คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (100%)
บทนำ
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจากผับชื่อดังทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยไหนจะกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยมาเตะจมูกของฉันอีก
ไม่คิดเลยว่าการมาสถานที่แบบนี้จะทำให้ฉันรู้สึกวิงเวียนได้ขนาดนี้
“ไหวไหมเนี่ย”
เสียงของเพื่อนสาวคนสนิทดังขึ้นเมื่อมองหน้าฉัน
เธอเริ่มมีอาการมึนเมาขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ
‘มิเกล’ เป็นเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่เราเรียนมัธยมด้วยกัน จนตอนนี้แม้จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วความสัมพันธ์ของเราทั้งสองก็ยังเหนียวแน่น
พวกเราสองคนรักกันปานจะกลืนกินเลยล่ะ
“ไหว” ฉันตอบและพยายามทำตัวไม่ให้ฝืนมากเกินไป
ไม่อย่างนั้นยัยนี่จะต้องรู้สึกผิดแน่ ๆ “สนุกดีออก”
“สนุกอะไร
นั่งนิ่งขนาดนี้”
ร่างบางสุดเซ็กซี่ใช้ศอกกระทุ้งฉันเล็กน้อยอย่างหยอกเย้า
ส่วนฉันที่อยู่ในชุดเดรสสีขาวน่ารักนั้นได้เพียงแต่ยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
วันนี้เป็นวันเกิดของมิเกล
เธอจัดงานฉลองวันเกิดครบ 19 ปีที่นี่
ตอนแรกยัยเพื่อนคนสวยของฉันก็บอกแล้วล่ะว่าไม่มาก็ได้ ไว้ค่อยไปฉลองย้อนหลังด้วยกันอีกที
แต่วันเกิดเพื่อนทั้งทีฉันก็อยากมาด้วยนี่นา
“มาเล่นเกมกัน”
หนึ่งในเพื่อนของมิเกลเอ่ยขึ้น นั่นทำให้มิเกลหันไปสนใจทันที
เกมที่ว่าคือ
drink
or dare เนื่องจากฉันไม่สันทัดเรื่องดื่มมิเกลเลยไม่ให้ฉันเล่นด้วย
แถมยังให้เพื่อนอีกคนมานั่งข้างฉันเพื่อคอยดูแลอีกต่างหาก
มิเกลก็แบบนี้แหละ
เธอดูแลประคบประหงมฉันดีมาก แม้ภายนอกจะดูแรงแต่จริง ๆ แล้วเป็นคนน่ารักมากเลยล่ะ
เธอเอาใจใส่ฉันเป็นอย่างดี นั่นทำให้เราคบกันมาได้ยาวนานแม้ว่าลักษณะนิสัยและสไตล์การใช้ชีวิตของเราจะต่างกันมากก็ตาม
มีแต่คนแปลกใจว่าฉันไปคบเพื่อนแบบมิเกลได้ยังไง
เวลาโดถามฉันก็มักจะหัวเราะทุกครั้งเลย
ไม่รู้ถึงความน่ารักของเพื่อนฉันซะแล้ว
ฉันนั่งมองเพื่อน
ๆ เล่นเกมกันก่อนจะมองไปยังแก้วเหล้าที่มิเกลชงเอาไว้
ในจังหวะที่เพื่อนของมิเกลที่นั่งข้าง ๆ เผลอฉันก็แอบหยิบมันมาจิบเล็กน้อย
“แค่ก ๆ”
ความแสบร้อนแล่นผ่านลำลำคอจนฉันสำลักออกมา
ใบหน้าฉันแหยแกเมื่อปลายลิ้นยังมีกลิ่นนั้นติดอยู่
พอดื่มน้ำเปล่าตามก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย
อยากบ้วนปากจังเลย
ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำนั้นมิเกลที่เล่นเกมกับเพื่อน
ๆ กำลังถูกท้าให้ไปจูบผู้ชายคนหนึ่งเข้า แต่ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรเพื่อนสาวที่ไม่ชอบคนท้าทายนั้นก็ตรงดิ่งออกไปจากโต๊ะแล้วตรงไปยังผู้ชายคนดังกล่าว
เสียงฮือฮาดังขึ้นพร้อมกับการยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายภาพและวิดีโอรัว
ๆ ทุกคนที่อยู่ที่โต๊ะต่างเบิกตาโพลงอย่างตกใจ ฉันเองก็เช่นกัน...
