ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devils เรื่องนี้ปีศาจครอง!

    ลำดับตอนที่ #12 : Devils X : เกม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43
      0
      8 ก.ย. 58

    Devils X : เกม

     

    อะไรนะ!!!? สัตว์สี่เท้า!!!!!?

    ทุกคนในคณะเดินทางหันควบมามองกันเอง  ทว่าสิ่งที่เซบเห็นคือแมวตัวอ้วนๆสีส้มตัวหนึ่ง  แมวรูปร่างสมส่วนสีน้ำตาลตัวหนึ่ง  และสุนัขขนสีเพลิงอีกตัวหนึ่ง...

    เดี๋ยวนะ...แล้วเขาล่ะ? ไม่ใช่ว่ากลายเป็นแมวใช่ไหม!? หมาป่ากลายเป็นแมวนี่อนาถเลยนะ!!

    เซบรีบก้มลงมองมือ...ไม่สิ  ตอนนี้ต้องเป็นฝ่าเท้าหน้าข้างหนึ่งของตนเอง  แม้จะเล็กไปบ้าง  แต่ลักษณะอุ้งเท้าที่เห็นก็ยังคงเป็นภาพที่คุ้นตา

    แต่เพื่อความแน่ใจ  ขอเช็คอีกทีเถอะ!

    เซบหันไปทางวิเวียน

    “ตอนนี้ข้าเป็นไงมั่ง?”

    วิเวียนกลอกตามามองทีหนึ่งแล้วอ้าปากหาวพร้อมทั้งยกขาหน้าขึ้นมาปิดปาก  จากนั้นจึงเอ่ยตอบ “ปกติอ่ะ”

    ได้ยินดังนั้นเซบก็หันไปทางเซย์กีสบ้าง

    เซย์กีสมองเซบพลางเอียงหัวน้อยๆ  จากนั้นก็ฉีกยิ้ม...น่าจะฉีกยิ้มนะ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ

    “ดูปกติน่า อย่างน้อยก็เป็นหมา”

    เซบที่ได้ยินดังนั้นถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก  ยกขาหน้าขึ้นลูบที่หน้าอกของตัวเองเบาๆ ...เหมือนเขาจะลืมอะไรบางอย่างไปแฮะ...?

    แฮ่...

    ทั้งสี่คนสะดุ้งโหยง  เพิ่งรู้ตัวว่ารอบๆตัวพวกเขาถูกศพเดินได้มาล้อมวงจนมืดฟ้ามัวดิน...

    อย่างน้อยก็มืดฟ้ามัวดินสำหรับพวกเขาในตอนนี้แหละน่า!

    เซบกระโดดหลบมือที่มีเล็บแหลมที่เข้ามาจู่โจม

    ไอ้พวกนี้จะไว้เล็บยาวทำไมเนี่ย!!!?

    เซบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วสะบัดกรงเล็บออกไปหมายจะเชือดร่างของศพเดินได้ตรงหน้าให้ขาดเป็นสองท่อนเหมือนอย่างทุกที...

    ผลที่ได้กลับมาคือเล็บยาวๆของผีดิบตนนั้นหักและสร้างบาดแผลเหมือนเล็บแมวข่วนให้มันเท่านั้น...

    เวรล่ะ!!! เขาลืมไปว่าตอนนี้เป็นแค่ ลูกหมา’ !!!!

    คิดแล้วเซบก็อยากจะยกมือขึ้นมาแปะบนหน้าตัวเองอย่างรู้สึกชีช้ำกะหล่ำปลี  แต่พอมองลงไปที่มือตัวเองแล้วเจอแต่อุ้งเท้าเล็กๆของตัวเองก็จำต้องกล้ำกลืนน้ำตาลูกสุนัข (?)  กลับเข้าไปเท่านั้น

    ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง  ปีศาจก็ไม่มีขึ้นมีแต่ลงกับคงที่เท่านั้นเหมือนกัน...

    ภารกิจนี้มันเลวร้ายลงเรื่อยๆชัดๆ! แต่ที่ผิดกว่าคือเขาไม่ควรเอายัยมังกรไฟจอมเพี้ยนที่ชักนำแต่เรื่องน่าปวดหัวมาให้มาด้วย!!!

