ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Incubus ฝันอันตราย ภาค The Cursed Eyes (จบ)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 58


    บทที่ 8

     

    กลิ่นคาวหวานๆของเลือดไม่อาจทำให้หวาดกลัวได้เท่ากับร่างไร้ลมหายใจที่ใช้ดวงตาเบิกกว้างมองมายังเขา  ฝ่ามือที่พยายามจะตะเกียกตะกายเพื่อให้ชีวิตของตนเองอยู่รอดปลอดภัยยังคงค้างอยู่กลางอากาศ  ร่างกายครึ่งล่างขาดสะบั้นหายเข้าไปในความมืด  และมีช่วงลำตัวบางจุดที่มีบาดแผลน่าขยะแขยงปรากฏให้ได้เห็น

    อาจเป็นเพียงมโนภาพ  หากแต่อาร์โรห์รู้สึกราวกับว่าร่างนั้นกำลังจะมาลากให้เขาตกลงไปสู่ขุมนรกที่อีกฝ่ายได้พบเจอ...

    อาร์โรห์มองภาพนั้นทั้งสภาพปากคอสั่น  เขามองรอยเลือดที่ดูจะมากเกินกว่าจะออกมาจากร่างๆเดียวทำให้เขารู้ว่าอย่างน้อยที่นี่ก็น่าจะมีศพในลักษณะนี้อีกไม่ต่ำกว่าหนึ่ง...

    ปึง!!!!

    “เจอแล้วเจ้าเด็กน้อย!!!!

    ราวกับเสียงจากขุมนรก  ประตูไม้หนาหนักที่ถูกกระแทกเปิดออกหลุดกลิ้งเฉี่ยวศีรษะของอาร์โรห์ไปเพียงคืบ  กลิ้งลงจากบันได  กระแทกกับศพที่อยู่ตีนบันไดจนเลือดสาดกระจายออกมาอีกครั้ง

    อาร์โรห์ทำได้เพียงเบิกตากว้างมองสิ่งที่เกิดขึ้น  ใบหน้าที่เผยให้เห็นถึงความหวาดผวาค่อยๆขยับมองเหลียวไปด้านหลัง  นัยน์ตาคลอน้ำตาแห่งความหวาดกลัวสะท้อนร่างของมัจจุราชที่แสยะยิ้มเหี้ยม  เล็บคมกริบถูกเงื้อขึ้นและตะหวัดลงมาเต็มแผ่นหลังเล็กๆของอาร์โรห์อย่างหมายชีวิต!

    ร่างที่ถูกเล็บคมกริบบาดลึกลงบนแผ่นหลังจนเป็นแผลเหวอะหวะล้มกลิ้งลงมาตามบันไดอย่างไม่อาจทรงตัวอยู่ได้  และมาหยุดลงในจุดที่มีเลือดสาดกระจายอยู่ก่อนแล้ว  ดวงตาที่เมื่อครู่ยังคงมองเห็นบัดนี้กลับกลายเป็นมืดบอด  ทั้งๆที่สติของเขายังคงอยู่ครบ

    ...เจ็บ...

                    ...มืด...

    อาร์โรห์อยากจะดันกายลุกขึ้น  หากแต่ว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าร่างทั้งร่างชาดิก  ขยับไม่ได้แม้กระทั่งนิ้วสักนิ้ว  กล้ามเนื้อที่ถูกสมองสั่งให้ขยับกระตุกอยู่หลายครั้ง  หากแต่ก็ยังไม่สามารถขยับจากที่เดิมไปได้แม้แต่มิลเดียว

    ...ล้อเล่นใช่ไหม...

    ...เขาจะมาจบชีวิตอยู่ที่นี่งั้นเหรอ...

    ...ไม่ได้นะ...ไม่เอา...ข้ายังอยากพบท่านแม่...ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่...

    ข้ายังตายไม่ได้!!!

    ความคิดนั้นส่งผลให้ฝ่ามือเล็กๆขยับกำเข้าหากัน  ก่อนจะดันร่างกายของตนเองให้ขยับไปด้านหน้าอย่างยากลำบาก

    ...แค่ครู่เดียวก็ยังดี...

    ...ขอแค่ทนไปจนกว่าจะมีใครสักคนมา...

