ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SET MY NIGHT | หลงรัก ได้ใจ

    ลำดับตอนที่ #21 : ตอนพิเศษ (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.51K
      552
      10 พ.ค. 64

    ตอนพิเศษ

    มิคาเอล - นับดาว

     

    หลายเดือนต่อมา

    ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ หลังจากที่ตัดสินใจคบกับพี่มิคอย่างจริงจังได้ไม่นานเขาก็เรียนจบ และฉันก็ไม่สามารถเจอเขาที่มหาวิทยาลัยได้บ่อย ๆ อีกต่อไปแล้ว แบบนี้ฉันก็คงจะคิดถึงเขามากแน่ ๆ เลย

    “นับ!” เสียงแหลมปรี๊ดเอ่ยเรียกชื่อฉันพร้อมกับอะไรบางอย่างโขกเข้าที่หัวเบา ๆ “มัวเหม่ออะไรอยู่เนี่ย”

    เป็นยัยส้มตัวดีนั่นเอง หนอย...กล้ามากที่เอาม้วนกระดาษมาโขกหัวฉัน!

    “มีอะไร” ฉันถามด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ

    “พี่ฟิวส์ให้มาถามว่าจะกินอะไร พวกพี่เขาจะสั่งข้าวมาเลี้ยง” ส้มบอกพร้อมกับมองไปยังกลุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกฉันมากนัก “แล้วนี่แกเป็นอะไร ดูเหม่อมาตั้งแต่มาถึงที่นี่แล้ว”

    “ฉันคิดถึงพี่มิค” ฉันบอกตามตรง

    “โอ๊ย นี่แกทำเหมือนไม่ได้เจอกันบ่อยขนาดนั้นอะ” ยัยส้มพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงปลง ๆ “อะไรมันจะคิดถึงกันตลอดเวลาขนาดนั้น ไม่ได้เพิ่งจะคบกันสักหน่อย”

    “มันก็ใช่...” ฉันบอกแล้วก้มหน้างุด นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วล่ะ ตั้งแต่ก่อนปิดเทอมจนกระทั่งเปิดเทอมใหม่แล้วแต่สำหรับฉันมันถือว่าไม่นานเลยจริง ๆ นะ “แต่คนมันคิดถึงอะ จะให้ทำยังไงได้ล่ะ”

    “พริ้นต์รูปติดที่เคสโทรศัพท์ไปเลยจ้ะ ถ้าคิดถึงก็เอาขึ้นมาดูให้หายคิดถึง”

    “ทำแล้ว” ฉันบอกพร้อมชูให้ส้มดูอย่างภาคภูมิ “ฉันเคลือบอย่างดีเลยนะเพราะกลัวสีมันซีด”

    “โห...นี่แกทำจริง ๆ หรอเนี่ย”

    “ก็ใช่น่ะสิ ไม่สังเกตเห็นบ้างหรือไง”

    “แกนี่ทำตัวเหมือนเป็นแฟนคลับพี่มิคเข้าไปทุกวัน คนเขาไม่รู้จะหาว่าแกไม่ใช่แฟนเขาจริง ๆ นะยัยนับ”

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย แค่ฉันกับเขาเรารู้กันว่าเป็นแฟนก็พอแล้ว” ฉันยิ้มอย่างปลื้มปริ่มและมีความสุขที่สุด

    กว่าเราสองคนจะลงเอยกันได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ มันก็ไม่แปลกถ้าฉันจะคลั่งรักพี่มิคขนาดนั้น

    “นับ ฉันถามจริงว่าพี่มิคจริงจังกับแกจริง ๆ ใช่ไหม” ยัยส้มกับบ่าของฉันแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “อื้อ ฉันคิดว่างั้นนะ”

    “ได้ไง จะคิดเองได้ยังไง”

    “ก็ฉันรู้สึกแบบนั้นนี่ พี่มิคก็ดูจริงจังออก” เขาแสดงให้ฉันเห็นว่าตัวเขาเองก็จริงจัง แล้วจะให้ฉันคิดเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไงล่ะ

    “ฉันล่ะเป็นห่วงแกจริง ๆ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เขาถึงขั้นไปหาแม่ฉันแล้วนะ”

    “โห...จริงดิ”

    “อื้อ”

    “โอเค งั้นพวกฉันก็สบายใจละ” ส้มตบบ่าฉันเบา ๆ สองทีก่อนจะถอยห่างไปเล็กน้อยแล้วถามขึ้น “สรุปจะกินไร จะได้ไปบอกพี่ ๆ เขา”

    “ไม่ต้องสั่งเผื่อฉันหรอก เดี๋ยวอีกหน่อยพี่มิคก็เอาข้าวเที่ยงมาส่งให้แล้ว”

    ทันทีที่ฉันพูดแบบนั้นสายตาของยัยส้มที่มองมายังฉันก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเอือมระอากันสุด ๆ

