คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Devil II : มังกรไฟกินจุกับสามีซาดิสม์(?)
Devil II : มังกรไฟกินจุกับสามีซาดิสม์(?)
กว่าสองสาวจะคุยกันจบก็ปาเข้าไปมืดพอดี เซบที่แทบจะนอนรอในที่สุดก็ต้องควักเหรียญทองแดงสองเหรียญให้กับนางไม้ที่ออกมากระดิกนิ้วรอรับเงินตั้งแต่ที่ทั้งสองคนยังคุยกันไม่จบ
“เอาล่ะ! เดินทางต่อกันเถอะ” แวร์วูฟหนุ่มเอ่ยพลางบิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสายจนเรียบร้อย ขณะที่วิเวียนทำหน้าเบื่อๆแต่ก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี
“อันที่จริงพวกเราควรจะพักไม่ใช่เหรอเซบ?”
“พวกเราเป็นปีศาจนะ ไม่เห็นจำเป็นต้องพักเลย อีกอย่างข้าว่าเราพักกันมาพอแล้ว”
“เจ้าพักคนเดียวล่ะสิไม่ว่า...”
“นั่นเจ้าไม่พักเองต่างหาก”
“ชิ!”
วิเวียนเบ้หน้าและยอมสงบปากสงบคำแต่โดยดี แต่ไม่ทันไรเสียงร้องของอะไรบางอย่างก็ทำให้เซบที่เดินนำหน้าอยู่ถึงกับชะงัก
จ๊อก~
“...”
“...”
“วิเวียน...”
“ห...หืม?”
“เจ้าหิวแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ...แหะๆๆ”
เป็นอีกครั้งของวันที่เซบถอนหายใจเฮือก เขามองรอบๆแล้วหาต้นไม้ต้นหนึ่งเพื่อปักหลักพัก
“รออยู่นี่ เดี๋ยวข้าจะไปหาผลไม้...”
“ไม่เอาน่า ขอเนื้อด้วยสิ”
“...ก็ได้...เนื้อกับผลไม้แล้วก็ฟืนมา..โอเค๊??”
“โอเคที่สุด!”
และสุดท้ายเขาก็เผลอตามใจเจ้าหญิงแห่งผึ้งไปจนได้ นั่นเป็นเหตุให้ในมือของเซบในตอนนี้มีทั้งฟืนและผลไม้ แต่เขาก็ยังไม่กลับไปหาวิเวียนเพราะยังขาดอีกอย่าง...
...เนื้อนั่นเอง...
“ข้าควรจะเอาของพวกนี้กลับไปวางก่อนแล้วค่อยออกมาอีกรอบดีไหมนะ...” เซบก้มลงมองของที่เต็มมือทั้งสองข้าง แต่ถ้าเขายังหาของที่วิเวียนต้องการจริงๆอย่างเนื้อไม่ได้ ก็มีสิทธิ์ที่อีกฝ่ายจะบ่น...
เรื่องของเรื่องคือเขาขี้เกียจจะมาฟังอีกฝ่ายบ่นเสียด้วย สุดท้ายแล้วเขาจึงยังคงหาสัตว์ที่พอจะเป็นอาหารได้ต่อไป...
แซ่ก...
หูของมนุษย์หมาป่าที่รับคลื่นเสียงได้ไวของเซบได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเบาๆจากพุ่มไม้ที่อยู่ไกลออกไปอีกหลายกิโลเมตร นัยน์ตาสีทองตวัดควบไปมองทางจุดหมาย แม้จะมืด แต่ดวงตาของแวร์วูฟกลับสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เขาเห็นพุ่มไม้ที่ขยับไหวทั้งๆที่ไม่มีลม ก่อนที่จะปรากฏร่างของเสือสีดำตัวยักษ์ขยับออกมาจากพุ่มไม้
เซบมองสำรวจในบริเวณใกล้เคียงอย่างระมัดระวัง หวังว่าจะไม่พบปีศาจนักล่าตนอื่นอยู่ใกล้ๆ แต่แล้วเขาก็กลับพบศัตรูที่จะมาแย่งเหยื่อจนได้...
ในจุดที่ห่างออกไปจากเขาอีกหลายเมตร ปรากฏร่างของแวร์วูฟในร่างหมาป่าขนาดยักษ์อีกตนหนึ่ง คิดว่าน่าจะเป็นคนละกลุ่มกับเขาเพราะเขาไม่รู้สึกคุ้นหน้าเลยสักนิด
มันกำลังแยกเขี้ยวแหลมคมที่มีน้ำลายไหลหยดลงมาไม่หยุด ร่างกายของอีกฝ่ายใหญ่กว่าเซบอีกหลายเท่าตัว และดูจากท่าทางคิดว่าคงจะกำลังหิวโซเลยทีเดียว....
