คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 18
บทที่ 18
วันต่อมา หลังอาหารเช้า
ทั้งสี่คนก็ต่างแยกย้ายกันออกไปเป็นสองกลุ่มตามที่คุยกันเอาไว้แล้ว
ทางด้านอาร์โรห์
เขาสั่งให้ลูน่าเดินหลับตาตามเขามาเพื่อฝึกประสาทสัมผัส แต่จากสภาพที่ให้เดินตามห่างออกมาจากบ้านได้แค่ช่วงหนึ่งก็สะดุดนู่นชนนี่แล้วท่าทางคงต้องฝึกกันอีกยาว...
กว่าจะมาถึงจุดที่อาร์โรห์ต้องการ ลูน่าก็ถึงกับน่วมไปหลายจุด...
“อาร์โรห์...เจ็บไปหมดแล้วอ่ะ”
“อย่าเพิ่งบ่นน่า
เจ้ายังต้องฝึกแบบนี้ไปอีกซักพักจนกว่าเจ้าจะเดินจนไม่ชนอะไรได้”
“แบบเจ้าก่อนหน้านี้น่ะเหรอ?”
“ใช่”
ลูน่าได้ยินตังนั้นก็อดทำหน้าอูมไม่ได้ เธอมีพื้อนฐานร่างกายที่ดีมากก็จริง แต่นั่นก็เพราะว่าเธอหมั่นฝึกฝนร่างกายอยู่เสมอจนมีพื้นฐานร่างกายที่ค่อนข้างดี แต่ในทางกลับกัน
ทักษะด้านอื่นๆของเธอก็แย่เสียจนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน...
“พื้นฐานร่างกายของเจ้าดีมากแล้วลูน่า เพราะฉะนั้น
ตอนนี้ข้าจะฝึกด้านอื่นๆให้เจ้าเอาไว้ประยุกต์ใช้ด้วย ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของเจ้าก่อนหน้านี้ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตรอดได้ตลอดรอดฝั่งแน่”
อาร์โรห์อธิบายด้วยน้ำเสียงเนิบๆพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆลูน่าที่ทำปากยื่นลูบเนื้อลูบตัวที่เจ็บเพราะไปชนหรือกระแทกกับอะไรต่อมิอะไรมาตลอดทางที่มา
“เอาล่ะ” อาร์โรห์เอ่ยพลางลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวเบาๆ
“ข้าจะให้เจ้าพักสักสองสามนาที
พอข้ากลับมาพวกเราจะเริ่มฝึกกันต่อนะ”
“เดี๋ยวสิ แค่สองสามนาทีเองเหรอ?”
“เยอะแล้วน่า”
อาร์โรห์พูดยิ้มๆแล้วเดินออกไปกลางทุ่งหญ้า
เงยหน้าขึ้นสูดหายใจเข้าลึกๆขณะปล่อยให้ร่างถูกกระทบด้วยแสงแดดยามเช้าครู่หนึ่ง
จากนั้นเข้าก็ก้มลงหยิบกิ่งไม้ที่ตกอยู่ใกล้ๆขึ้นมา กวาดนัยน์ตาสีขาวไปรอบๆครู่หนึ่ง เมื่อสังเกตเป็นสิ่งที่หมายตาไว้
เขาก็ยกมือข้างที่ถือกิ่งไม้เอาไว้ขึ้นมาในระดับสายตาก่อนจะสะบัดมันออกไปสุดแรง!
ลูน่ามองภาพนั้นด้วยสีหน้ามึนงง ไม่เข้าใจว่าอาร์โรห์กำลังทำอะไรกันแน่จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินหายเข้าไปในป่าที่อยู่ตรงหน้าและเดินกลับออกมาพร้อมกับไก่ป่าตัวหนึ่งในมือ
“เจ้าฝึกเสร็จเมื่อไหร่ข้าจะปิ้งไก่ให้เจ้ากิน”
อาร์โรห์เอ่ยพลางขยับไก่ในมือไปมาเบาๆด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
ลูน่าอ้าปากค้าง เบิกตากว้างมองไก่ในมืออาร์โรห์ด้วยววตาพราวระยับ
ถ้าไม่ติดว่าไม่สมควรบางทีน้ำลายเธอคงไหลย้อยลงมาด้วยแล้ว
ก็ใครให้อาร์โรห์เอาอาหารโปรดมาล่อเล่า!!!?
