ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Incubus ฝันอันตราย ภาค The Cursed Eyes (จบ)

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 58


    บทที่  14

     

    “ข้าจะออกไปตามหาสถานที่นั้นก่อน  คิดว่าภายในวันนี้ก็น่าจะหาเจอ”

    “คงต้องฝากเจ้าอีกแล้วล่ะ”

    นั่นคือบทสนทนาในตอนเช้าของวันต่อมาระหว่างคาร์ลและเดลขณะที่ลูน่ายังคงหลับอุตุเหมือนปกติ

    คาร์ลมองตึกรามบ้านช่องของเมืองแห่งนี้ขณะเดียวกันก็เริ่มแผ่จิตหาอาร์โรห์อีกครั้ง  เขาเดินไปทั่วเมืองโดยทำทีเป็นเดินเล่น  และขณะที่เดินผ่านอาคารที่สร้างจากหินหลังหนึ่งเขาก็รับรู้ได้ถึงไอพลังเวทที่ปกคลุมอยู่รอบๆตัวอาคารหลังนี้  คิดว่าคงถูกสร้างเป็นเขตแดน...

    อินคิวบัสหนุ่มถอนหายใจแล้วเดินผ่านอาคารหลังนั้นไป  รอให้ดึกกว่านี้ก่อนค่อยมาก็แล้วกัน...

    คาร์ลไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขากำลังถูกดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่  อีกฝ่ายเผยยิ้มขณะที่เห็นคาร์ลเดินผ่านหน้าอาคารไป

    “ทำไมท่านไม่ให้มันเห็นไปเลยล่ะเจ้าคะ?”

    “ยังหรอก  ยังไม่ถึงเวลา  ข้าจะต้องให้เจ้านั่นทรมานกว่านี้เสียก่อน หึๆๆ”

    นัยน์ตาสีเปลือกไม้ว่างเปล่ามองดูบุคคลในภาพที่ปรากฏอยู่กลางอากาศ  อีกฝ่ายยังคงเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้รู้สึกเลยว่ากำลังถูกใช้เวทติดตามอยู่

     

    สุดท้ายแล้วคาร์ลก็กลับมาอย่างไร้เบาะแส

    มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาไม่ชอบใจเลยจริงๆ  เหมือนกับกำลังเดินตามเกมของใครซักคนโดยที่เขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งยังไรอย่างนั้น...

    เขานั่งลง  ใช้เวลาในการครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้พบมาในวันนี้  แต่เบาะแสก็ยังน้อยเกินกว่าจะนำมาปะติปะต่อเรื่องให้เป็นข้อมูลที่สำคัญได้เลยสักอย่าง...

    มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงติดใจเขาอยู่  สถานที่ที่จิตเขาเข้าไปไม่ถึง  กลิ่นอายแปลกประหลาดและพลังเวทที่ใช้กางกั้นอาณาเขตราวกับรู้ว่าเขาจะมา...

    มีแค่ที่นั่นที่เขาต้องเข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง...

    คาร์ลนั่นกุมขมับทำหน้าเครียด  แต่ก็ทำได้เพียงไม่นานเพราะเดลกับลูน่าที่ออกไปเดินเล่นกลับมาเร็วเกินคาด  คาร์ลเลยต้องรีบปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ

    “ในเมืองเป็นยังไงบ้าง?” คาร์ลเอ่ยถามขณะที่ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะรับแขกชุดเล็กๆในห้องพัก  เดลเดินเข้ามายืนท้าวโต๊ะ  ส่วนลูน่าเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคาร์ล  ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วเจ้าล่ะ?  ได้อะไรมาบ้าง??”

    คาร์ลชะงักไปครู่หนึ่ง  ชั่งน้ำหนักในใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี

    แต่ถ้าเขาพูดโกหกไปแล้วอีกฝ่ายจับได้เขาจะโดนฆ่าไหม??

    แล้วถ้าบอกไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?

    น่าลองจริงๆเลยให้ตายสิ...

    “ข้าเจอสถานที่น่าสงสัยนิดหน่อย...” คาร์ลตัดสินใจพูดความจริงออกไป  พร้อมทั้งบอกเรื่องที่เขาคิดจะเข้าไปสำรวจที่นั่นในคืนนี้ด้วย

     

    ตกดึกสงัด  ขณะที่ผู้คนในเมืองต่างก็จมเข้าสู่ห้วงนิทรา  เงาร่างสามร่างกลับเคลื่อนที่อยู่ภายใต้เงามืด  เคลื่อนที่ไปตามเงาของตัวอาคารและเงาไม้  จนกระทั่งมาถึงลานกลางเมือง  พวกเขาก็เผยตัวออกมาจากเงามืด  แม้ทั้งสามคนจะสวมชุดสีเข้มและมีผ้าคลุมทับอีกชั้น  ทั้งยังคาดผ้าปิดใบหน้าช่วงล่างเอาไว้แต่นัยน์ตาสีประหลาดสามคู่ก็กลับเป็นสิ่งยืนยันตัวตนของพวกเขา