จากสถานการณ์ตรงหน้าเขาควรจะถอย แต่เมื่อลองนึกถึงสภาพที่ตัวเองหูชาเพราะเจอเสียงบ่นของวิเวียน อยู่ๆเขาก็เกิดเปลี่ยนความคิดของตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียอย่างนั้น...
เซบตัดสินใจวางของในมือทั้งหมดลง ย่อตัวลงเตรียมพุ่งเข้าหาสิ่งที่หมายตาไว้ จากนั้น...
ก็พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วที่เห็นได้เพียงเงาลวงตา!!!
เซบเป็นฝ่ายเข้าถึงตัวเสือก่อน เขาตะปบกรงเล็บลงบนลำคอของเสือตัวนั้น และขณะที่มันส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดอยู่นั่นเอง แวร์วูฟอีกตัวก็พุ่งเข้ามากระชากร่างของเซบให้ออกห่างจากเสือที่ยังคงส่งเสียงคำรามลั่น จากนั้นก็เหวี่ยงร่างของเขาจนปลิวไปหล่นหลังพุ่มไม้ไม่ไกลนัก ก่อนจะเป็นฝ่ายเข้าขย้ำคอเสือตัวนั้นจนมันลงไปดิ้นพราดๆอยู่ที่พื้น แต่แม้จะพยายามต่อสู้มันก็ยังไม่อาจรอดพ้นเงื้อมือของแวร์วูฟตนนั้นได้
ในขณะที่แวร์วูฟสีดำตนนั้นคิดว่าตนสามารถแย่งเหยื่อมาได้สำเร็จแล้วนั่นเอง หมาป่าสีเงินที่ใหญ่กว่าหมาป่าทั่วไปก็กลับพุ่งออกมาจากพุ่มไม้และใช้เขี้ยวแวววาวของตนเองกัดลงที่ลำตัวของแวร์วูฟที่ยังคงไม่ผละออกจากเหยื่อ เป็นเหตุให้เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกมาจากบาดแผลเหวอะหวะบนร่างของแวร์วูฟตนนั้น มันส่งเสียงขู่เบาๆแล้ววิ่งหนีหายไปในป่าทันทีเมื่อพบว่าตนไม่อาจสู้ได้อีกในสภาพบาดเจ็บเช่นนี้
ร่างสีเงินมองร่างที่วิ่งหายเข้าไปในป่าครู่หนึ่ง ร่างค่อยๆหดกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ที่มีเส้นผมสีเงินและนัยน์ตาสีทอง เซบนั่นเอง
แวร์วูฟหนุ่มถอนหายใจเฮือก เดินไปหยิบเอาเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้ตอนกลายร่างมาสวม จากนั้นก็จัดการลากซากเสือที่นอนอยู่ตรงหน้าไปหยิบเอาผลไม้และฟืนที่หามา ก่อนจะเดินกลับไปหาวิเวียน
แต่เหมือนเขาจะมาช้าไปหน่อย...
ตอนที่เขากลับมาถึง เขาก็เห็นวิเวียนนั่งกินไก่งวงที่โดนย่างจนสุกอยู่ก่อนแล้ว แถมข้างๆยังมีผลไม้อีกสองสามลูกอยู่ด้วย
“อ้าวเซบ มาแล้วเหรอ ข้าให้ผึ้งไปหามาให้ล่ะ กินไหม?”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ...” พูดจบเซบก็ตัดสินใจปล่อยมือที่ลากซากสัตว์ที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป แล้วเดินเข้ามาหาวิเวียนโดยที่ในมือเหลือเพียงผลไม้และฟืนเท่านั้น
“ถึงว่าทำไมเจ้าหายไปนาน นี่เจ้าไปหาผลไม้กับฟืนถึงไหนเนี่ย?”
