คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5
บทที่ 5
เช้าของวันต่อมาอาร์โรห์ตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เป็นปกติต่างจากเมื่อคืนจนคาร์ลต้องขมวดคิ้วมุ่น
...คงต้องหาเวลาคุยกับอาร์โรห์ให้รู้เรื่องซะล่ะมั้ง...
คิดได้ดังนั้นคาร์ลก็เริ่มอ้าปากเตรียมถาม แต่แล้วทุกอย่างในห้องก็ต้องชะงักเมื่อ...
ปึง !!!
ประตูห้องล้มลงในวงสโลบโค้งอย่างสวยงาม เผยให้เห็นเท้าใต้รองเท้าบูทสาเหตุที่ทำให้ประตูห้องถูกพังจนล้มลงไปนอนแผบยู่บนพื้น
เจ้าของเท้าขยับเท้าสวยๆลงมาให้อยู่ในท่าปกติ เผยให้ทุกคนได้เห็นหน้าเจ้าของฝ่าเท้างามๆเมื่อครู่ ลีลนั่นเอง หญิงสาวผู้มีใบหน้ามคายคล้ายผู้ชายจนอาร์โรห์อิจฉาคนนั้นนั่นเองที่เข้ามารบกวนเวลายามเช้าของพวกเขา
หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องอย่างสง่าผ่าเผย วันนี้ภายใต้ชุดคลุมของเธอเป็นชุดทะมัดทะแมงเหมาะแก่การเดินทาง เส้นผมที่เมื่อวานถูกปล่อยยาวสยายในวันนี้กลับถูกรวบขึ้นเป็นหางม้า ทำให้ใบหน้าของเธอแลดูเหมือนผู้ชายเข้าไปอีก
อาร์โรห์เกิดอาการอิจฉาขึ้นมาอีกครั้ง...
ลีลเสยผมเบาๆยกระดับความเท่ให้ตัวเองอีกเป็นเท่าตัวก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้รับรองในห้องแล้วจึงกล่าว “พวกเจ้าจะไปช่วยน้องสาวของเจ้าวันนี้ใช่รึเปล่า??” กล่าวพลางหันไปทางเดลอย่างเจาะจงตัว “จะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ? เดี๋ยวนี้เลยไหม??”
“พวกข้าจะรอตอนฟ้ามืดก่อน ระหว่างนั้นเจ้าก็ทำตัวตามสบายเถอะ” เป็นเดลที่กล่าวตอบ
“แล้วแผนล่ะ? จะบุกเข้าไปทั้งๆที่พวกเจ้ามีรูปร่างหน้าตาสะดุดตาขนาดนี้หรือ?”
“...” นั่นสิ ถ้าจะเข้าไปกันหมดนี่ก็ให้ลีลเห็นพลังของปีศาจไม่ได้ อย่างมากที่สุดก็ใช้ได้เพียงพลังเวทเท่านั้น...
“แล้ว...เจ้ามีแผนอะไรไหม?” อาร์โรห์กล่าวถามหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ส่งผลให้หญิงสาวชาวมนุษย์เผยยิ้มมีเลศนัยออกมา “แน่นอนว่าข้าต้องมีอยู่แล้ว”
หลังจากที่ลีลเล่าแผนของตนเองให้ทั้งสามฟังจบ อาร์โรห์ก็ทำสีหน้าแปลกๆออกมาจนน่าขำ “ข้า...ไม่ทำไม่ได้เหรอ...” ถามเสียงอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่คำตอบที่ได้กลับมาก็ทำเอาเขาหน้าจ๋อยลงไปอีก เหมือนเด็กๆที่ถูกผู้ใหญ่ดุไม่มีผิด
“ข้าว่ามันก็เป็นแผนที่เหมาะสมดีออกนะ อีกอย่างเราเองก็ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้วทำตามไปมันก็ไม่เสียหายนี่”
...ใช่สิ ก็คนที่เสียหายมันข้านี่นา...
“นั่นสิ ข้าเองก็ขี้เกียจคิด เอาตามนี้ล่ะ อีกอย่างถ้าไม่ทำตามนี้ก็ดูจะเสียมารยาทกับสุภาพสตรีไปหน่อยละมั้ง”
...แล้วเจ้าเคยเห็นใจข้าบ้าไหมล่ะนั่น เอาแต่ผู้หญิงอย่างเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเลือกเป็นอินคิวบัส...
ลีลหัวเราะเบาๆพลางลุกขึ้นมาตบไหล่ของอาร์โรห์ด้วยแรงที่ไม่แรงนัก “ข้าแต่งเป็นผู้ชายยังไม่บ่นเลยนะ เจ้าเป็นผู้หญิงแต่งเป็นผู้หญิง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีออกนะ ได้แต่งตัวสวยๆด้วย” ลีลกล่าวกับอาร์โรห์เยี่ยงผู้ใหญ่สอนเด็กน้อย
...ข้าไม่ใช่ผู้หญิงงงงงงง...
อาร์โรห์ร้องโหยหวนอยู่ในใจ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะตะโกนออกไปให้สุดเสียง แต่ริมฝีปากของเขากลับทำได้เพียงเผยยิ้มแหย ในใจแอบแช่งชักหักกระดูกคาร์ลที่บังอาจมาใช้เวททำให้เขาเปิดปากไม่ได้ ให้ตายสิ !!!
