คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 หนทางที่โรยด้วยขวากหนาม (100%)
บทที่ 4
หนทางที่โรยด้วยขวากหนาม
หลายวันต่อมา
ฉันกวาดทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่มิคลงกล่องใบใหญ่ด้วยความรู้สึกมุ่งมั่น
ถ้าจะตัดใจต้องไม่มีของเหล่านี้มาให้เห็น ทั้งรูปถ่าย
ทั้งกระดาษที่จดเบอร์โทรของเขาเอาไว้เพราะไม่กล้าเมม
ทั้งผ้าเช็ดหน้าที่ตั้งใจจะทิ้งตั้งแต่แรกที่กลับทิ้งไม่ลง
โอ๊ยยย
ทำไมฉันดูเหมือนหลงเขาหัวปักหัวปำขนาดนี้เนี่ย
พึ่บ!
ฉันจัดการปิดกล่องนั้นแล้วเอาเทปมาแปะทับอีกรอบกันตัวเองเปิดออกมาอีก
ครั้งจะเอาไปทิ้งก็กลัวคนอื่นเห็นฉันเลยตัดสินใจเก็บกล่องนั้นไว้ในตู้เสื้อผ้า
เก็บไว้ให้ลึกที่สุดเลย
ไม่เอาแล้ว
ฉันจะพอแล้ว
เรื่องนี้มันจะจบแค่เท่านี้และจะไม่มีใครรู้ว่าคนที่ฉันตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นคือพี่มิคาเอล
พี่ชายของยัยมิเกล
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะเปิดไลน์แล้วส่งข้อความหาคน
ๆ เดิม
นับดาว :: นับจะตัดใจแล้วค่ะ
นับดาว :: นับจะเลิกชอบพี่มิค
กดส่งข้อความเสร็จฉันก็สะพายกระเป๋าเดินลงมายังด้านล่างเพื่อดูคุกกี้ที่อบทิ้งไว้
“ใช้ได้ไหมคะป้าสายพิณ”
ฉันเอ่ยถามป้าแม่บ้านที่มาช่วยฉันอบขนมในวันนี้
“หอมน่ากินมากเลยค่ะคุณหนู”
ท่านเอาถาดคุกกี้ออกจากเตาอบแล้วมาให้ฉันดู
“นับฝากแบ่งใส่กระปุกที่ซื้อมาเมื่อวานให้หน่อยนะคะ
จะเอาไปฝากเกล”
“ได้ค่ะ”
ท่านรับคำแล้วหันไปจัดการในสิ่งที่ฉันไหว้วาน
พอบอกป้าแม่บ้านเสร็จฉันก็เดินออกมายังด้านนอกเพื่อมาหาพี่ก้องที่กำลังนั่งเช็ดกล้องคู่ใจของเขาอยู่
นาน ๆ
ทีจะได้มีวันหยุดอยู่บ้านกับเขาบ้างนะเนี่ยพี่ชายของฉัน
“เก็บของเสร็จแล้วหรอ”
พี่ก้องหันมาถามเมื่อเห็นฉัน
“เสร็จแล้วค่ะ”
“จะไปกันหรือยัง
พี่จะไปส่ง” พี่ก้องเตรียมตัวลุกขึ้นยืน
“ไม่เป็นไรค่ะ
วันนี้เกลบอกว่าจะมารับ”
“ทำไมไม่เห็นรู้เลย”
เขาถามอย่างไม่เข้าใจ
“เกลเพิ่งบอกเมื่อเช้าเองค่ะ
บอกว่าอยากมารับเอง พี่ก้องจะได้ไม่ต้องลำบากเทียวไปรับไปส่ง”
วันนี้ฉันจะไปนอนค้างกับมิเกล
เนื่องจากมีงานที่ต้องทำด้วยกันหนึ่งวิชาเพราะยัยเกลมาลงเรียนวิชาเสรีของคณะฉันอีกเทอม
และไหน ๆ ก็ได้ทำงานด้วยกันแล้วเลยอยากนอนค้างกันสักคืนด้วย
ไม่ได้อยู่พูดคุยกันตามประสาสาว
ๆ มานานแล้วเหมือนกันนะ
“ทำไมต้องมารับเอง
มีอะไรที่ให้พี่รู้ไม่ได้หรอ” พี่ก้องถามอย่างสงสัย
“มันไม่มีอะไรหรอกค่ะ
พี่ก้องจะคิดมากทำไมเนี่ย” ฉันหัวเราะให้กับความสงสัยไม่เข้าเรื่องของเขา
เป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด
เมื่อได้รู้ว่าฉันมีคนที่แอบชอบเขาก็ย่อมอยากรู้ด้วยจริง ๆ
แต่เรื่องอะไรจะยอมบอกล่ะ
พี่ก้องเองก็ใช่ว่าจะบอกฉันทุกเรื่องด้วยนี่นา
“เสร็จแล้วค่ะคุณหนู”
ขณะที่ยืนคุยกับคนตัวสูงอยู่นั้นป้าสายพิณก็เดินเอาขนมมาให้
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มิเกลขับรถมาถึงหน้าบ้านพอดี
“เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”
เขาบอกแล้วเดินตามฉันมายังหน้าบ้าน
กึก!