    ...ขอแค่นั้น...ก็จะรอดแล้ว...

    อาร์โรห์คิดให้กำลังใจตนเองขณะที่เกาะลังไม้ที่คลำเจอใกล้ๆเป็นหลักลุกขึ้นมานั่งพิงผนังเย็นเยียบที่พอสัมผัสถูกบาดแผลที่เจ็บแปลบก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้...แม้จะน้อยนิดก็ตาม...

    ร่างที่เดินลงบันไดมาตรงมายังอาร์โรห์ด้วยการเดินทอดน่อง  มองดูการดิ้นรนของอาร์โรห์ด้วยแววสนุกสนานที่น่าขยะแขยง

    “ไม่นึกว่าเจ้าจะยังขยับได้ทั้งๆที่ถูกพิษของข้าเข้าไป?”

    อาร์โรห์กัดริมฝีปากของตนเองจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดเพื่อให้ยังสามารถคงสติไว้ได้

    “พยายามไปก็เปล่าประโยชน์  เดี๋ยวเจ้าก็ต้องตายด้วยน้ำมือของข้า...แต่ไม่เป็นไรนะ  ข้าจะให้เจ้าตายทั้งสภาพที่ร่างกายไม่ขาดออกจากกัน  จะให้ทุกส่วนอยู่ครบเลยล่ะ ฮึๆๆ ฮ่าๆๆๆ” อีกฝ่ายกล่าวทั้งใบหน้าวิปริต “ข้าจะค่อยๆเล็มเนื้อเจ้าทีละนิด  เอาให้ถึงกระดูกอ่อนๆนั่น  เอาให้ไม่เหลือแม้กระทั่งเลือดสักหยด...”

    อาร์โรห์ไม่อาจตอบสนองอะไรได้มากไปกว่าเม้มปาก  เขาในสภาพมองไม่เห็นไม่สามารถรู้ได้เลยว่ารอบด้านมีอะไรตั้งอยู่บ้าง  และอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงไหน  เสียงของอีกฝ่ายฟังดูก้องราวกับดังมาจากทุกทิศทาง  มันสะท้อนกลับไปกลับมาผสมปนเปกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาจนแทบจับความไม่ได้

    อาร์โรห์ที่อยู่ในสภาพมองเห็นทุกสิ่งเป็นสีดำสนิทนึกกลัวขึ้นมาจับใจ  ความกลัวก่อตัวขึ้นเหมือนคลื่นใต้น้ำในจิตใจ  ก่อตัวจนกลายเป็นความเกลียดชัง

    เพราะมืดจึงรู้สึกโดดเดี่ยว

    เพราะมืด...จึงมองไม่เห็นใคร

    ...แม้แต่ท่านแม่...

    เขาเหมือนกับเห็นร่างของมารดาหายเข้าไปในความมืดที่ไร้ที่สิ้นสุด  ทิ้งเขาเอาไว้ให้อยู่ท่ามกลางความมืดมิดเพียงคนเดียว  ไม่อาจมองเห็นอะไรได้นอกจาก...สีดำ...

    ฉัวะ!!!!

    ร่างเล็กกระตุกเฮือก  กลิ่นคาวปนหวานลอยคลุ้งเข้ามาในโพรงจมูกพร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปลบบนร่าง  รับรู้ได้ถึงน้ำอุ่นๆที่ไหลรินออกมาจากร่างของตนเอง  ซึมออกมาถึงเนื้อผ้าจนชุ่ม

    ข้าเกลียดความมืด

    ข้าเกลียดความมืด!

    ข้าเกลียดความมืด!!!

    “อ้ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!” ริมฝีปากเล็กส่งเสียงร้องลั่นเมื่อเล็บคมกริบแทงเข้ามาที่ช่วงท้อง  มันขยับไปมาอยู่ในร่างของเขาจนบาดแผลเปิดกว้างขึ้น  ก่อนที่เนื้อก้อนใหญ่จะถูกกระชากออกไป  เจ็บปวดจนแทบจะทำให้ร่างเล็กสิ้นสติ

    อาจเพราะเสียงร้องของเขา  เสียงความโกลาหลด้านนอกจึงได้ดังขึ้น  และใกล้เข้ามาที่นี่เรื่อยๆ

    อาร์โรห์รู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างเริ่มห่างไกลออกไป  เสียงที่เริ่มได้ยินอย่างขาดห้วงมันทำให้อาร์โรห์นึกหวาดหวั่น ...ข้ายังตาย...ไม่ได้...

