คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14
บทที่ 14
“ข้าจะออกไปตามหาสถานที่นั้นก่อน คิดว่าภายในวันนี้ก็น่าจะหาเจอ”
“คงต้องฝากเจ้าอีกแล้วล่ะ”
นั่นคือบทสนทนาในตอนเช้าของวันต่อมาระหว่างคาร์ลและเดลขณะที่ลูน่ายังคงหลับอุตุเหมือนปกติ
คาร์ลมองตึกรามบ้านช่องของเมืองแห่งนี้ขณะเดียวกันก็เริ่มแผ่จิตหาอาร์โรห์อีกครั้ง เขาเดินไปทั่วเมืองโดยทำทีเป็นเดินเล่น และขณะที่เดินผ่านอาคารที่สร้างจากหินหลังหนึ่งเขาก็รับรู้ได้ถึงไอพลังเวทที่ปกคลุมอยู่รอบๆตัวอาคารหลังนี้ คิดว่าคงถูกสร้างเป็นเขตแดน...
อินคิวบัสหนุ่มถอนหายใจแล้วเดินผ่านอาคารหลังนั้นไป รอให้ดึกกว่านี้ก่อนค่อยมาก็แล้วกัน...
คาร์ลไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขากำลังถูกดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ อีกฝ่ายเผยยิ้มขณะที่เห็นคาร์ลเดินผ่านหน้าอาคารไป
“ทำไมท่านไม่ให้มันเห็นไปเลยล่ะเจ้าคะ?”
“ยังหรอก
ยังไม่ถึงเวลา
ข้าจะต้องให้เจ้านั่นทรมานกว่านี้เสียก่อน หึๆๆ”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ว่างเปล่ามองดูบุคคลในภาพที่ปรากฏอยู่กลางอากาศ
อีกฝ่ายยังคงเดินต่อไปโดยที่ไม่ได้รู้สึกเลยว่ากำลังถูกใช้เวทติดตามอยู่
สุดท้ายแล้วคาร์ลก็กลับมาอย่างไร้เบาะแส
มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาไม่ชอบใจเลยจริงๆ เหมือนกับกำลังเดินตามเกมของใครซักคนโดยที่เขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งยังไรอย่างนั้น...
เขานั่งลง
ใช้เวลาในการครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้พบมาในวันนี้
แต่เบาะแสก็ยังน้อยเกินกว่าจะนำมาปะติปะต่อเรื่องให้เป็นข้อมูลที่สำคัญได้เลยสักอย่าง...
มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงติดใจเขาอยู่ สถานที่ที่จิตเขาเข้าไปไม่ถึง กลิ่นอายแปลกประหลาดและพลังเวทที่ใช้กางกั้นอาณาเขตราวกับรู้ว่าเขาจะมา...
มีแค่ที่นั่นที่เขาต้องเข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง...
คาร์ลนั่นกุมขมับทำหน้าเครียด
แต่ก็ทำได้เพียงไม่นานเพราะเดลกับลูน่าที่ออกไปเดินเล่นกลับมาเร็วเกินคาด คาร์ลเลยต้องรีบปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ
“ในเมืองเป็นยังไงบ้าง?” คาร์ลเอ่ยถามขณะที่ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะรับแขกชุดเล็กๆในห้องพัก เดลเดินเข้ามายืนท้าวโต๊ะ ส่วนลูน่าเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคาร์ล ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วเจ้าล่ะ? ได้อะไรมาบ้าง??”
คาร์ลชะงักไปครู่หนึ่ง ชั่งน้ำหนักในใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี
แต่ถ้าเขาพูดโกหกไปแล้วอีกฝ่ายจับได้เขาจะโดนฆ่าไหม??
แล้วถ้าบอกไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?
น่าลองจริงๆเลยให้ตายสิ...
“ข้าเจอสถานที่น่าสงสัยนิดหน่อย...” คาร์ลตัดสินใจพูดความจริงออกไป พร้อมทั้งบอกเรื่องที่เขาคิดจะเข้าไปสำรวจที่นั่นในคืนนี้ด้วย
ตกดึกสงัด
ขณะที่ผู้คนในเมืองต่างก็จมเข้าสู่ห้วงนิทรา เงาร่างสามร่างกลับเคลื่อนที่อยู่ภายใต้เงามืด เคลื่อนที่ไปตามเงาของตัวอาคารและเงาไม้ จนกระทั่งมาถึงลานกลางเมือง พวกเขาก็เผยตัวออกมาจากเงามืด แม้ทั้งสามคนจะสวมชุดสีเข้มและมีผ้าคลุมทับอีกชั้น ทั้งยังคาดผ้าปิดใบหน้าช่วงล่างเอาไว้แต่นัยน์ตาสีประหลาดสามคู่ก็กลับเป็นสิ่งยืนยันตัวตนของพวกเขา
คาร์ล
ราคัส
เดล
รีการ์ดและ...ลูน่า รีการ์ด
ทั้งสามต่างขยับเคลื่อนตัวตรงไปยังอาคารที่คาร์ลเอ่ยถึงด้วยการนำทางของเจ้าของดวงตาสีเงิน
อาจไม่มีใครรู้
แต่คนที่เครียดที่สุดก็คือคาร์ล
เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาวางไว้เงียบๆคนเดียวจะสำเร็จหรือไม่
และถ้าหากว่ามีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นเขาจะทำเช่นไร
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสภาพของอาร์โรห์ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง แล้วถ้าสิ่งที่เขาถูก ‘ทำให้เห็น’ เป็นเรื่องจริงขึ้นมาเขาจะทำอย่างไร...
