คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 13
บทที่ 13
“พร้อมจะสู้กับข้าหรือยังล่ะ อาร์โรห์
เลอร์จิล”
“เจ้าพูดอะไรออกมาน่ะ ข้าไม่คิดจะ...!”
ยังไม่ทันได้พูดจบดีสการ์เลทก็ซัดพลังเวทเข้าใส่เขาจนต้องรีบขยับหลบออกมาจากเตียงที่เพียงแค่โดนลูกพลังนั้นซัดใส่ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
“สการ์เลท!!!”
“เงียบไปเจ้าคนนอกคอก!!!”
“อะ...!”
คำพูดนั่น...ใช่สการ์เลทแน่เหรอ...
“เจ้า...เจ้าฆ่าเพื่อนของข้า...เจ้า...”
เสียงที่ใช้พูดสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
อีกทั้งเสียงที่ใช้นอกจากเสียงของสการ์เลทแล้วยังมีอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาราวกับเป็นสัญญาณรบกวน...
ใบหน้าของสการ์เลทบิดเบี้ยวอย่างที่ไม่ว่าใครมาเห็นก็คงจะจำใบหน้าเก่าไม่ได้ อาร์โรห์ทำได้เพียงยืนมองสการ์เลทที่ไม่ใช่สการ์เลทอีกต่อไป พลังเวทที่วนอยู่รอบมือของเธอเต็มไปด้วยแรงกดดันที่มหาศาลเหมือนสร้างขึ้นมาจากอารมณ์มากกว่าพลังธาตุรอบกายและในกายผสานกัน
“สการ์เลท...ไม่สิ...เฮคเตอร์...
หากเจ้าแค้นข้า
ทำไมถึงต้องลงกับคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย? เจ้าชักนำเอาผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้องมากมายเพื่ออะไร??”
“มันก็เพราะเจ้านั่นล่ะ!!! เพื่อให้เจ้าตาย...เพื่อให้เจ้าทุกข์ทรมาน!!
แต่ทำไม...ทั้งๆที่ข้าคิดจะฆ่าคนที่อยู่รอบข้างเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึง....ทำไม! ทำไม!!!”
ราวกับคลุ้มคลั่ง อีกฝ่ายคำรามลั่นคล้ายกับได้สูญเสียความเป็นตนเองไป สองมือจิกทึ้งเส้นผมของตนเอง ดวงตาเบิกโพลง
ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านก่อนที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้จะตะหวัดมายังร่างของเด็กหนุ่มอินคิวบัสที่ยังคงไม่ฉวยโอกาสหนีไป
เพียงแค่ดวงตาสองคู่ได้สบกัน
ร่างของสการ์เลทก็ไปปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอาร์โรห์ในทันทีจนเขาเผลอผงะไปสองสามก้าว
แต่ฝ่ามือที่ถูกอัดพลังเวทมหาศาลเอาไว้ก็ซัดเข้าใส่อย่างไร้ความปราณีจนอาร์โรห์ต้องเบี่ยงตัวหลบไปได้อย่างหวุดหวิด
เวทร่นระยะทาง!!
แต่แม้อาร์โรห์จะหลบออกมาจากจุดเดิมไกลพอสมควรร่างของสการ์เลทก็ยังคงตามเขามาได้รวดเร็วเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้ท่องเวทอะไรเลย
ราวกับว่าเวทบทนี้ถูกใช้จนมันสลักอยู่ในจิตวิญญาณไปแล้ว...
“เฮคเตอร์! พอสักที ร่างของสการ์เลทรับพลังเวทขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนะ!!!”
กล่าวพลางหลบมือที่อัดพลังเวทจนเป็นรูปร่างของดาบที่ถูกใช้จ้วงเข้าใส่เขาไม่หยุด แต่แทนที่อีกฝ่ายจะสนใจ อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มออกมา
“ผู้หญิงคนนี้คือสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมา ไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว เจ้าจะสนใจทำไมเล่า??”
“เพราะสการ์เลทเป็นเพื่อนของข้า!!!”
“โฮ่? เพื่อน??” ร่างของอีกฝ่ายหยุดการโจมตีลง
“จะลองถามนางมั้ยล่ะว่าเห็นเจ้าเป็นเพื่อนหรือเปล่า?”
