ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กับดักรักกามเทพ

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่7 หมอจี๊ดซะอย่าง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 682
      35
      9 ธ.ค. 63

    บทที่7 หมอจี๊ดซะอย่าง

    ขณะที่ ‘แก็งกามเทพ’ ตัวช่วยของหนูน้อยยี่หวาพากันออกไปหาอาหารเย็นกินกันตัวกามเทพหมายเลข1กลับกำลังนั่งถือช้อนรอไข่เจียวฝีมือของน้าสาวอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม...น้าจี๊ดของเธอทำไข่เจียวอร่อยที่สุดเลย

    และอร่อยที่สุดแค่เมนูไข่ด้วย...เรื่องนี้อย่าบอกน้าจี๊ดเชียว

    “มาแล้ว ไข่เจียวไม่เจียวใจของน้าจี๊ด” 

    “เย้ ! จะได้กินแล้ว” หลานสาวของน้าจี๊ดร้องอย่างดีใจก่อนจะยกมือขึ้นขอบคุณน้าสาวตามมารยาทที่ได้รับการสั่งสอนมา “ขอบคุณค่ะน้าจี๊ด”

    “กินเยอะ ๆ ล่ะ น้าจี๊ดตั้งใจทำสุดฝีมือเพื่อหวาหวาเลยนะ”

    “ค่ะ หวาหวาจะกินให้หมดเลย”

    “แล้วไม่แบ่งปะป๊าเหรอ?” ยุทธการที่นั่งอยู่แต่เหมือนเป็นอากาศธาตุเมื่อสองน้าหลานอยู่ด้วยกันส่งเสียงขึ้น...เผื่อจะมีใครลืมว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยไม่ได้นั่งกันอยู่สองคน

    “ปะป๊าก็ต้องใช้ความสามารถแบ่งไปนะ ถ้าปะป๊าช้าหวาหวาก็ไม่รู้ด้วยนะคะ” 

    “แต่มือป๊าเจ็บนะ” ไม่พูดเปล่าพ่อผู้ต้องการเรียกร้องความสนใจจากลูกสาวยังโชว์มือที่เจ็บให้ลูกสาวดูด้วย “หวาหวาจะใจร้ายกับป๊าเหรอ?”

    “ค่ะ”

    “ถนัดสองมือไม่ใช่เหรอคะคุณยุทธการ พูดซะน่าสงสารเชียว ไปหลอกสาว ๆ เถอะหลานสาวฉันน่ะฉลาดเหมือนฉัน ไม่หลงกลหรอกย่ะ” นอกจากลูกสาวจะไม่เห็นใจแล้วยังโดนน้าของลูกรู้ทันอีกทำเอาคนอยากเรียกร้องความสนใจจากลูกได้แต่รู้สึกว่าตัวเองหัวเน่า

    ใช่...เขาถนัดสองมือเพราะตอนเด็ก ๆ อยากจะเจ๋งกว่าคนแถวนี้ถึงได้ฝึกใช้สองมือจนชำนาญ ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายแล้วการถนัดสองมือมันจะทำให้เขาตกม้าตายแบบนี้

    จิรัชยายิ้มเยาะ บุคลิกของยุทธการค่อนข้างนิ่ง ใครก็คิดว่าเป็นคนสุขุม นิ่ง และเงียบขรึม และก็ดุ แต่ในมาดของคุณพ่อนายคนนี้ก็แค่พ่อที่ชอบเรียกร้องความสนใจจากลูกเท่านั้นล่ะ...แต่เธอเรียกร้องความสนใจจากหนูน้อยได้มากกว่าตลอดด้วยล่ะ ไม่อยากจะโม้

    “ปะป๊าลงมือสิ เดี๋ยวก็ไม่ได้กินจริง ๆ หรอก หวาหวาไวนะจะบอกให้” 

    “ปะป๊าก็ไวนะ แต่ปะป๊าไม่แย่งหวาหวาหรอกเดี๋ยวหมูน้อยแถวนี้จะร้องไห้ฟ้องน้า” 