    คาร์ล  ราคัส

    เดล  รีการ์ดและ...ลูน่า  รีการ์ด

    ทั้งสามต่างขยับเคลื่อนตัวตรงไปยังอาคารที่คาร์ลเอ่ยถึงด้วยการนำทางของเจ้าของดวงตาสีเงิน

    อาจไม่มีใครรู้  แต่คนที่เครียดที่สุดก็คือคาร์ล

    เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาวางไว้เงียบๆคนเดียวจะสำเร็จหรือไม่  และถ้าหากว่ามีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นเขาจะทำเช่นไร  นอกจากนี้ยังมีเรื่องสภาพของอาร์โรห์ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง  แล้วถ้าสิ่งที่เขาถูก ทำให้เห็นเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเขาจะทำอย่างไร...

    แผนการที่แม้แต่ผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างเดลและลูน่าก็ยังไม่รู้จะเริ่มขึ้นเมื่อทั้งสามก้าวเข้าสู่เขตอาคาร

    ทั้งสามยังคงเคลื่อนตัวหลบตามเงามืดมาเรื่อยๆจนถึงที่หมาย  เดลและลูน่าต่างมองอาคารที่ไม่โดดเด่นนั้นด้วยสายตาที่สื่อออกมาได้หลายความหมาย  ต่างจากคาร์ลที่มองสิ่งก่อสร้างตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า...

    และเพียงแค่ทั้งสามก้าวเข้าไปก็เป็นไปตามคาด  มีมนุษย์หลายคนปรากฏตัวออกมาพร้อมกับอาวุธ  บ้างก็เป็นเพียงมือเปล่า  แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือรังสีคุกคามที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา  แม้จะไม่อาจทำให้ทั้งสามคนนึกหวาดกลัวเลยก็ตาม

    ลูน่าเป็นคนแรกที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวด้วยการชักดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา  เดลเลยจำต้องดึงเอาดาบยาวและมีดสั้นออกมาถือเอาไว้เตรียมพร้อม  มีเพียงคาร์ลที่ยังคงยืนนิ่ง  ไม่ดึงอาวุธ  ไม่แม้กระทั่งจะตั้งท่าเตรียมพร้อมเข้าสู่สนามต่อสู้

    แต่เพียงแค่นั้นก็เป็นการประกาศกร้าวแล้วว่าพวกตนเป็นศัตรูโดยไม่ต้องพูด  และเพียงไม่นานทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกันโดยที่คาร์ลยังคงยืนนิ่ง  ทำเพียงคอยปัดให้ลูกหลงพ้นตัวเท่านั้น

    แม้จะมีจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่าตัว  แต่ฝีมือของแต่ละคนกลับอยู่ในระดับที่หาได้ทั่วไปตามตลาดทหารรับจ้างชั้นเลว  การปะทะจึงจบลงในระยะเวลาเพียงไม่นาน

    แต่เมื่อการปะทะหยุดลงลูน่ากลับหันมามองคาร์ลด้วยสายตาไม่พอใจสุดๆ  เธอก้าวฉับๆเข้ามาหาคาร์ลแล้วกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแรง!

    “เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรหา!!!?”

    “อะไร? เปล่าเสียหน่อย”

    “เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเสียท่าให้พวกมันใช่มั้ยล่ะ!!? คิดว่าจะใช้พวกมันกำจัดพวกข้าใช่ไหม!!!?”

    “ลูน่าไม่เอาน่า...”

    “ไม่ต้องมาห้ามข้าเลยท่านพี่!!!  ข้าทนมาหลายรอบแล้ว  เจ้าหมอนี่มันไม่น่าไว้ใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว!!!!

    “ลูน่า  นี่ไม่ใช่เวลาจะมาแตกคอกันเองนะ!

    “แล้วยังไงล่ะ!!!! ก็เจ้าหมอนี่มันน่าสงสัยนี่!!!

    “แล้วถ้าข้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดแล้วจะทำไม??  จะฆ่าข้ามั้ยล่ะ???”

    “คาร์ล!!!

    คนถูกเรียกชื่อมองใส่คนเอ่ยประมาณเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง  ให้อีกฝ่ายอยู่เงียบๆไป  จากนั้นก็เลื่อนสายตากลับมาที่เด็กสาวชาวมนุษย์ตรงหน้า

    “ว่ายังไงล่ะ  ลูน่า  รีการ์ด”

    “ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะฆ่าเจ้าซะให้เรื่องมันจบๆ!  แต่ข้าเห็นแก่อาร์โรห์ที่ยังนับเจ้าเป็นเพื่อนอยู่  อีกอย่าง  ถ้ามีเจ้า  ถึงจะช่วยแค่นิดหน่อยแต่ก็จะทำให้ความเป็นไปได้ที่พวกเราจะช่วยอาร์โรห์ออกมาสำเร็จมีมากขึ้น  ถึงจะน่ารำคาญ  แต่ข้าจะทนไปจนถึงตอนนั้น  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!!