     

    อาร์โรห์รู้สึกตัวขึ้นมาในหนึ่งอาทิตย์ต่อมา  เขาอยู่ในห้องหนึ่งของสถานพยาบาล  ที่รู้ก็เพราะกลิ่นที่ให้ความรู้สึกถึงความสะอาดสะอ้าน  แต่ดวงตาก็กลับยังไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน  ทุดอย่างยังดูเป็นภาพเบลอๆที่มองได้ไม่ชัด  ไม่แม้แต่จะสามารถดูออกได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้คืออะไร  เห็นเป็นเหมือนภาพสีน้ำมันที่ถูกวาดขึ้นให้ดูในระยะไกล  แต่พอมองในระยะใกล้กลับดูไม่ออกว่ามันคืออะไร

    ร่างเล็กๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก  รู้สึกว่าร่างกายของตนเองอ่อนแรงจนไม่อยากขยับ  ศีรษะปวดแปล๊บเมื่อขยับตัวจนกระเทือน  แม้จะเพียงน้อยนิด  แต่มันกลับทำให้ร่างเล็กที่ตั้งท่าจะลุกลงจากเตียงชะงักอยู่หลายครั้ง

    “อึก...” อาร์โรห์ยกมือขึ้นกุมหัวตนเองด้วยใบหน้าที่ซีดลงเพราะความเจ็บปวดที่เหมือนกับศีรษะร้าวจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ   แต่เพียงแค่เขานึกถึงแม่ที่อาจรอเขาอยู่ที่บ้าน  แม้จะรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและลำคอแห้งผากจนทรมาน  แต่ขาเล็กๆก็ก้าวออกไปจากสถานพยาบาลอย่างไร้ทิศทาง  ดวงตาที่ยังคงมองได้ไม่ชัด  ในตอนนี้กลับเป็นอุปสรรคมากกว่าเรื่องเส้นทางที่จะกลับบ้านเสียอีก

    เขาหลงทางไปทั่วหมู่บ้าน  จนในที่สุดกลิ่นดอกไม้อันคุ้นเคยที่มีเพียงบ้านเขาปลูกไว้ก็ลอยเข้ามาแตะจมูก  อาร์โรห์เดินตามกลิ่นนั้นไป  พยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ชนกับปื้นสีที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร  แต่ก็มีหลายครั้งที่ชนจนล้มพับ  เจ็บตัวจนฝ่ามือและหัวเข่าเต็มไปด้วยแผลถลอก

    ในที่สุดเขาก็เห็นสวนดอกไม้เล็กๆที่มีสีขาวสะอาด  แม้จะเห็นว่ามันเป็นเพียงปื้นสีขาวๆ  แต่เมื่อประกอบกับกลิ่นหอมหวนที่ไม่ได้เสียดแทงจมูกก็ทำให้อาร์โรห์เดินเข้าไปเปิดประตูบ้านตามภาพในความทรงจำ  เพียงแค่เปิดประตูออกมา  กลิ่นอายอันคุ้นเคยก็ทำให้จิตใจที่ว้าวุ่น ระสับระส่ายมาตลอดทางสงบลง

    อาร์โรห์คลำทางด้วยฝ่ามือเล็กๆ  อาจโชคดีหน่อยที่มารดาของเขาสั่งให้เขาลงมาอยู่ที่ชั้นล่าง  อาร์โรห์จึงไม่ต้องเสี่ยงตกบัดไดเดินขึ้นด้านบน

    อาร์โรห์เข้ามาในห้องที่เริ่มจะมีกลิ่นอับ  เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้แม้แต่จะเก็บที่นอนตอนถูกพาตัวไป  เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีคลานเพื่อหาฟูกนอนที่น่าจะยังถูกปูทิ้งเอาไว้ที่พื้น  ก่อนจะซุกร่างลงไปในผ้าห่มผืนหนาที่มีกลิ่นอับและฝุ่นจนเขาจามออกมาอยู่หลายครั้ง  แต่เขาก็เหนื่อยและอ่อนล้าเกินกว่าจะลุกขึ้นมาอีกรอบ  สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปทั้งสภาพนั้น

    ดวงตาของเขาค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับ  ใช้เวลาอยู่สองวันในที่สุดก็สามารถกลับมามองเห็นได้ตามปกติ

    ...แต่มารดาของเขาก็ยังคงไม่กลับมาที่บ้าน...