“ก็ในป่านั่นล่ะ” พูดจบก็จัดการวางของในมือลง ก่อนจะทรุดร่างลงนั่งข้างกองไฟพลางขยี้ผมตัวเองเบาๆ จากนั้นก็หยิบผลไม้ขึ้นมากินไปสองสามลูก ส่วนที่เหลือ...ก็ให้วิเวียนนั่นล่ะ
อยากจะบอกว่าอย่าดูถูกวิเวียนเป็นอันขาด ถึงเธอจะตัวเล็ก แต่เห็นแบบนี้เธอเป็นสาวกระเพาะเหล็ก กระเพาะบรรจุอาหารได้มากกว่าแวร์วูฟอย่างเซบเสียอีก แต่ถ้าให้นับจริงๆ คนที่น่ากลัวที่สุดน่าจะเป็นคนที่พวกเขากำลังไปหามากกว่า...
บาคลาร่า ดรากอส อันโตนิอุส มังกรไฟผู้มีร่างมนุษย์เป็นหญิงสาวร่างเล็ก มีความจุกระเพาะอาหารที่เพื่อนๆขอลงความเห็นว่าเธอคือเจ้าของฉายา ‘กระเพาะหลุมดำ’ สาเหตุก็ไม่ใช่อื่นไกล เธอเป็นมังกรที่กินมากกว่ามังกรทั่วไปจนใครเห็นใครก็ขยาด ทั้งยังกินได้เรื่อยๆและชอบบ่นติดปากว่า ‘หิวๆๆ’ ทั้งๆที่เพิ่งจะกินอาหารตรงหน้าหมดไปแหมบๆ ทั้งยังมีท่าทางการกินที่...อืม...ขอไม่บรรยายดีกว่า...
หลังจากที่วิเวียนจัดการของกินจนหมด ทั้งสองคนก็ตัดสินใจเดินทางกันต่อ ถึงแม้วิเวียนจะหาเรื่องพูดเรื่องบ่นไปได้ตลอดทาง แต่ในเวลาที่ในป่ามีเพียงเสียงแมลงกลางคืน เสียงของวิเวียนกลับดูมีประโยชน์ขึ้นมาทันใด ถึงแม้ว่าเซบจะยังคงตอบอย่างประหยัดคำพูด หรือใช้การพยักหน้ามาตอบเหมือนเดิมก็เถอะ
ระยะทางจากบ้านของวิเวียนไปถึงรังมังกรของคลาร่าไม่ได้ไกลอย่างที่คิด ใช้เวลาเดินจนถึงเที่ยงวัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหน้าถ้ำขนาดใหญ่ที่เป็นจุดหมาย รังมังกรนั่นเอง
“เซบบบบบบบบบ~” เสียงที่มาก่อนตัวทำให้เซบขมวดคิ้วนิดหน่อยพลางหันไปทางต้นเสียง ปรากฏร่างของหญิงสาวผมสีส้มรวบสูงกำลังวิ่งถลาเข้ามาหา พร้อมกางแขนเตรียมรับเขาเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัก...ซะเมื่อไหร่ล่ะ!!!
เซบที่เห็นท่าไม่ดีรีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกทาง เป็นเหตุให้คนที่ถลาเข้ามาไม่อาจหยุดขาได้ทันจนพุ่งเข้าไปหาตัวตายตัวแทน...เอ่อ...คนรับเคราะห์แทนเซบที่เดินตามหลังเขามา
และหลังจากนั้นก็คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งคนพุ่งและคนรับเคราะห์ต่างก็ล้มโครมหน้าคะมำลงไปตามๆกัน แต่เซบที่เห็นภาพนั้นกลับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เป็นเหตุให้โดนดวงตาสองคู่ค้อนควบ ก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาสีแดงจะลุกขึ้นเริ่มการวิ่งไล่ที่ใครมาเห็นเข้าก็คงจะพูดว่า ‘เด็กๆเล่นกันน่ารักจังเลย’ แน่ๆ
“หยุดหัวเราะนะเซบ! แง่ง!!”
“ฮ่าๆๆ”
อืม...ถือซะว่านี่เป็นเหตุการณ์ระหว่างเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานสองคนทักทายกันก็แล้วกันนะ
หลังจากการทักทายเล็กๆน้อยๆจบลงที่เซบถูกข่วนถูกตีที่แขนจนเกิดรอยแดงเป็นปื้นแล้วทั้งสามคนก็เริ่มมานั่งตั้งวงคุยกันตามประสาเพื่อนที่นานๆจะได้มารวมตัวกันที
“จะว่าไปข้ายังไม่เห็นสามีเจ้าเลยนะ” เซบเอ่ยขึ้นหลังจากที่คุยเรื่องจิปาถะ (วิเวียนกับคลาร่าเม้ากันซะเยอะ) แล้ว ก็มันอดไม่ได้จริงๆ ในบรรดากลุ่มเพื่อนสามคนมีเขาคนเดียวที่ยังไม่เคยเห็นแม้กระทั่งรูปของ ‘คาร์เซล เด ทานาทอส’ สามีของคลาร่าเลยสักครั้ง
“อ๋อ ตอนนี้หมอนั่นกำลังทำอาหารอยู่ล่ะ!”