คาร์ลหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างไม่อาจห้ามได้อยู่เมื่อเห็นสีหน้าของอาร์โรห์ เสียงก่นด่าดังขึ้นในหัวสมองเขาไม่หยุด แต่มันก็ยังไม่มีผลต่อเขา คาร์ลยังคงใช้เวททำให้อาร์โรห์ส่งเสียงพูดไม่ได้ต่อไป
และแล้วปฏิบัติการแปลงโฉมก็เริ่มขึ้น
“อะ!...เบาๆสิ!...อ๊ะ!...แฮ่กๆ” เสียงของอาร์โรห์ดังก้องไปทั่วห้องที่ถูกดับไฟให้มืดลง เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้า มือทั้งสองข้างใช้ยันกำแพงเพื่อไม่ให้ตนเองทรุดลงไปกับพื้น
“ทนหน่อยน่า เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” เดลกล่าวเสียงเบาปนหอบน้อยๆ ใบหน้าของเขาเองก็ปรากฏเม็ดเหงื่อขึ้นพราวไม่แพ้อีกคนเลย มือของเขาก็ขยับทำงานของมันไปเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้
“โอ๊ย! บ...เบาๆหน่อยสิ...อ๊ะ!”
“ฮะ...แฮ่ก...”
เสียงที่ทำคนฟังชวนสยิวทำให้คาร์ลหัวเราะแห้งๆออกมาขณะที่เขายังคงยืนรออยู่ด้านนอกห้องพักกับลีล
“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมอาร์โรห์ถึงให้เดลที่เป็นผู้ชายช่วยแต่งตัวแทนที่จะเป็นข้าที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน??” ลีลที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้น
ใช่แล้ว ในตอนนี้อาร์โรห์กำลังแต่งตัวโดยมีเดลเป็นผู้ช่วยอยู่ในห้อง และเสียงที่ได้ยินดังออกมานั่นก็คงจะเป็นการรัดผ้ารอบเอวที่ผู้หญิงมักจะทำกันเพื่อให้ดูตัวเล็กลงนั่นล่ะ
คาร์ลหันใบหน้าที่มีรอยยิ้มเรียบๆประดับอยู่มาทางหญิงสาว “คงจะเป็นเพราะยังไม่สนิทมากพอละมั้ง”
“อะไรกัน นี่ยังไม่เรียกว่าสนิทอีกหรือ” ลีลขมวดคิ้ว ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นทำคงจะดูน่าเกลียด แต่เมื่อเธอทำมันกลับน่ามองในแบบที่ถ้าผู้หญิงเห็นคงจะหลงเคลิ้มไปกับมันได้ไม่ยากเลย
คาร์ลเพียงยิ้มแบบเดิมให้ พอดีกับที่เสียงในห้องเงียบลง
ประตู (ที่ไม่รู้ว่าถูกต่อเข้าไปเป็นแบบเดิมตั้งแต่เมื่อไหร่) ถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของเดลที่เดินออกมาจากห้อง ตามด้วยอาร์โรห์ในชุดผู้หญิง และเหมือนว่าเขาจะใช้เวทในการเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายในบางจุดให้ดูสมเป็นผู้หญิงมากยิ่งขึ้น
ชุดที่เขาสวมอยู่คือชุดกระโปรงยาวพองๆที่ผ่าด้านหน้าขึ้นมาถึงต้นขา มีผ้าที่ถูกมัดคาดไว้ที่เอวทับกระโปรง ช่วงลำตัวถูกตัดเย็บอย่างประณีต เส้นผมที่ถูกปล่อยยาวสยายลงมาเต็มแผ่นหลังถูกประดับด้วยดอกกุหลาบสีสะอาดตัดกับเส้นผมสีนิลกาล ทำให้มันดูโดดเด่นและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเวลาที่อยู่ในช่อที่ถูกจัดมาอย่างสวยงามหรือในพุ่มเสียอีก
"เห...ดูดีกว่าที่ข้าจินตนาการไว้อีกนะ" คาร์ลอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างล้อๆ และได้ปฏิกิริยากลับมาเป็นการค้อนเสียวงใหญ่จากนัยน์ตาสีรัตติกาล
“งั้นต่อไปก็ถึงตาข้า” ลีลกล่าวพลางดันร่างออกมาจากกำแพงที่พิงอยู่เมื่อครู่ “อาร์โรห์ช่วยข้าหน่อยได้ไหม??”
คนถูกขอนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็ถูกศอกของเดลที่ยืนอยู่ข้างๆกระทุ้งเบาๆเรียกสติ “ม...ไม่ดีมั้ง...”