“อะไรนะ...”
“ว่าไงล่ะสการ์เลท เจ้าเห็นเจ้าคนนอกคอกนี่เป็นเพื่อนหรือเปล่า??”
แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น
แต่ดวงตาที่มองมายังอาร์โรห์กลับเต็มไปด้วยแววสนุกสนาน เพราะรู้อยู่แล้ว...ว่าคำตอบของสการ์เลทนั้น...
‘นายท่าน
ข้าไม่เคยเห็นว่าศัตรูของท่านเป็นเพื่อนของข้าเลยสักครั้ง...’ เสียงของสการ์เลทดังก้องขึ้นมาในอากาศโดยที่ไม่ได้ผ่านริมฝีปากของร่างที่ถูกใช้งานอยู่
คำพูดเพียงประโยคเดียวก็ทำเอาอาร์โรห์ชะงักกึก...
หมายความว่า....สการ์เลทไม่เคย...ไม่เคยแม้กระทั่งจะเห็นเขาเป็นเพื่อน...
“อ้าวๆ สการ์เลท
เจ้าพูดแบบนั้นมันไม่ดีต่ออาร์โรห์ไม่ใช่หรือไง??”
เฮคเตอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ริมฝีปากเผยยิ้มสะใจอย่างที่ไม่อาจจะกลั้นเอาไว้ได้
...ทั้งๆที่ข้าเห็นเจ้าเป็นเพื่อน...
สีหน้าสลดเศร้าสร้อยของอาร์โรห์ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะหยันจากร่างตรงหน้าได้มากขึ้นอีก
อาร์โรห์ยอมรับว่าเขามักจะเห็นคนอื่นเป็นเพื่อนอยู่ฝ่ายเดียวบ่อยครั้ง แต่มันผิดหรือที่คนอย่างเขาจะมีเพื่อนบ้าง ก็เขา...ไม่อยากอยู่คนเดียว...
อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว...
เสียงนี้ดังก้องขึ้นมาในอากาศจนอาร์โรห์สะดุ้งตัวลอย
...เสียงที่มักจะดังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา...กำลังดังออกมาให้คนอื่นได้รับรู้...
อย่าต้องให้ข้าอยู่ในความมืดอย่างโดดเดี่ยว...ใครก็ได้...พาข้าออกไป...
ข้าเกลียดความมืด...ใครก็ได้...มอบแสงสว่างให้ข้าที...
“หยุดนะ!!!”
อาร์โรห์โพล่งออกไปทั้งใบหน้าซีดเผือดมือทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดหู
ทำไมถึงทิ้งข้าไว้คนเดียว...ทำไม...ทำไม!!!!
“หยุดนะ!!!!!!”
“พอ! พอสักที!!
หยุดเสียงนั่น!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะเฮคเตอร์!!!!” อาร์โรห์ทรุดร่างลงคุกเข่า
ไม่ว่าเขาจะพยายามปิดหูตนเองสักเท่าใดเสียงนั้นก็ยังคงดังก้องให้เขาได้ยิน
สิ่งที่พยายามเก็บให้ลึกที่สุด บัดนี้กลับเปิดเผยออกมา ตอกย้ำถึงความรู้สึก ความคิด
และความอ่อนแอ!!!!
“ถ้าเจ้าอยากให้มันหยุดก็ตายๆไปซะสิ! เจ้าคนนอกคอก!! อ่อนแอ!!! ไม่ได้เรื่อง!!!”
ข้ามันอ่อนแอ...ข้ามันไร้ค่า...
“พอ...พอสักที...”
ถ้าตายได้ก็คงจะสบายกว่านี้...
“ข้าบอกให้พอไง!!!!”
อาร์โรห์เงยหน้าขึ้นมาด้วยความกราดเกรี้ยว
แต่แล้วมือที่มาปรากฏอยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขาสั่นสะท้าน มันเคลื่อนเข้ามาบีบใบหน้าเขาแน่น
แน่นจนเขาหายใจไม่ออก
ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเจ้าของมือข้างนี้เข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่...
ประสาทสัมผัสที่เริ่มด้านชา...