“หา? ทำอาหาร??”
“คลาร่า อาหารเสร็จแล้ว” เสียงตะโกนที่ดังมาจากในรังสามารถเรียกความสนใจของเซบและวิเวียนให้หันไปมองได้ทันที
“แหม...หล่อกว่าในรูปอีกนะเนี่ย...” วิเวียนหันไปกระเซ้าใส่เพื่อนสาวมังกรไฟ
“เออ ข้าไม่เถียง...”
เซบเองก็ไม่มีความคิดเห็นอะไรเป็นพิเศษสำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายหรอกนะ ทั้งรูปร่างหน้าตาแล้วก็การแต่งตัว แต่เขาเป็นพวกที่เวลารู้จักใครก็ต้องรู้จักลึกๆให้มันรู้นิสัยกันให้แน่ชัดไปเลย เพราะงั้นเขาจะยังไม่พูดติหรือชมอะไรทั้งนั้นแหละ
“อ้าว? เพื่อนเจ้ามาแล้วเหรอคลาร่า?”
“ช่ายยยย อ้อๆ นี่ๆ คาร์เซล นี่วิเวียน เจ้าเคยคุยกับนางแล้วรอบนึง” คลาร่าเอ่ยพลางดึงวิเวียนเข้ามาหาตนเอง “แล้วก็หมอนั่นคือเซบ เจ้ากับเขาเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก”
“ยินดีที่ได้พบตัวจริงนะวิเวียน แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จัก เซบ” คาร์เซลเอ่ยทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้ม “อาหารพร้อมแล้ว เชิญพวกเจ้าด้วยนะ”
“ขอบคุณมากๆเลยคาร์เซล!” วิเวียนเอ่ยทั้งหน้าระรื่น ส่วนเซบทำเพียงแค่ค้อมหัวเบาๆเป็นเชิงขอบคุณ จากนั้นทั้งเขาและวิเวียนก็โดนคลาร่าลากให้เข้ามาในรังมังกร แต่เพียงแค่ก้าวเข้ามา สิ่งที่ประดับอยู่บนผนังถ้ำก็ทำเอาเซบถึงกับคิ้วกระตุก
...เดี๋ยว...นั่นอะไร? โซ่? แส้?? กระบองหนาม??? เชือก???? แล้วยังมีอะไรอีกก็ไม่รู้สารพัดสารเพที่แสดงถึงความ ‘ซาดิสม์’ ของเจ้าของ แต่เท่าที่เขารู้จักมา คลาร่าไม่ใช่คนที่ชอบกระทำคนอื่น แต่ชอบถูกกระทำ(?) งั้นก็แปลว่าของพวกนี้ทั้งหมดคือของคาร์เซล??
ถ้าใช่ เขาก็คิดว่าสองคนนี้คงจะเป็นคู่ที่เข้ากันได้ที่สุดในสามโลกแล้วจริงๆ...
การนั่งกินอาหารจบลงที่เซบและคาร์เซลนั่งมองสองสาวกินกันต่อไป ถึงแม้ว่าวิเวียนจะมีสปีตที่ช้ากว่าและจำนวนอาหารที่กินมีน้อยกว่าคลาร่า แต่ดูจากท่าทางคงจะยังสามารถอยู่ในสมรภูมิอาหารได้อีกพักใหญ่เลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วเซบและคาร์เซลก็เริ่มคุยกัน
“เห็นว่าเจ้าเป็นพัศดีเรือนจำหลักของโลกปีศาจ??”
“ใช่แล้วล่ะ อุปกรณ์ที่เห็นแขวนอยู่นั่นก็เป็นของที่ใช้ในงาน ถึงใจจริงจะอยากเอามาใช้กับคุณภรรยาด้วยก็เถอะ” เอ่ยทั้งที่ใบหน้าที่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ แต่เซบแอบเห็นทางหางตาว่าคนที่ถูกพูดถึงถึงกับสำลักของที่กินเข้าไปจนวิเวียนต้องช่วยลูบหลังกันเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเซบก็ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องมาเป็นอาหารที่เพิ่งจะกินกันเสร็จ
“อาหารที่เจ้าทำอร่อยมาก ถึงว่าทำไมคลาร่าถึงได้ยอมแต่งงานด้วย”
“ฮ่าๆๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ข้ากับคลาร่าแค่ชอบอะไรเหมือนๆกันนิดหน่อย อย่างเช่น...มะเขือเทศละมั้ง?”