    “ข้าจะรอ” คาร์ลกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่ยี่หระ  แต่กลับกระตุ้นต่อมอารมณ์เดือดของลูน่าได้ดีนักจนเจ้าตัวคนพูดโดนหมัดเล็กๆแต่แรงไม่เล็กของลูน่าชกเข้าใส่ใบหน้าหล่อๆนั่นจนทรุดลงไปกองกับพื้นโดยที่ยังไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัว

    ก็ถ้าเขาตั้งตัวทันไม่มีทางที่ลูน่าจะชกเขาได้หรอก!!!

    คาร์ลเบ้หน้านิดหน่อย  ก่อนจะลุกขึ้นยืน  โดยที่ในขณะนั้นเขาก็แผ่จิตสังหารออกมาอ่อนๆรอบตัว  แต่แค่นั้นก็ทำเอาลูน่าถึงกับผงะแล้ววิ่งไปหลบหลังเดลทันที

    คาร์ลหัวเราะหึๆ  แล้วเดินนำเข้าไปในตัวอาคารก่อนใครเพื่อน  จนเดลและลูน่าต้องหันมามองหน้ากันจนสุดท้ายก็ต้องเดินตามเข้าไปเพราะเสียงของคาร์ลที่เอ่ยเร่ง

    “นี่พวกเจ้าจะยืนอยู่แบบนั้นอีกนานแค่ไหน??”

    “ป...ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!

    เป็นเรื่องน่าแปลกที่พวกเขาเดินเข้ามาลึกพอสมควรแล้วก็ยังไม่เห็นประตูหรือบันไดให้ได้เข้าไปเลย

    คาร์ลมองเส้นทางตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ  ขณะที่เดลต้องคอยจุดไฟให้ตนเองกับลูน่าได้มองเห็นเส้นทางตรงหน้าที่เพียงแค่พ้นระยะแสงไปก็มืดสนิท  และสุดเขตของแสงนั้นก็มีคาร์ลที่เดินเว้นระยะห่างกับทั้งสองไปพอสมควรเดินอยู่ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกับพวกเขานัก

    และตอนนั้นเองที่มีบางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้าคาร์ล  มันปรากฏขึ้นมาเป็นเพียงเงาตะคุ่มขนาดยักษ์เพียงแวบเดียวแล้วหลังจากนั้นคาร์ลก็หลุดออกไปจากธารสายตาของทั้งสองพร้อมๆกับเงานั้น  เหลือเพียงสองพี่น้องรีการ์ดที่คนเป็นน้องสาวเกาะชายเสื้อพี่ชายแน่น

    แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก  คนๆเดียวที่สู้กับปีศาจได้อย่างคล่องแคล่วตอนนี้กลับหายตัวไป  ส่วนคนที่เหลือสำหรับพวกปีศาจก็ไม่ต่างจากเครื่องออกกำลังกายเบาๆ...  แล้วตอนนี้ปีศาจก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืดรอบๆพวกเขาที่มองสภาพของปีศาจแต่ละตัวแล้วก็ได้แต่ขนคอลุกชัน...

    ในขณะเดียวกัน  คาร์ลกลับเจอศึกหนัก  แวร์วูฟและไลแคนจำนวนมากกว่าสิบตัวปรากฏต่อหน้าเขาแล้วเข้าจู่โจมจนคาร์ลคว้าดาบออกมาไม่ทันเลยต้องใช้วิธีที่ถนัดกว่า...สร้างมันขึ้นมา

    กรงเล็บแข็งแกร่งของแวร์วูฟฟาดเข้าใส่เขาเป็นการเปิดฉากการโจมตีต่อเนื่อง  คาร์ลเองก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว  เขาหลบการโจมตีนั้นด้วยการเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อยแล้ววาดดาบออกไปอย่างรวดเร็วจนใครก็มองไม่ทัน

    และสิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นก็คือเลือดกลิ่นฉุนที่สาดกระจายออกมาจากแขนข้างที่อีกฝ่ายฟาดกรงเล็บเข้าใส่คาร์ล  ตามมาด้วยเสียงคำรามลั่นของแวร์วูฟตนนั้น

    มันคำรามในลำคอเสียงต่ำพร้อมกับพยายามหยุดเลือดด้วยการรักษาตัวที่รวดเร็วเป็นรองเพียงแวมไพร์  และเมื่อเลือดหยุดไหลปากแผลที่ปรากฏที่แขนของแวร์วูฟคือแผลแขนขาดที่เรียบสนิทราวกับเอามีดคมๆมาแล่เนื้อบางๆ...