แต่เหตุผลของฉันมันมากกว่านั้น
แม้แสงไฟจะสลัวและมืดมากก็ตามทีแต่ฉันกลับจดจำผู้ชายคนที่ยัยเกลเข้าไปจูบได้อย่างชัดเจน
‘พี่ก้อง’ พี่ชายที่อายุห่างจากฉันสามปีกำลังยืนนิ่งงันให้ยัยเกลจูบอยู่
“พี่ก้อง...”
ฉันพึมพำออกมาคนเดียวก่อนจะรีบก้มหน้ามุดตัวลงเพราะกลัวว่าเขาจะเห็นเข้า
แย่แล้ว
พี่ก้องมาที่นี่ได้ยังไง ถ้าเขาเห็นว่าฉันอยู่ที่นี่ฉันต้องโดนดุแน่ ๆ เลย
ฉันมางานวันเกิดของมิเกลได้เพราะได้คุณแม่ช่วยหรอกนะ
ท่านรับปากว่าจะปิดเป็นความลับไม่ให้พี่ก้องรู้อย่างเด็ดขาด
แย่แล้ว
ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ
เนื่องจากทุกคนกำลังดูสนอกสนใจมิเกลเป็นอย่างมากฉันเลยถือโอกาสให้ไปบอกกับ
‘ชาช่า’ เพื่อนสาวของเธอ
“นับกลับก่อนนะ
พอดีแม่โทรตามแล้ว” ฉันกล่าวอ้างออกไปเพราะไม่อยากให้เพื่อนเซ้าซี้มาก
“อ้าว
กลับไง” ชาช่าหันมาถามพลางหันไปมองมิเกลที่กำลังเดินกลับมาทางนี้พอดี “แล้วนี่ไปมุดอะไรอยู่ตรงนั้น”
“กะ
ก้มเก็บของนิดหน่อย” ฉันแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ “เอาเป็นว่าฝากบอกเกลด้วยนะว่ากลับก่อน
ไว้ค่อยคุยกัน”
ฉันบอกแค่นั้นก่อนจะค่อย
ๆ มุดออกไปจากโต๊ะแล้วรีบหันหลังเดินออกจากผับอย่างรวดเร็ว
ไม่เห็นหรอกเนอะ
พี่ก้องไม่เห็นหรอก เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันมาอยู่ที่นี่
ตึง!
ขณะที่ก้มหน้าก้มตารีบเดินออกมาฉันก็ชนเข้ากับร่างสูงของใครสักคนที่ยืนอยู่แถวด้านหน้าทางเข้าพอดี
“อ๊ะ
ขอโทษค่ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นบอกไป
“เห้ย
เดินยังไงวะมาชนคนอื่นเนี่ย” แต่ผู้ชายคนตรงหน้ากลับดูไม่ยอมให้อภัยกันง่าย ๆ
“ขอโทษค่ะ
ขอโทษจริง ๆ พอดีไม่ทันมอง”
ฮือ...น่ากลัวจังเลย
ตัวก็สูงแถมยังดูไม่เป็นมิตรอีกต่างหาก
อีกฝ่ายจ้องมองฉันด้วยสายตาโกรธจัดแต่ไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาแวววาวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“เฮ้ย
น่ารักว่ะ” เสียงผู้ชายอีกคนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น
“เออ”
เขาหันไปตอบเพื่อนก่อนจะหันมาทางฉัน “จะไปไหนหรอครับ”
น้ำเสียงที่ถามมานั้นเปลี่ยนไปในทันที
“จะกลับแล้วค่ะ
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เดินไม่ทันระวัง” ฉันบอกด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
ทั้งกลัวคนตรงหน้าแถมยังกลัวว่าพี่ชายจะผ่านมาแถวนี้อีก
“เดี๋ยวสิ
ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะยกโทษให้”
เขาเดินมาขวางทางฉันอย่างแสดงออกชัดเจนว่าต้องการจะรั้งเอาไว้
ฉันทำหน้าเอ๋อไปชั่วขณะเพราะไม่รู้จะตอบพวกเขาไปยังไงดี
“ขอตัวก่อนค่ะ”
แต่ถึงจะไม่ยกโทษให้ฉันก็ไม่อยากจะอยู่ขอโทษอีกหรอกนะ
รู้แล้วล่ะว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือแบบไหน
“เดี๋ยวสิครับ”
เขาคนนี้ดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยฉันไปง่าย ๆ “ไม่อยู่คุยกันหน่อยหรอ
เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันนะ”
หมับ!