     

    เสียงหอบของทั้งสี่คนดังก้องห้องโถงอันกว้างขวางที่มีเพียงศพกองระเนระนาดส่งกลิ่งฉุนจมูกที่เซบต้องรีบยกมือ...ขาหน้าขึ้นมาปิดจมูก  ใบหน้าที่ปกคลุมด้วยขนสีขาวประกายเงินมู่ทู่จนขนที่มีอยู่ปิดไม่มิด  ขณะที่แมวอ้วนตัวสีส้มที่อยู่ใกล้ๆกำลังจามครั้งแล้วครั้งเล่าจนไขมันกระเพื่อมไปมา  ชวนให้เซบสยองยังไงก็ไม่รู้

    ...อันที่จริงมันก็คือผลกรรมของคลาร่าที่กินมื้อเช้ามาเสียเต็มคราบขณะที่คนอื่นๆกินพอให้อิ่ม  รวมไปถึงวิเวียนที่กินน้อยผิดปกติด้วย  ตอนนี้พอแต่ละคนมาอยู่ในร่างนี้เลยยังมีสภาพพองามไม่เหมือนแม่อดีตกิ้งก่ายักษ์ที่เปลี่ยนสปีชีส์เสียไกลลิบมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อ้วนท้วนจนแทบจะเอาหน้าท้องลงไปไถลกับพื้นทั้งที่ยังยืนอยู่ได้แบบนี้...

    รู้ตัวอีกที  ห้องทั้งห้องก็เหลือสิ่งมีชีวิตอยู่เพียงคน...ตัว... ส่วนอย่างอื่นที่ควรจะอยู่ในห้องนี้ก็กลับหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    ให้ได้อย่างนี้สิ  แล้วแบบนี้พวกเขาจะหาทางกลับสู่ร่างเดิมได้ยังไงเนี่ย!!!?

    ขณะที่ทุกคนต่างก็คิดหนัก  อยู่ๆเสียงดัง กึง!’ ก็ดังขึ้นให้พวกเขาสะดุ้ง  จากนั้นร่างของทั้งสี่คนก็รู้สึกถึงแรงลมที่มาจากทางใต้ฝ่าเท้า  ภาพรอบด้านเลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็วจนแต่ละคนรีบก้มลงไปมอง  จากนั้นเสียงร้องโหยหวนก็ดังก้องไปทั่วก่อนจะค่อยๆหายไป...หายไป...หายไป  และถูกปิดท้ายด้วยเสียงดัง กึง!’ อีกครั้ง...

    กลับมาทางฝั่งทั้งสี่คนที่ร่วงลงมาจนแทบดิ่งพสุธา

    วิเวียนที่อยู่ในร่างของแมวดูเหมือนจะชินกับร่างนี้ก่อนเป็นคนแรก  เธอพลิกตัวและลงพื้นได้อย่างสวยงามและไม่บุบสลายแต่ประการใด  กลับกัน  คลาร่าที่เป็นแมวเหมือนกันกลับลงมาได้ด้วยสภาพที่ไม่น่าดูชมนัก...

    ตอนแรกคลาร่าก็ดูเหมือนจะลงได้สวยเพราะเธอพลิกตัวได้ทัน  ถ้าไม่ติดว่าน้ำหนักมากเกินไปจนทำให้เสียสูญเลยล้มลงไปนอนแอ้งแม้งเป็นเบาะรับเซบและเซย์ที่ตามลงมาติดๆเสียแทน

    “โอย... เซย์กีส  เจ้ารีบลุกออกไปเลย  หายใจไม่ออกแล้ว...” เซบเอ่ยเสียงอู้อี้ขณะที่ร่างของเขาฝังลงไปกับไขมันของแมวอ้วนเสียครึ่งหนึ่ง  ส่วนด้านบนก็มีเซย์กีสที่ทับอยู่จนเซบรู้สึกหายใจลำบาก...

    เซย์ที่ได้ยินดังนั้นรับตะกายลุกขึ้นอย่างยากเย็น  การปรับตัวเข้ากับร่างกายที่แปลกประหลาดอย่างไม่คาดคิดกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของเซย์กีสที่ปกติจะปราดเปรียวเจ้าเล่ห์  แค่การลุกขึ้นยังทำให้เขาล้มเสียหลายครั้ง  กระทืบลงบนหัวกับตัวของเซบและคลาร่าเสียหลายครั้งจนบางครั้งเซบยังเผลอร้องหงิง...

    เซบเป็นคนต่อมาที่ต้องรีบตั้งหลักขึ้นมาแล้วกระโดดออกจากตัวของคลาร่าจากนั้นก็ไปนั่งสะบัดหัวที่มึนงงเพราะโดนเท้าของเซย์กระทืบไปเสียหลายทีเพื่อให้เข้าที่เข้าทาง...

    บางทีวันนี้คงเป็นวันซวยของเขาจริงๆ...