    แวร์วูฟตนนั้นหันมาขู่คำรามใส่คาร์ลที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว  แต่มันกลับเดินถอยหลบกลับเข้าไปในกลุ่มปีศาจที่อยู่ด้านหลังแล้วแวร์วูฟตนอื่นก็เข้ามาโจมตีเขาต่อ

    สิ่งที่น่าแปลกคือแวร์วูฟที่ปกติมักจะไม่หยุดสู้จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายกลับรู้จักที่จะใช้กลยุทธ์  เมื่อตนเองบาดเจ็บจนมีสิทธิ์ที่จะแพ้สูงก็จะกลับเข้าไปด้านหลัง  ให้ตนอื่นๆเข้ามาแทนที่  และเมื่อมีอีกตนเข้าไป  ก็จะมีอีกตนหนึ่งออกมา  ซ้ำๆซากๆ  วนเวียนอยู่แบบนี้จนคาร์ลเริ่มเหนื่อย  เขาหอบจนปรากฏไอจางๆลอยออกมาจากจมูกและริมฝีปาก  แต่ก็ยังอยากจะไขข้อสงสัยให้แน่ใจ

    น่าแปลกที่พวกมันพยายามที่จะส่งเสียงขู่คำรามอยู่ตลอดเวลาจนเขาไม่ได้ยินเสียงอื่นนอกจากเสียงการต่อสู้ของตนเองกับเสียงคำรามของพวกมัน

    ...เหมือนจะใช้กลบเสียงอะไรสักอย่าง...

    คาร์ลขมวดคิ้ว  ไม่ชอบใจเลยจริงๆ!

    ราวกับพลังเวทในกายกู่ร้องรับอารมณ์ของเขา  เลือดในกายราวกับเดือดขึ้นและจากนั้นพลังเวทก็ถูกระเบิดออกมาจากในกายกระจายไปรอบด้าน!

    ทั้งไลแคนและแวร์วูฟทั้งหมดถูกพลังเวทที่ระเบิดออกมาซัดจนกระเด็นออกไปกระแทกกับกำแพงสีดำดังโครมคราม  บ้างก็ลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นพร้อมเสียงครางหงิง  จากนั้นก็ถูกแท่งความมืดแทงทะลุร่าง  โดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะลุกขึ้นมาตายคาที่...

    คาร์ลมองสภาพรอบๆด้วยนัยน์ตาสีเงินที่ส่วนของตาขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท  บนศีรษะปรากฏเขาโง้งยาวเลยขึ้นไปถึงเหนือศีรษะสีดำสนิท

    ฟึบ!

    และปีกอินคิวบัสสีนิลที่ถูกสยายออกพร้อมกับลมที่กรรโชก...

    เขาเหลือบมองไปยังจุดที่เดลและลูน่าเคยอยู่  มันปรากฏรอยเลือดของปีศาจหลายตน  แต่ก็ไม่มากพอให้ปีศาจเหล่านั้นตายลงได้  และสาเหตุที่ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่ในบริเวณนั้นอีกก็คงจะเป็นเพราะ...

    สองคนนั้นถูกจับตัวไปแล้ว...

     

    เดลฟื้นขึ้นมาเพราะแสงไฟสลัวที่ถูกจุดขึ้น  เขาขยับตัวเล็กน้อย  แต่แล้วก็กลับพบว่าตนเองไม่อาจจะขยับตัวได้อย่างอิสระ  เมื่อมองดูดีๆจึงพบว่าตนถูกตรึงอยู่บนกำแพง

    เขามองไปรอบๆ  ห้องนี้เป็นโถงดินกว้างๆที่มีกลิ่นอับชื้นอยู่นิดหน่อย  นอกเหนือจากคบไฟที่ถูกจุดติดอยู่รอบๆก็ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากนี้อีก  หากไม่รวมร่างที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้ามองเขาอย่างพิจารณา

    “นัยน์ตาต้องสาปสินะ” อีกฝ่ายกล่าวพลางเอามือลูบผ่านดวงตาของเดลเบาๆ “ว่าอย่างไรล่ะสการ์เลท  สนใจจะเอาดวงตาต้องสาปมาเป็นของตนเองไหม?”

    แม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยเป็นเชิงถามพลางหันไปหาหญิงสาวที่ยืนเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย  แต่ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือท่าทีที่แสดงออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยความอยากกระหายที่จะได้พลังมาครอบครอง

    “หากมันเป็นประสงค์ของท่านเฮคเตอร์  ข้าย่อมทำตาม” หญิงสาวกล่าวพลางค้อมหัวน้อยๆ

    เดลมองสการ์เลทอย่างพินิจพิเคราะห์  มองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเปลือกไม้ที่ไร้ซึ่งแววแห่งชีวิต  ใบหน้าที่จัดได้ว่างดงามนิ่งสนิท  เสื้อผ้าอาภรที่สวมใส่แม้จะเป็นสีแดงสดแต่ก็ไม่อาจทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้  เธอเหมือนศพเดินได้มากกว่าที่จะเป็นมนุษย์...

    เฮคเตอร์มองกลับมาที่เดลอีกครั้ง  รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย “งั้นเราก็มาเริ่มเกมกันเถอะ...”