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็ยื่นมือมาจับข้อมือของฉันเอาไว้ราวกับกลัวว่าฉันจะหนีไป
มิหนำซ้ำเพื่อนของเขาก็เดินมาดักทางด้วย
ฮือ...ไม่เอานะ
ฉันมองไปรอบ
ๆ เพื่อหาคนช่วยแต่ตรงนี้แทบไม่มีคนเลยนอกจากการ์ดที่อยู่ตรงด้านหน้าเท่านั้น
“พี่...อื้อ...”
ขณะที่ฉันกำลังจะตะโกนเรียกการ์ดคนดังกล่าวก็ถูกฝ่ามือของอีกคนเอื้อมมาปิดปากฉันเอาไว้
นะ...น่ากลัวเกินไปแล้ว
นี่มันคุกคามกันชัด ๆ
“อย่าเสียงดังน่า
ดูจากท่าทางคงอายุไม่ถึงล่ะสิ ไม่กลัวว่าการ์ดเขาจะจับได้หรอ”
เขาก้มหน้าลงข่มขู่ฉัน
ใช่
ฉันอายุยังไม่ถึง แต่ด้วยเส้นสายของมิเกลมันก็ทำให้ฉันเข้ามาที่นี่ได้อย่างสบายเลยล่ะ
แต่ว่าตอนนี้...
ฟึ่บ!
ฉันพยายามสะบัดพวกเขาออกแต่ทำยังไงก็ไม่ยอมหลุดสักที
“มึง
เอาไปที่อื่น เร็ว”
พอเห็นว่าฉันจะไม่ยอมพวกเขาก็ตั้งใจจะฉุดกระชากลากถูฉันออกไปจากตรงนี้
ไม่นะ!
หน้าตาก็ดีแต่ทำไมถึงดูน่ากลัวกันแบบนี้
“อื้อ!”
ฉันดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อให้ออกจากการเกาะกุมของพวกเขา
แต่ดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดสักที
ตอนแรกฉันอยากจะหลบหนีพี่ก้องแต่ตอนนี้ในใจก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเดินผ่านมาตรงนี้บ้างแล้วล่ะ
ฉันยอมโดนเขาดุดีกว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้
“ทำไรวะ!”
แต่แล้วจู่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
พวกเขาทั้งสามหยุดการกระทำอันแสนป่าเถื่อนกับฉันไว้แต่ก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี
ฉันเพ่งมองใบหน้าของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยความคาดหวัง
ช่วยฉันด้วย ฉันนับดาวคนนี้ด้วย
“หลีกไป
เกะกะ”
แต่เขากลับเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นแล้วเตรียมจะเดินเข้าไปในผับอย่างไม่แยแสฉันที่มองด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
“อื้อ!”
พอเขาจะเดินผ่านฉันก็ดิ้นสุดแรงก่อนจะอ้าปากกัดไอ้คนใจร้ายจนเขาร้องออกมา
“โอ๊ย!”