    อะไรกันเล่า

    “เออ ๆ ฉันไปก่อนละกัน” พูดจบส้มก็ปลีกตัวออกจากตรงที่ฉันยืนอยู่เพื่อพุ่งตรงไปยังกลุ่มรุ่นพี่กลุ่มนั้นที่ตอนนี้กำลังมองมายังฉันพอดิบพอดี

    ฉันส่งยิ้มให้พวกเขาแล้วหันมานั่งทำงานของตัวเองต่อเนื่องจากเสียเวลาไปนานกับการนั่งคิดถึงพี่มิคเลยทำให้งานที่ได้รับมอบหมายมันไม่เสร็จสักที

    ช่วงนี้เป็นช่วงเปิดเทอมต้อนรับน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่เป็นปีแรก ดังนั้นในฐานะรุ่นพี่พวกเราเลยต้องมาทำซุ้มและของที่ระลึกมอบให้กับรุ่นน้องของสาขาเรา ก็เป็นการรวมตัวของนักศึกษาตั้งแต่ปีสองถึงปีสี่ล่ะนะ

    ฉันนั่งมัดเชือกตามที่พวกพี่ปีสามบอกให้ทำอย่างขยันขันแข็ง ต้องรีบทำให้เสร็จก่อนที่พี่มิคจะมา จะได้มีเวลาไปนั่งกินข้าวด้วยกัน

    “น้องนับครับ” ขณะที่กำลังขะมักเขม้นกับการมัดเชือกอยู่นั้นพี่ฟิวส์ รุ่นพี่ปีสี่ก็เดินเข้ามาหา

    “คะ?” ฉันหันไปมองเขาโดยที่มือยังไม่หยุดทำงาน

    “เห็นส้มบอกว่าเราไม่สั่งข้าว ไม่หิวหรอครับ” พี่เขาถามอย่างเป็นห่วงขณะที่ยืนอยู่ข้างตัวฉัน

    พี่ฟิวส์นี่ใจดีมากเลยนะ เป็นรุ่นพี่ที่น่ารักมาก ๆ แม้เราจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่แต่เขาก็เป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพมากคนนึง

    “พอดีแฟนนับจะเอาข้าวมาส่งให้ค่ะ” ฉันบอกเขาไปตามความจริง

    “แฟน? นับยังคบกับแฟนอยู่หรอ”

    “อื้อ ก็ใช่น่ะสิคะ” ฉันตอบเขาแล้วมองอย่างสงสัย “ทำไมพี่ฟิวส์ถามแบบนั้นล่ะ”

    “เปล่าหรอก เห็นไม่ค่อยลงรูปด้วยกันเท่าไหร่พี่ก็นึกว่า...”

    “พอดีพี่มิคเขาไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ค่ะ” ฉันบอกแล้วหัวเราะแห้ง ๆ ส่งไปให้

    “แต่แบบนี้ไม่ดีเลยนะ แฟนไม่ค่อยถ่ายรูปแล้วคนอื่นเขาจะรู้ได้ว่ากำลังคบกันอยู่ นับไม่กลัวว่าแฟนนับจะแอบไปมีผู้หญิงคนอื่นลับหลังเราหรอ”

    “ไม่นะคะ นับเชื่อใจพี่มิค”

    สำหรับฉันแล้วพี่มิคเป็นคนที่ตรงไปตรงมาสุด ๆ ที่ผ่านมาก่อนเราจะคบกันเขาก็บอกว่าชัดเจนว่าให้ฉันอยู่ในสถานะไหน พอเลื่อนสถานะมาเป็นแฟนกันแล้วเขาก็ทำให้ฉันเห็นว่าเขาไม่มีทางมีผู้หญิงคนอื่นแน่นอน

    ถ้าเขายังรักสนุกและมีความสุขกับการที่ต้องเปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อย ๆ แบบนั้นเขาจะมาคบกับฉันทำไมล่ะ

    “นับยังไร้เดียงสาแต่ไม่รู้จักผู้ชายดีพอ” อีกแล้ว...คำพวกนี้อีกแล้ว

    “นับรู้นะคะว่าทุกคนหวังดีกับนับ แต่ว่าทุกคนสบายใจได้ เรื่องแบบนี้มันเรื่องของคนสองคนค่ะ พี่ฟิวส์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ฉันบอกพร้อมกับส่งยิ้มจนตาหยีไปให้เขา

    พี่ฟิวส์นิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่งก่อนจะผ่อนลมหายใจอันบางเบาออกมาอย่างอึดอัด ไม่นานเขาก็เอ่ยต่อด้วยท่าทางที่ยังดูไม่แน่ใจนัก

    “พี่เป็นห่วงนับนะ ถ้าวันไหนแฟนนับทำให้เสียใจ พี่อยากบอกให้เรารู้ว่าไม่จำเป็นต้องอดทน”

    “...” ฉันมองพี่ฟิวส์ด้วยท่าทีสงสัยใคร่รู้ เขาดูแปลกใจจากทุกทีจนฉันแปลกใจ

    อันที่จริงตั้งแต่คบกันมาพี่มิคไม่เคยทำให้ฉันกังวลใจอะไรเลยด้วยซ้ำนะ ยอมรับแหละว่าช่วงเวลาก่อนที่จะคบกันมันช่างยากลำบากและเสียใจมาไม่น้อย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว และที่จริงเรื่องพวกนี้ก็แทบไม่มีใครรู้เลยด้วยซ้ำไป ทำไมพี่ฟิวส์ถึงเอาแต่พูดแบบนี้กันนะ

    “พี่พร้อมจะอยู่กับนับวันที่เสียใจ ถ้าวันไหนเลิกกัน...”