แผนการที่แม้แต่ผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างเดลและลูน่าก็ยังไม่รู้จะเริ่มขึ้นเมื่อทั้งสามก้าวเข้าสู่เขตอาคาร
ทั้งสามยังคงเคลื่อนตัวหลบตามเงามืดมาเรื่อยๆจนถึงที่หมาย
เดลและลูน่าต่างมองอาคารที่ไม่โดดเด่นนั้นด้วยสายตาที่สื่อออกมาได้หลายความหมาย ต่างจากคาร์ลที่มองสิ่งก่อสร้างตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า...
และเพียงแค่ทั้งสามก้าวเข้าไปก็เป็นไปตามคาด มีมนุษย์หลายคนปรากฏตัวออกมาพร้อมกับอาวุธ บ้างก็เป็นเพียงมือเปล่า แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือรังสีคุกคามที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา แม้จะไม่อาจทำให้ทั้งสามคนนึกหวาดกลัวเลยก็ตาม
ลูน่าเป็นคนแรกที่แสดงท่าทีแข็งกร้าวด้วยการชักดาบที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา เดลเลยจำต้องดึงเอาดาบยาวและมีดสั้นออกมาถือเอาไว้เตรียมพร้อม มีเพียงคาร์ลที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ดึงอาวุธ
ไม่แม้กระทั่งจะตั้งท่าเตรียมพร้อมเข้าสู่สนามต่อสู้
แต่เพียงแค่นั้นก็เป็นการประกาศกร้าวแล้วว่าพวกตนเป็นศัตรูโดยไม่ต้องพูด และเพียงไม่นานทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกันโดยที่คาร์ลยังคงยืนนิ่ง ทำเพียงคอยปัดให้ลูกหลงพ้นตัวเท่านั้น
แม้จะมีจำนวนคนที่มากกว่าหลายเท่าตัว แต่ฝีมือของแต่ละคนกลับอยู่ในระดับที่หาได้ทั่วไปตามตลาดทหารรับจ้างชั้นเลว การปะทะจึงจบลงในระยะเวลาเพียงไม่นาน
แต่เมื่อการปะทะหยุดลงลูน่ากลับหันมามองคาร์ลด้วยสายตาไม่พอใจสุดๆ เธอก้าวฉับๆเข้ามาหาคาร์ลแล้วกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแรง!
“เจ้าคิดจะทำบ้าอะไรหา!!!?”
“อะไร? เปล่าเสียหน่อย”
“เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเสียท่าให้พวกมันใช่มั้ยล่ะ!!?
คิดว่าจะใช้พวกมันกำจัดพวกข้าใช่ไหม!!!?”
“ลูน่าไม่เอาน่า...”
“ไม่ต้องมาห้ามข้าเลยท่านพี่!!! ข้าทนมาหลายรอบแล้ว เจ้าหมอนี่มันไม่น่าไว้ใจมาตั้งแต่ต้นแล้ว!!!!”
“ลูน่า
นี่ไม่ใช่เวลาจะมาแตกคอกันเองนะ!”
“แล้วยังไงล่ะ!!!! ก็เจ้าหมอนี่มันน่าสงสัยนี่!!!”
“แล้วถ้าข้าเป็นอย่างที่เจ้าพูดแล้วจะทำไม?? จะฆ่าข้ามั้ยล่ะ???”
“คาร์ล!!!”
คนถูกเรียกชื่อมองใส่คนเอ่ยประมาณเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง ให้อีกฝ่ายอยู่เงียบๆไป
จากนั้นก็เลื่อนสายตากลับมาที่เด็กสาวชาวมนุษย์ตรงหน้า
“ว่ายังไงล่ะ
ลูน่า รีการ์ด”
“ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะฆ่าเจ้าซะให้เรื่องมันจบๆ!
แต่ข้าเห็นแก่อาร์โรห์ที่ยังนับเจ้าเป็นเพื่อนอยู่ อีกอย่าง
ถ้ามีเจ้า
ถึงจะช่วยแค่นิดหน่อยแต่ก็จะทำให้ความเป็นไปได้ที่พวกเราจะช่วยอาร์โรห์ออกมาสำเร็จมีมากขึ้น ถึงจะน่ารำคาญ
แต่ข้าจะทนไปจนถึงตอนนั้น
แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!!”