“ก็ได้!!
งั้นมาฝึกกันเดี๋ยวนี้เลย!!!
“เดี๋ยวสิ
เจ้ายังพักไม่ถึงสามนาทีเลยนะ” อาร์โรห์เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ แต่เหมือนว่าลูน่าจะถูกของชอบบังตา เธอจึงได้ดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แทบจะกระโดดเข้ามาหาอาร์โรห์เลยด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องแล้วๆ มาเริ่มฝึกกันเถอะ!!”
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
พูดจบอาร์โรห์ก็จัดการโยนไก่ในมือที่แน่นิ่งขึ้นไปติดอยู่บนกิ่งไม้ด้านบน
“ถ้าเจ้าผ่านข้าขึ้นไปเอามันลงมาได้เมื่อไหร่
เจ้าก็ได้กินเมื่อนั้นแหละ
และข้าสัญญาว่าจะไม่แย่งเจ้าเลยสักคำ
ตกลงไหม??”
ลูน่าเงยหน้าขึ้นไปมองไก่ที่ติดอยู่กับกิ่งไม้เหนือศีรษะครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาพยักหน้าแรงๆให้อาร์โรห์
“งั้นเจ้าก็เข้ามาเลย”
อาร์โรห์เอ่ยยิ้มๆด้วยท่าทีสบายๆ
ลูน่าที่ได้ยินดังนั้นจึงเริ่มตั้งท่า
และเพียงไม่นานลูน่าก็กระโจนเข้ามาหาอาร์โรห์หวังจะชนะให้ได้โดยเร็วที่สุด
อาร์โรห์เห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น
แต่เขาก็จัดการปัดหมัดของลูน่าที่หมายจะพุ่งเข้ามาเสยใบหน้าของตนเองออกไปแล้วเบี่ยงตัวหลบหมัดอีกข้างที่พุ่งตามเข้ามาติดๆ
เมื่อลูน่าพบว่าการโจมตีติดๆกันสองครั้งของตนไม่ได้ผลจึงผละห่างออกไปตั้งหลักแล้วพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
คราวนี้เธอโจมตีด้วยหมัดที่พุ่งเข้าหาช่วงลำตัวของอาร์โรห์ ซึ่งอาร์โรห์ก็ไม่ได้ประมาท เข้าคอยระวังจุดสำคัญของร่างกายอย่างหน้าอก ท้องและใบหน้าเอาไว้อยู่แล้วจึงยกมือขึ้นกันได้ทัน
แต่ลูน่าก็ยกเข่าเข้าใส่หมายจะกระแทกเข้าที่ช่องท้องของอาร์โรห์ให้จุกเล่น
แต่เสียใจ ความเร็วของลูน่ายังช้ากว่าอาร์โรห์อยู่อีกขั้นหนึ่ง
อาร์โรห์ออกแรงถีบตัวออกจากบริเวณที่จะถูกโจมตีแล้วยกขาขึ้นเตะเข้าที่สีข้างของลูน่าจนเด็กสาวชาวมนุษย์เสียหลักถลาไปด้านข้างล้มลงกับพื้น
“อูย...”
ลูน่าครางเบาๆพลางถูจุดที่โดนเตะป้อยๆขณะที่กำลังขยับลุกขึ้นนั่ง
พลิกตัวกลับมาหาอาร์โรห์ที่กำลังยืนยิ้มขำแล้วแยกเขี้ยวใส่
“หัวเราะอะไรเล่า!!!?”
“ก็มันตลกนี่...” อาร์โรห์เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆ
ลูน่าทำแก้มป่องก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วปักมือที่เลอะดินเล็กน้อย
นัยน์ตาสีมรกตของเธอเหลือบมองอาร์โรห์เล็กน้อย
ยังคงเห็นอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆจึงคิดจะฉวยโอกาสนี้เอาไว้
ลูน่าถีบเท้าพุ่งเข้าหาอาร์โรห์ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นกว่าตอนแรกอย่างไม่ทราบสาเหตุ อาร์โรห์ที่เห็นดังนั้นกลับเบิกตากว้างขึ้นแวบหนึ่ง
แต่พริบตาต่อมารอยยิ้มก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้งจนลูน่าไม่ได้สังเกตเห็นและพุ่งเข้าใส่อาร์โรห์โดยไม่รู้ตัวเลยว่าความเร็วของตนเพิ่มขึ้นแม้จะเล็กน้อยก็ตาม
อย่างน้อยที่เขาฝึกให้ลูน่าไปก่อนหน้านี้ก็ไม่เสียเปล่า
อาร์โรห์เบี่ยงตัวหลบร่างของลูน่าที่พุ่งเข้าใส่
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือลูน่าที่ถีบตัวตามเขามาได้อย่างน่าประหลาดใจ
อย่างที่คิด ลูน่ามีพื้นฐานและพรสวรรค์ในด้านนี้จริงๆ...