    เดลขมวดคิ้ว  มองเฮคเตอร์ที่ดีดนิ้วทีหนึ่งอย่างข้องใจ  แต่ในเวลาต่อมาเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อปรากฏร่างของน้องสาวของตัวเองกำลังถูกลากเข้ามาทั้งๆที่พยายามขัดขืนสุดชีวิต

    “ปล่อยข้านะ!!! เจ้าพวกปีศาจเลว!!! บอกให้ปล่อยไง!!!!

    ปีศาจที่ทำหน้าที่ลากลูน่าเข้ามาส่งเสียงขู่เพื่อให้เด็กสาวเงียบลงเสียที  และมันก็ได้ผลเมื่อลูน่าถึงกับชะงักและหยุดดิ้นด้วยความกลัว

    “พวกเจ้าออกไปได้” เฮคเตอร์เอ่ยพลางโบกมือเบาๆ  ปีศาจสองตนนั้นก็ปล่อยลูน่าลงกับพื้นแล้วเดินออกไปตามคำสั่ง

    เฮคเตอร์ก้าวเข้าไปหาลูน่าและเชยใบหน้าของเธอขึ้นมาพิจารณา

    “ไม่เลวเลยนี่  น้องสาวของเจ้าน่ะ” เอ่ยพลางหันมายิ้มให้กับเดลที่กำลังพยายามข่มอารมณ์

    “ออกมาจากลูน่า...”

    “หืม? อะไรนะ?”

    “ข้าบอกให้ออกมาจากลูน่า!!!!” สิ้นเสียง  กระแสพลังเวทก็ไหลทะลักออกมาจากร่างของเดล  รวมตัวกันเป็นเปลวเพลิงก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเฮคเตอร์อย่างรวดเร็ว!!!

    เฮคเตอร์เลิกคิ้วมองลูกไฟนั้นนิ่งๆ  ก่อนที่จะยื่นมือที่เคลือบพลังเวทออกมาบดขยี้ลูกไฟนั้นด้วยมือเพียงข้างเดียว

    “แค่นี้เองเหรอ? ช่างน่าเสียดายจริงๆที่ของดีๆไปอยู่กับคนที่ใช้ไม่เป็น” เอ่ยจบเขาก็ส่งสัญญาณกับสการ์เลท  เธอขยับมายืนอยู่ตรงหน้าของเดลแล้วอัดพลังเวทเข้าใส่ร่างของเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว!!

    “อั่ก!!

    “พี่!!!

    “ไม่เป็นไรสาวน้อย  ถ้าเจ้ายอมอยู่นิ่งๆเป็นเด็กดีก็จะไม่เจ็บตัว...แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับพี่ของเจ้าด้วย...” เฮคเตอร์กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  แต่ที่ฝ่ามือกลับปรากฏมีดสีเงินแวววาวขึ้น  ยกไปจ่อที่ลำคอของลูน่าที่กลัวจนตัวสั่น 

    สิ่งที่เธอกลัวไม่ใช่มีด  แต่เป็นแรงกดดันที่ร่างตรงหน้าแผ่ออกมา  ดวงตาสีมรกตมองไปทางร่างของเดลที่ไอแห้งๆออกมา  เธออยากจะขอความช่วยเหลือ  แต่ก็รู้ดีว่าถึงจะเอ่ยออกไปก็ไร้ประโยชน์

    “ว่ายังไงล่ะผู้ครองดวงตาต้องสาป  จะมอบดวงตาคู่นั้นให้ข้าดีๆ  หรือว่าอยากจะเห็นคนที่เจ้ารักทรมาน...หืม?”

    “เจ้ามันต่ำช้า...”

    “อ้อ? ยังปากดีได้แบบนี้คงจะยังไม่รู้สภาพของตัวเองสินะ??”

    “...” เดลขมวดคิ้ว  แต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา  เฮคเตอร์ที่ฉีกยิ้มอย่างรู้ทันฉีกยิ้มแสยะมากขึ้นไปอีก

    “เอาเจ้านั่นมา” เฮคเตอร์หันไปกล่าวกับสการ์เลทที่รีบค้อมหัวแล้วเดินออกไปจากห้อง  เธอเดินตรงมายังกรงขังที่มีแสงจากวงเวทส่องออกมาจากด้านใน  วาดมือออกไปด้านหน้าเพียงเบาๆ  วงเวทบนพื้นก็จางลง

    “พาเขาออกมา” เธอเอ่ยเสียงเรียบกับยามเฝ้าประตู  นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไปยังร่างที่กำลังถูกปลดออกจากแท่นขึง  ร่างที่เปรอะไปด้วยเลือดที่เริ่มแห้งกรังจนกลายเป็นสีน้ำตาลคล้ำปวกเปียกสิ้นเรี่ยวแรง

    เธอมองร่างนั้นอย่างเย็นชารอบหนึ่งแล้วออกเดินนำ  ยามเฝ้าประตูจึงลากร่างนั้นเดินตามมา  และเพียงแค่ก้าวเข้ามาในโถง  เดลที่ถูกตรึงอยู่ที่ผนังและได้เห็นร่างที่ถูกพาเข้ามาชัดๆก็เบิกตากว้างขึ้น

    “อาร์โรห์!!!!?”