    ร่างกายของอาร์โรห์เริ่มซูบลง  แม้ว่าการไม่ได้ทานอะไรเลยมากว่าอาทิตย์จะทำให้รู้สึกทรมาน  แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้ปีศาจตนหนึ่งตายลงได้  เพียงแต่จะทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่ารวดเร็วเท่านั้น

    แต่กระนั้นอาร์โรห์ก็ไม่ได้สนใจสภาพตัวเองนัก  เขาเริ่มตามหามารดา  หวังว่าคงจะเจอภายในเผ่า  แต่ความหวังของเด็กน้อยก็ดับวูบลงเมื่อไม่พบแม้กระทั่งเงาที่คล้ายคลึง...

    ร่างเล็กๆซุกตัวลงนั่งกลางทุ่งสีดำที่อยู่บริเวณรอบนอกของเผ่าก่อนที่จะออกนอกเขตแดน  ดวงตากลมโตคลอน้ำตาที่เคยคิดว่าจะไม่ให้มันไหลออกมาเพราะมารดาอีก  แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำไม่ได้

    ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยแรงสะอื้น

    ...ท่านแม่ทิ้งข้าแล้ว...

    ...ท่านแม่เกลียดข้าเกินกว่าจะกลับมาหาข้า...

    ...ข้าคงจะทำอะไรบางอย่างจนท่านแม่ไม่พอใจถึงไม่กลับมาหาข้า...

    “ท่านแม่กลับมาเถอะ!!!! ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ท่านไม่ชอบ  ท่านแม่กลับมาเถอะ!!!!!” เขาตะโกนสุดเสียง  หวังว่าเสียงของตนจะดังไปถึงมารดามี่ไม่เคยแม้แต่จะรักเขา  ก่อนจะซุกใบหน้าลงกับเข่า  ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจที่จะกลั้นเอาไว้

    แกร๊บ

    เสียงใบไม้แห้งที่ถูกเหยียบส่งผลให้ใบหน้าเล็กๆเงยขึ้นมองทั้งสภาพน้ำตานองหน้า  มองตรงไปยังร่างที่สูงกว่าเขาประมาณหนึ่งช่วงตัว  เงาที่ตกทอดมาทำให้เห็นหน้าของอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเจน  แต่ก็สังเกตเห็นถึงเค้าโครงใบหน้าที่หล่อเหลาของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

    อีกฝ่ายย่อตัวลงจนมาอยู่ในระดับเดียวกับเขา  นั่นจึงทำให้อาร์โรห์เห็นหน้าอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

    แม้จะมีใบหน้าคมคาย  หากแต่ก็ยังดูอ่อนเยาว์  จมูกโด่ง  ริมฝีปากบางได้รูป  ดวงตาสีเงินที่ถึงจะมองลึกลงไปก็ยังรู้สึกแต่เพียงความลึกที่ไร้ก้นบึ้ง  คิ้วสีดำโก่งสวย  หากแต่ก็หนาพอดีรับกับใบหน้า  โดยรวมแล้วอีกฝ่ายมีใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายอย่างยากจะหาใครเปรียบแม้จะเป็นอินคิวบัสด้วยกัน

    บางทีคงจะเพิ่งโตเต็มวัยกระมัง...

    เพียงแค่อีกฝ่ายเผยยิ้ม  อาร์โรห์ก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจบางเบาที่ไม่ได้รับมาเป็นเวลานาน  เขาจ้องรอยยิ้มนั้นอย่างสงสัย  แต่เหมือนอีกฝายจะไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้านั้นของอาร์โรห์เลยแม้แต่น้อย

    “แม่เจ้าล่ะ?  ทำไมนางถึงปล่อยให้เจ้ามานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนี้?”