“แล้วเจ้าจะให้ใครมาช่วยข้าพัน...”เว้นระยะไปช่วงหนึ่งพลางเหลือบตาลงมองสิ่งที่แสดงถึงความเป็นหญิงของตนเอง แน่นอนมันคือ ‘หน้าอก’ ของเธอนั่นล่ะ
อาร์โรห์มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็จำใจต้องเข้าไปช่วยลีลแต่งตัว โดยไม่สืมที่จะใช้เวทเคลือบดวงตาของตนเองให้เห็นร่างกายของลีลเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง
ในตอนนั้นเองภาพภาพหนึ่งก็แล่นเข้ามาในมโนสำนึกของอินคิวบัสหนุ่ม มันเป็นภาพที่ทำให้เขารู้สึกถึงกลิ่นหอมหวานแปลกประหลาด เห็นภาพร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่างของเขา มีเสียงที่เขาคิดว่าไม่น่าพิสมัยดังออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดของเธออยู่ตลอดเวลา
อาร์โรห์เลียริมฝีปากของตนเอง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเขาเพิ่งจะคิดถึงอะไรไป เขารีบเก็บท่าทีและสงบสติอารมณ์ หายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้งกว่าจะสามารถดึงอารมณ์ให้กลับมาอยู่ในสภาวะปกติได้ จากนั้นจึงก้าวเข้าไปในห้องตามลีลไป
แต่เมื่ออาร์โรห์เข้ามาถึงเขากลับต้องชะงักเมื่อเขาพบว่าลีลถอดเสื้อช่วงบนออกหมดแล้ว เหลือเพียงแถบผ้าที่พันช่วงอกที่ทำท่าจะหลุดไม่หลุดแหล่ด้วยฝีมือของเจ้าตัวเอง
อินคิวบัสหนุ่มในสภาพหญิงสาวร้องเหวอก่อนจะรีบหันหลังหนีภาพที่ทำให้เขาถึงขั้นหน้าแดงไปถึงใบหู
“อ้าวอาร์โรห์ มาพอดีเลย มาช่วยข้าพันให้มันแน่นกว่านี้หน่อยสิ”
มันใช่เรื่องมั้ย!!!? อีกอย่างเจ้าจะถอดเสื้อผ้าเร็วไปไหน !!!!?
“อ...อืม...” อาร์โรห์รับเสียงแผ่วแล้วค่อยๆเดินเข้าไปในห้องอย่างกล้าๆกลัวๆ ลีลที่เห็นอาร์โรห์ชักช้าผิดปกติจนอดไม่ได้ที่จะหันมามอง แล้วก็ต้องหลุดยิ้มขันเมื่อเห็นร่างที่มีส่วนสูงน้อยกว่าตนเองค่อยๆเดินถอยหลังเข้ามาหาเธอ
ลีลรอจนอาร์โรห์เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอื้อมมือไปโอบไหล่ของร่างที่เล็กกว่า มันทำให้อาร์โรห์สะดุ้งโหยงอย่างไม่ทันตั้งตัว ลีลที่เห็นท่าทีเช่นนั้นหลุดหัวเราะพรืด
“ปฏิกิริยาของเจ้าเนี่ยน่ารักจัง ฮะๆๆ”
“ล...เล่นอะไรของเจ้ากัน...”อาร์โรห์ทำหน้าเหม็นบูดอย่างที่แทบไม่เคยทำมาก่อน
รถม้าขนาดกลางถูกจอดลงที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานของกลุ่มอิทธิพลหลายต่อหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะด้วยสถานที่ที่มิดชิด เป็นส่วนตัว และ...ลับตาคน...
ชายหญิงคู่หนึ่งก้าวลงมาจากรถม้า ท่าทางของทั้งสองทีแสดงออกมานั้นราวกับเป็นชนชั้นสูง ทั้งนี้เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ถูกตัดเย็บอย่างประณีตงดงาม
คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มผู้มีในหน้าหมดจดหล่อเหลา เสื้อสูทผ้าไหมสีดำเข้ารูปช่วยเสริมให้เขาดูสง่างามอย่างน่าประหลาด บนศีรษะที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ปกคลุมมีหมวกผ้าไหมเข้ากับเสื้อสูทของเขา ฝ่ามือสวมถุงมือที่ปิดฝ่ามือไปเพียงครึ่งสีดำ ข้างกันคือหญิงสาวที่คาดว่าคงจะงดงามที่สุดในงานนี้กำลังควงแขนของเขาอยู่ เส้นผมสีนิลที่ถูกปล่อยยาวสยายพลิ้วไหวไปตามการเดินของเธอ ส่งกลิ่นหอมจางๆไปทั่วจนชายหนุ่มหลายคนต้องเหลียวมอง ผิวอมชมพูดูเนียนนุ่มน่าสัมผัส รับกับชุดที่สวมใส่ ใบหน้างดงามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีอ่อน ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กสาววัยแรกแย้มด้วยโทนสีชมพูอ่อน