    “ยังไม่เลิกแล้วก็ไม่มีวันเลิกด้วย”

    คำพูดของพี่ฟิวส์ถูกเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจากคนที่มาเยือนใหม่ เมื่อหันไปมองยังด้านหลังของพี่ฟิวส์ก็พบว่าเป็นพี่มิคที่ยืนจ้องมองมายังพี่ฟิวส์ด้วยสายตาดุดันแสนเย็นชา

    “เอาเวลาที่จะมานั่งปลอบแฟนคนอื่นไปทำอะไรที่มันมีประโยชน์กว่านี้จะดีไหม” น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นเอ่ยขึ้นอย่างกดดัน

    พี่ฟิวส์ค่อย ๆ หมุนตัวหันหลังไปมองเขาอย่างช้า ๆ

    เนื่องจากฉันโดนแผ่นหลังของพี่ฟิวส์บดบังเอาไว้เลยไม่เห็นว่าทั้งคู่มองกันด้วยสายตาแบบไหน ไม่นานพี่ฟิวส์ก็เดินจากไปโดยไม่เอ่ยร่ำลาฉันสักคำเดียว

    บรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำเอาฉันทำตัวไม่ถูกจนเผลอจิกเล็บลงบนฝ่ามืออย่างอึดอัด

    “กินข้าว” พี่มิคเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่แสนอึดอัดนั้นแล้วเดินมายืนข้าง ๆ ก่อนจะวางถุงข้าวลงบนโต๊ะ

    “พี่มิคมาเร็วจังเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยื่นมือไปแกะถุงข้าวกินด้วยความรู้สึกกังวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    “ถ้ามาช้ากว่านี้จะเห็นหรอว่ามีผู้ชายคนอื่นกำลังมาจีบแฟนตัวเองอยู่”

    “หือ? จีบอะไรกันคะ” ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

    “ดูไม่ออกหรือไงว่ามันพยายามเสี้ยมให้พวกเราทะเลาะกัน”

    “พี่ฟิวส์เขา...”

    “ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนมัน” เขาเอ่ยตัดบทอย่างไม่ต้องการได้ยินเรื่องนี้อีก

    จะว่าดูไม่ออกก็ไม่ใช่หรอก แต่ฉันไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองถึงขั้นนั้นนี่นา หรือถ้าเลวร้ายสุด ๆ ก็คงเป็นพี่ฟิวส์ไม่ชอบพี่มิคแล้วพยายามหาทางให้เขาไม่มีความสุขเหมือนที่พี่เรย์เคยทำก็เป็นได้

    “อยู่ห่างจากไอ้หมอนั่นเข้าไว้” เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาเชยคางของฉันขึ้น “เข้าใจไหม”

    นัยน์ตาดุดันของพี่มิคสะกดฉันให้แน่นิ่งแล้วพยักหน้าตามอย่างไม่อาจขัดขืน

    “ดีมาก” เขาลูบหัวฉันเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ แล้ววางไอแพดที่ถือมาด้วยลงบนโต๊ะ

    ฉันหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจเพราะวันนี้พี่มิคแค่แวะมาส่งข้าวให้ฉันไม่ใช่หรอ ทำไมถึงได้เอางานมาทำด้วยกันนะ

    “มองทำไม ไม่กินข้าว?” เขาถามฉันพลางเบนสายตากลับมามอง

    “ไม่กลับเข้าบริษัทหรอคะ”

    “ไม่ล่ะ ฉันจะทำงานที่นี่”

    ฉันไม่ได้ถามอะไรเขาต่อเพราะพี่มิคเป็นพวกไม่ชอบอธิบายเรื่องยุ่งยากให้ฟังเท่าไหร่ รู้แค่ว่าเขาตัดสินใจอยู่ที่นี่ก็คืออยู่ที่นี่นั่นแหละ

    พี่มิคเป็นคนที่ทำงานได้ทุกที่ เพราะฉะนั้นเรื่องสถานที่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาหรอก

    แต่คงเป็นสำหรับฉันตอนนี้มากกว่า...นั่งอยู่ข้างกันแบบนี้ฉันจะมีสมาธิทำงานได้ยังไงกัน!