    เหมือนกับว่าเขาถูกถามจี้จุด  ร่างกายแข็งค้างไปชั่วครู่ก่อนที่ขอบตาจะเริ่มร้อนผ่าวจนสุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมา

    “ฮึก! ฮือออออออออออ...”

    เหมือนว่าอีกฝ่ายจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง  จนสุดท้ายก็ทำได้เพียงเข้ามาปลอบด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ  แต่อาร์โรห์แทบไม่อยากจะสนใจ  เขาร้องไห้  ร้องจนตัวโยน  ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง  แต่มันก็ทำให้อีกฝ่ายเงียบเสียงลง  ทำเพียงช่วยลูบหัวปลอบเขาจนกระทั่งหยุดร้อง

    ขณะที่กำลังจะเอ่ยขอบคุณ  อีกฝ่ายก็กลับเอ่ยถามขึ้นมาเสียก่อน

    “เจ้าชื่ออะไรเหรอ  เด็กน้อย?”

    “ฮึก...อาร์โรห์...อาร์โรห์  เลอร์จิล...”

    อีกฝ่ายเผยยิ้ม “ยินดีที่ได้รู้จัก  ข้าชื่อคาร์ล  ราคัส  เรียกข้าว่าคาร์ลเฉยๆก็ได้...อาร์โรห์”

    อาร์โรห์กระพริบตาปริบๆ  มองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ  ก่อนจะพยักหน้าเป็นการตอบรับ

    และก็เป็นช่วงนั้นเองที่เขาเรียกอีกฝ่ายว่า พี่ชายถึงแม้ว่าพอเวลาผ่านไปจนเขารู้เรื่องและถูกเรียกว่า คนนอกคอกแล้วจะเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อห้วนๆก็เถอะ

     

    ...โรห์...

    ...อาร์โรห์....

    “โฮ่ยอาร์โรห์!!!

    เฮือก!!

    ร่างที่บางเกินกว่าเด็กหนุ่มทั่วไปสะดุ้งตื่นจนคนเขย่าปลุกเป็นฝ่ายตกใจเสียเอง

    “ด...เดล...เจ้าเองเหรอ...” กล่าวก่อนจะถอนหายใจเฮือก  หัวใจที่บีบตัวถี่ขึ้นเมื่อครู่ค่อยๆกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

    “ก็ใช่น่ะสิ  ข้าเขย่าปลุกตั้งนานกว่าเจ้าจะตื่น  แถมพอตื่นแล้วยังทำเอาข้าตกใจซะผงะเลย  เป็นอะไรของเจ้า??  ฝันร้ายหรือไง???”

    “อ่า...คงงั้นมั้ง...” อาร์โรห์ยกมือขึ้นกดหว่าคิ้วของตัวเองที่ปวดตุบๆ สายตากวาดมองไปรอบๆแต่กลับไม่พบร่างของอีกสองคนที่ควรจะอยู่ที่นี่ในเวลานี้ด้วย “ว่าแต่คาร์ลกับลูน่าล่ะ?”

    “ลูน่าไปอาบน้ำน่ะ  คาร์ลเลยต้องพาไป”

    “อ่อ...อืม...”อาร์โรห์นิ่งไปครู่หนึ่ง  แต่ไม่รู้ว่าการนิ่งของเขาไปทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเขาจะนอนต่อหรืออย่างไรอีกฝ่ายจึงได้สะกิดเขาจนอาร์โรห์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง

    “เราต้องไปหาอาหารนะ”

    “หือ?”

    “ถึงพวกเจ้าจะไม่จำเป็นต้องกินอาหารครบสามมื้อก็เถอะ  แต่ข้ากับลูน่าจำเป็น  คาร์ลเลยบอกให้ข้าปลุกเจ้าแล้วไปหาอาหารด้วยกัน”

    อาร์โรห์เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ  ก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืน  ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปอีกทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางด้านแม่น้ำ

    “ข้าเคยได้ยินมาว่าป่าแถวนี้มีปีศาจออกมาอาละวาดด้วยล่ะ”

    “หือ?  เจ้าไปได้ยินมาจากไหน?”