    “ปะป๊าอะ หวาหวาไม่ใช่หมูน้อยนะ ไม่ได้อ้วน เนาะน้าจี๊ดเนาะ หวาหวาไม่ได้อ้วนใช่มั้ยคะ” ยัยหนูที่เป็นหมูน้อยแถวนี้ของผู้เป็นพ่อแย้งอย่างแสนงอนแล้วก็หันมาถามน้าสาว

    “ไม่หรอก หวาหวาแค่สมบูรณ์เท่านั้น” 

    “น้าจี๊ดอะ” 

    “หึหึ” 

    “เค้าจะโป้งปะป๊ากับน้าจี๊ดแล้ว” หนูน้อยเอ่ยอย่างแสนงอนก่อนจะหยิบจานไข่เจียวมาไว้ข้างตัว...เธอจะไม่ให้ปะป๊ากับน้าสาวกินหรอก กล้ามาว่าเธอเป็นหมู ชิ

    “ไม่เป็นไรไข่ไก่มีเยอะ น้าจี๊ดทอดใหม่ได้ ไม่ง้อหมูน้อยหรอก” 

    “ชิ” 

    “หึหึ ปะป๊าก็ไม่ง้อนะ กับข้าวเมื่อบ่ายก็มี” นอกจากน้าสาวไม่ง้อแล้วคนเป็นพ่อก็ไม่ง้อด้วยทำเอาหนูน้อยงอนหนักจนแก้มป่องเรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ทั้งสองได้อย่างดีข้าวเย็นมื้อนี้อาจจะแปลกไปจากทุกวันแต่ก็นับว่าเป็นมื้อที่ราบรื่นไม่น้อย แม้ว่าจะงอนที่ถูกเรียกหมูน้อยบ้างล่ะ เด็กสมบูรณ์บ้างล่ะแต่พอมองบรรยากาศแล้วหนูน้อยก็รู้สึกว่าไปได้สวยทีเดียวสำหรับแผนการของเธอและแก็งกามเทพ

    นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่จิรัชยาได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับยุทธการใครมาเห็นคงมองเป็นเรื่องมหัศจรรย์ก็ว่าได้ แม้แต่ตัวจิรัชยาเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน แม้ว่าหลายปีมานี้เธอจะทุ่มเทดูแลเด็กหญิงจิรัญญาราวกับลูกตามคำสั่งเสียสุดท้ายของพี่สาวแต่ก็ไม่เคยเลยที่จะได้ร่วมโต๊ะกินข้าวกับพ่อของหลาน ที่ผ่านมาถ้าไม่ใช่เธอพาหลานไปหาอะไรกินข้างนอกหรือเธอทำให้กินที่บ้านของเธอก็เป็นการพาไปนั่งกินข้าวกับหนูน้อยพระพายและหนุ่มน้อยนาวี และทุกครั้งแน่นอนว่าเป็นเวลาที่ยุทธการมีภารกิจหรือมีธุระทั้งนั้นเธอถึงจะขโมยลูกของจอมหวงลูกมาเล่นด้วยได้

    จำใจร่วมโต๊ะกับอีกฝ่ายครั้งล่าสุดเมื่อไหร่กันนะ...วันแต่งงานของพี่สาวกับอีกฝ่ายเหรอ?...ไม่หรอก ตอนนั้นเธอโกรธพี่สาวมากที่ยอมตกลงแต่งงานกับอีกฝ่ายจึงได้หนีไปทำงานไกลเป็นปี 

    แล้วมันตอนไหนกันนะมันเหมือนกับนานแต่ไม่นาน...ทำไมคิดไม่ออก

    “โอะ”

    “น้าจี๊ดเป็นอะไร?” เสียงอุทานของน้าสาวทำให้คนงอนต้องหันมอง เช่นเดียวกับยุทธการที่มีปฏิกิริยาไวจนน่าประหลาด คนที่ส่งเสียงอุทานกำลังยกมือกุมขมับด้วยความเจ็บปวดก่อนจะรีบเอาลงเมื่อหลานสาวมีหน้าตาตื่น