    “กินข้าวได้แล้ว” เขาเอ่ยย้ำขึ้นอีกเมื่อฉันเอาแต่นั่งนิ่ง

    “นับ...ไปซื้อน้ำแป๊บนึงนะคะ” ฉันลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วจนพี่มิคยังมองตามด้วยความฉงนใจ

    เขาเบนสายตาไปมองข้าวที่เพิ่งเอามาให้ก่อนจะโฉบสายตามามองฉันราวกับต้องการจับผิด

    จะ...จับผิดอะไร

    “กินข้าวแล้วก็ต้องกินน้ำใช่ไหมคะ เดี๋ยวนับไปซื้อมาไว้เลยดีกว่า” พูดจบฉันก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที

    แย่แล้ว...หัวใจเจ้ากรรมมันเต้นแรงไม่หยุดแถมยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเต้นโครมครามเสียงดังแบบนั้นด้วย

    ถึงจะคบกันมาสักพักแล้วแต่ทุกครั้งที่ที่อยู่ด้วยกันฉันมักจะตื่นเต้นและควบคุมตัวเองไม่ได้เสมอเลย วันนี้ก็ไม่ได้เตรียมใจที่จะให้พี่มิคอยู่ด้วยเลยทำตัวไม่ถูกจนต้องปลีกตัวออกมาสงบจิตสงบใจข้างนอกแบบนี้

    ฉันนี่มันเงอะงะจริง ๆ เลย

    เอาล่ะ ฉันต้องใจเย็น ๆ นะ แล้วก็ฉันต้องทำตัวให้เป็นปกติด้วย

    ฉันคิดแบบนั้นมาตลอดทางที่เดินไปซื้อน้ำจนกระทั่งกลับมายังที่เดิมที่พี่มิคนั่งอยู่ แต่เมื่อเดินกลับมาถึงก็พบว่าพวกรุ่นพี่และรุ่นเพื่อนของฉันต่างพากันมองเขาอย่างสนใจแถมยังพากันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาเก็บเอาไว้อย่างไม่เกรงใจฉันที่เป็นแฟนของเขาด้วย

    อันที่จริงฉันก็ชอบถ่ายรูปบันทึกความทรงจำต่าง ๆ เอาไว้เหมือนกันนะ แต่ทำไมกับเขาฉันถึงไม่กล้าก็ไม่รู้

    คงเพราะรู้สึกว่าโดนมองจากข้างหลังพี่มิคที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่จึงยืดตัวขึ้นก่อนจะเอี้ยวตัวหันมามองฉันที่ยืนห่างเขาไม่กี่ก้าว

    พอเห็นเขามองฉันก็ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้สังเกตเห็นว่าฉันหยุดยืนมองเขาอยู่

    “ไม่คิดจะซื้อมาให้ฉันด้วยหรือไง” เขาทวงถามเมื่อฉันนั่งลงข้าง ๆ

    “อ่า...นับลืมค่ะ” ฉันบอกอย่างงุ่นง่านก่อนจะเลื่อนมันไปยังตรงหน้าเขา “พี่มิคกินก่อนได้เลยนะคะ เดี๋ยวนับไปซื้อใหม่”

    “ไม่ต้อง กินด้วยกันก็ได้ ซื้อมาขวดใหญ่เลยไม่ใช่หรือไง” พูดจบเขาก็จัดการเปิดฝาแล้วกระดกน้ำด้วยความกระหายอึกใหญ่

    ความตื่นเต้นของฉันที่มีต่อเขามันไม่เคยลดน้อยลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว

    “นับดาว” จู่ ๆ เขาก็เรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง

    “คะ?”

    “เมื่อไหร่จะเลิกตื่นเต้นเวลาที่ต้องอยู่กับฉันสักที” เขาเหมือนรู้ทันทุกความคิดของฉันอย่างไม่ต้องคาดเดาอะไรเลยสักนิด

    “นับ...เปล่า”

    “เธอโกหกไม่เก่ง”

    “นับแค่...”

    “มากกว่านั่งข้างกันเราก็ทำมาแล้ว มากกว่าจูบเราก็ทำมาแล้ว...”

    “พี่มิคอย่าพูดแบบนี้สิคะ” ฉันมองไปรอบ ๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนมาได้ยินเข้า

    “เธอกำลังทำให้ฉันหงุดหงิดนะ” เขาเอื้อมมือข้างนึงมาวางพากกับพนักเก้าอี้ของฉันไว้หลวม ๆ คล้ายกำลังโอบไหล่แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น “คนยิ่งชอบพูดว่าเราไม่เหมือนคนคบกันเลย”

    “พี่มิคสนใจด้วยหรอคะ ปกติไม่เห็นจะใส่ใจคำพูดของคนอื่นเท่าไหร่นี่นา” เขาเป็นแบบนี้จริง ๆ นะ แต่ให้ใครพูดยังไงเขาก็ไม่สนหรอก เขาสนแค่ว่าพวกเรารู้สึกยังไงกันมากกว่า