เขาสะบัดมือออกและพวกที่เหลือก่อนหน้านี้ก็เผลอคลายมือออกจากฉันจนฉันดิ้นหลุดมาได้
พอหลุดออกมาฉันก็วิ่งไปหลบหลังของคนมาเยือนใหม่ทันที
เขาเห็นท่าทีของฉันก็นิ่งงันอย่างตกใจ
“ช่วยด้วยค่ะ”
ฉันร้องขอความช่วยเหลือพลางจับเสื้อของเขาไว้แน่น
“อย่าโกรธพี่เลยนะ
มีอะไรเราก็ค่อย ๆ คุยกันก็ได้” ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนท่าทีทันที
พวกเขาต้องการทำให้คนคนนี้รู้ว่าเรื่องเมื่อกี้เป็นการทะเลาะกันของคู่แฟนสินะ
“ไม่ใช่นะคะ
ฉันไม่รู้จักเขา” ฉันบอกเสียงอู้อี้ด้วยอารสั่นกลัว “ช่วยด้วยค่ะ”
คนที่ถูกฉันหลบอยู่ด้านหลังยังไม่ยอมพูดอะไร
ทำเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นจนฉันก็เริ่มกังวล
ฟึ่บ!
สุดท้ายเขาก็หมุนตัวกลับมาทางฉัน
“เดี๋ยวไปส่ง”
เขาพูดสั้น ๆ แต่เสียงนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาทันที
“เฮ้ย
อย่ายุ่งดิวะ” พอเขาทำทีจะช่วยเหลือง่ายตรงข้ามก็ดูไม่พอใจขึ้นมา “เรื่องของ...”
“มึงอย่า”
แต่เขากลับโดนเพื่อนอีกคนห้ามเอาไว้ราวกับกลัวคนที่กำลังจะช่วยเหลือฉันมาก
“มีอะไร”
ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ข้างฉันจะเริ่มโกรธขึ้นมาซะแล้วสิ “ข้องใจอะไรไม่ทราบ”
“...”
“มีอะไรก็พูด
ไม่ชอบให้มาเรียกแล้วเงียบ” เขาดูหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัดเลย
“...”
“หรือมึงจะเอา”
ท่าทางหาเรื่องของเขานั้นดูน่ากลัวขึ้นมาทันตา
อีกฝ่ายดูเหมือนทั้งตกใจและกลัวเป็นอย่างมากจนไม่มีใครกล้าโต้ตอบเขาสักคน
เห็นแบบนี้แล้วฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีที่คนเดินผ่านตรงนี้เป็นเขา
ไม่อย่างนั้นคงแย่แน่ ๆ เลย
เมื่อไม่มีท่าทีว่าใครจะห้ามอีกเขาจึงพาฉันเดินออกมายังด้านหน้าผับ
ฉันไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมองคนด้านหลังเพราะไม่อยากจดจำแม้กระทั่งใบหน้าของคนพวกนั้น
“ขอบคุณนะคะ”
ฉันยกมือไหว้เพราะดูท่าแล้วน่าจะอายุมากกว่าฉัน
“กลับยังไง”
เขาถามกลับมาโดยไม่ได้สนใจคำขอบคุณของฉันเลยแม้แต่น้อย
“แท็กซี่ค่ะ”
“งั้นก็เรียก
จะรอเป็นเพื่อน” เขาบอกด้วยเสียงห้วนสั้น
“ขะ...ขอบคุณค่ะ”
ฉันรีบกดโทรศัพท์โทรเรียกแท็กซี่ทันทีด้วยความตื่นเต้น
พอเรียกแท็กซี่เสร็จเราก็เงียบด้วยกันทั้งคู่
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่นขณะที่ยืนรอเป็นเพื่อนฉัน
ส่วนมืออีกข้างฉันก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาถืออะไรบางอย่างมาด้วย ดูคล้าย ๆ
กล่องใส่เค้ก คงจะมางานวันเกิดของใครสักคน
ร่างสูงตรงหน้าทำให้ฉันหยุดมองเขาด้วยความรู้สึกชื่นชมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรของเขาไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกประทับใจเท่ากับการช่วยเหลือของเขาในวันนี้
เขามีน้ำใจยอมช่วยเหลือแถมยังออกมาส่งถึงหน้าผับ ไหนจะรออยู่เป็นเพื่อนอีก นิสัยดีผิดกับการพูดห้วน
ๆ ด้วยน้ำเสียงกระชากนั้นลิบลับเลย
ฮือ...นี่มันพระเอกซีรีส์ที่ฉันดูชัด
ๆ เลย ดูอบอุ่นและพึ่งพาได้ในเวลาที่ยากลำบาก
“ขอบคุณนะคะที่อยู่เป็นเพื่อน”
“ใกล้มาถึงหรือยัง”
เขาไม่ตอบแต่ถามกลับมาอย่างรีบร้อน
“อีก 15
นาทีค่ะ”
“อือ”
เขาตอบกลับแค่นั้นแหละ
ดูเย็นชาจังเลยนะ
แต่ถึงยังไงเมื่อกี้เขาก็ทำให้ฉันได้รับรู้แล้วว่าเขาอบอุ่นขนาดไหน
“จะเอาเรื่องไหม”
จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมาโดยไม่ได้ละสายตาจากจอโทรศัพท์เลย
“หมายถึง...”