มีหญิงชนชั้นสูงหลายคนที่มองมาทางหญิงสาวผู้มาใหม่อย่างอิจฉาริษยา แม้พวกเธอจะมีใบหน้างดงามสักเท่าใดก็ยังไม่อาจเทียบชั้นกับหญิงสาวได้ พวกเธอเริ่มรวมกลุ่มกันคุย นินทาตามประสา แต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากชายหนุ่มหน้าตาดีที่เข้ามาพร้อมกับหญิงสาว พวกเธอใคร่สงสัยนักว่าในเมืองแห่งนี้มีชายหนุ่มผู้หมดจดงดงามเช่นนี้เล็ดรอดสายตาไปได้อย่างไร
“ลีล...แล้วเดลกับคาร์ลล่ะ”
“เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก เดี๋ยวเราก็จะได้เห็นสองคนนั้นเอง”
แน่นอนว่าชายหญิงที่สร้างเสียงฮือฮาและวิพากษ์วิจารณ์นั้นไม่ใช่ใครอื่น ลีลและอาร์โรห์นั่นเอง
ทั้งสองเดินเข้าไปในงานประมูลที่ถูกจัดขึ้น และแน่นอนว่าข่าวการจัดประมูลในครั้งนี้ก็ได้มาจากลีลอีกนั่นล่ะ
พวกเขาเลือกนั่งลงที่โต๊ะในมุมหนึ่งของที่จัดงาน ดูเหมือนที่ตรงนี้จะเป็นจุดที่เป็นส่วนตัวที่สุดแล้วในสถานที่จัดงานแห่งนี้
บริกรคนหนึ่งเดินเข้ามาทำท่าจะรับออเดอร์ แต่เพียงแค่ลีลโบกมือเป็นเชิงไม่เอาอะไรทั้งๆที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ถามอีกฝ่ายก็ทำเพียงโค้งตัวให้แล้วจากไปด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจ
แน่นอนว่าใครๆก็ต้องหวังผลตอบแทนอย่างทิปที่จะได้รับจากลูกค้า แต่กลับถูกปฏิเสธทันทีที่เดินเข้ามา ใครๆก็ย่อมไม่พอใจกันทั้งนั้น
อาร์โรห์สัมผัสได้ถึงกระแสความไม่พอใจจากร่างของบริกรคนนั้น เขามองตามก่อนจะหันมาทางลีล “ทำไมคนๆนั้นต้องไม่พอใจด้วยล่ะ??”
คำถามนั้นทำให้ลีลหันมามองด้วยสีหน้างงงวย ก่อนจะมองตามสายตาของอาร์โรห์ไปพบกับบริกรคนเมื่อครู่ที่ในตอนนี้กำลังเกาะกลุ่มคุยกับเพื่อนและหันมามองทางพวกเขาด้วยสายตาที่แสดงถึงความประสงค์ร้าย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ลีลหรืออาร์โรห์หวาดกลัวหรือวิตกกังวล
ในตอนนั้นเองที่เสียงดนตรี และแสงไฟบนเวทีถูกเปิดขึ้นดึงความสนใจจากทั้งสองคนไป
ชายสวมหน้ากากคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับรอยยิ้มการค้าที่ประดับบนใบหน้า
“ยินดีต้อนรับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน” อีกฝ่ายกล่าวพลางโค้งตัวลงไปด้วยแผ่นหลังที่เหยียดตรง “กระผมเป็นผู้ดำเนินงานประมูลในครั้งนี้ กรุณาเรียกกระผมว่า...”
“เลียร์ เวอเรจ”
เพียงแค่นั้นก็ทำให้ร่างของอาร์โรห์สะดุ้งเฮือก ชื่อที่ได้ยินนั่นเขาจำไม่มีวันลืม เลียร์ เวอเรจ...ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างหน้าตางดงาม เส้นผมและนัยน์ตาสีทองดูโดดเด่น...
นัยน์ตาสีนิลของอินคิวบัสหนุ่มเพ่งมองไปยังร่างบนเวทีที่ยังคงเอ่ยเปิดงานประมูลต่อไป เส้นผมสีทองที่ยาวลงมาถึงกลางหลังและน้ำเสียงไพเราะราวกับเครื่องดนตรีนั้นทำให้อาร์โรห์เชื่อไปกว่าครึ่งว่าอีกฝ่ายคือเลียร์ เวอเรจคนนั้นจริงๆ
อาร์โรห์เผลอเหม่อลอยจนการประมูลผ่านไปครู่ใหญ่ก็มีบริกรสองคนเดินเข้ามาหา
หนึ่งในนั้นก้มลงมาพูดเบาๆพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“อาร์โรห์ เจ้าเหม่อนานเกินไปแล้วนะ”
“อ๊ะ!” อาร์โรห์สะดุ้ง แต่เมื่อมองไปยังคนพูดเขาก็กลับถอนหายใจออกมา “โถ่ เจ้าเองเหรอเดล...”
“ก็ข้าน่ะสิ คิดว่าเป็นใครล่ะ??” กล่าวทั้งๆที่นัยน์ตาต้องสาปสีแดงคู่นั้นแฝงแววขำขันเอาไว้ด้วย อาร์โรห์ที่เห็นดังนั้นลอบทำหน้าบูด ก่อนจะหันมาเอ่ยถาม “แล้ว...มีอะไรล่ะ??”
“ของประมูลชิ้นต่อไปคือ...ลูน่า..”
“อะ...ถึงแล้วงั้นเหรอ...”