อาร์โรห์เห็นรอยยิ้มแสยะของเฮคเตอร์ในร่างของสการ์เลท อีกฝ่ายยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว
“ไม่ต้องห่วง
ข้ายังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้หรอก”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนหมดสติ...
วูบ...
“คาร์ล!”
เฮือก!
“เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ??”
เสียงนี้ดังขึ้นจากทางด้านข้างของอินคิวบัสหนุ่ม
และเมื่อเขาหันไปมองก็เห็นเดลที่ช่วยจับแขนเขารั้งไม่ให้ล้มลงไป เช่นเดียวกับลูน่าที่ช่วยจับแขนอีกข้างไว้ แต่เมื่อเขาหันไปมองเด็กสาวก็รีบผละออกทันที
คาร์ลหันกลับมาหาเดลแล้วตบแขนอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงว่าปล่อยเขาได้แล้ว
เดลขมวดคิ้วนิดหน่อย แต่ก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี
“ช่วงนี้เจ้าคงฝืนตัวเองมากไปละมั้ง
พักหน่อยเถอะ”
“ไม่เป็นไรหรอก...” คาร์ลเอ่ยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งแล้วเดินหน้าต่อด้วยท่าทีมั่นคงอีกครั้ง
จิตที่เผลอเก็บกลับเข้ามาถูกแผ่ออกไปรอบด้านเพื่อใช้ในการตรวจหาอันตรายและเพื่อตามหาจิตของอาร์โรห์ในเวลาเดียวกัน
เดลและลูน่ามองหน้ากันครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ต้องออกตัวเดินตามอินคิวบัสหนุ่มไป
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย หมอนั่น...” ลูน่ามองใบหน้าของคาร์ลที่ดูอิดโรยลง เธอไม่เข้าใจว่าคาร์ลจะพยายามทำไม
ทั้งๆที่ไม่ว่าเท่าไหร่ก็ทำได้แค่ค้นหาเศษเสี้ยวจิตของอาร์โรห์เพื่อใช้ในการค้นหาเส้นทางที่อาร์โรห์เดินทางไป ทั้งเดลและลูน่าต่างก็ช่วยอะไรไม่ได้
ทำได้แค่เดินตามและเชื่ออยู่ในใจว่าอาร์โรห์จะต้องกลับมาหาพวกตนเอง
แต่คาร์ลกลับไม่คิดแบบนั้น...
อาจเป็นเพราะคาร์ลรู้สภาพของอาร์โรห์ดีกว่าใคร
ทั้งศัตรูที่เป็นปีศาจและมนุษย์ต่างก็จับจ้องมายังอาร์โรห์มากมายอย่างที่ไม่มีใครสามารถคาดคิด
อีกทั้งประสบการณ์การเดินทางก็แทบจะเป็นศูนย์
แม้จะสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยความสามารถที่มี แต่นั่นก็ยังไม่มากพอ...
ที่คาร์ลกลัวที่สุดคือถ้าอาร์โรห์ไปเจอกับศัตรูตัวฉกาจที่คิดจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายขึ้นมาอาจไม่อาจหนีได้พ้น...
คาร์ลถอนหายใจเฮือก ทำไมอาร์โรห์ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ...ให้ตายสิ...
“เฮ้!
คาร์ล!!
ข้าว่าเราพักที่นี่กันก่อนเถอะ!”
เสียงของเดลเรียกให้เจ้าของชื่อหันกลับมา
เขามองโรงแรมที่เดลชี้แล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วขึ้น
นี่เข้ามาในเมืองอีกแล้ว...?
คาร์ลเดินกลับมาสมทบกับทั้งสองคนแล้วก็อดพึมพำไม่ได้
“ทำไมอาร์โรห์ถึงได้เข้าเมืองบ่อยนักนะ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ดูจะไม่อยากเข้าเมืองใหญ่ๆแท้ๆ”
“นั่นน่ะสินะ
แถมนี่ก็เป็นเมืองที่ใหญ่พอสมควรด้วย
ข้าคิดว่าถ้าไม่จำเป็นอาร์โรห์คงไม่เข้ามาหรอกมั้ง”
เดลเอ่ยพลางมองสำรวจรอบๆที่มีแต่อาคารที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินและอิฐ มีบ้างที่จะเป็นบ้านไม้ และจำนวนคนที่อยู่ที่นี่
เท่าที่ดูจากถนนเพียงสายนี้สายเดียวก็มากพอๆกับหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่งแล้ว
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
คาร์ลเจ้าลองแผ่จิตให้กว้างกว่านี้ดีไหม?