“ข้าจะรอ” คาร์ลกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่ยี่หระ
แต่กลับกระตุ้นต่อมอารมณ์เดือดของลูน่าได้ดีนักจนเจ้าตัวคนพูดโดนหมัดเล็กๆแต่แรงไม่เล็กของลูน่าชกเข้าใส่ใบหน้าหล่อๆนั่นจนทรุดลงไปกองกับพื้นโดยที่ยังไม่ทันแม้แต่จะตั้งตัว
ก็ถ้าเขาตั้งตัวทันไม่มีทางที่ลูน่าจะชกเขาได้หรอก!!!
คาร์ลเบ้หน้านิดหน่อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน
โดยที่ในขณะนั้นเขาก็แผ่จิตสังหารออกมาอ่อนๆรอบตัว
แต่แค่นั้นก็ทำเอาลูน่าถึงกับผงะแล้ววิ่งไปหลบหลังเดลทันที
คาร์ลหัวเราะหึๆ
แล้วเดินนำเข้าไปในตัวอาคารก่อนใครเพื่อน
จนเดลและลูน่าต้องหันมามองหน้ากันจนสุดท้ายก็ต้องเดินตามเข้าไปเพราะเสียงของคาร์ลที่เอ่ยเร่ง
“นี่พวกเจ้าจะยืนอยู่แบบนั้นอีกนานแค่ไหน??”
“ป...ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ!”
เป็นเรื่องน่าแปลกที่พวกเขาเดินเข้ามาลึกพอสมควรแล้วก็ยังไม่เห็นประตูหรือบันไดให้ได้เข้าไปเลย
คาร์ลมองเส้นทางตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ขณะที่เดลต้องคอยจุดไฟให้ตนเองกับลูน่าได้มองเห็นเส้นทางตรงหน้าที่เพียงแค่พ้นระยะแสงไปก็มืดสนิท
และสุดเขตของแสงนั้นก็มีคาร์ลที่เดินเว้นระยะห่างกับทั้งสองไปพอสมควรเดินอยู่ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างกับพวกเขานัก
และตอนนั้นเองที่มีบางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้าคาร์ล
มันปรากฏขึ้นมาเป็นเพียงเงาตะคุ่มขนาดยักษ์เพียงแวบเดียวแล้วหลังจากนั้นคาร์ลก็หลุดออกไปจากธารสายตาของทั้งสองพร้อมๆกับเงานั้น
เหลือเพียงสองพี่น้องรีการ์ดที่คนเป็นน้องสาวเกาะชายเสื้อพี่ชายแน่น
แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก คนๆเดียวที่สู้กับปีศาจได้อย่างคล่องแคล่วตอนนี้กลับหายตัวไป
ส่วนคนที่เหลือสำหรับพวกปีศาจก็ไม่ต่างจากเครื่องออกกำลังกายเบาๆ...
แล้วตอนนี้ปีศาจก็ค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืดรอบๆพวกเขาที่มองสภาพของปีศาจแต่ละตัวแล้วก็ได้แต่ขนคอลุกชัน...
ในขณะเดียวกัน
คาร์ลกลับเจอศึกหนัก
แวร์วูฟและไลแคนจำนวนมากกว่าสิบตัวปรากฏต่อหน้าเขาแล้วเข้าจู่โจมจนคาร์ลคว้าดาบออกมาไม่ทันเลยต้องใช้วิธีที่ถนัดกว่า...สร้างมันขึ้นมา
กรงเล็บแข็งแกร่งของแวร์วูฟฟาดเข้าใส่เขาเป็นการเปิดฉากการโจมตีต่อเนื่อง คาร์ลเองก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขาหลบการโจมตีนั้นด้วยการเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างเล็กน้อยแล้ววาดดาบออกไปอย่างรวดเร็วจนใครก็มองไม่ทัน
และสิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นก็คือเลือดกลิ่นฉุนที่สาดกระจายออกมาจากแขนข้างที่อีกฝ่ายฟาดกรงเล็บเข้าใส่คาร์ล ตามมาด้วยเสียงคำรามลั่นของแวร์วูฟตนนั้น
มันคำรามในลำคอเสียงต่ำพร้อมกับพยายามหยุดเลือดด้วยการรักษาตัวที่รวดเร็วเป็นรองเพียงแวมไพร์ และเมื่อเลือดหยุดไหลปากแผลที่ปรากฏที่แขนของแวร์วูฟคือแผลแขนขาดที่เรียบสนิทราวกับเอามีดคมๆมาแล่เนื้อบางๆ...
