ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [All Story] Coffee Love ... ?

    ลำดับตอนที่ #18 : Valentine's Day [Who do you chooes ?]

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 56








    [จุ ดเ ริ่ ม ต้ น ทั้ ง ห ม ด มั น ก็ เ ริ่ ม ที่ นี่ แ ห ล ะ]


    วันนี้เป็นวันธรมมดาแค่วันหนึ่งเท่านั้น เป็นวันแรกในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงพวกเราจึงจัดงานแสดงละครธรรมดาในโบสถ์เป็นการเฉลิมฉลองของวันเริ่มต้นอฤดูใหม่ ฉันคิดว่ามันเป็นการดีนะสำหรับใครๆที่จะมีความรักในเวลานี้ ใบไม้สีเขียวชอุ่มทั้งหลายเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนพร้อมร่วงลงชวนโรแมนติก ฉันเองก็อยากได้นะ ....

    "บีลีฟ !!! งานนี้เราต้องแสดงละครชีวิตด้วยล่ะ"

    ขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆมิสชงก็วิ่งเข้ามาพูดเสียงดังพร้อมทำหน้าชวนเพ้อฝันจนฉันเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน ... จากนั้นเลียฟจึงเดินตามมาสมทบก่อนที่จะว่าเบาๆ "เหมือนเดิม ... เราอยากให้เธอเป็นนางเอก"

    "ไม่เอาหรอก ... ฉันก็เป็นทุกปีคนดูน่ะอาจเบื่อแล้วก็ได้ ให้มอชเป็นเถอะ"
    ฉันว่ามันเป็นอะไรที่น่าเบื่อนะการเป็นตัวเอกของเรื่องน่ะ แค่เพราะฉันเป็นทุกปีก็อาจชินชากับมันไปแล้วก็ได้ แต่ยังไงซะมันก็น่าเบื่ออยู่ดี ฉันคิดขณะพ่นลมหายใจออกรุนแรง

    "ไม่ได้นะ! เพราะเราให้พี่ชายสุดหล่อแสดงเป็นพระเอกแล้วไง" มิสชงว่าพร้อมยิ้มออกมากว้าง ... กว้างซะจนน่าหมั่นไส้เอามาสับเป็นชิ้นให้เป็ดกิน!! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่ชายคนที่มิสชงพูดถึงเป็นใคร เขาคือบุคคลที่ฉันเกลียดขี้หน้าที่สุดในสามโลกไง!! เขาคือ[เอลริค] ไงล่ะ!!

    "จะบ้าเหรอ!! ฉันจะไม่แสดงคู่กับหมอนี่อีก!!"
    ฉันเค้นเสียงจากลำคอพ่นใส่มิสชงที่แอบยิ้มกรุ่มกริ่ม

    "ความจริงเธอก็อยากแสดงไม่ใช่เหรอ? ..." หนุ่มหัวส้มเดินมาทางด้านหลังฉันพร้อมกระซิบประโยคที่หายไป "กับพี่ชายคนนั้นน่ะ"

    เมื่อจบคำพูดฉันแทบจับมิสชงทุ่มไม่ทัน โชคดีของไอ่บ้าหัวส้มที่หลบทัน แต่ก็ยังโดนฝ่ามือพิฆาตของฉันอยู่ดี! จะบ้าเหรอใครจะยากไปแสดงกับหม่อนั้น!!! ต่อให้คนทั่งโลกคงไม่(ยกเว้นน้องสาวเค้านะ) รวมถึงฉันด้วย!!! ไอ่บ้ามิสชงพูดออกมาได้ไงเต็มปากเต็มคำกัน!

    "นี่ ... พวกเราจะต้องรีบทำงานนะ ... สรุปบีลีฟก็แสดงบทนั้นไปล่ะกัน ฉันไปล่ะ"

    เลียฟที่นิ่งอยู่นานรีบตัดบทพูดก่อนที่จะเกิดสงครามน้ำลายไปมากกว่านี้พร้อมลากมิสชงที่เอาแต่หัวเราะเป็นคนบ้าไปด้วย ... สรุปยังไงก็ต้องแสดงสินะ ฉันแสดงบทนี้มานานแล้วนะ!!! คนสวยๆคนอื่นก็มีทำไมต้องฉันล่ะ กำ เมื่อเห็นรอบตัวว่าไม่มีใคร ฉันจึงเดินออกไปหายูคาสเพื่อขอบทที่จะแสดง....