เอาให้ครอบคลุมเมืองนี้ทั้งเมือง อาจจะหาอาร์โรห์เจอก็ได้”
ลูน่าเอ่ยถาม
และนั่นก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่เหนื่อยกับการเดินทางมาตลอดหลายวัน
คาร์ลพยักหน้ารับ แม้จะรู้สึกอ่อนล้าเต็มที
แต่จิตที่แข็งแกร่งกว่าของอินคิวบัสทั่วไปก็ถูกแผ่จนครอบคลุมทั่วบริเวณเมือง ภาพภายในเมืองกลับกลายเป็นสีขาวดำ หากแต่กลับมีบางจุดที่เป็นสีน้ำเงินเรืองแสงอ่อนจางให้ได้เห็น
แต่เพียงแค่พบเขาก็กลับต้องตะหวัดสายตาเย็นเฉียบขึ้นไปที่ชั้นบนของอาคารตรงหน้า และไร้การรีรอ...
...ร่างของคาร์ลก็กระโดดแผลวขึ้นไป
เข้าไปในห้องหนึ่งผ่านทางระเบียงที่เปิดอ้ากว้าง...
เดลและลูน่าที่เห็นดังนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะรีบจดจำตำแหน่งห้องและวิ่งเข้าไปในโรงแรม...
เพียงแค่เท้าสัมผัสถูกพื้นห้อง แม้จะไม่รุนแรงแต่คาร์ลก็ได้กลิ่นของเลือด...
...เลือดหวานๆที่เป็นเอกลักษณ์ของปีศาจแฝงฝัน...
ร่องรอยของห้องนี้เหมือนจะเคยผ่านการต่อสู้มาก่อน ทั้งผนังและพื้นต่างก็ปรากฏร่องรอยการต่อสู้ที่ไม่น่าจะใช่ของมนุษย์ธรรมดา
นัยน์ตาสีเงินกลอกมองสำรวจสภาพภายในห้องอย่างถี่ถ้วน
แต่แล้วเขาก็ไปสะดุดเข้ากับจุดๆหนึ่งใกล้ๆกับซากเตียงนอนที่และตุ้มเป๊ะ เขาคุกเข่าลงสำรวจเจ้ารอยประหลาดที่เห็น มันยังคงเรืองแสงสีเทาจางๆออกมา นั่นเป็นเหตุให้คาร์ลขมวดคิ้วมุ่นแล้วใช้เวทยกซากเตียงออกเพื่อที่จะได้เห็นรอยนั้นชัดๆ
แต่เพียงแค่นั้นเขาก็กลับรู้สึกได้ถึงไอพลังเวทที่พัดเข้าใส่ร่างของตัวเอง
เขารีบหันกลับไปมองรอยที่พื้นแล้วก็ทำได้แค่สูดหายใจเฮือก
เป็นตอนนั้นเองที่เดลและลูน่าวิ่งเข้ามาโดยมีพนักงานของโรงแรมตามมาด้วย
“คาร์ล!”
“นี่มันบ้าอะไรกัน...” คาร์ลกล่าวขณะที่ดวงตายังคงเบิกกว้างมองพื้นห้องตรงหน้า
เดลและลูน่าเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะมองหน้ากันอย่างสงสัย
อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปยืนข้างๆอีกฝ่ายแล้วมองตามสายตาคู่นั้น แต่เพียงแค่ก้มลงมองร่างของเดลก็ชะงักกึก
ไอพลังเวทที่พัดเข้าใส่ทำเอาเขาถึงกับเย็นสันหลังวาบ
ลูน่ามองพื้นโล่งว่างเปล่าตรงหน้า
เธอไม่เห็นอะไรเลยนอกจากพื้นที่ถูกปูด้วยไม้ธรรมดา
ไม่เห็นแม้กระทั่งว่าตรงหน้าของเธอนั้นจะมีแม้กระทั่งรอยขีดข่วน...