    “เรื่องแบบนี้มันก็ต้องสนใจอยู่แล้ว” เขาพูดพร้อมถอนหายใจแล้วกรอกตาไปมา ไม่นานก็หยิบเอาโทรศัพท์ของฉันขึ้นมาแล้วพลิกด้านหลังที่มีรูปของเขาติดเอาไว้กับเคสมาจ่อตรงหน้าฉัน “แล้วนี่อะไร เธอทำตัวเหมือนเป็นแฟนคลับฉันเข้าทุกวัน”

    “นับก็แค่ติดเอาไว้ดูเวลาที่คิดถึงเฉย ๆ ค่ะ”

    ฉันบอกเสียงหงอยและนั่นก็ทำให้พี่มิคนิ่งไปก่อนจะกระแอมไอออกมาหนึ่งที

    “แล้วรูปนี้เอามาจากไหน”

    “เพจแฟนคลับของพี่มิคยังไงล่ะคะ” ฉันบอกอย่างภาคภูมิ “นี่นับเลือกรูปที่ดูดีที่สุดเลยนะ พี่มิคไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่หล่อเพราะสำหรับนับพี่มิคดูดีที่สุดเลยค่ะ”

    “ก่อนหน้านี้ฉันไม่เห็นจะรู้สึกว่าเธอคลั่งไคล้ฉันขนาดนี้” เขาหรี่ตาลงมองฉันพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้

    “เพราะนับไม่กล้ายังไงล่ะคะ นี่ขนาดนับไม่แสดงออกพี่มิคยังดูออกเลยว่านับแอบชอบ ไม่ใช่ว่าแอบมองนับอยู่ก่อนแล้วเหมือนกันน้า”

    ฉันแกล้งแหย่เขาเล่นเพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่แล้ว เวลาที่ฉันรู้สึกประหม่าพี่มิคก็มักจะถึงเนื้อถึงตัวเพื่อสร้างความคุ้นชินให้กับฉันและละลายพฤติกรรมที่ชอบตื่นเต้นเวลาอยู่กับเขาให้

    “เพ้อเจ้อ” เขาดีดหน้าผากของฉันเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวกลับไปนั่งตามเดิม “กินข้าวได้แล้ว”

    “อึ้ม!” ฉันขานรับอย่างมุ่งมั่นก่อนจะลงมือกินข้าวที่เขาซื้อมาให้ทันที

    ฉันกินแล้วแอบเหลือบมองเขาเป็นระยะแล้วก็พบว่าเจ้าตัวก็เหลือบมองฉันด้วยเหมือนกัน

    พอเห็นว่าพี่มิคมองฉันก็ยิ้มให้แต่พี่มิคกลับส่งเพียงใบหน้าเรียบนิ่งกลับมาเท่านั้น

    “นับ” ขณะที่กำลังนั่งมองคุณแฟนสุดหล่อทำงานอยู่นั้นยัยส้มก็เดินเข้ามาหาก่อนจะหันไปทักทายพี่มิค “สวัสดีค่ะพี่มิค”

    เขาพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ

    “มีไรหรอส้ม”

    “คืองี้นะ แกจำได้ใช่ไหมว่าวันที่จัดงานรับน้องอะจะมีคนใส่ชุดไทยไปยืนรออยู่หน้าซุ้ม ซึ่งก็คือยัยกวาง แต่ทีนี้ยัยกวางติดธุระแล้วมาไม่ได้เลยต้องหาคนใส่คนใหม่”

    “อื้อ แล้ว?”

    “ทุกคนลงความเห็นว่าจะเอาแก”

    สิ้นเสียงของยัยส้มฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างจากคนข้างตัวที่ตอนนี้กำลังนั่งนิ่งคล้ายแอบฟังอยู่ ที่จริงก็ไม่ได้แอบหรอก พวกเราก็ไม่ได้พูดเบาถึงขั้นที่เขาจะไม่ได้ยิน

    “หา? อะไรกันเนี่ย ตกลงกันเองโดยไม่ถามฉันสักคำ”

    “พี่เขาก็ให้มาถามอยู่นี่ไง”

    “ไม่ใส่ได้ไหม นับไม่อยากแต่งหน้า” ฉันเดาว่าวันนั้นอากาศต้องรอนมากจนหน้าเยิ้มแน่เลย

    “แต่ชุดมันเช่ามาแล้วอะ คนที่ขนาดตัวกับยัยกวางก็มีแต่แก คนอื่นใส่ไม่ได้”

    “เช่ามาแล้วก็เช่าใหม่ได้” คำพูดนี้ไม่ใช่ของฉันแต่เป็นของพี่มิค

    เมื่อสิ้นเสียงของเขาฉันและยัยส้มก็เงียบกริบทันทีเพราะดูจากอารมณ์ที่แสดงออกมาตอนนี้เหมือนกำลังไม่พอใจอยู่

    “คือ...”