    ---------------------------------------------------------------------------------

    ."ถึงจะอย่างนั้น ... งืม .... ฉันก็แค่อยากบอกให้เธอรู้ อ่า... "

    ฉันพยายามท่องบทตัวสุดท้ายที่มันยากบัดซบอย่างปลงๆ ตอนนี้ใกล้แสดงแล้วแต่ฉันยังจำบทไม่ได้เลย บทนี้ดูเหมือนว่ามันจะยากกว่าทุกปีเลย ฮึย!!! ไม่ต้องถามหรอกว่าทำไมเป็นแบบนี้ ... มิสชงน่ะสิเล่นไปบอกพี่ยูคาสว่าบทฉันมันง่ายไปไม่ท้าท้ายก็เลย ... อย่างที่เห็นนั่นแหละนะ เลยเครียดระงม

    "ท่องบทไม่ง่ายรึไง?"
    ฉันเงยหน้าขึ้นจากบทละครพร้อมมองบุคคลที่ยืนอยู่ด้านหน้าฉัน เส้นผมสีแดงกับดวงตาสีเขียวมรกตนั้นทำให้ฉันแค่มองก็รู้ว่าใคร แต่น่าเสียดาย ... การมามันน่าจะประทับใจกว่านี้ถ้าไม่มีสายตาแสนน่าหมั่นไส้แบบนั้น มันทำให้ฉันเหมือนกับมองหน้ามิสชงไหงงั้นแหละ

    "ใช่มันไม่ง่าย .... นายล่ะ!? ไปท่องบทนายไป๊"
    ฉันว่าพร้อมทำมือไล่คนตรงหน้า

    เอลริคยิ้มพร้อมกุมมือฉันไว้เบาๆแล้วคุกเข่าลงจนน่าตกใจ ตัวฉันติดสตั้นไปชั่วขณะแต่ก็ยอมกุมมืออย่างโดยดี

    "โธ่มารีนเลีย .. ฉันน่ะรักเธอมากนะ"

    เอลริคท่องบทของตัวเองได้อย่างแม่ยำ แถมมองตาฉันเหมือนกับที่ต้องมองตากันหวานเยิ้มระคนเศร้า ฉันทนไม่ได้ที่จะต้องสบตาเขาแบบนั้น เพราะสายตาแบบนั้น ... มันไม่ใช่!!! ฉันกำลังกลัวสายตานั่นอยู่เหรอ!?

    "ยะ ... หยุดนะ!!!"

    ฉันว่าพร้อมผลักร่างของคนตรงหน้าออกก่อนที่จะวิ่งผ่านฝูงชนออกทางประตูด้านหลังม่านแสดงออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมหยุดลงที่หลังโบสถ์ ... หลังโบสถ์นี้คือสุสานไร้ญาติที่ว่าวิญญาณเฮี้ยนมากๆ หลายคนมักเจอมากับตัวแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น! ตอนนี้หัวใจฉันเต้นระรัวเหมือนแทบจะระเบิด

    "นะ ... นี่ฉันเป็นอะไรน่ะ!?"
    ฉันพูดกับตัวเองพร้อมกุมหัวใจที่เต้นระรัวอย่างไร้สาเหตุ ในหัวมึนอื้อเหมือนติดอะไรซักอย่าง ....

    'กา กา'

    เพราะยังรู้สึกหน่วงๆในใจเลยเลือกที่จะนั่งพักอยู่ที่ขอนไม้ใกล้ๆ เสียงกาที่บินผ่านไปเหมือนเป็นเครื่องบอกเวลา ตอนนี้ใกล้จะ 2.00 ทุ่มแล้ว การแสดงของฉันคือ 20.30 ซึ่งตอนนี้ฉันยังแทบจำบทไม่ได้ น่าปวดหัวจริงๆ ชุดกระโปรงยาวนี่มันน่ารำคาญจริงๆเลย ... แถมเป็นสีขาวด้วยนะ

    "ฮิคาริ! เธออยู่ที่นี่รึปะ ... อ่า ?"

    ฉันหันมองตามเสียงผู้มาใหม่อย่างงงๆ ฉันเคยเห็นหน้าเขามาก่อนแต่ก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกันว่าที่ไหน เขาหันมายิ้มอย่างเก้อๆเหมือนแก้เขินเล็กน้อยก่อนที่จะพูด

    "อ่า .. ขอโทษครับ คือ ผมมาตามหาน้องสาว"

    ฉันจึงพยักหน้าให้กับเขาเช่นกัน แต่ด้วยความบังเอิญหรือด้วยเหตุอะไรซักอย่างเราเลยเผลอสบตากันชั่วครู่ ฉันมองไม่เห็นอนาคตเขาหรอกนะ แต่ว่าการสบตากับเขาทำให้รู้สึกแปลกๆมากกว่า 

    "เธอมีอะไรกลุ้มใจรึป่าว ?"