“ข้าก็แค่มาบอกให้เจ้าเตรียมตัวน่ะนะ แล้วก็นี่..” เดลเอ่ยพลางดึงอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อกั๊กสีดำของชุดบริกร “คาร์ลบอกว่าให้เจ้าพกมันไปด้วยน่ะ”
ได้ยินดังนั้นอาร์โรห์ก็เหลือบตาไปทางคาร์ลที่ยืนอยู่ด้านหลังเดล อีกฝ่ายที่สังเกตเห็นว่าเขามองมาก็ทำเพียงยิ้มตอบ เป็นเหตุให้อาร์โรห์รีบสะบัดหน้าหนีแล้วรับเอาสิ่งที่เดลถืออยู่ไปก่อนจะเริ่มมองสำรวจสิ่งที่อยู่ในมือ
มันเป็นมีดขนาดยาวหนึ่งศอกเล่มหนึ่ง ตัวด้ามถูกหล่อขึ้นมาจากโลหะบางอย่างที่มีสีดำสนิท และตัวใบมีดถูกหล่อขึ้นมาด้วยโลหะที่คาดว่าไม่น่าจะมีในโลกมนุษย์สีเงินประกายแดง ทั้งยังมีสลักตัวอักษรเวทไว้บนใบมีดซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะมีในโลกมนุษย์ได้
อาร์โรห์พิจารณาสิ่งนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองไปทางลีลที่ยังคงใจจดใจจ่ออยู่กับการประมูลที่แข่งกันเสนอราคาจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ก่อนจะหันกลับมาที่มีดในมืออีกครั้ง เพียงแค่แตะมือลงบนใบมีดโลหะสีเงินประกายแดงก็ถูกปิดทับด้วยปลอกมีดสีดำที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังเวท
อาร์โรห์เงยหน้าขึ้นไปหาเดล “ขอบใจมาก เจ้ารีบไปเตรียมตัวกับคาร์ลเถอะ มาอยู่ตรงนี้นานๆจะผิดสังเกตเอา”
“รู้อยู่แล้วล่ะน่า ไปกันเถอะคาร์ล”
“อืม”
ทั้งสองคนเดินออกไปรวมกับบริกรคนอื่นๆ แสร้งทำเป็นว่าเป็นหนึ่งในบริกรที่ถูกจ้างมา และแน่นอนว่าไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อบริกรของที่นี่มีมากกว่าสิบคน
“และก็มาถึงสินค้าชิ้นต่อไปของเรา...” เลียร์กล่าวพลางผายมือไปทางกรงที่ถูกผ้าสีม่วงคลุมเอาไว้ “ทุกท่านพร้อมหรือยังที่จะเชยชมสินค้าชิ้นนี้ หากพร้อมแล้วก็กรุณามองอย่าได้กระพริบตา สินค้าชิ้นนี้เริ่มที่...”
“...หนึ่งร้อยเหรียญทอง!!!” คำกล่าวนั้นมาพร้อมกับแรงกระชากที่มุมผ้าจนมันร่วงลงสู่พื้น ร่างของลูน่าซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงลูกไม้สีขาวดูราวกับเทพธิดาผู้ใสสะอาดปรากฏให้เห็นผ่านซี่ลูกกรงสีเงิน ดวงตาของลูน่าปิดสนิท...เหมือนว่าเธอจะถูกวางยานอนหลับเพื่อป้องกันการหนี
มีเสียงจอแจดังขึ้น ถกเถียงกันเรื่องราคาเริ่มต้นที่สูงลิ่ว แต่แล้วก็มีเศรษฐีกระเป๋าหนักคนหนึ่งเอ่ยเสนอราคาอันน่าตกใจขึ้น
“ห้าร้อยเหรียญทอง!!!!”
“ว้าวๆ มีเศรษฐีใจป้ำด้วยแฮะ” ลีลกล่าวพลางมองไปทางผู้เสนอราคาซึ่งเป็นเศรษฐีอายุอานามไม่น้อย สายตาที่อีกฝ่ายใช้มองลูน่านั้นช่างน่ารังเกียจเสียจนอาร์โรห์ที่มองอีกฝ่ายอยู่ขนลุกแทน
หลังจากนั้นก็เริ่มมีอีกหลายคนที่เสนอราคาที่มากกว่านั้นมา และสุดท้ายมันก็มาจบลงที่...
“สามพันเหรียญทอง!!!”
“สามพันเหรียญทองครั้งที่หนึ่ง !”
“สามพันเหรียญทองครั้งที่สอง !”
“สามพันเหรียญทองครั้งที่สาม !”
“ปิดประมูลที่สามพันเหรียญทอง !”