แต่เมื่อมาถึงก็พบว่ารถที่จอดอยู่หน้าบ้านนั้นไม่ใช่รถของมิเกล
แต่เป็น...
“มิคาเอล”
พี่ก้องเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ “ทำไมเป็นมึง”
“เกลให้กูมารับนับดาว”
เขาตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เกลติดอะไรหรือเปล่าคะ
ทำไมมาเองไม่ได้” ฉันถามอย่างเป็นห่วงเพราะก่อนหน้านี้เรายังคุยกันดี ๆ อยู่เลย
ที่จะมารับเพราะยัยนั่นอยากจะแวะพาฉันไปกินข้าวกันก่อนนี่นา
“ปวดท้อง”
เขาตอบสั้น ๆ
อ่า...มิเกลปวดท้องเพราะโรคกระเพาะอีกแล้วสินะ
“ไม่เห็นรู้เลย”
พี่ก้องพูดคำนี้อีกแล้ว ไม่นานเขาก็หันมามองฉันด้วยท่าทางใคร่รู้
“นับเองก็ไม่รู้นะคะ”
ฉันรีบตอบไปทันควัน เมื่อกี้ก็ยังถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับมิเกล
“จะไปได้ยัง
ร้อน” พี่มิคถามอย่างหงุดหงิดคงเพราะอากาศร้อนอบอ้าวจริง ๆ
“เดี๋ยวกูไปส่งนับเอง
มึงกลับไปเลย”
พี่มิคทำทีจะเถียงกลับแต่เสียงโทรศัพท์ของพี่ก้องก็ดังขึ้นซะก่อน
เขามองหน้าจอแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์ด้วยท่าทางหงุดหงิดเช่นกัน
ขณะที่รอพี่ก้องคุยโทรศัพท์อยู่นั้นพี่มิคก็ตวัดสายตาขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเบนสายตาไปมองที่อื่น
บรรยากาศแสนกระอักกระอ่วนนี้ทำให้ฉันอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีซะจริง
ๆ
พี่ก้องไปคุยโทรศัพท์ไม่นานก็เดินกลับมา
“สรุปจะไปส่งเอง?”
พี่มิคถามด้วยท่าทางหงุดหงิดไม่ต่างกัน
ฮือ...ทำไมผู้ชายสองคนนี้มักมีบรรยากาศไม่ดีที่อยู่ด้วยกันทุกครั้งเลย
“ให้นับไปกับมึง
ฝากน้องกูด้วย” พี่ก้องตอบด้วยท่าทางไม่เต็มใจเท่าไหร่
“พี่ก้อง”
ฉันเรียกเขาเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร
พี่คุยกับเกลแล้ว” เขาบอกฉันด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นต่างจากที่คุยกับพี่มิคลิบลับเลย
“งั้น...ถ้าถึงแล้วนับจะโทรหานะ”
แม้จะลำบากใจที่จะต้องไปกับพี่มิคเพียงสองคนแต่ฉันก็ไม่อยากให้มันวุ่นวายกว่านี้แล้วจริง
ๆ
พี่ก้องพยักหน้าให้แล้วฉันก็พุ่งเข้าไปกอดเขาเต็มแรงก่อนจะผละออกมา
“ร้อนแล้วโว้ย”
พี่มิคที่ยืนรออยู่สักพักเริ่มบ่นเสียงดัง
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่า”
ฉันหันไปบอกเขาแล้ววิ่งไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
พอมานั่งในรถฉันก็เห็นว่าทั้งสองคนคุยอะไรกันต่อเล็กน้อยก่อนที่พี่มิคจะเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับแล้วเข้ามานั่งด้วยท่าทางร้อนจัดจริง
ๆ
เขาจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตสีดำออกสามเม็ดด้วยความร้อนแล้วเปิดแอร์ให้หันเข้าหน้าตัวเอง
ฉันต้องรีบเบนหน้าไปทางอื่นเพราะตอนนี้พี่มิคกึ่ง