    “ชุดเนี่ยใช่แค่นับดาวคนเดียวหรือไง”

    “เปล่าค่ะ จะมีผู้ชายใส่ด้วยอีกคน”

    “ใครครับ”

    “พี่ฟิวส์ค่ะ” คำตอบของส้มทำเอาหน้าของพี่มิคตึงขึ้นมาทันตา เขาถอนหายใจคล้ายกำลังข่มอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้

    อันที่จริงมันก็เช่าชุดใหม่ได้แหละฉันว่า แต่กลัวว่าจะเป็นเรื่องกับพวกรุ่นพี่มากกว่าเพราะมันก็คืองานจิตอาสาอย่างหนึ่ง ถ้าฉันไม่ยอมทำก็จะดูเป็นการเห็นแก่ตัวหรือเปล่า แต่ฉันไม่อยากทำนี่นา

    “เช่าใหม่” เขาตอบกลับนิ่ง ๆ แค่นั้น

    ยัยส้มที่เป็นคนกลางก็ดูลำบากใจไม่น้อยที่จะเอาคำเหล่านี้ไปบอกกับพวกรุ่นพี่

    “เดี๋ยวนับไปเอง นับจะไปคุยกับพี่ ๆ เขาเอง” พอเห็นแบบนั้นฉันเลยต้องออกตัวแทน

    “ไหวหรอแก” ส้มทำหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่

    “อื้อ ไหว”

    “งั้นฉันไปด้วย”

     

    [Michael Talks]

    ผมนั่งใช้นิ้วเคาะโต๊ะพลางจ้องมองไปยังจุดที่นับดาวและเพื่อนของเธอกำลังยืนคุยกับรุ่นพี่อยู่ เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนั่นมันตั้งใจจะให้นับดาวไปยืนคู่กับมันอย่างออกนอกหน้า

    เห็นท่าทางที่ดูจะเคลียร์กันไม่ได้เท่าไหร่แล้วผมก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา มันจะยากอะไรนักหนากับอีแค่เช่าชุดใหม่

    สักพักผมก็เห็นว่ามีคนกำลังทำหน้าเครียดจัดแล้วมองมายังนับดาวด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันอยู่แต่วินาทีที่เธอคนนั้นง้างมือขึ้นคล้ายกำลังจะตบนับดาวผมก็ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว

    คนรอบตัวของนับดาวยื่นมือเข้ามาห้ามผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ แล้วไอ้ฟิวส์ก็รีบพุ่งเข้ามาปกป้องเธอโดยการดึงเข้าไปกอดอย่างถือวิสาสะ

    เอาล่ะ...ผมไม่ชอบไอ้หมอนี่ละ

    “มีอะไร” ทันทีที่เดินมาถึงผมก็เอ่ยถามเสียงเย็นพร้อมจ้องมองกลุ่มรุ่นพี่ที่กำลังใช้สายตารุมนับดาวกับเพื่อนของเธออยู่

    “พี่มิค” นับดาวที่พยายามจะผละออกจากไอ้ฟิวส์อยู่ก่อนหน้านั้นแล้วก็ใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักมันออก เธอพุ่งเข้ามาหาผมคล้ายกำลังกังวล

    ผมโฉบสายตาไปมองยังจุดที่ผู้หญิงคนดังกล่าวยืนอยู่พร้อมมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

    ตั้งแต่คบกันมาแม้แต่ตวาดเพียงครั้งเดียวผมยังไม่เคยทำเลย แล้วนี่เป็นใคร กล้าดียังไงจะมาทำร้ายนับดาว

    “เกิดอะไรขึ้น” ผมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำพลางดึงนับดาวให้มาอยู่ด้านหลังของผมแทน

    ไม่มีใครเอ่ยตอบคำถามผมสักคนและนั่นก็ทำให้ผมต้องหันหน้าไปมองส้ม เพื่อนของนับดาวเพื่อเอาคำตอบ

    “พอดีพวกพี่เขาอยากให้นับดาวใส่ชุดมากค่ะ แต่นับไม่อยากทำ ก็เลย...”

    “คุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง” ผมตวัดสายตาจากเพื่อนของนับดาวไปยังผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม “ทำไมต้องใช้กำลัง”

    “เฟย์เปล่านะคะ”

    “ก็เมื่อกี้เห็นว่าจะตบ”

    ใบหน้าของเธอเริ่มซีดเผือดอย่างหวั่นกลัวก่อนจะก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสบตากับผมอีก

    กลัว? แล้วทำไมถึงกล้าที่จะทำร้ายเด็กคนนี้ น่าขำสิ้นดี

    “ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ไปเรียกอาจารย์มา ฉันจะเคลียร์ให้เอง”

    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่นะ” ไอ้ฟิวส์ที่ยืนเงียบอยู่พักใหญ่ก็ได้เอ่ยปากขึ้น “นี่เป็นเรื่องภายในสาขาของพวกเรา คนนอกไม่ควรมายุ่งป้ะครับ”

    “ก็ดูเป็นคนรู้นี่ว่าเรื่องไหนควรยุ่งไม่ควรยุ่ง” ผมมองมันกลับอย่างเอาเรื่องและมันก็มองผมกลับด้วยสายตาเชือดเฉือนด้วยเช่นกัน