สิ่งที่คาร์ลและเดลเห็นนั้นแม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวแต่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าในห้องนี้เคยมีวงเวทขนาดใหญ่ถูกตราเอาไว้...วงเวทดูดกลืนที่มักจะใช้ในการดูดพลังเวทของฝ่ายศัตรู...
คาร์ลยื่นมือออกไปแตะอักษรเวทตัวหนึ่ง
แต่แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนกับร่างทั้งร่างถูกดูดเข้าไปในนั้น และไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ร่างของเขาก็เซวูบและทุกอย่างก็มืดลง...
ในความรู้สึกของคาร์ล เขามาปรากฏตัวในอีกสถานที่หนึ่ง มันเป็นห้องที่ถูกตีกรงไว้ด้านหนึ่ง
และอีกสามด้านที่เหลือก็คือผนังหินที่ส่งกลิ่นอับชื้น
แต่สิ่งที่ทำให้ประสาทของเขาตื่นตัวกลับเป็นกลิ่นที่ปะปนมากับกลิ่นอับชื้นของห้องนี้...
...กลิ่นเลือดของปีศาจแฝงฝัน!!!
คาร์ลมองไปรอบๆด้วยความระแวดระวัง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้สึกไม่ดีกับที่นี่เอามากๆ
ทั้งๆที่มั่นใจว่าไม่เคยมาในสถานที่แบบนี้มาก่อนแท้ๆ...
แอ๊ด...
เสียงกรงเหล็กที่ถูกเปิดเรียกให้คาร์ลมองตามเสียงนั้นไป แต่เข้าก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างที่ถูกลากเดินเข้ามา...
ร่างที่สะบักสะบอมจนดูไม่ได้ เลือดยังคงมีไหลออกมาจากปากแผลบางจุด จนเสื้อที่สวมอยู่เปรอะจนเป็นสีคล้ำ กลิ่นคาวเลือดยิ่งทวีมากขึ้นกว่าเดิมจนคาร์ลต้องยกมือปิดจมูก
คาร์ลมองร่างนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา จนกระทั่งร่างนั้นถูกจับไปตรึงไว้กับแท่งเหล็กที่ถูกเชื่อมจนเป็นรูปตัวทีนั่นล่ะ คาร์ลที่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจนจึงได้มั่นใจว่าร่างนั้นไม่ใช่ใครอื่น...
“อาร์โรห์...”
เพียงแค่ร่างของคนที่ลากเอาร่างของอาร์โรห์เข้ามาเดินออกไปพ้นเขตห้อง พื้นที่เมื่อครู่ดูไม่มีอะไรก็กลับเรืองแสงสีน้ำเงินวาบขึ้นมาจนคาร์ลต้องหลับตาลงชั่วขณะ
แต่เพียงแค่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
เผลอก้าวถอยหลังออกมาเพียงสองสามก้าวแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกฉุดลงไปในความมืด
“นี่พี่เห็นอะไรกันแน่เนี่ย!!? ทำไมพี่ไม่บอกข้าซักทีล่ะ!!!?”
“ลูน่า
ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
รู้แต่ว่ามันเป็นเสี้ยวหนึ่งของวงเวท
แต่วงเวทอะไรข้าเองก็ไม่รู้...”
“โธ่เอ๊ย! อาร์โรห์ก็หายตัวไป คาร์ลก็ต้องพัก ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ และถึงพี่จะมีเวทพี่ก็ใช้เวทอะไรไม่ได้นอกจากลูกไฟเพราะไม่เคยเรียน...เฮ้อ...แล้วนี่เราจะทำยังไงต่อไปล่ะเนี่ย...”
นั่นคือบทสนทนาที่เรียกให้คาร์ลต้องค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น แต่ก็ต้องหรี่ตาลงอีกครั้งเมื่อดวงตาปะทะแสงไฟ ต้องรออีกครู่หนึ่งเขาจึงปรับสายตาให้กลับมาเป็นปกติได้ อินคิวบัสหนุ่มยันร่างลุกขึ้นนั่ง แต่ศีรษะก็เกิดปวดจี๊ดขึ้นมาจนต้องครางต่ำๆในลำคอ
เดลและลูน่าหันมามองแทบจะในทันทีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากบนเตียง และก็เป็นพวกเขานั่นล่ะที่พุ่งเข้ามาขนาบข้างคาร์ลแล้วเดลก็เป็นคนเอ่ยถาม
“คาร์ล วงเวทนั่นมันคืออะไรกันแน่!?”