ๆ เปลือยอกอยู่ข้าง ๆ ฉันเลย
ฮือ...รู้งี้ขอให้พี่ก้องไปส่งซะก็ดีหรอก
นอกจากจะหันหน้าหนีแล้วฉันก็จัดการแกะยางมัดผมออกแล้วปล่อยมันลงเพื่อปิดใบหูเอาไว้ด้วย
กลัวว่าพี่มิคจะเห็นว่าฉันมีอาการขัดเขินได้จากใบหูที่แดงเถือก
ฉันได้ยินเสียงเขาทำโน่นทำนี่อยู่ข้าง
ๆ แต่ก็ไม่ยอมขับรถออกไปสักที พี่ก้องก็ยืนมองไม่ยอมเดินกลับเข้าบ้านด้วยเช่นกัน
“คาดเข็มขัดด้วย”
เขาเอ่ยเสียงเข้ม
“อ้อ
ค่ะ” ฉันหันไปดังสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดอย่างรวดเร็ว
จากนั้นพี่มิคก็ขับรถออกไปโดยที่มืออีกข้างก็เอื้อมมาเปิดเพลงคลอเบา
ๆ ระหว่างทาง
พวกเราเงียบด้วยกันทั้งคู่
ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาเลย แม้ฉันจะพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากแค่ไหนแต่มันก็ทำได้ยากเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ
แถมยังอยู่ด้วยกันแค่สองคนอีก
ไม่สิ
ฉันบอกตัวเองแล้วนี่นาว่าจะเลิกชอบเขาแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่มันจะไปเลิกชอบได้ยังไงกันเล่า
คิดสิ
เวลาอยู่กับคนอื่นฉันทำตัวแบบไหนนะ ฉันไม่ได้นิ่ง ๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ
“วันนี้พี่มิคไม่ได้ทำงานหรอคะ”
ฉันหันไปถามแล้วส่งยิ้มให้แม้พี่มิคจะไม่ได้หันมามองก็ตาม
ใช่แล้วล่ะ
ถ้าเป็นคนอื่นฉันก็จะถามแบบนี้
“เห็นว่าทำไหมล่ะ”
แต่คำตอบของเขากลับไม่เหมือนคนอื่นเลยสักนิด
แล้วฉันจะไปต่อยังไงเนี่ย
“ไม่ค่ะ”
“งั้นก็แปลว่าไม่ได้ทำ”
เอ๊ะ! นี่เขากวนฉันหรือเปล่า?
เพราะเขาเป็นแบบนี้แหละฉันเลยทำตัวลำบากเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
ไม่เห็นใจดีเหมือนพี่ ๆ คนอื่น ๆ บ้างเลย น่าน้อยใจชะมัด
ฉันก็เพื่อนคนหนึ่งของน้องสาวเขาเหมือนกันนะ
พอจบบทสนทนานั้นแล้วฉันก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก แล้วเราก็นั่งเงียบ ๆ กันมาตลอดทาง
“แขนเป็นไงบ้าง”
จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถามขึ้นมา
“หายแล้วค่ะ”
ฉันตอบกลับอย่างรวดเร็วเพราะรอฟังคำพูดจากเขาอย่างใจจอใจจ่ออยู่ก่อนแล้ว
แล้วก็...เงียบกันอีกครั้ง
“พี่มิคคะ”
สุดท้ายฉันก็ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวเลยหันไปหาเขาอย่างจริงจัง
“ว่าไง”
เขาก็ตอบกลับมาอย่างปกติ
“พี่มิคเกลียดนับหรอคะ”
ฉันถามออกไปด้วยความรู้สึกใจเต้นระรัว
“ทำไมถามงั้น”
“พี่มิคดูเย็นชากับนับมากเลยค่ะ”
ประโยคนี้ฉันพูดด้วยความน้อยใจสุด ๆ “ทำเหมือนไม่ชอบนับอยู่ตลอดเวลาเลย”
ที่ผ่านมาก็คิดว่าทนได้อยู่ตลอด
แต่พอนับวันเข้าฉันก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
“ถ้าเธอติดใจเรื่องบัตรคอนเสิร์ต
DS
ล่ะก็...”