    ลูน่าเองก็เบิกตาว้างมองสภาพของอาร์โรห์อย่างไม่เชื่อสายตา  ใบหน้าของอาร์โรห์แม้จะถูกปิดด้วยเส้นผมที่ปรกลงมาไปกว่าครึ่ง  แต่ดูจากเสื้อผ้าที่ติดกายของอีกฝ่ายอยู่ก็พอจะเดาถึงความบอบช้ำที่ร่างกายนี้ได้รับได้ไม่ยากเลย

    ร่างที่เหลือเพียงเสื้อสีขาวตัวบางๆและกางเกงที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดสีคล้ำถูกลากไปคุกเข่าอยู่อีกฟากหนึ่งของโถง  เดลและลูน่าเพิ่งสังเกตว่าที่ตรงนั้นมีตรวนที่โยงยึดกับเพดานเอาไว้อยู่  ความยาวของมันยาวมากพอที่จะตรึงให้คนๆหนึ่งถูกตรึงอยู่ในสภาพคุกเข่า

    ตรวนถูกสวมลงบนข้อมือของอาร์โรห์ที่ปรากฏบาดแผลที่ยังมีเลือดกรังอยู่  แขนที่ถูกยึดจนตึงทำให้ร่างไร้สติไม่ลงไปนอนกองกับพื้น

    “อาร์โรห์! อาร์โรห์!! ได้ยินข้ามั้ย!!!? อาร์โรห์!!!” เดลตะโกนจนสุดสียง  แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับจากร่างเจ้าของชื่อ

    เฮคเตอร์พยักหน้าให้สการ์เลท  และเป็นอีกครั้งที่จอมเวทสาวใช้เวท  เธอเรียกมวลน้ำเท่าลูกบอลขนาดพอดีมือลูกหนึ่งออกมาและส่งมันไปทางอาร์โรห์  เมื่อมาถึงเหนือศีรษะของร่างไร้สติมันก็ร่วงลงแตกกระจายลงบนร่างของอีกฝ่าย  เรียกให้ร่างของอาร์โรห์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความเย็นเยียบที่เสียดแทงลงบนผิวกาย

    “อ้า...แฮ่กๆ...”

    เฮคเตอร์มองอาร์โรห์ที่หอบหนัก  แต่เพียงแค่นั้นดูเหมือนจะยังไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้  เพียงแค่กระทืบเท้าลงบนพื้นเบาๆ  พลังเวทก็ถูกส่งไปกระตุ้นวงเวทที่อยู่บนพื้นใต้ร่างของอาร์โรห์  มันเรืองแสงสีม่วงขึ้นมาและจากนั้นเสียงกรีดร้องลั่นก็ดังออกมาจากริมฝีปากที่แตกแห้งของคนที่อยู่ในวงเวท

    ร่างของอาร์โรห์สะบัดเร่า  เจ็บปวดจนทำได้เพียงกรีดร้องระบายความเจ็บปวดด้วยเสียงอันแหบพร่า  มือทั้งสองข้างกำแน่นจิกลงบนฝ่ามือเรียกเลือดสีสดให้หลั่งริน  ดวงตาหม่นแสงเบิกกว้างเช่นเดียวกับริมฝีปากที่ใช้ส่งเสียง  แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งลูน่าและเดลตระหนกที่สุดคงจะเป็นรอยเลือดที่ซึมออกมาที่เสื้อสีขาวจนถูกย้อมเป็นสีแดง  ประกอบกับรอยเลือดที่แห้งกรังอยู่ก่อนแล้วก็ทำให้ภาพที่เห็นดูน่าสยดสยองเกินกว่าที่สองพี่น้องรีการ์ดจะทนดูได้

    ลูน่าเบือนหน้าหนีภาพนั้น  ขณะที่เดลพยายามที่จะตะโกนบอกให้หยุด  แต่เขายิ่งตะโกนเท่าไหร่ก็เหมือนว่าความทรมานของอาร์โรห์จะมากขึ้นเท่านั้น  จนกระทั่งร่องรอยของบาดแผลลามขึ้นมาถึงลำคอของอาร์โรห์  มันจึงทำให้เดลรู้ว่านั่นเป็นผลที่แท้จริงของวงเวท

    และในขณะที่บาดแผลกำลังจะลามขึ้นไปถึงใบหน้าของอาร์โรห์นั่นเอง...

    “พอ!!! พอสักที!!!! ข้ายอมแล้ว!!!! ข้ายอมแล้ว!!!!! จะเอาก็เอาไปเลย!!!!!” เดลตะโกนออกไปสุดเสียง  เขาทนเห็นเพื่อนต้องทนเจ็บปวดทรมานต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว  ถ้าอาร์โรห์ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขามากไปกว่านี้เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต...