แวร์วูฟตนนั้นหันมาขู่คำรามใส่คาร์ลที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แต่มันกลับเดินถอยหลบกลับเข้าไปในกลุ่มปีศาจที่อยู่ด้านหลังแล้วแวร์วูฟตนอื่นก็เข้ามาโจมตีเขาต่อ
สิ่งที่น่าแปลกคือแวร์วูฟที่ปกติมักจะไม่หยุดสู้จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายกลับรู้จักที่จะใช้กลยุทธ์
เมื่อตนเองบาดเจ็บจนมีสิทธิ์ที่จะแพ้สูงก็จะกลับเข้าไปด้านหลัง ให้ตนอื่นๆเข้ามาแทนที่ และเมื่อมีอีกตนเข้าไป ก็จะมีอีกตนหนึ่งออกมา ซ้ำๆซากๆ
วนเวียนอยู่แบบนี้จนคาร์ลเริ่มเหนื่อย
เขาหอบจนปรากฏไอจางๆลอยออกมาจากจมูกและริมฝีปาก แต่ก็ยังอยากจะไขข้อสงสัยให้แน่ใจ
น่าแปลกที่พวกมันพยายามที่จะส่งเสียงขู่คำรามอยู่ตลอดเวลาจนเขาไม่ได้ยินเสียงอื่นนอกจากเสียงการต่อสู้ของตนเองกับเสียงคำรามของพวกมัน
...เหมือนจะใช้กลบเสียงอะไรสักอย่าง...
คาร์ลขมวดคิ้ว
ไม่ชอบใจเลยจริงๆ!
ราวกับพลังเวทในกายกู่ร้องรับอารมณ์ของเขา
เลือดในกายราวกับเดือดขึ้นและจากนั้นพลังเวทก็ถูกระเบิดออกมาจากในกายกระจายไปรอบด้าน!
ทั้งไลแคนและแวร์วูฟทั้งหมดถูกพลังเวทที่ระเบิดออกมาซัดจนกระเด็นออกไปกระแทกกับกำแพงสีดำดังโครมคราม บ้างก็ลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นพร้อมเสียงครางหงิง จากนั้นก็ถูกแท่งความมืดแทงทะลุร่าง โดยที่ยังไม่ได้แม้แต่จะลุกขึ้นมาตายคาที่...
คาร์ลมองสภาพรอบๆด้วยนัยน์ตาสีเงินที่ส่วนของตาขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
บนศีรษะปรากฏเขาโง้งยาวเลยขึ้นไปถึงเหนือศีรษะสีดำสนิท
ฟึบ!
และปีกอินคิวบัสสีนิลที่ถูกสยายออกพร้อมกับลมที่กรรโชก...
เขาเหลือบมองไปยังจุดที่เดลและลูน่าเคยอยู่ มันปรากฏรอยเลือดของปีศาจหลายตน แต่ก็ไม่มากพอให้ปีศาจเหล่านั้นตายลงได้ และสาเหตุที่ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่ในบริเวณนั้นอีกก็คงจะเป็นเพราะ...
สองคนนั้นถูกจับตัวไปแล้ว...
เดลฟื้นขึ้นมาเพราะแสงไฟสลัวที่ถูกจุดขึ้น เขาขยับตัวเล็กน้อย
แต่แล้วก็กลับพบว่าตนเองไม่อาจจะขยับตัวได้อย่างอิสระ เมื่อมองดูดีๆจึงพบว่าตนถูกตรึงอยู่บนกำแพง
เขามองไปรอบๆ
ห้องนี้เป็นโถงดินกว้างๆที่มีกลิ่นอับชื้นอยู่นิดหน่อย นอกเหนือจากคบไฟที่ถูกจุดติดอยู่รอบๆก็ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากนี้อีก
หากไม่รวมร่างที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้ามองเขาอย่างพิจารณา
“นัยน์ตาต้องสาปสินะ”
อีกฝ่ายกล่าวพลางเอามือลูบผ่านดวงตาของเดลเบาๆ “ว่าอย่างไรล่ะสการ์เลท สนใจจะเอาดวงตาต้องสาปมาเป็นของตนเองไหม?”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยเป็นเชิงถามพลางหันไปหาหญิงสาวที่ยืนเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย
แต่ไม่ว่าจะน้ำเสียงหรือท่าทีที่แสดงออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยความอยากกระหายที่จะได้พลังมาครอบครอง
“หากมันเป็นประสงค์ของท่านเฮคเตอร์ ข้าย่อมทำตาม” หญิงสาวกล่าวพลางค้อมหัวน้อยๆ
เดลมองสการ์เลทอย่างพินิจพิเคราะห์
มองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเปลือกไม้ที่ไร้ซึ่งแววแห่งชีวิต ใบหน้าที่จัดได้ว่างดงามนิ่งสนิท เสื้อผ้าอาภรที่สวมใส่แม้จะเป็นสีแดงสดแต่ก็ไม่อาจทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้ เธอเหมือนศพเดินได้มากกว่าที่จะเป็นมนุษย์...