“ไม่ใช่ค่ะ
ไม่ใช่เรื่องนั้น” ฉันบอกอธิบายไป มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบฉัน
“แล้วมันเรื่องไหนล่ะ”
“นับเห็นนะคะว่าพี่มิคคุยกับพวกเบนจี้กับชาช่าเหมือนพี่ชายปกติ
แต่ทำไมกับนับพี่มิคถึงได้ดูห่างเหินเหมือนคนไม่รู้จักกันเลย”
“แล้วเธอคิดกับฉันแบบพี่ชายไหมล่ะ”
คำถามนั้นของพี่มิคทำเอาฉันตัวชาวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองไว้อีกครั้ง บรรยากาศที่อึดอัดอยู่ก่อนหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นอึดอัดมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ว่าไง”
เขาทวนคำถามเดิมอีกครั้ง
พี่มิคถามแบบนี้ไม่ได้หมายความว่ารู้อยู่แล้วหรอกหรอว่าฉันคิดยังไงกับเขา
“เธอคิดอะไรกับฉันงั้นหรอนับดาว”
เขาไม่แม้แต่จะแทนตัวเองว่าพี่กับฉันด้วยซ้ำ
เขาแสดงออกชัดเจนว่าต้องการห่างเหิน ขีดเส้นความสัมพันธ์ให้อย่างชัดเจนแต่ฉันไม่เคยสังเกตเลยว่านั่นคือการแสดงออกของเขาที่ต้องการให้ฉันได้เห็น
...เห็นว่าเขาไม่ต้องการให้ฉันคิดเรื่องบ้า
ๆ กับเขาอีกแล้ว
“ถ้าคิดอะไรอยู่ก็เลิกคิดซะ
มันไม่มีทางเป็นไปได้” เขาปฏิเสธออกมาโดยที่ฉันไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยสักนิด
คำตอบของเขาในวันนี้มันชัดเจนแล้วว่าการกระทำที่ผ่านมาของพี่มิคที่มีต่อฉันนั้นมันคืออะไร
ฉันได้รู้คำตอบของเขาโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ
ในเมื่อเจ้าตัวเน้นย้ำซะขนาดนั้น
แถมมันก็เป็นความตั้งใจเดิมของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ส ดังนั้นฉันก็ควรจะตัดใจสักที
ตัดใจแบบจริงจัง แบบที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรก
มันจบ...ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วสินะ
“นับ!”
เสียงตะโกนดังเข้ามาในหูจนฉันสะดุ้ง
“อื้อ
มีไร” ฉันขานรับแล้วหันไปมองมิเกลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ได้ฟังที่เกลพูดป้ะเนี่ย”
มิเกลถามแล้วมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ “เป็นไรไปอะ ตั้งแต่มาถึงก็ใจลอยไม่หยุดเลย”
“ไม่มีอะไร”
ฉันบอกปัดก่อนจะก้มหน้าลง “แล้วเกลเรียกเรามีไรหรือเปล่า”
“จะถามว่าข้อนี้ทำไง”
มิเกลชี้ไปยังข้อความบนกระดาษ
ฉันมองมิเกลด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายแล้วพยายามเก็บอารมณ์ที่กำลังหม่นหมองเอาไว้
“อ๋อ...ทำแบบนี้นะ”
จากนั้นฉันก็สอนมิเกลทำหัวข้องานดังกล่าว
เราสองคนคุยกันเรื่องงานต่อจนทำงานเสร็จในที่สุด เมื่อมองดูเวลาก็ล่วงไปถึงหกโมงเย็นพอดี
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
มิเกลก็เหมือนจะรู้ว่าเป็นใครเลยเดินไปเปิดให้โดยไม่ตะโกนถาม
ฉันได้ยินเสียงเธอคุยกับคนด้านนอกอยู่สักพักก่อนที่จะปล่อยให้เดินเข้ามาด้วยท่าทางจำยอม
เป็นพี่มิคที่เข้ามาพร้อมกับข้าวของเต็มไม้เต็มมือ
เขาอยู่คอนโดกับมิเกลแต่อยู่กันคนละห้อง
ทั้งคู่เลยไปมาหาสู่กันได้ง่าย
“พี่มิคเอาข้าวไว้แล้วกลับเลยก็ได้ค่ะ
ไหนบอกว่ามีธุระตอนเย็นไม่ใช่หรอ”
“แล้วพี่จะมั่นใจได้ยังไงว่าเกลจะกินข้าว”
เพราะมิเกลป่วยเป็นโรคกระเพาะเลยต้องกินข้าวให้ตรงเวลา
เรื่องเมื่อตอนเที่ยงก็คงมาจากการที่เธอไม่ได้กินข้าวเลยปวดท้องจนต้องนอนพักไป
“พี่มิคให้นับดูก็ได้
ถ้าไม่เชื่อมาถามนับได้เลย” มิเกลเสนอทางออก
แต่เธอไม่รู้อะไรซะแล้วยัยเพื่อนรัก