    ทันทีที่เขาถาม ก็ันก็พาลกลับไปคิดเรื่องเอลริคอีกทำให้ส่ายหน้ารัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
    เขาก็แค่ยิ้มออกมาอย่างชวนขี้เล่น เป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อยู่เต็มเปี่ยมเล่ยล่ อ่า ...

    "ไม่จริงหรอก ... เรื่องการแสดงสินะ"

    ฉันมอหน้าเข้าอย่างเหวอซักพักก่อนที่จะยิ้มแหยๆพร้อมพยักหน้าออกมาแต่เข้ารู้เรื่องนี้ได้ไงล่ะ ?
    อีกครั้งที่เข้าทำเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไร เขาก็ส่ายหน้าประมาณไม่ต้องถามอะไรก่อนที่จะเดินเข้าใกล้ฉันเรื่อยๆ
    ขอบอกตามตรงว่าอยู่กับเขาแล้ว สบายใจกว่าอยู่กับเอลริคเยอะเลย ...

    "คะ ... คุณอาคิระคะ คะ ... คุณรู้ได้ไงคะ ? อ๊ะ!!!"

    ฉันตกใจเล็กน้อยกับมือของคนตรงหน้าที่เข้ามาโอบเอวฉันอย่างเฉยๆก่อนที่เขาจะเริ่มพูดบท

    "โธ่มารีนเลีย ฉันน่ะ ... รักเธอมากนะ"

    นั่นเป็นบทพูดของเอลริค ... แต่ว่าคราวนี้เหมือนฉันจะจำบทพูดตัวเองได้แตกต่างจากครั้งที่จะต้องพูดกับเอลริคลิบลับ อาคิระคนนี้มีบางอย่างที่อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นแตกต่างจากเอลริคมาก เอลริคเป็นนทีมีบรรยากาศน่ากลัวอยู่รอบตัวจนทำให้ใครหลายคนกลัว แตกต่างกัยจริงๆ ...

    "ไม่นะคะ ... ความรักของเราไม่มีทางเป็นจริงหรอก!"

    และหลังจากนั้นเราเองก็ต่างพูดบทกันจนเนินนานและแทบจะไม่รู้ตัวว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่ฉันรับรู้ได้ก็มีแค่ความอบอุ่นและความรู้สึกบางอย่างที่มันแผ่ซ่านอย่างแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนตอนที่ฉันเคยรู้สึกกับเอลริคแต่มันแตกต่างกันถึงจะมีความเหมือนแต่ยังไงก็แตกต่าง

    ฉันจึงเริ่มคิดอะไรเพลินๆอีกครั้งขณะท่องบท แต่แล้วก็ถูกขัดไว้ก่อน เพราะตอนจบของละครเรื่องนี้คือฉาก
    'จูบ'

    และเราทั้งคู่เองก็พูดมาจนถึงฉากจบแล้วด้วย คนร่างสูงตรงหน้าฉันจึงแค่ก้มลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากฉันเบาจนแทบไม่รู้สึก แต่ไม่รู้ทำไมร่างกายของฉันมันสั่งให้รับรสจูมนั่น เราทั้งคู่จึงเริ่มจูมกันนานขึ้นและเพิ่มทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ ก่อนที่เสียงระฆังจะดังขึ้นบอกเวลา '20.30'

    "อ๊ะ! ขอโทษ รีบไปเถอนี่ถึงเวลาแสดงแล้ว หวังว่าเธอจะจำบทได้นะ"

    ฉันหยักหน้ารับคำพูดนั่นก่อนที่จะใช้มือแตะริมฝีปากตัวเองอย่างหยุดไม่อยู่ จนตอนนี้ฉันยังรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุรอบริมฝีปากแต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาอะไรฉันจึงกล่าวลาเขาก่อนที่จะเดินเข้าประตูหลังไปที่หลังเวที

    "ขอโทษนะ ... เอลริค"




    [จบรูทบีลีฟ]

    ยังมีต่ออีกสองรูทนะเคอะเชิญรอชมเบย




    *อนึ่ง*

    #ฟิคนี้ไม่เกี่ยวกับประวัติออริหรือเรื่องราวแตกแยกใดๆทั้งสิ้น นี่คือความเวิ่นเว้อส่วนตัว สามรั่วเค้ายังรักกันดีค่ะ //ฮา


     
    `★APPLE PIE.`★APPLE PIE.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×