เฮคเตอร์มองกลับมาที่เดลอีกครั้ง รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“งั้นเราก็มาเริ่มเกมกันเถอะ...”
เดลขมวดคิ้ว
มองเฮคเตอร์ที่ดีดนิ้วทีหนึ่งอย่างข้องใจ
แต่ในเวลาต่อมาเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อปรากฏร่างของน้องสาวของตัวเองกำลังถูกลากเข้ามาทั้งๆที่พยายามขัดขืนสุดชีวิต
“ปล่อยข้านะ!!! เจ้าพวกปีศาจเลว!!! บอกให้ปล่อยไง!!!!”
ปีศาจที่ทำหน้าที่ลากลูน่าเข้ามาส่งเสียงขู่เพื่อให้เด็กสาวเงียบลงเสียที และมันก็ได้ผลเมื่อลูน่าถึงกับชะงักและหยุดดิ้นด้วยความกลัว
“พวกเจ้าออกไปได้”
เฮคเตอร์เอ่ยพลางโบกมือเบาๆ
ปีศาจสองตนนั้นก็ปล่อยลูน่าลงกับพื้นแล้วเดินออกไปตามคำสั่ง
เฮคเตอร์ก้าวเข้าไปหาลูน่าและเชยใบหน้าของเธอขึ้นมาพิจารณา
“ไม่เลวเลยนี่
น้องสาวของเจ้าน่ะ” เอ่ยพลางหันมายิ้มให้กับเดลที่กำลังพยายามข่มอารมณ์
“ออกมาจากลูน่า...”
“หืม? อะไรนะ?”
“ข้าบอกให้ออกมาจากลูน่า!!!!” สิ้นเสียง กระแสพลังเวทก็ไหลทะลักออกมาจากร่างของเดล
รวมตัวกันเป็นเปลวเพลิงก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเฮคเตอร์อย่างรวดเร็ว!!!
เฮคเตอร์เลิกคิ้วมองลูกไฟนั้นนิ่งๆ ก่อนที่จะยื่นมือที่เคลือบพลังเวทออกมาบดขยี้ลูกไฟนั้นด้วยมือเพียงข้างเดียว
“แค่นี้เองเหรอ?
ช่างน่าเสียดายจริงๆที่ของดีๆไปอยู่กับคนที่ใช้ไม่เป็น”
เอ่ยจบเขาก็ส่งสัญญาณกับสการ์เลท
เธอขยับมายืนอยู่ตรงหน้าของเดลแล้วอัดพลังเวทเข้าใส่ร่างของเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว!!
“อั่ก!!”
“พี่!!!”
“ไม่เป็นไรสาวน้อย ถ้าเจ้ายอมอยู่นิ่งๆเป็นเด็กดีก็จะไม่เจ็บตัว...แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับพี่ของเจ้าด้วย...”
เฮคเตอร์กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
แต่ที่ฝ่ามือกลับปรากฏมีดสีเงินแวววาวขึ้น
ยกไปจ่อที่ลำคอของลูน่าที่กลัวจนตัวสั่น
สิ่งที่เธอกลัวไม่ใช่มีด แต่เป็นแรงกดดันที่ร่างตรงหน้าแผ่ออกมา ดวงตาสีมรกตมองไปทางร่างของเดลที่ไอแห้งๆออกมา เธออยากจะขอความช่วยเหลือ แต่ก็รู้ดีว่าถึงจะเอ่ยออกไปก็ไร้ประโยชน์
“ว่ายังไงล่ะผู้ครองดวงตาต้องสาป จะมอบดวงตาคู่นั้นให้ข้าดีๆ หรือว่าอยากจะเห็นคนที่เจ้ารักทรมาน...หืม?”
“เจ้ามันต่ำช้า...”
“อ้อ?
ยังปากดีได้แบบนี้คงจะยังไม่รู้สภาพของตัวเองสินะ??”
“...” เดลขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมา
เฮคเตอร์ที่ฉีกยิ้มอย่างรู้ทันฉีกยิ้มแสยะมากขึ้นไปอีก
“เอาเจ้านั่นมา”
เฮคเตอร์หันไปกล่าวกับสการ์เลทที่รีบค้อมหัวแล้วเดินออกไปจากห้อง เธอเดินตรงมายังกรงขังที่มีแสงจากวงเวทส่องออกมาจากด้านใน วาดมือออกไปด้านหน้าเพียงเบาๆ วงเวทบนพื้นก็จางลง
“พาเขาออกมา”
เธอเอ่ยเสียงเรียบกับยามเฝ้าประตู
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไปยังร่างที่กำลังถูกปลดออกจากแท่นขึง
ร่างที่เปรอะไปด้วยเลือดที่เริ่มแห้งกรังจนกลายเป็นสีน้ำตาลคล้ำปวกเปียกสิ้นเรี่ยวแรง
เธอมองร่างนั้นอย่างเย็นชารอบหนึ่งแล้วออกเดินนำ ยามเฝ้าประตูจึงลากร่างนั้นเดินตามมา และเพียงแค่ก้าวเข้ามาในโถง
เดลที่ถูกตรึงอยู่ที่ผนังและได้เห็นร่างที่ถูกพาเข้ามาชัดๆก็เบิกตากว้างขึ้น
“อาร์โรห์!!!!?”