พี่ชายเธอน่ะเขาไม่อยากคุยกับฉันที่สุดเลย
“ไม่ล่ะ
พี่จะกลับก็ต่อเมื่อเกลกินข้าวหมด”
พูดจบพี่มิคก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อแกะข้าวให้มิเกล
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าผู้หญิงคนอื่นจะได้เห็นมุมนี้ของเขาบ้างไหม
แต่ฉันมักจะได้เห็นมุมที่เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีของมิเกลเสมอ มุมที่เขามานั่งจัดจานข้าวให้น้องสาวราวกับคุณพ่อดูแลลูก
มันทำให้ฉันรู้สึกประทับใจทุกครั้งที่ได้เห็น
“เกลบอกแล้วไงว่าวันนี้จะอยู่กับนับแค่สองคน
เราจะพูดคุยกันตามประสาสาว ๆ พี่มิคอย่าเข้ามาขัดจะได้ไหม”
มิเกลเดินตามเข้าไปในครัวด้วย
“คุยก็ส่วนคุยสิ
กินข้าวก่อนแล้วค่อยคุยไม่ได้หรือไง”
จากนั้นฉันก็ได้ยินทั้งคู่เถียงกันอยู่สักพักแต่ดูเหมือนมิเกลจะสู้ไม่ได้เลยจำต้องยอมให้พี่มิคอยู่ในห้องต่อ
ฉันเริ่มทำตัวลำบากเพราะอึดอัดที่เขาอยู่ด้วย
จะเอายังไงดี
“นับ
มากินข้าวด้วยกันเร็ว” ขณะที่กำลังคิดหาทางออกอยู่นั้นมิเกลก็โผล่หน้ามาจากห้องครัว
“พี่มิคซื้อมาให้นับด้วย”
“อ้อ
อื้อ” ฉันขานรับแล้วทำทีเป็นเก็บของเพื่อถ่วงเวลาทำใจสักพัก
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้ซื้อข้าวมาให้ฉันด้วย
มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ได้แสดงความใจดีออกมาให้ฉันเห็นอีก
ถ้าเขาเฉยชาเหมือนตอนที่อยู่ในรถมันคงจะดีต่อการตัดใจของฉันไม่น้อยเลยทีเดียว
ฉันเดินเข้ามาในครัวก็เห็นว่าพี่มิคกำลังทำอะไรสักอย่างกับของที่ซื้อมาเยอะมากโดยมีมิเกลนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหารชุดเล็ก
ๆ
“นับช่วยค่ะ”
ฉันเดินเข้าไปใกล้อย่างลืมตัวเพราะมักจะช่วยคุณแม่จัดโต๊ะเสมอ
“ไปนั่งรอเลย”
แต่พี่มิคก็หันมาบอกสั้น ๆ แค่นั้น
“ปล่อยให้พี่มิคทำเถอะ”
มิเกลบอกฉันด้วยใบหน้าที่แสดงออกว่าหงุดหงิดที่พี่มิคยังคงยืนกรานจะอยู่
ฉันเดินมานั่งข้างมิเกลแล้วหันมองอย่างต้องการให้เธอไล่พี่มิคออกไป
มิเกลปากขยับว่า
‘ไล่แล้วแต่ไม่ไป’ กลับมา
“จะคุยกันก็ส่งเสียงออกมา
จะได้ยินด้วย”
ราวกับมีตาหลังเพราะพี่มิคพูดมันออกมาเหมือนรู้ว่าเราทั้งสองกำลังยุกยิก
ๆ กันอยู่
“เห็นมิเกลบอกว่าพี่มิคมีธุระตอนเย็น
ไปเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวนับดูแลเกลต่อให้เอง”
ฉันบอกอย่างมุ่งมั่นเพราะต้องการให้เขาออกจากตรงนี้ไปสักที จะยืนอยู่ในให้หัวใจของฉันมันทรมานเล่นทำไมล่ะพ่อคุณ
“พี่มิคไม่ไว้ใจนับหรอคะ”
พอเขาไม่ตอบฉันเลยยิงคำถามต่อพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ
ชอบทำให้คนอื่นลำบากใจดีนัก
ต้องโดนเอาคืนซะบ้าง ฉันจะไม่ทนให้เขามาหว่านเสน่ห์หลอกให้หลงระเริงเล่นอีกแล้ว
“นั่นสิ
กับช่าและจี้พี่มิคยังไว้ใจให้ดูแลเกลเรื่องกินข้าวได้เลย” มิเกลกล่าวเสริมทัพอย่างเห็นด้วย
“นับมันไม่น่าไว้ใจสินะคะ”
ฉันบอกแล้วแสดงสีหน้าเศร้าสลดออกมา
“ไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน”
พี่มิคหันกลับมาอย่างทนโดนใส่ความไม่ไหว
“โอ๊ยยยย
พี่มิคใจร้ายกับนับดาวเพื่อนเกลมาตลอดนั่นแหละ” มิเกลลุกขึ้นอย่างเหลืออด “พี่มิคออกไปเลย”
“พี่มีธุระตอนเย็น
ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเวลานี้” เขาบอกมิเกลด้วยอารมณ์คุกรุ่น “แล้วก็นั่งลง
อย่าพูดอะไรไม่เข้าเรื่องอีก
ถ้าอยากให้พี่กลับก็กินข้าวให้หมดแล้วพี่จะกลับเอง...”