“เชิญขึ้นมารับสินค้าขอรับ” เลียร์กล่าวพลางโค้งตัวเชิญผู้ที่เสนอราคาสามพันเหรียญทองอย่างสุภาพ ชายผู้เป็นเจ้าของเงินจำนวนนั้นเดินขึ้นสู่เวทีก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างให้ได้ยินกับเลียร์เพียงสองคน แต่หูของอาร์โรห์กลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ข้าหวังเหลือเกินที่จะได้เชยชมร่างกายของเจ้า รวมทั้งเด็กหนุ่มคนนั้นที่เจ้าเคยเล่าให้ข้าฟัง หวังว่าเจ้าจะจับเขามาได้ในเร็ววันนะ”
“หึๆๆ ท่านนี่ใจร้อนเสียจริง ท่านก็รู้นี่ขอรับว่าข้าจะไม่รับลูกค้าคนไหนทั้งสิ้นที่ไม่ถูกใจข้า แต่ถ้าสำหรับเด็กหนุ่มผู้งดงามคนนั้นล่ะก็...อีกไม่นานทางเราก็จะนำเขามาปรนนิบัติท่านขอรับ”
“งั้นก็ดี” กล่าวจบชายคนนั้นก็เดินเข้าไปใกล้กรงสีเงินที่ลูน่าถูกขังอยู่โดยที่ไม่ได้ยินสิ่งที่เลียร์พึมพำกับตนเองเลยแม้แต่น้อย
“..ใช่แล้ว...นำไปปรนนิบัติท่าน...หลังจากที่ผ่านมือข้าไปแล้วน่ะนะ...ฮึๆๆ”
อาร์โรห์ขนลุกขึ้นมาทันทีกับประโยคสนทนาที่ได้ยิน ไม่ต้องคิดเลยว่า ‘เด็กหนุ่มผู้งดงามคนนั้น’ เป็นใคร
เลียร์เดินเข้าไปหากรงสีเงินโดยที่ในมือถือกุญแจดอกหนึ่งเอาไว้ เขาไขประตูกรงออก เปิดให้ผู้ที่ประมูลสินค้าชิ้นนี้ได้เข้าไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าได้มีใครบางคนเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ลีลและอาร์โรห์นั่นเองที่ลุกขึ้นจากโต๊ะ อาร์โรห์ใช้ความเร็วที่เกินกว่ามนุษย์จะทำได้เคลื่อนไปบนเวที เข้าไปภายในกรงและพาลูน่าออกมาอยู่ด้านนอกได้ทันท่วงทีก่อนที่มือสกปรกของผู้ประมูลจะแตะถูก
“ลูน่า...ลูน่า!” อาร์โรห์พยายามเขย่าเรียกสติของร่างในอ้อมแขนที่เขาในสภาพนี้คงจะพาหนีได้ไม่สะดวกนัก แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ลูน่าก็ยังไม่ได้สติ เหมือนว่าจะถูกยานอนหลับที่มีฤทธิ์รุนแรงจนทำให้หลับลึก
อาร์โรห์ส่งเสียง ‘ชิ’ อย่างขัดใจ แต่เมื่อเขามองลงไปทางด้านล่างของเวที และอีกสองคนที่อยู่บนเวที เขาก็รีบก้มหน้าลง หยิบเอาหน้ากากที่ปิดช่วงดวงตาเลยลงมาถึงช่วงริมฝีปากครึ่งหนึ่งสีขาวเรียบๆออกมาสวม
“เจ้าเป็นใคร บังอาจมายุ่งกับของของข้าได้ยังไง!!!?”
“ขออภัยด้วยนะ คนๆนี้คือเพื่อนของข้า ข้าคงปล่อยให้นางถูกประมูลไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้” อาร์โรห์กล่าวพลางเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่มีหน้ากากปกปิดทำให้แม้แต่เลียร์ก็ยังจำเขาไม่ได้...แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถวางใจอะไรได้ หากถูกจับได้และถูกถอดหน้ากาก เลียร์จะต้องจำเขาได้อย่างแน่นอน...และถ้าถึงเวลานั้น ตอนนั้นล่ะที่จะเกิดความวิบัติครั้งใหญ่กับเขา...
“เป็นอย่างไรบ้าง” เสียงของลีลดังขึ้นเป็นเหตุให้อาร์โรห์หันไปมอง อีกฝ่ายเองก็มีหน้ากากครึ่งหน้าสวมไว้เช่นกัน และเมื่อลีลเห็นว่าอาร์โรห์ยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหนนอกจากหันมามองตนเองเธอจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปใกล้
“ขอโทษด้วย อยู่ในชุดนี้ข้าไม่สะดวกเท่าไหร่ เจ้าช่วยข้าแบกลูน่าไปทีได้ไหม?”
“หืม?? อ้อ..ได้” ลีลรีบเข้ามาเอาร่างของลูน่าขึ้นหลังจากนั้นทั้งสองก็รีบพากันลงจากเวทีหมายจะออกจากสถานที่ประมูล หากแต่ก็มีชายสวมชุดดำหลายต่อหลายคนเข้ามาขวางทาง
อาร์โรห์ที่ในตอนนี้มือว่างเข้ามายืนขวางหน้าลีลเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆดึงเอามีดยาวที่ซ่อนไว้ออกมา แน่นอนว่าอยู่ในสภาพที่ยังคงอยู่ภายในปลอกมีด
“ข้าไม่อยากจะทำพวกเจ้าบาดเจ็บหรอกนะ ช่วยหลีกทางให้ด้วย”
“อย่าหวังว่าคนที่บังอาจมาขโมยของๆข้าอย่างเจ้าจะหนีรอดไปได้นะ!!!” เสียงที่ดังมาจากบนเวทีทำให้อาร์โรห์รู้ว่าเจ้านายของคนเหล่านี้คือใคร
“งั้นก็ช่วยไม่ได้...ข้าจะพยายามไม่ไห้ถึงตายก็แล้วกัน!!!” กล่าวจบอาร์โรห์ก็ดึงมีดออกจากฝักก่อนจะพุ่งเข้าใส่หนึ่งในกลุ่มคนที่ขวางทางเขา ใช้ด้ามมีดกระแทกเข้าที่หลังคอของอีกฝ่ายจนร่างนั้นทรุดลงกับพื้นสลบไปด้วยแรงที่ถูกยั้งเอาไว้...ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายก็คงจะคอหักไปแล้ว...