อาร์โรห์ที่เห็นว่าตนเบี่ยงหลบไปก็เท่านั้นถีบตัวกระโดดขึ้นข้ามไปทางฝั่งตรงข้ามกับที่ตอนแรกตนยืนอยู่
จากนั้นก็พุ่งฝ่ามือเข้าใส่ลูน่าที่กลับเบี่ยงหลบไปได้อย่างหวุดหวิด!
“ประสาทสัมผัสเจ้าไวขึ้นแล้วนี่
คงเพราะแรงกระแทกเมื่อกี้หรือเปล่าเจ้าถึงได้ดีขึ้นขนาดนี้?”
อาร์โรห์เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะแต่กลับได้สีหน้าฉงนกลับมาจากลูน่าเสียแทน
“ข้าแค่ได้ยินเสียงลมเองนะ?”
“ก็นั่นล่ะ”
ว่าจบอาร์โรห์ก็ชักฝ่ามือกลับ “อย่างน้อยเราก็เสมอกัน”
“หือ?”
ลูน่าทำหน้ามึนงงก่อนจะกลับมายืนให้มั่นอีกครั้ง “ข้าว่าข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ...”
“อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เจ้าใช้สัญชาตญาณ?”
“ข้าสารภาพว่าเมื่อกี้ข้าไม่ได้ใช้สมองเหมือนกับตอนแรกเลย ปฏิกิริยาตอบสนองเองล้วนๆ”
“...”
คำตอบนั้นเรียกแววตาสนเทห์จากร่างสีขาวได้อย่างชะงัด
หมายความว่าอย่างไรที่การใช้สัญชาตญาณจะดีกว่าการใช้สมองประกอบ? อย่างน้อยก็ควรใช้สมองในการรับรู้และสัมผัสรวมทั้งคาดเดาการกระทำต่อไป แต่นี่ลูน่าพูดเหมือนว่าไม่ได้ใช้อะไรเลย นั่นหมายความว่าอย่างไร??
...วันนี้เขาคงมีเรื่องที่ต้องกลับไปถามคาร์ลเสียแล้ว...
“หากเป็นแบบนั้นจริงเจ้าคงต้องใช้สัญชาตญาณตลอดเวลาแล้วล่ะ”
อาร์โรห์ทำเป็นเอ่ยทีเล่นทีจริง
แม้ว่าในใจจะยังนึกถึงเรื่องนี้อย่างเป็นกังวลก็ตาม
ตกเย็น
อาร์โรห์ยังคงใช้วิธีเดียวกับตอนขามาในการฝึกลูน่า
แม้ผลของการฝึกนี้จะยังคงไม่ต่างจากครั้งแรกเท่าไรนักก็ตาม
“วันนี้ลูน่าเป็นยังไงบ้าง?”
คาร์ลเอ่ยถามเมื่ออยู่กับอาร์โรห์ตามลำพัง
ส่วนสองพี่น้องรีการ์ดก็ขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องเรียบร้อย
“ก็ดีขึ้นบ้าง...”
อาร์โรห์เอ่ยเสียงเบา
สมองยังคงคิดถึงเรื่องที่วันนี้พบเจออีกหลายต่อหลายครั้งจนต้องคิดหนัก
“เจ้าดูมีเรื่องกลุ้มนะ”
คาร์ลเอ่ย
เป็นเหตุให้อาร์โรห์ถอนหายใจออกมา
“นี่คาร์ล”
“หืม?”
“เคยเจอคนที่ใช้สัญชาตญาณเอาชนะคนอื่นโดยที่การเคลื่อนไหวเหมือนกับวางแผนมาอย่างดีแล้วหรือเปล่า?”