    “เซบบบบบบ ช่วยหน่อยยยยย  ข้าลุกไม่ขึ้นนนนนน”

    เสียงของคลาร่าทำให้เซบรู้สึกปวกประสาท  แต่ก็ยอมลุกขึ้นอย่างมึนๆ  ทว่าพอตั้งท่าจะช่วยเขาก็ต้องชะงัก

    “เอ่อ...คลาร่า  ข้าจะช่วยเจ้ายังไงเนี่ย...”

    “...”

    ตามที่เซบว่า  ตอนนี้คลาร่ากำลังนอนหงายท้องแผ่อ้าซ่าอยู่ตรงหน้า  แต่ด้วยสภาพร่างกายที่อ้วนฉุทำให้อดีตมังกรไฟได้แต่ขยับขาที่เหมือนแท่งอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากก้อนเนื้อเผละๆที่กองอยู่บนพื้น...

    แล้วแบบนี้เขาจะช่วยยังไง...

    “เจ้าพลิกตัวได้ไหม?”

    “ไม่อ่ะ” ไม่พูดเปล่ายังพยายามพลิกตัวให้ดูอีกด้วย  แต่มันก็ยังไม่ช่วยอะไรเมื่อผลออกมาคือมันยิ่งเหมือนก้อนไขมันกำลังเต้น...

    ...น่าเกลียดซะไม่มีอ่ะ!!!

    เซบรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว  ถ้าเป็นแมวเขาคงอยู่ในสภาพขู่ฝ่อ

    ฝ่อ...

    เอ่อ...มีคนขู่แทนเขาแล้วล่ะ...

    “สภาพดูไม่ได้เลยคลาร่า...” เซบเบือนหน้าหนีอย่างเกินทานทน  ส่วนเซย์กีสก็มองอย่างแขยงๆ  ท่าทางคงไม่กล้ามองหน้าคลาร่าไปอีกพักใหญ่  ไม่อย่างงั้นคงได้เห็นไอ้ก้อนดิ้นๆนี่ขึ้นมาอีกซักวันแน่ๆ

    “เอาอย่างนี้ไหม  ให้คลาร่าอยู่ที่นี่แล้วเราไปต่อ  ถ้ายังมานั่งติดแหงกอยู่ตรงนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี” เซย์กีสเอ่ยพลางหันหน้ามาทางเซบที่ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย

    ก็จะให้ทำยังไงได้  คลาร่าพลิกตัวเองไม่ได้พวกเขาเองก็จนปัญญา  แล้วถ้ายังจะดันทุรังอยู่ตรงนี้ต่อไปก็มีแต่เสียเวลา  สู้ทิ้งคลาร่าไว้ที่นี่แล้วพวกเขาไปต่อ  พอจัดการถอนเวทได้ก็ค่อยกลับมาหาคลาร่า  ถึงตอนนั้นนอกจากทุกคนจะอยู่กันครบยังไม่ต้องทนดูก้อนไขมันดิ้นหยึ๋ยๆด้วย

    ได้ผลลัพธ์ดีกว่าเห็นๆ!

    ทั้งสามหันหลังให้คลาร่าและก้าวต่อไปข้างหน้าโดยเมินเสียงโอกครวญของคลาร่าเพื่อสวัสดิภาพของตาและร่างกายในอนาคต

     

    พวกเขาเดินมาตามอุโมงค์ที่ทอดยาวมาตลอดทาง  เมื่ออยู่ในร่างนี้อุโมงค์ใต้ดินนี้ก็ดูสูงใหญ่เกินจำเป็น  และพวกเขาเองก็เชื่อว่าถ้าอยู่ในร่างปกติมันก็ใหญ่เกินไปอยู่ดีนั่นแหละ

    ยิ่งไปกว่านั้น  ตามผนังและเสาในอุโมงค์นี้ก็มีรูปปั้นประดับชวนขนหัวลุกอยู่เต็มไปหมด  ลางสังหรณ์ของแต่ละคนส่งเสียงดังกวนใจจนอยู่กันไม่เป็นสุข

    เซบขยับตัวเบาๆอย่างอึดอัด  แต่ขาของเขาก็ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้า  ไม่รู้เพราะอะไร  ตั้งแต่เจอรูปปั้นตนแรกเป็นต้นมา  เขาก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา...

    พวกเขาคงไม่ซวยขนาดเจอพวกการ์กอยล์หรอกใช่ไหม?