    เป็นแบบนี้อีกแล้ว...เธอปวดหัวเวลาที่พยายามคิดถึงเรื่องบางเรื่องที่เกี่ยวกับยุทธการอีกแล้ว

    “น้าจี๊ด”

    “โอเค น้าจี๊ดโอเค ไม่ได้เป็นอะไร” 

    “ไม่จริงอะ น้าจี๊ดเป็น ยกมือกุมหัวด้วยหวาหวาเห็น” คนเป็นหลานแย้งพร้อมกับหันไปหาแนวร่วม “เนาะปะป๊า ปะป๊าก็เห็นใช่มั้ยคะ?”

    “ใช่ ฉันก็เห็นว่ายกมือกุมหัว ไม่สบายรึเปล่า?”

    “เปล่า หมอจะป่วยได้ไง อย่างฉันน่ะไม่มีทางป่วยหรอกขอบอก”

    “ป.1ติดไข้จากพิมพ์เดือน นอนเดี้ยงอยู่2อาทิตย์ เทอม2ติดหวัดจากบะหมี่ น้ำมูกเยิ่มอยู่1อาทิตย์ ป.2ตากฝนนิดหน่อยก็...”

    “พอ ๆ ไม่ต้องเท้าความไปขนาดนั้นเดี๋ยวหวาหวาก็คิดว่าฉันขี้โรคกันพอดี” เจอคนจริงเข้าไปจิรัชยาต้องรีบเบรค เนี่ยล่ะ ต้องมาเกี่ยวข้องกับคนที่เห็นกันมาแต่เด็กก็แย่ตรงนี้ล่ะ ไอ้ตรงที่เรื่องอะไรก็รู้หมดนี่ล่ะ...แล้วก็จำได้หมดซะด้วย จำได้ดีกว่าเธอซะอีก

    “แล้วตกลงเป็นอะไร?”

    “ก็...” หญิงสาวเว้นคำพูดก่อนจะเอ่ยไม่เต็มเสียเท่าไหร่นัก “ปวดหัวนิดหน่อย พยายามนึกบางเรื่อง แต่มันนึกไม่ออก”

    “ตอนอยู่ม.6เธอถูกรถชน สมองกระทบกระเทือน หญิงบอกฉันว่าเธอเสียความทรงจำช่วงเวลานึงไป มันก็ไม่แปลกหรอกที่เธอจะจำไม่ได้”

    “ก็ใช่ แต่นี่มันผ่านมาเป็น10ปีแล้วไง แต่ฉันยังจำอะไรไม่ได้เลย มันแปลกนะ” หญิงสาวแย้ง ใช่แล้ว...สิบกว่าปีก่อนเธอเกิดอุบัติเหตุรถชน นอนโรงพยาบาลตั้งนานและความทรงจำช่วงก่อนหน้านั้นก็หายไปนับปี ใช่ เธอจำได้แค่ว่าช่วงเวลาก่อนวันวาเลนไทน์ตอนม.5ไม่กี่วันหลังจากนั้นเธอก็ลืมหมดเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง  ความทรงจำในช่วง1ปีกว่า ๆ ของเธอหายไป

    แต่นี่ก็ผ่านมานานแล้วทำไมเธอยังจำไม่ได้อีกนะ...ความทรงจำนั้นมันน่าจะกลับมาตั้งนานแล้วนะ

    “เพราะเธอสมองไม่ดีไง”

    “ปากเสีย” 

    “ใช่ปะป๊าน่ะพูดไม่ดีเลย ปะป๊าควรจะสันนิษฐานที่มันดูสมเหตุสมผลสิคะ” หนูน้อยจิรัญญาแทรกขึ้น

    “ป๊าต้องทำ?”