ใช่
ลูน่าที่ใช้สัญชาตญาณราวกับกลายเป็นคนละคน
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว
การมองเห็น ประสาทสัมผัส
เมื่อเธอใช้สัญชาตญาณเธอกลับทำได้ดีจนอาร์โรห์ไม่รู้จะสอนอะไรเธอต่อไปดี
“คนที่ใช้สัญชาตญาณ?
มันก็มีอยู่หรอก ว่าแต่เจ้าถามทำไม??”
“คนแบบไหนกันนะ...”
เหมือนว่าคำถามที่ถูกถามกลับมาจะถูกมองข้ามเมื่ออาร์โรห์กลับไปจมลงสู่ความคิดของตนเองต่อ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ เหมือนเรื่องนี้จะยากเกินไปสำหรับเขา หรือเขาควรไปถามเดล?
“เจ้าเป็นอะไรกันแน่น่ะอาร์โรห์ ท่าทางเจ้าดูเครียดมากจริงนะเนี่ย”
“ข้ากำลังกลุ้มเรื่องลูน่า ข้าไม่รู้จะสอนนางยังไงดี...”
เอ่ยจบอาร์โรห์ก็ชะงักไป “เมื่อกี้เจ้าบอกว่ามีคนจำพวกที่ข้าพูดอยู่ด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ” คาร์ลเอ่ยพลางพยักหน้า
“ก็พวกที่ครอบครองนัยน์ตาต้องสาปแห่งการกลืนกินไง ดวงตาต้องสาปของชาฮาล ข้าว่ามันน่าสนใจมากเลยล่ะ นอกจากจะกลืนกินสิ่งอื่นที่ต้องการ
มันยังสามากรกลืนกินความรู้ให้เจ้าของเอามาใช้ได้ด้วย น่ากลัวดีไหมล่ะ?”
“แต่ลูน่าไม่มีนี่นา...”
อาร์โรห์กลับมากุมหัวคิดหนักต่อ
สรุปยังไงกันแน่นะ ลูน่าไม่มีดวงตาต้องสาป แต่กลับใช้พลังของดวงตาต้องสาปได้งั้นหรือ? เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้จริงๆงั้นเหรอ??
“ลูน่า?
แล้วไปเกี่ยวอะไรกับลูน่าล่ะ??” คาร์ลขมวดคิ้วนึกฉงน
“วันนี้ระหว่างข้าสอนลูน่า ทำให้ข้าเห็นว่าเวาลานางต่อสู้...หมายถึง...ระหว่างใช้สัญชาตญาณนางกลับทำได้ดีมากจนข้าไม่มีอะไรจะสอนนาง
แต่พอให้นางคิดว่าจะทำยังไงนางกลับคิดไม่ออก เหมือนมือใหม่ที่พอมีฝีมือแต่ไร้ประสบการณ์...”
คราวนี้ถึงคราวคาร์ลเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงนงงงวยบ้าง
เรื่องแบบนี้ไม่เห็นจะเคยได้ยินจากที่ไหนเลยจริงๆ คนที่ไม่มีดวงตาต้องสาปแต่กลับเป็นแบบนี้...เขาคิดว่าจะไม่มีทางมีบนโลกเสียอีก...
“เอาเถอะ เรื่องของลูน่าเอาไว้ทีหลังก็ได้ ว่าแต่เจ้าเถอะ สอนเดลไปถึงไหนแล้ว?”
คำถามนั้นเรียกคาร์ลเผยยิ้ม
“ดวงตาต้องสาบคงเริ่มทำงานละมั้ง อยู่ๆหมอนั่นก็เกิดเรียนได้ไวขึ้นมาซะอย่างนั้น ทำให้ดูครั้งเดียวก็เป็นแล้ว ตอนนี้เลยได้เวทไปหลายบท”
อาร์โรห์พยักหน้ารับด้วยสีหน้าล้าๆ วันนี้คงเหนื่อยมากจริงๆ ทั้งๆที่คิดว่าอาการดีขึ้นแล้ว แต่เหมือนร่างกายเขาจะยังไม่สามารถทำงานหนักๆได้เหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ คงต้องอีกพักใหญ่ๆให้อาการดีขึ้นกว่านี้ละมั้ง...