ลูน่าเองก็เบิกตาว้างมองสภาพของอาร์โรห์อย่างไม่เชื่อสายตา
ใบหน้าของอาร์โรห์แม้จะถูกปิดด้วยเส้นผมที่ปรกลงมาไปกว่าครึ่ง
แต่ดูจากเสื้อผ้าที่ติดกายของอีกฝ่ายอยู่ก็พอจะเดาถึงความบอบช้ำที่ร่างกายนี้ได้รับได้ไม่ยากเลย
ร่างที่เหลือเพียงเสื้อสีขาวตัวบางๆและกางเกงที่เปรอะไปด้วยคราบเลือดสีคล้ำถูกลากไปคุกเข่าอยู่อีกฟากหนึ่งของโถง
เดลและลูน่าเพิ่งสังเกตว่าที่ตรงนั้นมีตรวนที่โยงยึดกับเพดานเอาไว้อยู่
ความยาวของมันยาวมากพอที่จะตรึงให้คนๆหนึ่งถูกตรึงอยู่ในสภาพคุกเข่า
ตรวนถูกสวมลงบนข้อมือของอาร์โรห์ที่ปรากฏบาดแผลที่ยังมีเลือดกรังอยู่ แขนที่ถูกยึดจนตึงทำให้ร่างไร้สติไม่ลงไปนอนกองกับพื้น
“อาร์โรห์! อาร์โรห์!! ได้ยินข้ามั้ย!!!? อาร์โรห์!!!”
เดลตะโกนจนสุดสียง
แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับจากร่างเจ้าของชื่อ
เฮคเตอร์พยักหน้าให้สการ์เลท และเป็นอีกครั้งที่จอมเวทสาวใช้เวท เธอเรียกมวลน้ำเท่าลูกบอลขนาดพอดีมือลูกหนึ่งออกมาและส่งมันไปทางอาร์โรห์
เมื่อมาถึงเหนือศีรษะของร่างไร้สติมันก็ร่วงลงแตกกระจายลงบนร่างของอีกฝ่าย
เรียกให้ร่างของอาร์โรห์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความเย็นเยียบที่เสียดแทงลงบนผิวกาย
“อ้า...แฮ่กๆ...”
เฮคเตอร์มองอาร์โรห์ที่หอบหนัก แต่เพียงแค่นั้นดูเหมือนจะยังไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้ เพียงแค่กระทืบเท้าลงบนพื้นเบาๆ
พลังเวทก็ถูกส่งไปกระตุ้นวงเวทที่อยู่บนพื้นใต้ร่างของอาร์โรห์ มันเรืองแสงสีม่วงขึ้นมาและจากนั้นเสียงกรีดร้องลั่นก็ดังออกมาจากริมฝีปากที่แตกแห้งของคนที่อยู่ในวงเวท
ร่างของอาร์โรห์สะบัดเร่า เจ็บปวดจนทำได้เพียงกรีดร้องระบายความเจ็บปวดด้วยเสียงอันแหบพร่า
มือทั้งสองข้างกำแน่นจิกลงบนฝ่ามือเรียกเลือดสีสดให้หลั่งริน
ดวงตาหม่นแสงเบิกกว้างเช่นเดียวกับริมฝีปากที่ใช้ส่งเสียง
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งลูน่าและเดลตระหนกที่สุดคงจะเป็นรอยเลือดที่ซึมออกมาที่เสื้อสีขาวจนถูกย้อมเป็นสีแดง
ประกอบกับรอยเลือดที่แห้งกรังอยู่ก่อนแล้วก็ทำให้ภาพที่เห็นดูน่าสยดสยองเกินกว่าที่สองพี่น้องรีการ์ดจะทนดูได้
ลูน่าเบือนหน้าหนีภาพนั้น ขณะที่เดลพยายามที่จะตะโกนบอกให้หยุด
แต่เขายิ่งตะโกนเท่าไหร่ก็เหมือนว่าความทรมานของอาร์โรห์จะมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งร่องรอยของบาดแผลลามขึ้นมาถึงลำคอของอาร์โรห์
มันจึงทำให้เดลรู้ว่านั่นเป็นผลที่แท้จริงของวงเวท
และในขณะที่บาดแผลกำลังจะลามขึ้นไปถึงใบหน้าของอาร์โรห์นั่นเอง...