    “ต้องค่ะ บางทีความคิดเห็นของปะป๊าอาจช่วยให้น้าจี๊ดไม่ปวดหัวก็ได้ ถือว่าช่วยหวาหวาได้ด้วย ปะป๊าต้องพูด” 

    “อะก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยแล้วก็ยักไหล่ “ฉันคิดว่าที่เธอคิดไม่ออกก็เพราะเธอรื้นฟื้นความทรงจำไม่ถูกคน ช่วงนั้นเธออาจจะมีความทรงจำดี ๆ กับใครสักคนแต่หลังจากความจำเสื่อมก็ไม่มีอะไรมากระตุ้นเพราะคนนั้นอาจจะอยู่ไกล หรืออะไรสักอย่าง ความทรงจำของเธอเลยไม่ได้รับการกระตุ้น เธอเลยเป็นยัยสมองไม่ดีแบบทุกวันนี้ไง”

    “ถ้าเป็นอย่างที่ปะป๊าคิดน้าจี๊ดก็ต้องหาใครคนนั้นให้เจอจะได้รื้อฟื้นความทรงจำได้ แล้วใครคนนั้นเป็นใครอะ?”

    “นั่นสิ เป็นใคร”

    “นั่นคือสิ่งที่เธอต้องหาคำตอบ” ยุทธการพูดแล้วก็เลื่อนจานมาตรงหน้าหญิงสาว “โบราณว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ถ้าเธอคิดจะอยู่บ้านนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เฉย ๆ ล้างจานด้วยนะจี๊ดจ๋า ยักษ์ยกหน้านี้ให้จี๊ด”

    “หะ ให้ฉันล้างจาน”

    “ก็นี่บ้านฉัน ไม่ใช่บ้านเธอ ในเมื่อเธอบอกว่าจะอยู่ช่วยหวาหวาเธอก็ต้องล้างจ้าน และเป็นแม่บ้านชั่วคราวหรือไม่ก็...” ชายหนุ่มลากเสียงยาวก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาและกดๆ จิ้ม ๆ ยื่นให้ “จ่ายค่าเช่ามา รวมค่าน้ำค่าไฟ ค่าซื้อกับข้าวเผื่อแล้วก็ประมาณนี้ล่ะ”

    “ไอ้...” เห็นตัวเลขที่ชายหนุ่มคิดมาแล้วจิรัชยาก็พูดไม่ออกได้แต่ชี้หน้าชายหนุ่มอย่างทำอะไรไม่ได้

    “ตกลงยังไง จะเป็นแม่บ้านชั่วคราวหรือจะจ่าย”

    “อย่าคิดว่านายจะได้เงินฉันหรือทำให้ฉันเปลี่ยนใจเห็นแก่ตัวเองจนปล่อยให้หลานเผชิญชะตากรรมร้าย ๆ เลยไอ้ยักษ์วัดแจ้ง แค่ล้างจานทำความสะอาดบ้านแค่นี้หมอจี๊ดซะอย่าง สบาย ๆ อยู่แล้ว” 

    “ฉันจะคอยดูว่าสบายจริงมั้ย?” ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ลุกออกจากห้องครัวไปทันที

    “น้าจี๊ดต้องสู้เพื่อหวาหวานะ สู้ ๆ”

    “หวาหวาไม่ต้องห่วง เพื่อหวาหวาน้าจี๊ดทำได้อยู่แล้ว” คติรักหลานยิ่งชีพของจิรัชยาไม่ใช่แค่คำพูดเล่น ๆ แต่เธอรักและพร้อมจะทำเพื่อหนูน้อยจริง ๆ และพร้อมจะทำทุกอย่างที่หนูน้อยต้องการทว่าหญิงสาวกลับไม่รู้ตัวเลยว่าเธอได้ติดกับดักเข้าแล้วและกับดักที่เธอเผลอไปติดก็ไม่ได้มีคนวางไว้แค่คนเดียวด้วย...กว่าจะรู้ตัวเธอก็คงหนีไม่พ้นเสียแล้ว

     

    แฮะ ๆ ไม่สบายอีกแล้ว หายบ่อยหายเก่ง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนค่ะ ไรต์ก็เลยไม่สบายไปตามระเบียบ ช่วงนี้บางพื้นที่อากาศหนาวสลับร้อน ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจากไรต์เวคร่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×