    เสียงกระทืบเท้าตังขึ้นอีกครั้ง  วงเวทที่ตราอยู่บนพื้นที่อาร์โรห์อยู่ก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม

    เคร้ง!

    เสียงโซ่ที่ถูกถ่วงจนตึงด้วยน้ำหนักตัวของร่างที่สิ้นเรี่ยวแรงพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องที่เงียบลงเหลือเพียงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงเรียกให้ลูน่าหันกลับมามองร่างของอาร์โรห์อีกครั้ง  เลือดสีแดงสดหยดลงบนพื้นที่ถูกตราวงเวทไว้จนนองเป็นแอ่งเล็กๆ

    “โอ๋? เจ้าจะมอบดวงตาต้องสาปให้ข้างั้นเหรอ?”

    “ใช่  แลกกับปล่อยสองคนนั้นไป”

    เฮคเตอร์นิ่งคิดชั่วครู่  เขาเหลือบมองร่างของอาร์โรห์สลับกับลูน่า  จากนั้นก็หันกลับมาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    “เอาแบบนั้นก็ได้”

    “ม...ไม่ได้...” เสียงระโหยดังมาจากร่างของคนที่อยู่อีกฟากของโถง “ม...ไม่ได้นะ...เดล...”

    “อาร์โรห์...ข้าให้เจ้ามาเจ็บตัวเพราะข้าไม่ได้...”

    “เจ้าไม่เข้าใจเหรอ...ถ้าเจ้ามอบดวงตาต้องสาปให้ผู้อื่น...เจ้าจะตาย...” อาร์โรห์เอ่ยทั้งหอบ  เขาพยายามเค้นกำลังกายเงยหน้าขึ้นมามองร่างของเพื่อนที่ถูกตรึงไว้บนกำแพง  ดวงตาหม่นแสงปรากฏแววเศร้าหมอง

    “เจ้าจะ...ทิ้งลูน่าไว้...คนเดียวหรือ...” ปลายเสียงของอาร์โรห์สั่นหนักราวกับว่าพลังที่เค้นมาทั้งหมดหมดลงเพียงเท่านี้  เขาหอบ  หอบจนลมหายใจแทบจะขาดห้วง  หอบทั้งลมหายใจสั่นสะท้าน  เหงื่อกาลไหลอาบใบหน้าซีดเซียวที่แสดงถึงความอ่อนล้า

    “พูดเท่านี้คงพอใจแล้วสินะเจ้าคนนอกคอก” เอ่ยพลางปรายตามองอาร์โรห์ที่มองมายังตนเองด้วยสายตาโกรธแค้น  ไม่ใช่แค่โกรธแค้นอีกฝ่าย  แต่เขายังโกรธแค้นตนเอง

    ...โกรธแค้นตนเองที่ไร้ซึ่งพลังที่จะปกป้องเพื่อน...

    เฮคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก  เพียงแค่สะกิดปลายเท้าเบาๆลงบนพื้น  วงเวทที่อยู่ใต้ร่างอาร์โรห์ก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม  มันทำเอาร่างของอาร์โรห์กระตุกวูบ  ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่น  ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากจนเลือดออกเพื่อเรียกสติของตนที่ใกล้จะหลุดลอยไปเพราะพลังเวทที่ถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว  แต่มันก็แทบจะไร้ผลเมื่อภาพตรงหน้าเขาค่อยๆพร่าเลือนและมืดลงในที่สุด

    “เอาล่ะ  เท่านี้ก็คงจะมากพอแล้วละมั้งสำหรับการพูดคุยเป็นครั้งสุดท้ายกับเพื่อนที่แสนดีน่ะ หึๆๆ” เฮคเตอร์ กล่าวพลางหันมาทางเดลที่มีสีหน้านิ่งเรียบ  ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธ  เฮคเตอร์จึงเริ่มท่องเวทเบาๆ

    แต่ขณะนั้นเองเสียงดัง ตู้ม!!’ ก็ทำให้สมาธิของเฮคเตอร์ขาดสะบั้น  วงเวทที่ปรากฏบนฝ่ามือจางๆก็จางหายไปทันที  เขาหันไปมองต้นเหตุที่กลางห้องซึ่งถูกกลุ่มควันปกคลุม  และที่กลางกลุ่มควันนั้นก็ปรากฏร่างๆหนึ่งกระโดดลงมาจากเพดานด้านบน

    “เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรือเปล่า  เฮคเตอร์  เทรานอส...”

    “เจ้าเป็นใคร!!!?”

    “จำกันไม่ได้ซะแล้วเหรอ? ข้าว่าข้าสอนเจ้ามาก็หลายปีอยู่นะ”

    “หรือว่าจะเป็น...คาร์ล  ราคัส!!!?”

