ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กับดักรักกามเทพ

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่14 ให้ปะป๊าไปส่งดีมั้ยคะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 520
      31
      8 ม.ค. 64

    บทที่14 ให้ปะป๊าไปส่งดีมั้ยคะ

    นัยน์ตาคู่หวานเสหลุบมองข้าวไข่เจียวในจานทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่ล่ำสันของยุทธการก้าวลงบันไดมาเงียบ ๆ เธอไม่อยากมองยุทธการเพราะไม่รู้ว่าควรจะโฟกัสที่เรื่องไหน เรื่องที่ตัวเองใจเต้นแรงแล้วกลัวเขาจับได้ หรือเรื่องที่โดนแกล้งให้เสื้อผ้าเปื้อนเหงื่อ เธอควรทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า...?

    “ปะป๊าขา” เด็กหญิงจิรัญญาเห็นปะป๊าสุดหล่อของตัวเองแล้ว แม่หนูน้อยรีบส่งเสียงเรียกและลุกไปหาในทันทีราวกับมีเรื่องสำคัญจะต้องพูด 

    “อะไรคะหวาหวา หนูมีอะไรรึเปล่า?”

    “วันหยุดที่จะถึงนี้หวาหวาจะพาน้ำอิงเพื่อนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ไปเที่ยวค่ะ ปะป๊ามีธุระอะไรรึเปล่าคะ?” สาวน้อยบอกจุดประสงค์ทันทีที่เดินจูงมือคนเป็นพ่อมานั่งที่โต๊ะอาหารได้ “หวาหวาจะไปกับน้าจี๊ดแล้วก็หนูพายกับนาวี แต่ถ้าปะป๊าไปด้วยจะดีมากเลยค่ะ”

    “ปะป๊ามีงานซะด้วยสิ” นายทหารหนุ่มบอกลูกสาวก่อนจะได้เห็นใบหน้าผิดหวังของแม่หนูจิรัญญาเป็นการตอบกลับ พ่อหม้ายหนุ่มยิ้มขำก่อนจะเอ่ยเรียกรอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าของลูกสาว “แต่ช่วงบ่ายปะป๊าว่าง ปะป๊าตามไปได้นะ”

    “จริงเหรอคะ?”

    “จริงสิคะ หวาหวาอยากให้ปะป๊าไปด้วย ปะป๊าจะเบี้ยวนัดได้ยังไง”

    “ปะป๊าของหวาหวาน่ารักที่สุดเลย” ไม่เพียงแค่ชมแม่หนูน้อยที่ดูจะตื่นเต้นกับการพาเพื่อนไปเที่ยวครั้งนี้ยังโผเข้ากอดและจุ๊บแก้มคนเป็นพ่อซะฟอดใหญ่ ใช่แล้วสาวน้อยกำลังตื่นเต้นเมื่อจินตนาการถึงทริปเที่ยวของเธอในช่วงบ่าย...มันจะต้องมีโมเมนต์ที่ปะป๊ากับน้าจี๊ดได้ใกล้ชิดกัน อะไรแบบนั้นล่ะ หึหึหึ

    “ดูดีใจแปลก ๆ นะเรา คิดพิเรนทร์อะไรรึเปล่า” คนเป็นน้าที่นั่งเงียบมาพักใหญ่แทรกถามทันทีที่เห็นว่าหลานสาวดูจะดีใจจนเกินไป ทั้งเมื่อครู่เธอยังเห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์แว่บ ๆ ซะด้วย...ดูเอาเถอะสงสัยอยู่ใกล้เจ้าแผนการอย่างนฤเมศร์และยุทธการมากไปถึงได้ดูเจ้าเล่ห์แบบนี้

    “เปล่าสักหน่อย หวาหวาไม่ได้คิดพิเรนทร์”

    “จ้าง20ก็ไม่เชื่อ” 

    “งั้นหวาหวาจะจ้าง50” ไม่เพียงพูดเปล่ามือน้อย ๆ ยังยื่นธนบัตรใบ50บาทที่เป็นค่าขนมของวันนี้ที่ได้จากผู้เป็นพ่อให้กับน้าสาว

    “หึ ไม่เชื่ออะ”

    “จ้างร้อยนึง เชื่อปะ”

    “ไหนเงินร้อย เห็นแต่มือเปล่า” น้าสาวผู้อยากแกล้งหลานถามพร้อมกับมองหาทำเอาหนูน้อยต้องรีบหันไปแบมือขอจากผู้เป็นพ่อทันที

    “ปะป๊าขา”

    “แหน่ะ ๆ จะจ้างน้าจี๊ดให้เชื่อน่ะใช้เงินตัวเองสิคะ”

    “ได้” หนูน้อยที่ถูกน้าสาวดักทางพูดก่อนจะลุกขึ้น “รอแป๊บ หวาหวาไปแคะกระปุกหมูก่อน”