    มันรู้ว่าผมหมายถึงเรื่องอะไรเพราะก่อนหน้านี้มันพยายามจะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของผมกับนับดาวเหมือนกัน

    “แต่เรื่องนี้ฉันไม่ยุ่งไม่ได้หรอกนะ เพราะเหมือนจะคุยกันดี ๆ ไม่ได้”

    ถึงผมไม่ออกตัวแต่ถ้านับดาวเป็นอะไรขึ้นมาคงไม่มีใครอยู่เฉยแน่ เธอเป็นน้องสาวสุดที่รักของไอ้ก้องตะวันเลยนะ แถมยัยเด็กนี่ยังมีเหล่าทาสที่พร้อมจะออกโรงปกป้องอย่างเต็มที่ด้วย แม้ว่าพวกเราจะเรียนจบไปแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคอนเนกชั่นอยู่ในนี้สักหน่อย

    “พี่มิค เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเองครับ” จู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งออกหน้ารับแทนพร้อมยกมือไหว้อย่างคนร้อนรนก่อนจะหันไปหานับดาว “พวกพี่ขอโทษจริง ๆ นะน้องนับ เดี๋ยวเรื่องนี้พี่จัดการเองนะครับ”

    เมื่อเห็นว่าผมจะเอาเรื่องเลยยอมอ่อนข้อให้อย่างนั้นหรอ

    แต่ทุกคนก็คงรู้แล้วว่าผมจัดการกับคนที่มายุ่งกับผู้หญิงของผมยังไงบ้าง

    “นับไม่ต้องใส่แล้วใช่ไหมคะ” เธอถามอย่างกังวล

    “เดี๋ยวพี่บอกอีกทีนะ”

    “บอกตอนนี้ไม่ได้หรือไง” ผมย้อนถามอย่างรำคาญ จะอะไรกันนักหนา แค่พูดว่าได้หรือไม่ได้มันยากตรงไหน

    “พี่ครับ ผมขอเวลาจัดการก่อนนะ” มันมองผมด้วยสีหน้าขอร้องให้เห็นใจ

    ความเห็นใจของผมน่ะมีให้แค่นับดาวคนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเผื่อแผ่คนอื่นให้เปลืองพื้นที่ความรู้สึกหรอก

    “ก็ได้ค่ะ” แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไปนับดาวก็เอ่ยขึ้นก่อน

    ผมก้มหน้ามองเธอคล้ายตำหนิที่ยอมเอาง่าย ๆ แต่เธอกลับจับเสื้อของผมไว้แน่นคล้ายไม่อยากให้มีเรื่อง

    โอเค...เห็นแก่ยัยเด็กนี่ผมจะไม่เอาเรื่องก็ได้

    แต่คนที่จะตบนับดาว...ผมจำหน้าใส่สมองไว้แล้ว

    [End Michael Talks]

     

    “ฉันว่ามันแปลก ๆ” มาหยาพูดพร้อมกับครุ่นคิดอย่างสงสัย

    หลังจากที่เราเดินกลับมาที่เดิมยัยส้มก็โทรตามมาหยาให้มาหาที่นี่ ในบรรดาเพื่อนกันมาหยาพึ่งพาได้มากที่สุดแล้ว

    “แปลกยังไง”

    “แค่เรื่องที่ไม่ยอมใส่ชุดถึงกับจะลงไม้ลงมือกันเลยหรอ ฉันว่ามันเกินไปอะ”

    “ก็นั่นแหละ ตอนนั้นฉันตกใจมากเลย ดีนะที่พี่ฟิวส์มาขวางไว้ซะก่อน”

    “แล้วพี่ฟิวส์ว่าไงบ้าง” มาหยาถามก่อนจะหันไปมองยังกลุ่มรุ่นพี่ “เขาพี่เป็นพี่ชายของพี่เฟย์นี่นา เขาปกป้องยัยนับแต่ไม่ดุน้องสาวเขาเลยหรอ”

    “เออใช่ จริงด้วย” ฉันพึมพำอย่างสงสัย ตอนนั้นไม่ทันสังเกตอะไรเพราะอยู่อารามตกใจบวกกับพี่มิคโผล่มาพอดีเลยไม่ทันได้คิด

    “หรือไม่ก็อาจจะไปเคลียร์กันอีกที” ส้มพูดถึงความเป็นไปได้

    “พี่มิคว่ายังไงบ้างคะ” มาหยาหันไปถามความเห็นของเขา คงเพราะอยู่ในฐานะพี่ชายด้วยล่ะมั้ง

    “ถ้าทำผิดก็ต้องตักเตือน” เขาตอบกลับแค่นั้นก่อนจะมองไปยังกลุ่มรุ่นพี่อีกครั้งแล้วพึมพำออกมา “พี่รู้สึกคุ้นหน้าคนชื่อเฟย์”

    “ไม่แปลกค่ะเพราะพี่เฟย์คือแฟนคลับตัวยงของพี่มิคเลย”