“พอ!!! พอสักที!!!! ข้ายอมแล้ว!!!! ข้ายอมแล้ว!!!!! จะเอาก็เอาไปเลย!!!!!” เดลตะโกนออกไปสุดเสียง
เขาทนเห็นเพื่อนต้องทนเจ็บปวดทรมานต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
ถ้าอาร์โรห์ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขามากไปกว่านี้เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต...
เสียงกระทืบเท้าตังขึ้นอีกครั้ง
วงเวทที่ตราอยู่บนพื้นที่อาร์โรห์อยู่ก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม
เคร้ง!
เสียงโซ่ที่ถูกถ่วงจนตึงด้วยน้ำหนักตัวของร่างที่สิ้นเรี่ยวแรงพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องที่เงียบลงเหลือเพียงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงเรียกให้ลูน่าหันกลับมามองร่างของอาร์โรห์อีกครั้ง
เลือดสีแดงสดหยดลงบนพื้นที่ถูกตราวงเวทไว้จนนองเป็นแอ่งเล็กๆ
“โอ๋? เจ้าจะมอบดวงตาต้องสาปให้ข้างั้นเหรอ?”
“ใช่
แลกกับปล่อยสองคนนั้นไป”
เฮคเตอร์นิ่งคิดชั่วครู่ เขาเหลือบมองร่างของอาร์โรห์สลับกับลูน่า
จากนั้นก็หันกลับมาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอาแบบนั้นก็ได้”
“ม...ไม่ได้...”
เสียงระโหยดังมาจากร่างของคนที่อยู่อีกฟากของโถง “ม...ไม่ได้นะ...เดล...”
“อาร์โรห์...ข้าให้เจ้ามาเจ็บตัวเพราะข้าไม่ได้...”
“เจ้าไม่เข้าใจเหรอ...ถ้าเจ้ามอบดวงตาต้องสาปให้ผู้อื่น...เจ้าจะตาย...”
อาร์โรห์เอ่ยทั้งหอบ
เขาพยายามเค้นกำลังกายเงยหน้าขึ้นมามองร่างของเพื่อนที่ถูกตรึงไว้บนกำแพง ดวงตาหม่นแสงปรากฏแววเศร้าหมอง
“เจ้าจะ...ทิ้งลูน่าไว้...คนเดียวหรือ...”
ปลายเสียงของอาร์โรห์สั่นหนักราวกับว่าพลังที่เค้นมาทั้งหมดหมดลงเพียงเท่านี้ เขาหอบ
หอบจนลมหายใจแทบจะขาดห้วง หอบทั้งลมหายใจสั่นสะท้าน เหงื่อกาลไหลอาบใบหน้าซีดเซียวที่แสดงถึงความอ่อนล้า
“พูดเท่านี้คงพอใจแล้วสินะเจ้าคนนอกคอก” เอ่ยพลางปรายตามองอาร์โรห์ที่มองมายังตนเองด้วยสายตาโกรธแค้น ไม่ใช่แค่โกรธแค้นอีกฝ่าย แต่เขายังโกรธแค้นตนเอง
...โกรธแค้นตนเองที่ไร้ซึ่งพลังที่จะปกป้องเพื่อน...
เฮคเตอร์ส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก เพียงแค่สะกิดปลายเท้าเบาๆลงบนพื้น วงเวทที่อยู่ใต้ร่างอาร์โรห์ก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม มันทำเอาร่างของอาร์โรห์กระตุกวูบ ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่น
ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากจนเลือดออกเพื่อเรียกสติของตนที่ใกล้จะหลุดลอยไปเพราะพลังเวทที่ถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่มันก็แทบจะไร้ผลเมื่อภาพตรงหน้าเขาค่อยๆพร่าเลือนและมืดลงในที่สุด…
“เอาล่ะ
เท่านี้ก็คงจะมากพอแล้วละมั้งสำหรับการพูดคุยเป็นครั้งสุดท้ายกับเพื่อนที่แสนดีน่ะ
หึๆๆ” เฮคเตอร์ กล่าวพลางหันมาทางเดลที่มีสีหน้านิ่งเรียบ ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธ เฮคเตอร์จึงเริ่มท่องเวทเบาๆ
แต่ขณะนั้นเองเสียงดัง ‘ตู้ม!!’ ก็ทำให้สมาธิของเฮคเตอร์ขาดสะบั้น
วงเวทที่ปรากฏบนฝ่ามือจางๆก็จางหายไปทันที
เขาหันไปมองต้นเหตุที่กลางห้องซึ่งถูกกลุ่มควันปกคลุม
และที่กลางกลุ่มควันนั้นก็ปรากฏร่างๆหนึ่งกระโดดลงมาจากเพดานด้านบน
“เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปหน่อยหรือเปล่า เฮคเตอร์
เทรานอส...”
“เจ้าเป็นใคร!!!?”
“จำกันไม่ได้ซะแล้วเหรอ?