    “ตอนที่อยู่ในเมืองน่ะ  แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง  ก็ปีศาจอยู่กันคนละโลกกับที่นี่นี่นา”

    “เดล  ขนาดข้ายังมาอยู่ที่นี่ได้เลยนะ” สีหน้าของอาร์โรห์เครียดขึงขึ้น  ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาก็คงจะคิดว่าที่นี่ไม่มีทางมีปีศาจอื่นนอกจากปีศาจแฝงฝันที่สามารถเปิดมิติได้  แต่ถ้าเป็นตอนนี้ก็ไม่แน่  ชนเผ่าอาจจะต้องการตามล่าคนทรยศเช่นเขาจนยืมมือปีศาจเผ่าพันธุ์อื่น  หรือไม่ก็บังคับฝืนให้มายังโลกมนุษย์แห่งนี้ก็ได้

    เดลนิ่งไปครู่หนึ่ง  ก่อนจะหัวเราะแห้งๆเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นปีศาจเหมือนกัน

    กิกๆๆ...

    ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น  เสียงหัวเราะแปลกๆที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศทางใดก็ดังขึ้นให้เดลได้สะดุ้ง  ดวงตาสีทัพทิมมองไปรอบด้านอย่างตระหนก  แต่กลับเป็นอาร์โรห์ที่ดึงเอาร่างของเดลให้เข้ามานอนราบหลบในพุ่มไม้

    ฝ่ามือภายใต้ถุงมือเอื้อมมาปิดตาของเดลอย่างรู้ทันว่าเขาจะต้องมองเจ้าตัวที่ส่งเสียงหัวเราะแปลกๆนั่นอย่างอยากรู้อยากเห็นแน่ๆ

    “ข้าจะเตือนเจ้าครั้งเดียวนะเดล...เจ้าห้ามลืมตาขึ้นมา  ไม่อย่างนั้นถึงตายแน่” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นข้างๆหูทำเอาเดลกลืนน้ำลายดังเอื๊อก  เมื่อมือข้างนั้นค่อยๆเลื่อนออกเดลจึงพยายามที่มองพื้นอย่างเดียว

    “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ห้ามออกมาเด็ดขาดนะเดล” นั่นเป็นเสียงสุดท้ายของอาร์โรห์ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกไปจากที่ซ่อน

    อาร์โรห์ออกมายืนขวางทางของเจ้าปีศาจที่ตัวสูงเพียงอกของเขา  แขนและขาที่เล็กลีบจนเหมือนหนังหุ้มกระดูกและหน้าตาน่าเกลียดนั่นบ่งชี้ชัดถึงเผ่าพันธุ์

    ...ก็อบลิน...

    ถึงแม้เจ้าปีศาจตนนี้จะไม่ได้มีพิษภัยอะไรมากสำหรับปีศาจด้วยกัน  แต่ถ้าเป็นมนุษย์มันก็เป็นอีกเรื่อง...

    “กิกๆๆๆ  ท่านอินคิวบัส  ช่วยหลบหน่อยได้ไหม?  ข้าจะเอาเหยื่อไปทำอาหารให้นายท่านน่ะ กิกๆๆๆ”

    “ข้าให้เจ้าผ่านก็ได้  แต่เจ้าต้องตอบคำถามข้าก่อน”

    “ทำไมข้าต้องตอบด้วยล่ะ  กิกๆๆ”

    “เพราะเจ้าไม่มีทางชนะข้าได้ด้วยตัวคนเดียว”

    “กิกๆๆ ก็ไม่แน่หรอกนะ” กล่าวพลางเหลือบมองไปทางที่เดลยังคงซ่อนตัวอยู่

    อาร์โรห์มองตามสายตานั้น  อีกฝ่ายคงรู้สึกถึงเดลได้ตั้งแต่เมื่อกี้นี้  แต่เขาเองก็มีเรื่องที่อยากจะรู้...ว่าปีศาจ...มาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร...

    ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากัน “ข้าไม่อยากจะใช้กำลังวิวาทกับพวกวิกลวิกาลอย่างเจ้าหรอกนะ  รีบตอบคำถามข้าแล้วผ่านไปโดยไม่มีเรื่องกันไม่ดีกว่าหรือไง??”