“เจ้าคงเหนื่อยมาก ไปนอนพักเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปสอนลูน่าแล้วมาคิดเรื่องนี้กันอีกทีหลัง”
“อืม...” อาร์โรห์รับคำ ดวงตาปรือปรอยลงอย่างไม่รู้ตัว คาร์ลที่เห็นดังนั้นส่ายศีรษะเบาๆแล้วจึงพยุงร่างของอาร์โรห์ให้นอนลงบนโซฟา
เพียงแค่ร่างสัมผัสกับเบาะอ่อนนุ่มของโซฟาไม่นาน อาร์โรห์ก็จมลงสู่นิทราไปในที่สุด
คาร์ลเห็นดังนั้นยิ้มขำ ยกมือขึ้นลูบศีรษะของอาร์โรห์เบาๆทีหนึ่งแล้วจึงหันกลับมาพิงหลังลงกับโซฟาก่อนจะหลับตาลง สมองคิดประมวลผลถึงเรื่องที่เมื่อครู่เพิ่งจะคุยปรึกษากับอาร์โรห์ ทบทวนถึงตำราหนังสือเท่าที่เคยผ่านตามาเกี่ยวกับเรื่องของนัยน์ตาต้องสาบจนเผลอหลับไปในที่สุด
เช้าวันใหม่มาเยือนโดยที่สองพี่น้องรีการ์ดตื่นขึ้นมาและลงมาถึงข้างล่างก่อน พอเห็นสภาพอาจารย์จำเป็นของพวกเขาทั้งสองคนอยู่ในสภาพหลับสนิทคาโซฟาก็ได้แต่หันหน้ามามองกันทีหนึ่งแล้วต่างคนต่างก็ยักไหล่อย่างขำๆแล้วพากันเดินเข้าไปในครัว
อินคิวบัสทั้งสองตื่นขึ้นมาเพราะกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาแตะจมูก พอลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือจานอาหารที่ถูกเรียงไว้บนโต๊ะอาหารสี่ที่และสองพี่น้องรีการ์ดที่มองมายิ้มๆ
คาร์ลมองด้วยสีหน้างงๆ ทว่าอาร์โรห์กลับสังเกตเห็นความหมายที่แฝงมากับรอยยิ้มนั้น
ล้อพวกเขาเห็นๆ...
อาร์โรห์และคาร์ลจัดการตัวเองด้วยเวลาไม่นานนัก แล้วจึงกลับมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเดลและลูน่า และเป็นตอนนั้นเองที่มื้อเช้าเริมขึ้นอย่างเงียบๆ
“พวกเจ้าคงเหนื่อยมาก” อยู่ๆเสียงของเดลก็ดังขัดความเงียบที่กลายเป็นเรื่องปกติบนโต๊ะอาหารของพวกเขาไปแล้วขึ้นจนอาร์โรห์และคาร์ลต้องชะงักมือที่กำลังส่งอาหารเข้าปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาเป็นตาเดียว
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น?” อาร์โรห์อดถามไม่ได้ เขาเอียงคอน้อยๆอย่างนึดสงสัย ชวนน่าเอ็นดู แต่ก็ไม่มีใครคิดจะบอกเจ้าตัว ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติน่ะดีแล้ว
เดลที่ได้ยินคำถามและท่าทีนั้นหันไปหัวเราะกับลูน่า ก่อนที่จะเป็นเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตที่ยื่นมือมาจิ้มจมูกอาร์โรห์เบาๆ
“ก็พวกเจ้าเล่นหลับสนิทขนาดนั้น จะให้พวกข้าคิดว่าอะไรได้ล่ะจริงไหม?” เสียงกลั้วหัวเราะของลูน่าส่งให้อาร์โรห์ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน ขณะที่คาร์ลอดพยักหน้ายอมรับความจริงไม่ได้
ก็มันเรื่องจริง จะให้เขาเถียงหรือไง?
อาร์โรห์ทำท่าจะอ้าปากปฏิเสธ แต่เมื่อเหลือบตามองคนอื่นๆแล้วว่าแม้แต่คาร์ลเองก็ยังยอมรับจึงได้แต่เก็บคำพูดปฏิเสธลงคอไป เปลี่ยนคำพูดใหม่อย่างจำใจ
“เหนื่อยก็ได้ ข้ายอมรับ” อาร์โรห์คลายปมระหว่างคิ้วออก ขณะที่ลูน่าละนิ้วออกจากจมูกเล็กของอาร์โรห์กลับไปนั่งที่ดังเดิม “แต่ข้าบอกเลยว่านั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบทำให้พวกเจ้าดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าอาจเป็นอันตรายได้...”