“มะเขือเทศ?”
“เจ้าสนใจไหม? มะเขือเทศอร่อยนะ แถมยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วก็หน้าตาดีด้วย!”
“...” ทำไมอยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าเรื่องที่คุยมันชักจะไม่ใช่แค่สรรพคุณของมะเขือเทศนะ??
“แล้ว...เจ้าประทับใจคลาร่าตรงไหนถึงยอมแต่งงานด้วยล่ะ??”
“อืม...หน้าตาละมั้ง? แล้วก็...” คาร์เซลเว้นระยะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างหลังคลาร่า จากนั้นก็ยื่นมือไปจิ้ม...แก้ม...
“แก้มของคลาร่านิ่มๆแล้วก็ยืดด้วยล่ะ!” ไม่ว่าเปล่ายัง ‘ยืด’ แก้มของภรรยาตัวเองให้ดูเป็นขวัญตาด้วย
อืม...ยืดจริง ไว้คราวหน้าคงต้องลองบ้างแล้วล่ะ...
ความคิดพิเรนทร์ๆผุดขึ้นมาในหัวของเซบ
“แล้วก็นอกจากนี้นะพุงก็นิ้มมมม นิ่ม!” พูดจบก็ยื่นมือลงไปตบพุงคลาร่าทีหนึ่งโดยไม่ได้สนใจสีหน้าของคนโดนแกล้งเลยสักนิดว่ากำลังทำหน้าเป็นยักษ์ขมูขีปวดท้องอยู่
“คึ...” เซบหลุดเสียงแปลกๆออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนตัวเองที่ถมึงทึงเต็มที รู้สึกว่าเขาจะได้ความรู้เรื่องวิธีแกล้งคลาร่ามาเยอะเลยทีเดียว...
“อ้ากกกกกกกกก!!!! นี่พวกเจ้าเล่นบ้าอะไรกัน!!!?” คลาร่าที่เห็นท่าทีของเซบลุกขึ้นมาวีนแตกตามวิสัยมังกรไฟความอดทนต่ำ
คาร์เซลส่งเสียงหัวเราะเบาๆด้วยท่าทีที่เซบขอลงความเห็นว่าเจ้าเล่ห์สุดๆ จากนั้นก็จัดการดึงตัวคลาร่าเข้าไปใกล้โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเจ้าตัวเลยสักนิด
“ข้าคิดว่าคงต้องขอตัวไปทำโทษภรรยาเสียหน่อยแล้วล่ะ พอจะรอได้ไหมเซบ??” ไม่ว่าเปล่ายังยกร่างของคลาร่าที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนขึ้นพาดบ่าอย่างสบายๆอีกด้วย จากนั้นก็จัดการตีก้นคนที่ดิ้นไม่หยุดไปทีจนคนโดนแกล้งหยุดดิ้น แต่เสียงสิบแปดหลอดก็ยังคงทำงานต่อไป
“อ่า...ฮะๆๆ...รอได้ๆ”
“งั้นขอเวลาสักครู่...”
“ว้ากกกกกกกกกก!!!!”
“ข้าอยากจะไปด้วยจริงๆนะ แต่น่าเสียดาย งานของข้าไม่เหมาะที่จะออกเดินทาง”
“ไม่ต้องห่วงคาร์เซล พวกเราจะช่วยกันคอยดูไม่ให้คลาร่าไปกินอะไรมั่วๆซั่วๆเด็ดขาด”
“ข้าไม่ใช่หมานะเซบ...”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นข้าก็สบายใจ ฝากดูแลคลาร่าด้วยนะ เซบ วิเวียน”
“ได้”
“ไว้ใจวิเวียนได้เลย!”
หลังจากที่ร่ำลากับคาร์เซลกันเรียบร้อย ในที่สุดทั้งสามคนก็ออกเดินทางกันต่อ คราวนี้คณะเดินทางที่ประกอบด้วยสามคนสามเผ่าพันธุ์ดูจะมีเสียงความครื้นเครงเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม และดูท่าทางว่าเรื่องป่วนๆชวนป่วยใจคงจะได้เริ่มประดังประเดเข้ามาหาพวกเขาในเวลาไม่ช้าก็เร็วนี้...
B B
ความคิดเห็น