คาร์ลชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเฮือกเมื่อคิดถึงวงเวทนั้น
“นั่นเป็น...วงเวทดูดพลัง”
“หือ?”
“มันใช้ดูดพลังเวทของคนอื่นน่ะ”
“แปลว่าที่เจ้าแตะมันแล้วหมดสติไปเพราะพลังเวทถูกดูดไปงั้นเหรอ??”
ลูน่าอดเอ่ยถามไม่ได้
แน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่าพลังเวทสำคัญอย่างไร
รู้แต่ว่ามันทำให้ใช้เวทมนต์ได้ก็แค่นั้นเอง
“เปล่า...เหมือนว่าวงเวทนั่นจะมีอีกวงเวทซ้อนทับอยู่...เป็นวงเวทกับดัก...”
“เวทกับดัก?? กับดักอะไร...”
เดลขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินดังนั้น
คาร์ลเองก็มีสีหน้าเครียดขึงขึ้นเช่นกันเมื่อคิดถึงสิ่งที่เพิ่งจะได้เห็นมา
“อาร์โรห์...เขาโดนจับตัวไปจริงๆ...”
คราวนี้สิ่งที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ทั้งสองตื่นตระหนก
เดลถึงกับเบิกตากว้างส่วนลูน่านั้นหนักยิ่งกว่า...
ลูน่าพุ่งเข้ามาตะครุบคอเสื้อของคาร์ลแล้วเขย่าๆพร้อมกับถาม...เอ่อ...ตะโกนกรอกหูมากกว่าแฮะ...
“เจ้ารู้ได้ไง!!? แล้วอาร์โรห์ถูกจับอยู่ที่ไหน!!!? เขาเป็นยังไงบ้าง!!!? แล้วเราต้องไปช่วยเขาไหม!!!!?”
“เอ่อ...ใจเย็นๆนะลูน่า...”
เดลเห็นท่าทีของน้องสาวแล้วเหงื่อตก
ถึงแม้ว่าคนถูกเขย่าจะทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็เถอะ...
รอจนลูน่าเขย่าจนพอใจและยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อของเขาแล้วจึงได้ยกมือขึ้นจัดคอเสื้อของตนเองก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “อาจจะแปลก
แต่ข้าคิดว่าสถานที่นั้นน่าจะอยู่ในเมืองนี้นั่นล่ะ...”
“แล้วอาร์โรห์เป็นยังไงบ้าง?”
เดลถามด้วยสีหน้าที่แสดงความเป็นห่วงที่มีต่อเพื่อน
คาลร์มองสีหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ...เขาคิดว่าเขาไม่ควรจะบอกสภาพของอาร์โรห์ในตอนนี้...
“ไม่เป็นไรหรอก...”
...สุดท้ายแล้วเขาก็โกหกออกไป...
________________________________________________________________________________________________________
ตอนนี้ตัดกลับมาที่พวกคาร์ลแล้วค่า
ในตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงดราม่า สำหรับตอนต่อไปแนะนำให้ทุกคนเตรียมใจรับความดารม่า(?)
ฮ่าๆๆๆ อันที่จริงมันก็ไม่ได้ดราม่าขนาดนั้นหรอกค่ะ มันก็แค่...
อืม... ไม่สำปวยดีกว่า ฮ่าๆๆๆ
รอลุ้นกันต่อไปค่ะว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง ฟฟฟฟฟ(?)
แล้วก็ตอนต่อไปอาจจะมาช้าซักหน่อย (งานนี้จริงๆล่ะค่ะ) เพราะอาทิตย์หน้านี้ก็จะสอบไฟนอลเทอมหนึ่งแล้ว
สอบเสร็จก็วันที่ยี่สิบเก้าโน่น ไว้วันเกิดไรท์จะมาอัพนะคะ! (พูดเล่นนะ ฮ่าๆๆๆ วันเกิดไรท์ตั้งสามสิบโน่น)
ความคิดเห็น