“เรื่องนั้นพวกข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ฝึกนี่” เดลเอ่ยแทรกคำพูดของอาร์โรห์ เรียกสายตาของทุกคนให้มาจับที่เขาเป็นตาเดียว
เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาต้องสาปเผยยิ้ม “ก็แค่ว่าจะให้พวกเจ้าได้พักบ้างก็ยังดี”
“เป็นไปไม่ได้หรอก...”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธสิอาร์โรห์” คาร์ลส่งสายตาปรามเบาๆทั้งๆที่ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม รู้ดีว่าเดลกับลูน่ายังมีความคิดดีๆอยู่ แค่ว่ายังพูดไม่จบเท่านั้นเอง
อาร์โรห์เลื่อนสายตามามองคาร์ล จากนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วสงบปากนั่งฟังเดลพูดต่อ
เดลที่เหมือนได้รับสัญญาณว่าพูดต่อได้พยักหน้าเบาๆแล้วจึงเอ่ยต่อ
“ไหนๆก็ไหนๆ วันนี้พวกเราก็ไปฝึกด้วยกันทั้งสี่คน จะได้คอยช่วยกันดูช่วยกันสอน บางทีข้าอาจจะช่วยสอนลูน่าด้วยก็ได้นะ”
“น่าสนใจนะ” คาร์ลเป็นคนที่แสดงความคิดเห็นขึ้นมา อันที่จริงแล้วเขาเองก็อยากเห็น ‘สัญชาตญาณ’ ของลูน่าเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร การที่เขาจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็อาจจะไม่แปลกนัก ขณะที่อาร์โรห์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เห็นด้วย
...แต่ก็ไม่รู้จะเถียงกันยังไงดี...
...สุดท้ายแล้ววันนี้ทั้งสี่คนเลยรวมกลุ่มกันออกไปฝึกตามที่เดลเสนอ
การฝึกซ้อมดูจะเข้าที่เข้าทางและราบรื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อตลอดเวลาช่วงเช้า ทั้งเดลและลูน่าดูจะพัฒนาได้เร็วผิดกับเวลาที่สอนตัวต่อตัว ไปๆมาๆอาร์โรห์เลยยกให้เป็นหน้าที่ของเดลในการสอนลูน่าไป ส่วนตัวเขาก็มานั่งพักใต้ต้นไม้รับลมเย็นสบายที่พัดผ่านมาเบาๆ
คาร์ลเองพอคนที่เขาต้องสอนไปสอนลูน่าก็ว่างจนสุดท้ายก็เดินเข้ามานั่งกับอาร์โรห์ คอยมองสองพี่น้องที่ดูจะสนุกสนานกับการฝึกกันเอง
แต่ยิ่งดูคาร์ลก็ยิ่งแปลกใจ
การต่อสู้ของลูน่าตลอดการเดินทางคือการใช้สมองวางแผนเสมอ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเทียบได้กับเวลาที่ลูน่าต่อสู้ด้วยจิตสำนึกโดยไม่ได้คิดกลยุทธ์เอาไว้อย่างที่อาร์โรห์เคยบอก มันมีลักษณะคล้ายกับดวงตาต้องสาบของเดธฮีลที่จะคัดลอกอักขระเวทเข้าสู่สมองของเจ้าของ แล้วกลั่นกรองออกมาเป็นเวทบทเดียวกันที่มีอานุภาพรุนแรงกว่า
ทว่าของลูน่าคือการคัดลอกกระบวนท่าของคนอื่น...
ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอใช้มันออกมาโดยไม่รู้ตัว...
คาร์ลจับคางพลางครุ่นคิดขณะที่ดวงตาสีเงินของเขามองตามการเคลื่อนไหวของลูน่าไปด้วย
“เป็นยังไง?” อาร์โรห์เอ่ยถามพลางเอียงคอน้อยๆมามองคาร์ล “เป็นแบบที่ข้าบอกไหม?”