พอจบประโยคนั้นเขาก็ตวัดสายตามายังฉันที่นั่งคอหดอยู่
“ไม่ต้องไล่”
เอ๊ะ! ประโยคนี้คือพูดประชดใส่ฉันใช่ไหม
สุดท้ายเราสองคนเลยต้องนั่งกินข้าวด้วยกันท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาของพี่มิค
กับมิเกลฉันก็พอเข้าใจนะว่าเพราะยัยนั่นเป็นโรคกระเพาะเลยต้องกินเวลานี้ แต่ฉัน...ไม่ได้หิวสักหน่อย
ไม่อยากจะกินด้วย แต่มันทำไม่ได้เพราะพี่มิคบังคับให้ฉันกินด้วยเหมือนกัน
นี่เขาต้องการลงโทษฉันเรื่องเมื่อกี้ใช่ไหม
เขาทำแบบนี้เพราะอยากให้ฉันเห็นว่าเขาใจร้ายกับฉันมากใช่ไหม
ได้...เขาทำสำเร็จ
แต่ฉันชินแล้วล่ะ
ต่อให้ใจร้ายมากกว่านี้ฉันก็เกลียดเขาไม่ลงหรอก
ชั่วชีวิตนี้ฉันจะมีทางเกลียดเขาได้ไหม
ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้เลย
“โอ๊ยยย
ท้องจะแตกอยู่แล้ว” มิเกลเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างอิ่มแปล้เนื่องจากพี่มิคบังคับให้กินข้าวด้วยกันจนหมด
“เมื่อไหร่โรคนี้จะหายไปสักที”
“ถ้ากินข้าวให้ตรงเวลามันก็หาย”
พี่มิคสวนกลับในตอนที่เดินออกมายังข้างนอกก่อนจะบอกกับมิเกลอีกรอบ
“เดี๋ยวให้แม่บ้านมาทำความสะอาด ไม่ต้องทำเอง”
“นับทำก็ได้ค่ะ”
ฉันเสนอตัวเพราะคุ้นชินกับการทำเรื่องแบบนี้สุด ๆ
“เธอเป็นแม่บ้านหรอ”
แต่คำถามของเขากลับทำให้ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
“พี่มิค! เกินไปแล้วนะ” มิเกลแหวใส่
“พี่จะกลับละ
แล้ววันนี้ก็อย่านอนดึก” เขาไม่สนใจคำพูดไม่พอใจของมิเกลเลยสักนิด
ร่างสูงเดินไปคว้าเอากุญแจและโทรศัพท์มือถือก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันมาสนใจพวกเราอีก
“เดี๋ยวเราไปล้างจานให้”
ฉันบอกด้วยความขุ่นเคืองก่อนจะลุกขึ้น
“ไม่เอาน่านับ
ขืนพี่มิครู้ว่านับล้างจานเดี๋ยวก็เป็นเรื่อง” มิเกลห้ามเอาไว้ก่อน
“เกลดูกลัวพี่มิคมากเลย”
“ก็แหงสิ
ขนาดเธอเองยังกลัวพี่ก้องเลย” มิเกลพูดอย่างขยาดก่อนจะเอามือลูบแขนตัวเอง
“ตอนเขาโกรธนะ น่ากลัวสุด ๆ”
แม้จะพอนึกออกถึงน้ำเสียงดุ
ๆ นั้นอยู่บ้างแต่ฉันก็ไม่เคยเห็นเขาโมโหร้ายถึงขั้นทำอะไรรุนแรงกับมิเกลเลย
นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าตอนโกรธยัยเกลเขาจะทำแบบไหน
หรือจะทำแค่ขึ้นเสียงใส่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมากัน
“ไม่พูดถึงพี่มิคแล้ว
พวกเราไปอาบน้ำแล้วเข้านอนกันเถอะ เกลมีเรื่องคุยกับนับเยอะแยะเลย”
มิเกลลุกขึ้นยืนก่อนจะปลีกตัวไปอาบน้ำ
ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความคิดอันแสนสับสนอยู่คนเดียว