จากนั้นอาร์โรห์ก็พุ่งเข้าหาคนที่อยู่ใกล้ๆ หากแต่การโจมตีครั้งแรกทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทันและหันดาบมาทางเขา ก่อนจะจ้วงแทงดาบเล่มนั้นออกมาด้วยความหวาดกลัวในความเร็วเกินขีดจำกัดมนุษย์ของอาร์โรห์
เขาทำเพียงขยับหลบไปเพียงไม่กี่องศาก่อนจะหักข้อมือแทงมีดใส่ชายคนนั้นเข้าที่ไหล่ขวาซึ่งเป็นจุดที่ไม่สามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้ไปโดนเส้นเลือดใหญ่เข้า แต่มันก็สามารถทำให้อีกฝ่ายหมดสภาพในการต่อสู้ไปจนกว่าจะได้รับการรักษา
อาร์โรห์เคลื่อนไหวไปมาในกลุ่มของศัตรูอย่างลื่นไหลราวกับกำลังแสดงการเต้นรำอันงดงามที่มีสีเงินประกายแดงของใบมีดและมีสีแดงสดของเลือดเป็นสิ่งประกอบฉาก
และแล้วร่างสุดท้ายก็ล้มลง เหลือเพียงอาร์โรห์ที่ร่างกายยังคงสะอาดเอี่ยมยืนอยู่ รอบๆคือร่างของชายฉกรรจ์ที่เมื่อครู่ยังยืนกันหน้าสลอนแต่บัดนี้กลับลงไปนอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น บางคนก็สลบเหมือดด้วยการฟาดฝ่ามือลงบนท้ายทอยของอาร์โรห์
...อาจเรียกได้ว่าฝีมือของอาร์โรห์นั้น...เฉียบขาด...
ลีลที่เห็นการต่อสู้ของอาร์โรห์ยืนนิ่งด้วยความไม่อยากเชื่อ แน่นอนว่าเธอเคยเห็นอาร์โรห์หักข้อมืคนอื่นด้วยมือเปล่ามาก่อน แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าฝีมือของอาร์โรห์เรียกได้ว่าหาคนมาเทียบได้ยากยิ่ง
“ลีล! เจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบมาเร็ว!” เสียงเรียกของอาร์โรห์ทำให้ลีลได้สติและรีบตามอาร์โรห์ออกไปนอกสถานที่ประมูล ที่หน้าประตูนั้นมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่บนนั้นมีชายหนุ่มอยู่สองคน คนหนึ่งเปิดประตูคอยอยู่ในรถม้า ส่วนอีกคนหนึ่งคอยกุมบังเหียนที่เชื่อมกับม้าเอาไว้พร้อมออกตัวทุกเมื่อ
ทั้งสองคนนั้นคือคาร์ลและเดล แน่นอนว่าคนที่คอยอยู่ในรถต้องเป็นคาร์ลซึ่งเป็นอินคิวบัสที่เคยแต่สยายปีกบินอยู่บนฟ้า และเดินด้วยเท้าเท่านั้น
อาร์โรห์เป็นฝ่ายขึ้นไปบนรถม้าก่อน จากนั้นจึงหันมาช่วยพาเอาร่างของลูน่าขึ้นมานอนบนเบาะรถเพื่อให้ลีลขึ้นมาได้สะดวก
หลังจากที่ทุกคนขึ้นมาบนรถม้าเรียบร้อยแล้วเดลก็สะบัดบังเหียนออกรถทันที
พวกเขาจอดรถม้าลงที่หน้าโรงแรมที่พวกเขาพัก ในเวลาที่ฟ้ามืดไปมากกว่าสี่ชั่วโมงเช่นนี้จึงไม่มีใครลงมานั่งที่ร้านอาหารด้านล่างเลย คาดว่าคนส่วนใหญ่คงจะเข้านอนไปแล้ว
เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสองซึ่งเป็นเขตของห้องพักลีลก็เป็นฝ่ายแยกตัวกลับไปยังห้องของตนเอง ส่วนพวกอาร์โรห์ก็เดินกลับเข้าห้องพักของตนเอง ก่อนที่ต่างฝ่ายจะแยกย้ายไปทำเรื่องจิปาถะของตนเอง
อาร์โรห์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงทั้งสภาพที่ยังคงสวมกระโปรง วันนี้เขารู้สึกว่าสูญเสียพลังไปมาก ไม่ใช่เรื่องของพลังเวทหรือพลังกาย แต่เป็นเรื่องของพลังใจที่ทำเอาเขาหมดอารมณ์จะทำอย่างอื่นไปสักพัก
“อาร์โรห์”
“ไม่ใช่ตอนนี้คาร์ล วันนี้ข้าเหนื่อยสุดๆเลย”
“ข้าแค่จะถามเรื่องอาการของเจ้า” เพียงแค่นั้นก็ทำเอาอาร์โรห์ที่กำลังจะทิ้งตัวลงนอนชะงักกึก เขาหันมามองคาร์ลที่นั่งอยู่เตียงข้างๆด้วยสีหน้าจริงจัง
...อาการของเขา...
“ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าหายจากอาการนั้นได้ยังไง”
...หายได้ยังไง...นั่นสิ...เขาหายได้ยังไง...
“คงเพราะ...ได้นอนพักล่ะมั้ง...”
“ไม่ อาการของเจ้าไม่มีทางหายถ้าเจ้าไม่ได้รับพลังชีวิตของมนุษย์”
อะไรนะ!?..
“จ...เจ้าหมายความว่ายังไง...”
“ไม่เข้าใจหรือไง นั่นคืออาการลงแดงเมื่อไม่ได้ดื่มกินพลังชีวิตของมนุษย์ ข้าคิดมาทั้งวันว่าอาการของเจ้ามันคุ้นๆเหมือนเคยเห็นมาก่อน จนกระทั่งเมื่อกี้นี้ข้าถึงได้นึกออก”
“ล...แล้วข้าหายได้ยังไง...”
“เจ้าพอจะมีความทรงจำแปลกๆหลงเหลืออยู่บ้างไหม อย่างเช่นภาพของหญิงสาวที่เจ้าไม่รู้จักน่ะ??”
อาร์โรห์นิ่งคิด ความทรงจำที่เขารู้สึกว่าไม่ควรที่จะมี ความทรงจำที่เหมือนจะไม่ใช่ของเขาแต่ก็เป็นของเขา ความทรงจำแปลกประหลาดที่จำไม่ได้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และ...
...หญิงสาว...
ภาพของหญิงสาวที่นอนทอดกายอยู่ใต้ร่างทำเอาอาร์โรห์สะดุ้งเฮือก
...หรือว่า..
คาร์ลที่คอยมองปฏิกิริยาของอาร์โรห์อยู่สังเกตเห็นอาการของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก อย่างที่เขาคาด...อาร์โรห์คงจะทำเรื่องแบบนั้นลงไปแล้วจริงๆ...
“ค...คาร์ล...ข...ข้าจะทำยังไงดี...” อาร์โรห์กล่าวถามทั้งสภาพปากคอสั่น “ถ...ถ้าข้ามีอาการแบบนั้นอีก...ข้าจะเผลอทำร้ายใครอีกก็ไม่รู้...ข...ข้าจะทำยังไงดี...”
คาร์ลมองท่าทีของคนตัวเล็กกว่าด้วยสายตานิ่งสงบอย่างหาได้ยาก หากแต่อาร์โรห์ที่ยังคงปะติปะต่อเรื่องราวไม่ได้และยังคงมีท่าทีกังวลกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึงก็ไม่ได้รู้สึกถึงมันเลย
“มีทางเดียว เจ้าต้องออกหาเหยื่อ ไม่ต้องทุกวันก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องอาทิตย์ละครั้ง ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะมีอาการลงแดงอีก”
“แต่ว่าข้าไม่...!” ก่อนที่เขาจะได้กล่าวอะไรออกไปมากกว่านั้นใบหน้าของเขาก็ถูกประคองให้เงยขึ้นด้วยฝีมือของคาร์ลให้สบมองกับนัยน์ตาสีเงินที่บัดนี้นิ่งสงบอย่างที่ไม่เคยเป็น
“อย่าได้ลืมนะอาร์โรห์ ทั้งเจ้าและข้าต่างก็เป็นอินคิวบัสที่ต้องดื่มกินพลังชีวิตของมนุษย์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ก่อนหน้านี้เจ้าเองก็ดื่มกินพลังชีวิตของมนุษย์มาโดยตลอด และเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าอาการลงแดงนั่นมันทรมานขนาดไหน เจ้าจะทนแล้วให้อาการลงแดงกำเริบ เข้าควบคุมสติของเจ้าจนเจ้าเผลอทำร้ายคนที่รู้จักหรือยังไง”
“แบบนั้น...ไม่เอาหรอก...” อาร์โรห์กล่าวด้วยเสียงที่เบาหวิวพลางหลบสายตาที่มองมา...แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการทำร้ายคนที่รู้จัก และยิ่งไม่อยากให้อาการลงแดงที่แสนทรมานนั่นกำเริบขึ้นมา...แต่ว่า...เขาเองก็ไม่อยากจะทำร้ายใครทั้งนั้นนี่นา...ไม่อยากแม้กระทั่งกับคนที่ไม่รู้จัก...
“ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าก็ปฏิเสธที่จะหาเหยื่อไม่ได้” กล่าวพลางละมือออกจากใบหน้าของอาร์โรห์ กลับมายืนเหยียดตรงเต็มความสูงอีกครั้ง
“...ข้า...เข้าใจแล้ว...” แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ในจิตใจกลับมีความรู้สึกราวกับมีตะกั่วใส่เอาไว้จนหนักอึ้ง
_________________________________________________________
ในที่สุดก็มีเวลามาลงค่ะ
ช่วงนี้เรียนหยักมาก เรียนทุกวัน แต่ก็จะพยายามหาเวลามาอัพนะคะ
ความคิดเห็น