“เรื่องวันนี้
เธอจะเอาเรื่องหรือเปล่า”
“คิดว่าไม่ค่ะ”
ฉันบอกไปเพราะกลัวว่าถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมาฉันต้องโดนพี่ก้องดุแน่ ๆ
ไหนจะคุณแม่ที่จะต้องรู้สึกผิดที่ช่วยเหลือฉันให้มาที่นี่ในวันนี้
“ตามใจ”
เขาไม่ได้เซ้าซี้อะไรจากฉันต่อนั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกประทับใจขึ้นไปอีก
คนที่ไม่คาดคั้นที่จะรู้ต่อและไม่ถามหาเหตุผลเป็นคนที่ฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด
“เอ่อ...”
“กำลังยุ่ง”
ฉันที่กำลังจะเปิดปากถามถูกขัดขึ้นมาซะก่อน
เป็นการบอกอีกฝ่ายให้เงียบด้วยท่าทางที่สงบนิ่งแบบนี้โดยที่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกดุเลยสักนิด
อ่า...เขากำลังยุ่งอยู่สินะ
ฉันไม่ควรพูดอะไรมากไปกว่านี้ เห็นแบบนี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วล่ะ
ฉันปิดปากเงียบทันทีก่อนจะยืนรอแท็กซี่เงียบ
ๆ สลับกับมองเขาไปด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาดที่กำลังก่อตัวขึ้น
สิ่งนี้มันเรียกว่าตกหลุมรักได้ไหมนะ
รักแรกพบอะ รักแรกพบที่ฉันมักจะพบเห็นในซีรีส์อยู่บ่อย ๆ มันเป็นแบบนี้หรือเปล่า
ในการเปิดเรื่องของซีรีส์พระเอกมักจะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยนางเอกที่ตกอยู่ในช่วงเวลาคับขันเสมอ
มันเป็นจะเป็นแบบนั้นได้หรือเปล่านะ
ดูเหมือนว่าฉันจะประทับใจจนคิดว่าได้หลงรักใครสักคนเข้าให้แล้ว
------------------------------------------------
- (ทอล์ก 100%)
บทนำสั้นหน่อยนะคะ เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เบย ฝากติดตามกันด้วยน้าาา
- (ทอล์ก 40%)
มีคนมาช่วยน้อนแล้ววววว
- (ทอล์ก 20%)
มาอัปแล้วค่าาาา น้องนับดาวผู้แสนนุ่มนิ่มของมิเกลลลล
เรื่องนี้เป็นเซตคู่กับน้องรีนิว Silver Clover นะคะ อ่านแยกได้แต่แนะนำให้อ่านด้วยกันทั้งสองเล่มเพื่อเพิ่มอรรถรสค้าบ กดจิ้มลิงก์นิยายของหน่องนิวไปได้ลยค่าาา
SET MY LIGHT | หลงใหล ได้รัก BY Silver Clover
ความคิดเห็น