เรื่องของคนอื่นฉันกลับพยายามเชียร์เต็มที่
แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองฉันกลับตัดสินใจอะไรไม่ได้สักอย่าง
มันเหมือนกับว่าตัวเองกลัวความจริง กลัวความผิดหวัง
ตอนที่พี่มิคบอกให้ตัดใจฉันยังรู้สึกแย่เลย
เหมือนอกหักทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มรักเลยด้วยซ้ำ ก็แค่ชอบ
ฉันแค่ชอบเขาเท่านั้นเอง
“ถ้าชอบก็บอกไปเลยสิ”
ยัยเกลพูดขึ้นตอนที่เราเข้ามานอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่แล้ว
ด้วยความอึดอัดในใจมันทำให้ฉันอยากหาที่ระบายเลยลองปรึกษามิเกลดู
แต่ฉันไม่ได้บอกหรอกนะว่าคนที่ชอบคือพี่มิค
“นับเองก็เคยเชียร์เกลให้จีบพี่ก้องไม่ใช่หรอ”
มิเกลพูดถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
“ตอนนั้นพี่ก้องดูไม่สนใจเกลเลยด้วยซ้ำแต่นับก็บอกว่าอยากให้ลองดู จำไม่ได้หรอ”
“แต่ตอนนั้นเกลยังไม่ได้ชอบพี่ก้องนี่
ถ้าจีบไม่ติดก็ไม่เสียใจนี่นา”
“รู้ได้ไงว่าเกลจะไม่เสียใจ”
มิเกลหันหน้ามามองฉัน
บอกตามตรงว่าตอนนั้นที่เชียร์เกลเพราะฉันคิดกว่าพี่ก้องน่าจะชอบมิเกลอยู่บ้าง
แม้จะไม่มั่นใจแต่ก็คิดว่าตัวเองมองคนไม่ผิดเลยพูดออกไปแบบนั้น
“นับได้ลองบอกเขาไปบ้างหรือยัง”
มิเกลถามต่อเมื่อเห็นว่าฉันเงียบ
“ไม่ได้บอกแต่เหมือนเขาจะรู้”
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “แล้วก็บอกให้ตัดใจซะ”
“โห...แรงมาก
ยังไม่ทันได้เริ่มก็โดนตัดจบซะแล้ว”
“นับมันไม่น่ารักหรอ
เขาถึงไม่ชอบอะ” ฉันถามมิเกลอย่างเสียความมั่นใจ
แม้ตัวเองจะไม่ใช่พวกมีความมั่นอกมั่นใจมาแต่แรกแต่ฉันก็คิดว่าตัวเองนั้นหน้าตาดีในระดับนึงเลยล่ะ
ขนาดเบ้าหน้าพระราชทานของพี่ก้องยังดูดีขนาดนั้น
ฉันที่เป็นน้องสาวคลานตามกันมาก็ต้องดูดีไม่แพ้เขาอย่างแน่นอน
“นี่นับชอบเขามากเลยนะ
รู้ตัวป่าว” มิเกลถึงขั้นลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียงแล้วมองมายังฉันอย่างแปลกใจ
“ขนาดนั้นเลยหรอ”
ฉันลุกขึ้นนั่งบ้าง
“ก็ใช่น่ะสิ
เกลไม่เคยเห็นนับเป็นแบบนี้เลย นับดูคิดมากเอามาก ๆ”
มิเกลเอ่ยอย่างเป็นห่วงพร้อมกับยื่นมมือมากุมมือฉันไว้ “นับชอบใครบอกเกลได้
เกลจะใช้อำนาจของพี่มิคไปทำให้คนคนนั้นรับรักนับดาวคนนี้ให้ได้เลย”
ยัยเกลพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
โถ...สาวน้อย ช่างไม่รู้อะไรซะแล้วว่าคนคนนั้นก็คือพี่มิคของเธอนั่นแหละ
“ถ้าไม่กล้าบอกพี่ก้อง
บอกเกลแค่คนเดียวก็ได้ เกลช่วยนับได้”
“ช่วยบังคับเขาน่ะหรอ”