    เซบคิดในแง่ดีขณะที่นัยน์ตาสีทองกลอกมองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง  ส่วนเซย์และวิเวียนที่เดินอยู่ด้านหลังเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน

    แต่เหมือนความหวังของเซบจะริบหรี่ลงทุกที  เมื่อยิ่งเดินลึกเข้ามาเท่าไหร่ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องนั้นก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  แถมยังมีเสียงอะไรบางอย่างตามพวกเขามาตลอดทาง...

    เซบชะงักเท้าลงในที่สุด  เขาหันไปมองอีกสองคนที่มองมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

    เซย์กีสยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง  ขณะที่วิเวียนดูมีสีหน้ากังวล  ตาของเธอลอกแลกไปมาเหมือนระแวดระวังตัวสุดขีด  ซึ่งเซบเองก็ไม่ค่อยแปลกใจที่เธอจะเป็นแบบนั้น

    “วิเวียน  หลบไปก่อน” เซบเอ่ยพลางพยักเพยิดไปทางหลังเสาต้นหนึ่งที่เขาเห็นว่าไม่มีรูปปั้นประดับอยู่บริเวณนั้น

    วิเวียนพยักหน้ารับแล้ววิ่งเร็วๆไปหลบอยู่หลังเสาตามที่เซบบอก  ส่วนเซบและเซย์กีสก็ตั้งท่า  กางขาทั้งสี่ยืนจังก้าให้มั่นพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังตามมา

    แต่กๆๆๆ

    เสียงประหลาดดังมาจากด้านบนทำให้เซบต้องอาศัยนัยน์ตาและหูของสุนัขจับตำแหน่ง  และเมื่อมองขึ้นไปยังตำแหน่งที่ต้องการ  ซึ่งก็คือบนเพดานด้านบนที่ห่างจากจุดทีเขายืนอยู่พอสมควร  ณ จุดๆนั้นปรากฏร่างของปีศาจรูปร่างประหลาดตนหนึ่ง  ผิวของมันเป็นสีเทากลืนไปกับหินรอบด้านที่สร้างเป็นอุโมงค์  ปีกที่คล้ายปีกค้างคาวไม่ได้ดูอ่อนนุ่มเปราะบางเหมือนปีกของปีศาจทั่วไป  แต่กลับดูทั้งแข็งและเป็นแพทั้งยังดูกระด้างเหมือนถูกสร้างจากหิน...

    มันคือสิ่งที่เซบไม่อยากเจอเป็นที่สุดในสถานที่แบบนี้

    เหมือนจะไม่จำกัด  แต่เอาจริงๆมันกลับไม่มากพอให้หลบพวกการ์กอลย์...

    รูปปั้นปีศาจที่จะมีชีวิตในยามค่ำคืน  แม้จะดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่สั้น  แต่มันก็มากพอให้พวกมันตามฆ่าล้างทำลายปีศาจได้หลายตน  และยิ่งมีมากมายมหาศาลเช่นนี้...

    พวกเขาที่มีกันแค่สามคนจะรอดไปได้ไหมนี่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ  ไหวพริบ  และที่สำคัญที่สุดคือ ดวงเท่านั้น....

    ใช่แล้ว  คุณอ่านไม่ผิด  การ์กอยล์ตรงหน้าพวกเขานี่มีมากกว่าสามสิบตน  บางทีอาจจะมีเป็นร้อยแต่พวกเขามองไม่เห็น  แต่มันก็มากพอให้พวกเซบรู้สึกขนพองสยองเกล้าด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของการ์กอยล์ที่นอกจากจะแปลกประหลาดยังชวนให้รู้สึกสะพรึงกลัวด้วย

    เซบจดจ้องคอยระวังการ์กอยล์ที่ตีวงล้อมมาทั้งทางด้านบน  ทางอากาศและทางพื้น  ส่วนเซย์กีส  เขาบอกเลยจริงๆว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่  แค่ต้องคอยแบ่งสมาธิสังเกตพวกการ์กอยล์ก็ทำให้เขามึนจะตายอยู่แล้ว

    และแล้วก็มีการ์กอยล์ตนหนึ่งดีดตัวเข้ามาหาเขาจนได้!

    เซบเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆให้โดนจู่โจม  เขาใช้กำลังขาดีดตัวขึ้นจากพื้น  รวบรวมกำลังให้มากกว่าตอนจัดการกับพวกผีดิบอีกสามเท่าตัวแล้วจึ้งตะหวัดกรงเล็บออกไป!!!

    พลังกรงเล็กของเขาโดนเป้าหมายอย่างจัง  แต่สิ่งที่ได้เห็นหลังจากเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงแล้วกลับเป็นร่างของการ์กอยล์ที่มีร่องรอยของกรงเล็บเขาอยู่  แต่มันก็ยังไม่มากพอให้มันหยุดการเคลื่อนไหวลงได้...