    “ไม่ต้องขนาดนั้น” คุณน้ายังสาวเลิกเล่นในที่สุดเมื่อหลานสาวจะขึ้นไปหยิบกระปุกหมู  “น้าจี๊ดหยอกเล่น”

    “หึ ถ้าเอาจริงหวาหวาก็มีเงินจ้างนะบอกให้”

    “จ้า น้าจี๊ดรู้” หญิงสาวตอบโดยไม่คิดเถียง เป็นความจริงที่ว่าหนูน้อยมีเงินจ้าง เพราะความจริงแล้วแม่หนูยี่หวานั้นรู้จักอดออมมีเงินหยอดกระปุกอยู่ทุกวัน ตอนนี้ในกระปุกหมูก็มีเงินไม่ต่ำกว่าห้าพันบาททีเดียว ถ้าจะจ้างเธอให้เชื่อจริง ๆ ก็จ้างได้อยู่แล้ว

    ก็นอกจากเก็บออมค่าขนมที่เหลือแล้วยังมีที่ไถบรรดาพ่อ ๆ และน้าอาด้วยนี่น่า...เมื่อปีใหม่ปีที่แล้วเธอก็หยอดให้ไปตั้ง5ใบแหน่ะ

    แบงค์เทาซะด้วย...กับน้ายังไถขนาดนี้กับคนนอกจะอ้อนเขาเอาขนาดไหนล่ะคิดดูสิ

    “แต่ตอนนี้อย่าจ้างกันอยู่เลยลูก รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะสายนะคะ” ชายหนุ่มที่นั่งมองน้าหลานคุยกันมาสักพักบอกก่อนจะหยิบช้อนและซ้อมเพื่อลงมือจัดการกับข้าวไข่เจียวที่หอมยั่วใจ...แต่ไม่รู้คนเจียวจะตัวหอมมั้ยตอนที่เสื้อเปื้อนไปด้วยเหงื่อ

    คนมีคดีกลั่นแกล้งน้าสาวของลูกไว้ลอบยิ้มขบขันยามที่ได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกและแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บใจตอนที่เห็นเสื้อตัวเอง...จิรัชยาก็ยังคงน่าแกล้งเหมือนเดิม 

    เวลาต่อมา

    “นะ...นี่มันอะไรกัน?” เสียงตกใจของน้าสาวเรียกให้หลานสาวตัวน้อยที่กำลังจะขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ของผู้เป็นพ่อหันมาสนใจได้อย่างดี สาวน้อยรีบวิ่งมาหาน้าสาวทันทีก่อนจะเบิกตากว้าง

    “โอะ รถน้าจี๊ดยางแบน” 

    “ใครมันเจาะยางรถฉัน!!!” จิรัชยาแทบจะตะโกนให้ได้ยินกันไปทั่วทั้งฐานทัพเมื่อมองดูแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าโดนปล่อยลมยางอย่างแน่นอน

    “นั่นสิคะ ใครมันมือบอน อย่าให้หวาหวารู้นะ ถ้ารู้โดนดีแน่” หนูน้อยจิรัญญาแกล้งไม่พอใจเออออตามน้าสาวทั้งที่จริง ๆ แล้วก็พอรู้อยู่แล้วว่าใครทำ

    “ป๋าวาขา ปล่อยลมยางรถน้าจี๊ดให้หน่อยจิน้าจี๊ดจะได้ซ้อนท้ายปะป๊าไปทำงาน”

    “ไม่มีปัญหาครับหวาหวา ป๊ะป๋าสามารถ”

    “แล้วก็มาชวนหวาหวากับหนูพายไปโรงเรียนด้วยนะคะ”

    “แน่นอน ทุกอย่างจะสำเร็จตามที่หนูต้องการจ้ะหวาหวา”

    เสียงสนทนาผ่านโทรศัพท์ของตนและพ่ออีกคนลอยมาในหัวเป็นฉาก ๆ ก่อนที่หนูน้อยจะลอบยิ้มและเปลี่ยนสีหน้าเป็นครุ่นคิดเมื่อน้าสาวโวยวายเดินไปเดินมา

    “แล้วฉันจะไปทำงานยังไงเนี่ย” 

    “งั้น...ให้ปะป๊าไปส่งดีมั้ยคะ” ในที่สุดยัยหนูก็พูดขึ้นโดยแอบซ่อนรอยยิ้มไว้มิดชิด “ส่งฟรีไม่คิดตังค์ค่ะ”

    “ลูกทำอะไรไม่ถามพ่ออีกแล้ว” ชายหนุ่มผู้ถูกโยนหน้าที่มาให้ว่าแล้วก็ส่ายหน้า...