    และเพียงแค่ชื่อนั้นถูกเอ่ยออกมา  ควันที่เมื่อครู่ฟุ้งอยู่ในห้องก็ถูกเวทสายลมพัดหายไปในทันที  ปรากฏร่างของอินคิวบัสหนุ่มที่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

    “คงต้องยอมรับว่าเจ้าเป็นคนที่ใช้เวทกับดักได้ยอดมาก  กว่าข้าจะมาถึงนี่ได้ก็แทบแย่แน่ะ”

    “เจ้า...!! เจ้าน่าจะยังสู้กับพวกหมาป่าอยู่ไม่ใช่รึไง!!!?”

    “อ้อ  พวกไลแคนกับแวร์วูฟน่ะเหรอ?  โดนจัดการไปหมดแล้วล่ะ”

    “ว่ายังไงนะ!!!?” เฮคเตอร์ถึงกับผงะ  แวร์วูฟและไลแคนที่เขารวบรวมมาร่วมเดือน  ถูกคนๆเดียวจัดการได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง  อาจเป็นอะไรที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ  แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์และพลังของอีกฝ่ายก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำได้ง่ายๆ...

    “คาร์ล!” ลูน่าเป็นคนต่อมาที่เอ่ยเรียกผู้มาใหม่  นัยน์ตาสีเงินมองเธอเล็กน้อยแล้วก็ถูกลูน่าพยักเพยิดให้หันไปมองเดลและอาร์โรห์

    คาร์ลมองตาม  และเมื่อเห็นสภาพของอาร์โรห์เขาก็ทำสีหน้าลำบากใจ  จึงหันกลับไปทางเดลที่ดูจะจัดการง่ายกว่า  เพียงแค่สะบัดมือออกไป  เวทสายลมคมกริบก็เข้าตัดสิ่งที่ตรึงร่างของเดลไว้จนขาดสะบั้น  และเมื่อได้รับอิสระ  เดลก็แทบจะถลาเข้าไปหาน้องสาวที่พอพี่ชายมาอยู่ใกล้ๆปุ๊บก็อ้าแขนกอดแน่น

    คาร์ลมองสองพี่น้องครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปมองเฮคเตอร์ที่ตั้งท่าจะใช้เวท  เขาเลยต้องชิงร่ายเวทใส่สองพี่น้องรีการ์ดก่อนโดยที่กำหนดปลายทางไว้ที่โรงแรมในเมือง  และโดยไม่มีใครรู้ตัวสองพี่น้องที่ทำหน้าตระหนกก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

    เฮคเตอร์ที่เห็นดังนั้นก็แสดงใบหน้าบิดเบี้ยวออกมาโดยไม่รู้ตัว  แต่เมื่อเหลือบไปเห็นร่างไร้สติของอาร์โรห์  เฮคเตอร์ก็แสยะยิ้มและซัดพลังเข้าไปหาร่างของอีกฝ่ายทันที

    คาร์ลเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ทัน  เขาสร้างลูกพลังสีดำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  และซัดออกไปดักหน้าลูกพลังของเฮคเตอร์  แม้จะมีขนาดที่เล็กกว่า  แต่เมื่อลูกพลังสองลูกเข้าปะทะกันลูกพลังของเฮคเตอร์กลับถูกดูดเข้ามารวมเข้ากับลูกพลังของคาร์ลแล้วเลยไปซัดลงบนวงเวทที่อาร์โรห์อยู่

    แต่ใครจะนึกว่าแรงระเบิดของมันกลับสร้างเพียงหลุมเล็กๆหลุมหนึ่ง

    แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้วงเวทนั้นใช้การไม่ได้อีก

    คาร์ลไม่รอปล่อยให้โอกาสหลุดมือ  เขาสร้างดาบคมกริบขึ้นมาในมือ  กระโจนออกไปตัดโซ่เส้นหนาที่ตรึงร่างของอาร์โรห์ไว้จนขาดสะบั้น

    ร่างอ่อนปวกเปียกของอาร์โรห์เมื่อไร้ซึ่งสิ่งที่ตรึงเขาเอาไว้ก็ล้มลง  หากไม่ได้คาร์ลเข้ามารับไว้ร่างของเขาคงได้ลงไปกองอยู่บนพื้น  และเป็นตอนนั้นเองที่คาร์ลท่องเวทอย่างรวดเร็วพาพวกเขาทั้งสองคนออกมาจากที่นั่น...

    _________________________________________________________________________________________

    มันอดไม่ได้!!!!

    ไรท์จะไม่ทน!!!

    อยากแชร์ตอนนี้มาก(?)

    ในตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง (ของภาคหนึ่ง) แล้วนะคะ

    อาจจะเป็นครั้งแรกที่อาร์โรห์แสดงความอ่อนแอออกมาถึงขีดสุด (ตอนหน้า)

    ไม่รู้ว่าทุกคนมีอารมณ์ร่วมไปด้วยมั้ย แต่ตอนไรท์แต่งตอนนี้นี่บิ้วแทบแย่เลยค่ะ (หรา)

    แต่งไปเจ็บใจไป ทำไมอาร์โรห์ถึงซวยขนาดเน้!!! (แต่งเองบ้าเอง)

    แต่เอาเถอะ ถือเป็นความสุขของไรท์นะคะ (?)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×