อันโหดร้ายและสะเทือนจิตใจหล่อนมากที่สุด รอยวนในหัวสมอง 

    ทำไม ? น่ะ  คุณพ่อถึงทิ้งคุณแม่แบบนี้  ทั้งๆที่อาการคุณแม่ยังคงสาหัสแบบนี้  หรือเพราะว่าสาวร่างบางที่พามาบ้านคนนั้น

    ใช่...มันต้องใช่แน่ๆ   คนพ่อมีผู้หญิงคนใหม่อย่างแน่นอน 

     แอ๊ด..ด..ด..

                 เสียงประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกกว้าง ก่อนจะตามด้วยร่างอวบใหญ่ของคุณหมอ
                  " คุณหมอค่ะ คุณผู้หญิงเป็นไงบ้างค่ะ " สาวใช้ถามกลัวๆ กล้าๆ ใบหน้าซีดสลด
                  "ตอนนี้คนป่วยพ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ว่าคนป่วยมีอาการเสียเลือดมากจนไม่สามารถไหลเวียน ไปเลี้ยงหัวสมอง และส่วนต่างๆของร่างกาย คนป่วยอาจจะเป็นโรคอำมะพรึคหรือขั้นอำมะพาตได้ถ้าไม่ ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและถูกวิธี เดี๋ยวหมอจะย้ายคนป่วยไปพักฟื้นที่ห้องพักน่ะครับ เดี๋ยวหมอขอตัวไปดูคนป่วยรายอื่นก่อนน่ะครับ " คุณหมอบอกอาการคุณหญิงแช่มช้อย ก่อนจะผละร่างอวบใหญ่เดินอุ้ยอ้ายออกไป


                   ภายในห้องพัก ร่างเล็กยืนเกาะขาของคุณหญิงแช่มช้อยที่ใส่เฝือกสีขาวปิดมิดรอบขา นัยน์ตาจ้องยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะหวะ ก่อนจะไล่เลือนมองตามร่างอวบในชุดของโรงพยาบาล เรื่อยๆจนหยุดที่ปลายเท้า
               " คุณแม่ค่ะ คุณแม่ต้องอดทนน่ะค่ะ " เสียงใสบอกอย่างตั้งมั่น    ใบหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ก่อนจะผละจากร่างอวบที่นอนไร้สติ   วิ่งไปหาสาวใช้เพื่อกลับคฤหาสน์ หรูหรา

                     ภายในคฤหาสน์หรูหราที่ตกแต่งสไตล์ยุโรปอย่างสวยงาม หน้าบ้านเต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายยี่ห้อจำนวนหลายสิบคัน   ผู้คนจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์ภายในบ้านอย่างสนใ จ

    เฮ้ย.! นี้มันเกิดอะไรขึ้น  ทำไม ? คนถึงได้มามุ่งดูบ้านเราแบบนี้ 
                     " พี่ดาว เขามาทำอะไรที่บ้านเรา " เสียงใสถามสาวใช้อย่าง งง กับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อพาร่างเล็กยืนเด่นหน้าประตูเหล็กหน้าบ้าน
                     " พี่ดาวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เดี๋ยวพี่ดาวไปถามให้น่ะค่ะ " สาวใช้บอกอย่าง งง ไม่ต่างกัน ก่อนจะผละออกจากร่างเล็ก วิ่งไปถามชาวบ้านที่จับกลุ่มคุยกัน

                     " นี้เธอ..!! เห็นตำรวจบอกว่า คฤหาสน์หลังนี้จะถูกปิดใช่ไหมย่ะ "
                      " ใช่ ๆ เห็นเขาว่าคฤหาสน์หลังนี้มีปัญหา เกี่ยวกับคดีอะไรสักอย่างนี้แหล่ะ "
                    " จริงๆเหรอเธอ   แต่ที่ฉันได้ยินมา มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะ เห็นเขาบอกว่าเจ้าของบ้านหลังเสียพนันจนหมดตัว เลยต้องนำโฉนดที่ดินแปลงนี้ขายต่อให้เจ้ามือพนัน "
                       เสียงสนทนาของหญิงรุ่นราวคราวป้าตอบโต้แสดงคิดเห็นต ่างๆนาๆ จนหญิงร่างเล็กยืนนิ่ง งง กับสิ่งที่ได้ยิน ร่างบางเบียดเสียดก้าวเข้าคฤหาสน์หรูหราอย่างทุลักทุ เล ก่อนจะหยุดนิ่ง ยืนมองเหตุการณ์ภายในบ้าน

                      ภายในคฤหาสน์สไตล์ยุโรป ล้อมรอบด้วยตำรวจมากมายหลายสิบนาย
                      " ผู้กองครับ ภายในบ้านไม่มีคนอยู่สักคนเลยครับ " ตำรวจนายหนึ่งบอกผู้มีตำแหน่งใหญ่กว่า
                      " เหรอ !! งั้นก็ล็อคประตูปิดตาย ห้ามให้ใครเข้ามาในนี้จนกว่าคดีจะปิด " เสียงทุ่มของผู้กองสั่งลูกน้อง ก่อนจะหมุนตัวเดินผ่านร่างเล็กของเด็กหญิงออกจากบ้าน
                      " คดีเหรอ ? แล้วมันคดีอะไร " เสียงใสพึมพำกับตัวเอง หัวสมองพลางคิดไปต่างๆนาๆ ตามคำพูดของแต่ละคน
                      " โอ้ยย !! ปวดหัว .... จะคดีอะไรก็ช่างเถอะ " เสียงใสพูดอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสะบัดหัวเบาๆหลายครั้ง  เพื่อละความคิดต่างๆ ในหัวสมอง
                       ร่างเล็กสอดส่องมองผู้คน ก่อนจะพาร่างเล็กย่องเบาๆ ทีละก้าวแล้ววิ่งขึ้นบันไดไม้สักเข้าห้องนอนของคุณบดินทร์ รื้อค้นหาของบางอย่างในลิ้นชัก
                       " ไม่มี " เสียงใสร้องอย่างหงุดหงิด เมื่อเปิดลิ้นชักเหล็กขนาดใหญ่
                       " โอ้ยย !! นี้มันลิ้นชักที่ 10 แล้วน่ะแล้วมันอยู่ไหนเนี้ยะ " เสียงใสบ่นอย่างเซง  มือเล็กเปิดลิ้นชักตัวที่ 10 อย่างเหน็ดเหนื่อย
                       " เห็นแล้ว " เสียงใสร้องขึ้นอย่างดีใจ   เมื่อเห็นซองสีน้ำตาลเข้มขนาดกะทัดรัดบนซองเขียนด้วยหมึกน้ำเงินว่า

    ~ เอกสารสำคัญ ~

    ก่อนจะรีบยัดซองสีน้ำตาลเข้มเข้ากระเป๋าโน๊ตบุ๊ค ซึ่งภายในกระเป๋ามีโน๊ตบุ๊คมีเอกสารมากมายของคุณบดินทร์   แล้วพาร่างเล็กวิ่งลงบันไดทันที

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น