    “กิกๆๆๆ กิ๊กๆๆๆๆๆๆ กล้าหาว่าข้าเป็นพวกวิกลวิกาลสินะ กิกๆๆๆๆ  ช่างกล้าเหลือเกิน...กิกๆๆๆๆ เคี๊ยกๆๆๆๆๆๆ”

    ร่างของเจ้าก็อบลินสั่นเทาเพราะแรงหัวเราะ  ริมฝีปากที่แสยะยิ้มกว้างทำให้อาร์โรห์ต้องรีบเบือนหน้าหนี  มันน่าเกลียดเกินกว่าที่เขาจะทนดูได้ไหว

    แต่ใครจะนึกว่าเจ้าก็อบลินนั่นกลับอาศัยจังหวะนั้นกระโจนพรวดเดียวไปถึงจุดที่เดลซ่อนตัวอยู่

    “เดล!!!” อาร์โรห์รีบวิ่งตามไปติดๆ  แต่กลับต้องชะงักอยู่กลางทางตรงหน้าเดลที่อีกเพียงสามก้าวก็คงจะถึงถ้าหากว่าเจ้ากอบลินนั่นไม่ดึงผมของเดลขึ้นมา!

    เดลเองก็ดูจะตกใจอยู่ไม่น้อย  อีกฝ่ายเบิกตากว้างมองมาทางอาร์โรห์อย่างไม่เข้าใจ

    “ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้าเป็นพวกวิกลวิกาล  งั้นข้าจะทำให้ดูว่าพวกวิกลวิกาลอย่างข้าจะทำอะไรได้บ้าง!!!

    คำพูดนั้นทำเอาเลือดในกายของอาร์โรห์เย็นเฉียบขณะที่เจ้าก็อบลินนั่นแสยะยิ้มและค่อยๆจับให้ศีรษะของเดลหันไปมองรอยยิ้มที่ทำให้เลือดในกายของมนุษย์หยุดไหล  อวัยวะทุกส่วนที่ไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงจะค่อยๆตายลงไปทีละน้อยจนในที่สุดร่างนั้นก็จะตายในที่สุด!

    ขณะที่เดลได้เห็นครึ่งหน้าส่วนบนของก็อบลินแล้วก็ทำได้แต่เพียงเบิกตากว้างอยู่นั่นเอง  เสียงของอาร์โรห์ก็ทำให้เขาได้สติ

    “หลับตา!  รีบหลับตาเร็วเข้าเดล!!!!

    เดลรีบทำตามก่อนที่จะได้เห็นริมฝีปากที่แสยะยิ้มของก็อบลิน  ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเฉี่ยวผ่านหน้าไปทางเจ้าก็อบลินด้านหลัง  ก่อนที่ฝ่ามือสากๆของเจ้าก็อบลินจะปล่อยออกจากเขาพร้อมกับเสียงเหมือนของหนักตกลงกระทบพื้น

    ตอนนั้นเองที่เดลลืมตาขึ้นมองไปทางอาร์โรห์ที่ถือคันธนูสีดำค้างไว้ในท่าง้างคันศร  ก่อนจะมองไปด้านหลังแล้วพบร่างของก็อบลินที่นอนตายโดยมีศรสีดำปักอยู่ที่หน้าผาก

    เดลผวาเฮือกอย่างตระหนก  เหมือนจะเห็นศพของก็อบลินซ้อนทับกับภาพของร่างไร้ลมหายใจอันเย็นชืดที่ขาดออกเป็นสองท่อน...

    “เดล!

    นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง...
     

    __________________________________________________________________
    เอาล่ะสิ  คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเดลอีกล่ะ
    น่าลุ้นดีเนอะ(?)
    แหะๆ พูดเล่นค่ะ  ไม่ต้องห่วงไม่มีอันตรายถึงชีวิตแน่นอน
    ที่แน่ไปกว่านั้นคือเรื่องนี้อาร์โรห์รับเคราะห์ตลอด(??)  แต่ถึงอย่างนั้นไรท์ก็รักอาร์โรห์ที่สุดอยู่ดี ฟฟฟฟฟ
    ขอบคุณที่ติดตามนิยายของไรท์นะคะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×