คาร์ลหันมาพยักหน้าให้อาร์โรห์เบาๆ “เป็นแบบที่เจ้าบอก น่าสงสัยมากจริงๆ”
อาร์โรห์ที่ได้ยินดังนั้นพยักหน้าทีหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนจนคาร์ลที่อยู่ข้างๆต้องหันมามอง ส่วนอาร์โรห์ก็เหลือบดวงตาที่เริ่มปรือน้อยๆมาทางร่างของอินคิวบัสหนุ่มก่อนจะเผยยิ้มที่หาได้ยาก...
...แม้จะเป็นเพียงยิ้มเพราะง่วงก็เถอะ...
“ขอโทษนะ สงสัยคงต้องขอนอนพักสักหน่อย...”
“ไม่เป็นไร เจ้านอนเถอะเดี๋ยวข้า...”
คาร์ลยังไม่ทันเอ่ยจบดี
รู้ตัวอีกทีอาร์โรห์ก็ขดตัวเข้ามาหาเขาแล้วหลับสนิทไปเสียแล้ว...
“อืม...” เสียงครางเบาๆก่อนที่จะขยับร่างเล็กน้อยพาให้คาร์ลส่งเสียงหัวเราะเบาๆก่อนจะยื่นมือออกไปลูบเส้นผมที่ยังคงเป็นสีเงินยวงของอาร์โรห์
ถึงอย่างไรอาร์โรห์ก็ยังคงดูเป็นเด็กน้อยที่ยังคงอ่อนประสบการณ์ สิ่งที่เคยประสบมาก่อนหน้านี้คงจะเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสสำหรับอาร์โรห์มาก และบางทีอาจมีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในช่วงรุ่นราวคราวเดียวกับอาร์โรห์แล้วประสบชะตาชีวิเช่นนี้...
คิดแล้วก็ชวนให้รู้สึกเห็นใจอาร์โรห์จริงๆ
แต่ตัวคาร์ลเองก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าคอยอยู่ข้างๆอาร์โรห์ และช่วยเหลืออีกฝ่ายใจเวลาที่อีกฝ่ายต้องการเท่านั้น
___________________________________________________________________________________________________________
ถือโอกาสตอนป่วยมานั่งแต่งแล้วอัพค่า
ไรท์เป็นหวัดดีเลย์ล่ะ เหอๆๆ
คนอื่นที่บ้านเขาเป็นหวัดกันตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว จนหายกันทั้งบ้านแล้วไรท์เพิ่งมาเป็น
แถมดันมาเป็นหนักที่สุดในรอบหลายปีเลย แย่จัง
แกทแพทผ่านไปแล้ว แต่เก้าสามัญกำลังจะมา...//นอนตาย
เฮ้อ ชีวิตม.หก ฟฟฟ
สำหรับตอนนี้ถือว่าอาร์โรห์ได้พักแล้ล่ะเนอะ รู้สึกแต่งแล้วตอนนี้อาร์โรห์แลดูน่ารัก ฟฟฟ
แต่งเสร็จกลับมานั่งอ่านแล้วก็อมยิ้มเลยค่ะ
ส่วนคาร์ลก็สมเป็นพวกบ้าน้องชา------ //สัญญาณขาดหายกระทันหัน
ตอนนี้เหมือนครอบครัวสุขสันต์ค่ะ และหวังว่ารีดทุกท่านจะยังไม่เบื่อสำหรับโมเม้นครอบครัวสุขสันต์แบบนี้
ถ้าเป็นไปได้ ตอนต่อไปก็คงจะกลับมาเดินทางอีกครั้งแล้วค่ะ...
...ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนะ ฟฟฟฟ
อันที่จริงจบภาคแล้วไรท์กะจะลงตอนพิเศษที่แอบไปซุ่มแต่งด้วยโมเม้นรักน้องชายเกินเหตุของคาร์ลด้วยล่ะค่ะ ฟฟฟ
แต่สำหรับตอนพิเศษไรท์จะไม่สำปวยหรอก ฟฟฟ
รอไปลุ้นเอา (และบางทีรีดอาจรอจนเลิกลุ้นกันไปเล-------)
บอกเลยว่าคนไม่เลื่อนลงมาอ่านตรงนี้อาจจะพลาดครั้งใหญ่เลยล่ะค่ะ (?) ฟฟฟ
ความคิดเห็น