ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [All Story] Coffee Love ... ?

    ลำดับตอนที่ #16 : Valentine's Day [Cry]

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 56













    ความรักน่ะ ไม่มีแบ่งมากหรือน้อยหรอกนะคะ
    จะรักมาก หรือ รักน้อย
    มันก็คือความรักไม่ใช่เหรอคะ

     
    7.30


               เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นมากมายในเวลานี้ แต่ความเร่งรีบนี้ไม่มีผลแต่อย่างใดกับเด็กหนุ่มหัวแดงที่เดินอย่างเอื่อยเชื่อยเลย เขาก็แค่เก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋าสะพายอย่างไม่เร่งรีบจนหลายคนอาจตกใจกับความเฉื่อยชาแบบนี้ของเขาทั้งที่โรงเรียนมัธยมปรายของเขานั้นเคร่งเรื่องเวลาอย่างแรง

    "โลกนี้มันวุ่นวายจริง..." เขาบ่นกับตัวเองพร้อมเก็บอะไรต่อมิอะไรลงกระเป๋า ไม่สิ ... เรียกว่ายัดลงกระเป๋าดีกว่านะ  

               แต่แล้วก่อนที่เขาจะยกกระเป๋าเดินออกไปสายตาของเขาก็สดุดอยู่ที่'สิ่งของ'บางอย่างที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น มันคือเศษลูกโป่งแดงบนพื้อที่ไม่มีรายอะไรน่าสดุดตา

    "นี่มัน ... " เขาพูดกับตัวเองพร้อมก้มลงหยิบเศษลูกโป่งสีแดงสดเหมือนเส้นผมของเขา ถึงลูกโป่งอันนี้จะไม่มีอะไรน่าสนใจนักแต่สำหรับเขาอย่างน้อยมันก็เป็นสัญญาของเขากับเด็กหญิงคนนั้น 

     


                ชื่อของผมคือ'ลีออง' เป็นนักเรียนธรรมดาที่โรงเรียนเอกชนธรรมดาประจำประเทศ ชีวิตของผมนั้นมันช่างน่าเบื่อ ... ทั้งๆที่หลายคนมักมีความสุขกับชีวิตมัธยมปลายอย่างเต็มที่แต่สำหรับผม ผมแทบไม่ได้ต้องการอะไรจากสิ่งนี้เลย โลกนี้มันช่างน่าเบื่อทุกวัน โลกนี้มันก็เอาเปรียบกันเองหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง ห้ามทุกสิ่งอย่างที่เราจะได้ประโยชน์ ผม้ลยคิดอยากตาย ....

                แต่ทั้งที่ผมเคยฆ่าตัวเองหลายครั้งต่อหลายครั้ง ... แต่มันก็ไม่เคยจะสำเร็จเป็นผลสักครั้ง พ่อกับแม่ชอบบอกผมเสมอว่าถ้าผมตายพวกท่านจะเสียใจ เปล่าเลย! พวกท่านก็แค่กลัวที่จะเสียผลประโยชน์เท่านั้น ผมเคยได้ยินเสียงพ่อคุยโทรศัพท์ที่เอาแต่พนันว่าผมต้องได้อย่างนั้นอย่างงี้ มันน่าเบื่อมาก

    2 year befor 


                      วันนี้อากาศแจ่มใสเลยตัดสินใจเดินออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด ภายนอกนั้นมันน่าเบื่อกว่าที่คิด ผมเคยบอกรึยังนะ ... ว่าคนที่ผมเคยรักหรือ'เบิร์น'ที่เคยบอกไว้ ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติเนื้อเชื้อเดียวกันกับผม ... ความรักมันเลยจบแค่นี้

    "น่าเบื่อจัง ... " ผมว่าพร้อมเงยหน้ารับแสงอาทิตย์อ่อนๆและเอนตัวพิงพนักม้านั่งสีขาว

    "ฉันขอนั่งด้วยได้ไหม "  ... ? เด็กผู้หญิง ? ผมหันกลับมาสบตาสีน้ำตาลของเด็กสาวตรงหน้าที่ละม้ายคลายเส้นผมของเธอ เธอยิ้ม ... ละไมยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่รอยยิ้มแบบนี้ส่วนใหญ่มันชอบฉาบด้วยพิษร้าย เอาเป็นว่าเธอไม่น่าไว้ใจ ...

                    ผมไม่ตอบได้แต่เขยิบที่นั่งให้นั่งพอสำหรับอีกที่แล้วเปลี่ยนมานั่งท้าวคางแทนนั่งเอนตัว ร่างเล็กเดินเข้ามานั่งพร้อมแกว่งเท้าอย่างสบายใจในมือเจ้าหล่อนถือลูกโป่งหลากสี

     ... น่าอึดอัดเป็นที่สุด ...

    "กำลังรำคาญฉันอยู่เหรอ ? " สติผมถูกดึงกลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาของเด็กสาวข้างๆ ผมก็แค่ส่ายหน้าให้กับเธอ แต่ดวงตาเธอกลับดูเหมือนไม่เชื่อ ...

    "โกหก ไม่ยอมพูดนั่นแหละคือรำคาญนะ" เธอยิ้มบาง

    "..."