    หลังจากนั้นการ์กอยล์โดยรอบก็พุ่งเข้าหาเซบที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศจนร่างของเขาพุ่งหลาวลงสู่พื้นโดยมีการ์กอยล์ต่อสู้พัวพันมาด้วย

    แรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการปะทะลงสู่พื้นของเซบทำให้แม้แต่วิเวียนก็ยังสะดุ้ง

    เซบรู้สึกทั่วร่างปวดหนึบด้วยแผ่นหลังทั้งหมดกระแทกลงบนพื้นหินโดยแรง  ยิ่งตอนนี้ร่างทั้งร่างถูกพวกการ์กอยล์จับยึดตรึงจนติดแน่นกับพื้นเขาจึงยิ่งขยับไม่ได้

    ทำไมการ์กอยล์พวกนี้องมารุมเขาคนเดียวด้วยเนี่ย!!!?

    กี๊ส!!!

    เสียงนั้นพาให้เซบต้องรีบสะบัดหน้าไปมอง  ทันเห็นร่างสีเทาๆร่างหนึ่งพุ่งหลาวลงมากระแทกลงสู่พื้นจนเกิดเสียงดังสนั่นประกอบกลุ่มควันฝุ่นที่คลุ้งขึ้นมา

    การ์กอยล์ที่อยู่รอบๆเขาส่งเสียงดังแสบแก้วหูแล้ววิ่งเข้าไปหาร่างของการ์กอยล์ที่ร่วงลงมา  ส่วนเซบก็รีบอาศัยจังหวะนี้พลิกตัวลุกขึ้นก่อนจะสะบัดหัวด้วยความมึนงงแรงๆเสียทีหนึ่ง

    “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เสียงเรียบๆที่ดังเข้าใกล้มาทำให้เซบต้องรีบหันไปมองทั้งสภาพหัวเบลอๆจนเขาต้องหรี่ตาลงอย่างช่วยไม่ได้

    แต่ก็ยังเห็นได้เพียงว่าเป็นร่างลางๆสีแดงที่มีปีกใหญ่เบ้อเร่ออยู่บนหลัง  ไม่เข้ากับขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    “เซย์...?”

    “อ่าฮะ” อีกฝ่ายคล้ายจะพยักหน้าทีหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วใช้ศีรษะดันเซบ “รีบไปต่อเถอะ  ถ่วงเวลาได้ไม่นานหรอกนะ”

    “รู้แล้ว...” เอ่ยจบเซบก็เดินมึนๆไปทางวิเวียนที่รีบกระโดดผลุงออกมาตามด้วยเซย์ที่รีบเก็บปีกเสียมิด

    อยากถามจริงๆว่าทำไมไม่ใช้ตั้งแต่แรก...

    เซบเลื่อนดวงตามองไปทางเซย์กีสที่พับปีกเก็บและวิ่งอยู่ข้างๆเขาด้วยสายตาคาดโทษ  เป็นเหตุให้เซย์กีสต้องหันมา  ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นน้อยๆ

    “อย่ามองข้าอย่างนั้น  ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าร่างนี้ใช้ปีกได้เหมือนกัน”

    เอาเถอะ...บางครั้งเขาก็ขี้คร้านจะซักถามให้มากความ  เดี๋ยวก็มาหาว่าเขาเรื่องมากอีก...

    ...อันที่จริงก็....

    ...กลัวเถียงแพ้นั่นแหละ

    เฮ้อ... เกิดเป็นเซบมันก็เสียเปรียบมันทั้งขึ้นทั้งล่องนั่นแหละ...

    _________________________________________________________________________________________________

    ไรท์กลับมาอัพตอนที่สิบแล้วค่าหลังจากหายไปเป็นเดือน

    สารภาพว่าถ้าเพือ่นไม่ตามไรท์ก็ไม่รีบมาปั่นค่ะเพราะอยู่ในช่วงค่อนข้างตัน ฮ่าๆๆ

    สำหรับคนที่อ่านมาถึงตอนนี้ตัวละครที่เหมือนจะเป็นตัวร้ายนี้ก็คงไม่ต้องเดากันเท่าไหร่แล้วสำหรับคนที่จำตัวละครได้(?)

    เพราะฉะนั้น สำหรับคนที่จำตัวละครไม่ได้  แนะนำให้เปิดหน้าแนะนำตัวละครควบไปกับการอ่านด้วยนะคะ 5555

    ต่อมาก็ขอมาฝากเพจอีกครั้งเพื่อความสะดวกในการตามนิยา-----

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×