    ทันทีที่มาหยาพูดแบบนั้นทุกคนก็เหมือนจะเข้าใจทุกอย่างได้ขึ้นมาแม้กระทั่งเจ้าตัวเองก็ด้วย

    ถึงว่าล่ะ...ทำไมเธอถึงได้ดูมองฉันแรงมากจนสายตาแทบจะเจาะร่างฉันให้เป็นรูพรุนอยู่แล้ว

    “แต่ว่าตั้งแต่พี่มิคมีแฟน พี่เขาก็ดูเงียบไปนะคะ”

    ยัยมาหยานี่ยังไง ทำไมรู้ทุกเรื่องขนาดนี้เนี่ย ขนาดฉันคิดว่าฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของพี่มิคฉันยังไม่รู้ลึกเท่านี้มาก่อนเลย

    ข้าน้อยของคารวะ

    --------------------------------------------------------------

    - (ทอล์ก 100%)

    น้องจะบูชาเพื่อนแล้วนะคะทุกคน 5555

    ตอนพิเศษมี 3 ตอนน้าาาา ลงกันเรื่อย ๆ เลยค้าบ เวลาลงอาจจะเปลี่ยนบ้างเพราะบางวันเค้าก็ยุ่งมาก ๆ เลยค่ะ แต่จะพยายามมาทุกวันน้า วันไหนลืมอัปก็จะทดแทนให้เป็นอัปสองรอบค้าบ

    ฝากนิยายเรื่องใหม่ของเค้าด้วยนะคะ เรื่องของพี่ไปป์ พี่ชายของพี่ปุณ ตอนแรกว่าจะเขียนพี่ปุณก่อนแต่ตอนนี้อยากเขียนพี่ไปป์ก่อนเลยจะอัปเรื่องนี้ก่อนนะคะ จิ้มตามลิงก์ไปได้เลย >>> จิ้มลิงก์

    - (ทอล์ก 80%)

    ถึงที่ผ่านมาจะใจร้ายแต่ตั้งแต่คบกันมาพี่เขาก็ทะนุถนอมน้องมากเลยนะ ยกเว้นเวาลาอยู่บนเตียง แอร๊ยยยยย

    - (ทอล์ก 60%)

    ทุกคนนน เมื่อวานลืมมาอัปเลยค่ะ เดี๋ยววันนี้หลังเลิกงานช่วงสามสี่ทุ่มเค้าจะมาอัปอีกรอบเป็นการชดเชยน้าา เมื่อวานลืมจริง ขอโทษค้าบบบบบ

    ฝากนิยายเรื่องใหม่ของเค้าด้วยนะคะ เรื่องของพี่ไปป์ พี่ชายของพี่ปุณ ตอนแรกว่าจะเขียนพี่ปุณก่อนแต่ตอนนี้อยากเขียนพี่ไปป์ก่อนเลยจะอัปเรื่องนี้ก่อนนะคะ จิ้มตามลิงก์ไปได้เลย >>> จิ้มลิงก์

    - (ทอล์ก 40%)

    ฟีลนั่งทำงานเฝ้าแฟนอะค่ะ

    - (ทอล์ก 20%)

    ตอนพิเศษมาแล้ววววว ดีใจที่ได้กลับมาอัปนิยายและพูดคุยกับทุกคนอีกครั้งค่ะ ฮือออออ ตอนนี้ยังไม่เขียนเรื่องใหม่ เอาตอนพิเศษเรื่องนี้ไปอ่านกันก่อนน้า อิอิ มีคนไปคอมเมนต์ถามในหน้าอีบุ๊กว่านับดาวคนนี้กับนับดาวในเรื่องของศิวามะนาวเป็นคนเดียวกันไหม เค้ามาไขข้อข้องใจก่อนน้าว่าไม่ใช่ค่า นับดาวคนนี้คือตัวละครใหม่นะคะ ไม่เคยโผล่ที่ไหนในนิยายที่เค้าเขียนน้า เค้าเป็นพวกถ้าชอบชื่อไหนจะใช้ซ้ำ แม้ว่าชื่อนั้นจะเคยใช้เป็นตัวประกอบในนิยายเรื่องอื่นแล้วก็ตามเพราะเค้าเชื่อว่าคนเราชื่อมันซ้ำกันได้ค่ะ 5555555555555 แต่จริง ๆ ก็มีใช้ซ้ำแค่พี่บอสกับนับดาวนี่แหละค้าบ แล้วก็เซตติ้งของนิยายเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิยายเรื่องไหนของเค้าเลยนะคะ เป็นเรื่องใหม่เอี่ยมอ่องเลยค่ะ 

    ปล.นิยายเรื่องต่อไปเค้าแจ้งว่าจะอัปพี่ปุณแต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าอยากอัปพี่ไปป์ก่อนเพราะปกดีงามมาก 55555 ไว้เค้าเปิดหน้านิยายแล้วเค้าจะเอามาแปะลิงก์ให้นะค้า ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×