ข้าว่าข้าสอนเจ้ามาก็หลายปีอยู่นะ”
“หรือว่าจะเป็น...คาร์ล ราคัส!!!?”
และเพียงแค่ชื่อนั้นถูกเอ่ยออกมา
ควันที่เมื่อครู่ฟุ้งอยู่ในห้องก็ถูกเวทสายลมพัดหายไปในทันที
ปรากฏร่างของอินคิวบัสหนุ่มที่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
“คงต้องยอมรับว่าเจ้าเป็นคนที่ใช้เวทกับดักได้ยอดมาก กว่าข้าจะมาถึงนี่ได้ก็แทบแย่แน่ะ”
“เจ้า...!! เจ้าน่าจะยังสู้กับพวกหมาป่าอยู่ไม่ใช่รึไง!!!?”
“อ้อ
พวกไลแคนกับแวร์วูฟน่ะเหรอ?
โดนจัดการไปหมดแล้วล่ะ”
“ว่ายังไงนะ!!!?” เฮคเตอร์ถึงกับผงะ แวร์วูฟและไลแคนที่เขารวบรวมมาร่วมเดือน ถูกคนๆเดียวจัดการได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง อาจเป็นอะไรที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ
แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์และพลังของอีกฝ่ายก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำได้ง่ายๆ...
“คาร์ล!” ลูน่าเป็นคนต่อมาที่เอ่ยเรียกผู้มาใหม่ นัยน์ตาสีเงินมองเธอเล็กน้อยแล้วก็ถูกลูน่าพยักเพยิดให้หันไปมองเดลและอาร์โรห์
คาร์ลมองตาม
และเมื่อเห็นสภาพของอาร์โรห์เขาก็ทำสีหน้าลำบากใจ จึงหันกลับไปทางเดลที่ดูจะจัดการง่ายกว่า เพียงแค่สะบัดมือออกไป เวทสายลมคมกริบก็เข้าตัดสิ่งที่ตรึงร่างของเดลไว้จนขาดสะบั้น และเมื่อได้รับอิสระ เดลก็แทบจะถลาเข้าไปหาน้องสาวที่พอพี่ชายมาอยู่ใกล้ๆปุ๊บก็อ้าแขนกอดแน่น
คาร์ลมองสองพี่น้องครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปมองเฮคเตอร์ที่ตั้งท่าจะใช้เวท เขาเลยต้องชิงร่ายเวทใส่สองพี่น้องรีการ์ดก่อนโดยที่กำหนดปลายทางไว้ที่โรงแรมในเมือง และโดยไม่มีใครรู้ตัวสองพี่น้องที่ทำหน้าตระหนกก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เฮคเตอร์ที่เห็นดังนั้นก็แสดงใบหน้าบิดเบี้ยวออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อเหลือบไปเห็นร่างไร้สติของอาร์โรห์
เฮคเตอร์ก็แสยะยิ้มและซัดพลังเข้าไปหาร่างของอีกฝ่ายทันที
คาร์ลเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ทัน เขาสร้างลูกพลังสีดำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และซัดออกไปดักหน้าลูกพลังของเฮคเตอร์ แม้จะมีขนาดที่เล็กกว่า
แต่เมื่อลูกพลังสองลูกเข้าปะทะกันลูกพลังของเฮคเตอร์กลับถูกดูดเข้ามารวมเข้ากับลูกพลังของคาร์ลแล้วเลยไปซัดลงบนวงเวทที่อาร์โรห์อยู่
แต่ใครจะนึกว่าแรงระเบิดของมันกลับสร้างเพียงหลุมเล็กๆหลุมหนึ่ง
แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จะทำให้วงเวทนั้นใช้การไม่ได้อีก
คาร์ลไม่รอปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขาสร้างดาบคมกริบขึ้นมาในมือ
กระโจนออกไปตัดโซ่เส้นหนาที่ตรึงร่างของอาร์โรห์ไว้จนขาดสะบั้น
_________________________________________________________________________________________
มันอดไม่ได้!!!!
ไรท์จะไม่ทน!!!
อยากแชร์ตอนนี้มาก(?)
ในตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง (ของภาคหนึ่ง) แล้วนะคะ
อาจจะเป็นครั้งแรกที่อาร์โรห์แสดงความอ่อนแอออกมาถึงขีดสุด (ตอนหน้า)
ไม่รู้ว่าทุกคนมีอารมณ์ร่วมไปด้วยมั้ย แต่ตอนไรท์แต่งตอนนี้นี่บิ้วแทบแย่เลยค่ะ (หรา)
แต่งไปเจ็บใจไป ทำไมอาร์โรห์ถึงซวยขนาดเน้!!! (แต่งเองบ้าเอง)
แต่เอาเถอะ ถือเป็นความสุขของไรท์นะคะ (?)
ความคิดเห็น