ฉันถามแล้วขำพรืดออกมาให้กับความคิดของมิเกล
“ก็ใช่น่ะสิ
กล้าดียังไงมาปฏิเสธเพื่อนรักของมิเกล ไม่รู้ซะแล้วว่าพี่ชายของฉันนั้นน่ากลัวแค่ไหน”
รู้แล้วว่าเขาน่ากลัว
แต่เธอช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอกนะมิเกล
“ขอบใจมากนะเกล
นับดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
การได้คุย
ได้ระบายให้ใครสักคนฟังด้วยมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เองสินะ
ที่ผ่านมาฉันเก็บงำความรู้สึกนั้นเอาไว้คนเดียวมาตลอด
มันเลยเหมือนไม่ได้ระบายออกมาบ้างจนอึดอัดใจไปหมด พอได้พูดแล้วก็รู้สึกดีขึ้น
“จะไม่บอกกันจริง
ๆ หรอว่าใคร” มิเกลถามอย่างใคร่รู้
ยัยเพื่อนคนนี้ก็เป็นสายเผือกเหมือนกับฉันด้วยสินะเนี่ย
“ไม่บอกหรอก”
ฉันยักคิ้วอย่างกวน ๆ ก่อนจะมุดตัวลงนอนใต้ผ้าห่ม
“แต่เกลพูดจริงนะ
ลองจีบดูสักครั้งไม่เสียหาย”
คำพูดของมิเกลจบลงแค่นั้นพร้อมกับความคิดของฉันที่ได้เริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้ง
-----------------------------------------------------------
- (ทอล์ก 100%)
ตอนนี้มีแต่คนสาปส่งพี่มิคแน้ววว 55555555555
เนื้อเรื่องที่อ่านมาถึงตอนนี้จะอยู่ที่ 10% ของแล้วนะคะ ตอนนี้เค้าปั่นต้นฉบับไปได้เกือบ 50% แล้ว อีก 3 วันจะเปิดพรีนิยายแล้วเช่นกันคงได้อัปให้อ่านกันค่ะ เป็นเรื่องแรกที่เปิดพรีหลังจากอัปไปแค่ 10% เอง 5555 ปกติเค้าจะอัปถึง 30% ถึงจะเปิดพรี แต่เรื่องนี้เป็นเซตคู่ด้วย และเป็นเล่มแรกของปีด้วยค้าบ ฝากติดตามผลงานของเค้าด้วยน้า รับรองว่าพี่มิคเวลาคลั่งรักน้องนับดาวคือน่ารักมาก พี่มิคจะเป็นประเภทปากก็บอกไม่คิดอะไรแต่มือไวยิ่งกว่าอะไรดี หวงแรง หึงแรงด้วย >< แอร๊ยยยยย
- (ทอล์ก 80%)
พี่มิคไม่ค่อยพูดกับน้องนับเท่าไหร่ แต่พูดด้วยแต่ละทีคือมีแต่คำพูดเจ็บ ๆ ทั้งนั้น สงสารลูกสาวววววว
- (ทอล์ก 60%)
ปฏิเสธเขาแล้วยังจะมีน้ำใจซื้อข้าวมาฝากเขาอีก อิพี่มิค!
อีกไม่กี่วันจะเปิดพรีนิยายแล้วววว ตื่นเต้นมากเลยค่าา เป็นครั้งแรกที่เปิดพรีนิยายหลังจากอัปไปได้แค่ไม่กี่บทเอง ฝากหนับหนุนพี่มิคน้องนับดาวด้วยนะคะ ><
ปล.ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ที่คอยเมนต์ให้กันอยู่ตลอดน้าา เค้าอ่านทุกเมนต์เลย ไว้เป็นกำลังใจเวลาเหนื่อย ๆ ค่า ได้อ่านแล้วหายเหนื่อยจริง ๆ คอมเมนต์คือพลังชีวิตของนักเขียนจริง ๆ ค่าา
- (ทอล์ก 40%)
เขาจะตัดใจแล้วยังจะมาปลดกระดุมเสื้ออ่อยเขาอีก
- (ทอล์ก 20%)
พี่มิคมาอีกแล้ววววววววว พ่อคนไม่ชอบแมวววววว
ความคิดเห็น