                    เราทั้งคู่ก็ต่างเงียบไปอีกสักพักตอนนี้เริ่มเย็นแล้วท้องฟ้าจึงเริ่มเปลี่ยนสี ไม่รู้ว่านั่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่รู้สึกว่ามันนานมาก แต่แตกต่างจากเมื่อก่อนเพราะการที่นั่งกับเด็กคนนี้มันทำให้สบายใจขึ้นงั้นเหรอ ?? ก่อนที่ความเงียบจะโดนทำลาย

    "นายเคยฟังเรื่องของลูกโป่งไหม ?? " เธอว่าพร้อมทอดมองไปยังลูกโป่งที่เธอถือ 
    ผมส่ายหน้า


    "ก็ลูกโป่งน่ะหมายถึงมนุษย์ที่อยากฆ่าตัวตายไงล่ะ ลูกโป่งน่ะเคยเป็นมนุษย์ที่เป็นคนเฮฮาและเป็นบุคคลที่น่าสำคัญแล้วน่านับถือมากแต่สุดท้ายเค้าสิ้นหวังในชีวิตแล้วฆ่าตัวตายในที่สุด ผู้คนจึงรู้สึดสลดใจมากจึงได้สร้างลูกโป่งขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ให้ทุกคนได้รื่นเริงและเฮฮาเหมือนตอนที่เขามีชีวิต แต่เพราะเขาอยากฆ่าตัวตายมาก ลูกโป่งจึงบางและแตกง่าอย่างที่เห็นไงล่ะ มันเลยทำให้ฉันระลึกเสมอว่าความตายไม่ใช่ทางหนีทุกสิ่ง" เด็กสาวผูดพร้อมยิ้มบาง ไม่รู้สิ ... เหมือนเรื่องเล่านี้เธอตั้งใจเล่าให้ผมเลย 

    "อะนี่ ฉันให้นะ " เธอว่าพร้อมยื่นลูกโป่งสีแดงสดให้ผม จึงรับมาอย่างงงๆ

    "ขอบคุณ .. "

    "ว้าว!! นายยอมพูดกับฉันแล้วนี่ ดีใจจัง " เธอว่าพร้อมฉีกยิ้มยิ่งกว่าเดิม ผมจึงลองทบทวนดูว่ตั้งแต่นั่งกับเธอมาก็เพิ่งพูดประโยคแรกกับเธอนี้เอง 

                   ร่างเล็กระโดดลงจากเก้าอี้พร้อมหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนที่จะบอกลา

    "ฉันไปก่อนนะ เย็นมากแล้ว บาย" เธอว่าพร้อมวิ่งออกไป ผมจึงมองเธอวิ่งออกไปจนสุดสายตา แต่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ... 'ยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย!!' แต่ก่อนที่เขาจะวิ่งตามออกไปสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ลูกโป่งสีแดงสดที่มีข้อความว่า


     
    'เก็บลูกโป่งไว้จนกว่าจะเจอกันนะ'





    หลังจากที่ทบทวนอะไรหลายอย่างผมจึงเดินลงมาที่ห้องควร
    "นี่นะๆ ... ที่โรงเรียนมอชบอกว่าจะมีนัเกรียนใหม่มา ... แถมบอกว่าอายุเท่ามอชเลยนะ!!! " ผมเดินเข้าห้องครัวมาอย่างเงียบงันโดยมีเสียงของรุ่นน้องผมมอชตาร์นั่งเจื้อแจ้วอยู่ที่โต๊ะอาหารโดยมีแม่(กำมะลอว์)ปิ่นนั่งฟังอยู่ และพวกฮิเมะ เอวา คิน อะไรที่นั่งอีกเยอะ และเมื่อแม่เห็นผมเลยทักขึ้น

    "อ้าวลีอองมาแล้วเหรอ ??? รีบไปเถอะเดี๋ยวไปโรงเรียนสาย มอชด้วยนะ " แม่ว่าพร้อมส่งกระเป็าให้มอช และลากพวกเราไปส่งที่โรงเรียน

                  โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนนานาชาติเลยมีคนมากหน้าหลายตา เราใช้เวลาไม่นานก็มาถึงแต่เพราะแม่ปิ่นมัวเม้าท์เรื่องกาแล็กซีวายอะไรเนี่ยแหละเราก็เลยไปโรงเรียนไปโดยปริยาย และเพราะงั้นผมเลยต้องไปส่งมอชเพื่อไม่ให้มอชโดนครูดุ

    A-4/1


    "ขอโทษนะคะที่มาสาย!!"มอชว่าพร้อมโค้งสุดตัว และเดินไปนั่งที่ผมเลยว่าจะปิดประตูแล้วเดินไปเรียนแต่ว่า ... นักเรียนใหม่ที่แนะนำตัวในห้องมอชกับหยุดผมไว้ก่อน ผมสีน้ำตาลช๊อคโกเข้าคู้กับดวงตา ผิวสีขาวเนียน กับร่างที่ดูตัวเล็ก ... !!!

     
    "สวัสดีค่ะ .. ฉันชื่อแอนน์ค่ะ แอนน์ กราเซียค่ะ "
                    
    +? Free theme mouse. naru
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×