    “ทำเป็นพูด ยังไงปะป๊าก็ไม่ขัดอยู่แล้ว...ใช่มั้ยล่ะ”

    “แต่ปะป๊าต้องไปส่งหนูนะคะ ถ้าไปส่งหนูก่อนน้าจี๊ดก็จะสาย แต่ถ้าไปส่งน้าจี๊ดก่อนหนูก็จะสายเหมือนกัน อีกอย่างปะป๊าก็จะสายเหมือนกัน” ชายหนุ่มอธิบายอย่างมีเหตุมีผลแต่แล้วเสียงของใครคนนึงก็ดังขึ้น

    “จะไปยากอะไรล่ะวะ ให้หวาหวาไปกับฉันก็ได้ นี่ฉันก็กะจะมาชวนหวาหวาอยู่พอดี” ร่างสูงในชุดเครื่องแบบสีกากีเดินเข้ามาพร้อมกับหนูน้อยอีกสองคน แน่นอนว่าเขาคนนั้นก็คือนฤเมศร์และหนูน้อยพระพายกับนาวีนั่นเอง

    “วันนี้หนูพายจะไปโรงเรียนกับนาวีล่ะหวาหวาไปด้วยกันสิ” หนูน้อยพิมพ์รวีชักชวนด้วยใบหน้าออดอ้อน ทั้งที่ความจริงแล้วก็รู้กันอยู่แล้ว เด็กหญิงจิรัญญาตอบรับทันทีก่อนจะสั่งความผู้เป็นพ่อ

    “อือ ๆ หวาหวาจะไปด้วย ฝากปะป๊าไปส่งและรับน้าจี๊ดตอนเย็นด้วยนะคะ ต้องไปส่งและไปรับนะคะ ถ้าไม่ไปส่งและไปรับน้าจี๊ดหวาหวาจะงอนจริง ๆ ด้วย”

    “แต่...”

    “เอานาฉันดูแลหวาหวาให้เอง ไม่ต้องห่วง ไปกันดีกว่าเด็ก ๆ เดี๋ยวจะสาย” 

    “วาเดี๋ยวสิ นี่นายวา” จิรัชยาร้องตามทว่าไม่มีทีท่าว่าจะมีใครหันกลับมาก่อนจะถอนใจดูเอาสิ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้  “โธ่...จะให้ฉันไปกับนายนี่2คนได้ยังไงเนี่ย”

    “พูดอย่างนี้แสดงว่าไม่ไปกับฉัน?” 

    “ไม่ไปกับนายแล้วใครจะไปส่งฉันเล่า” 

    “ก็รีบมาสิ เดี๋ยวก็สายกันหมดหรอก” ชายหนุ่มพูดแล้วก็ยื่นหมวกกันน็อคส่งมาให้จิรัชยาจำใจรับมาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะขึ้นคร่อมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ลูกรักของยุทธการด้วยใบหน้าจำใจ...โชคดีที่วันนี้เธอใส่กางเกงมาราวกับมีลางสังหรณ์ว่ารถจะเสีย

    ออกจากบ้านพักของยุทธการได้ไม่นานจิรัชยาก็นึกสงสัยจนต้องถาม “นี่” 

    “อะไร?”

    “ถามจริง ที่รถฉันโดนเจาะยางเนี่ยฝีมือนายรึเปล่า?”

    “แล้วฉันจะไปทำแบบนั้นให้ต้องเดือดร้อนไปส่งทำไมหะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความหงุดหงิดราวกับว่าเธอพูดเรื่องไร้สาระ จิรัชยาย่นหน้าอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเอ่ยไปตามข้อสันนิษฐานของตน

    “ก็นายมันชอบแกล้งนี่ จริง ๆ แล้วนายอาจจะจงใจแกล้งให้ฉันไปทำงานไม่ทันแต่หวาหวาดันให้นายไปส่งฉันเลยผิดแผนก็ได้ ใครจะรู้”

    “เพ้อ”  เขาตอบกลับเพียงเท่านั้นก็บิดคันเร่งรถมอเตอร์ไซค์เพื่อเพิ่มความเร็วจากเดิมเนื่องจากออกจากเขตชุมชนมาแล้ว คนถูกหาว่าเพ้อที่คิดจะง้างมือฟาดไหล่คนปากไม่ดีสักฉาดต้องเปลี่ยนเป็นจับไหล่แข็งแรงแทนอย่างช่วยไม่ได้...ตาคนนี้นี่ ทำไมถึงได้เร่งความเร็วแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่รู้รึไงว่าคนเขาตั้งหลักไม่ทัน

    “จับดี ๆ สิ อยากลงไปนอนบนถนนรึไง”

    “ก่อนบอกคนอื่นให้จับดี ๆ น่ะ บอกตัวเองให้ขี่ดี ๆ ก่อนมั้ยฮะ” 

    “นี่ก็ดีแล้วนะ ถ้าไม่ดีมันต้อง...” 

    “นี่หยุดเลยนะ อย่าคิดจะขี่โฉบไปเฉี่ยวมาเชียวนะ” หญิงสาวร้องห้ามทันทีราวกับรู้ทันก่อนจะชะงัก “เอ๊ะ”

    ทำไมล่ะ...ทำไมเธอถึงคิดว่ายุทธการจะขี่รถแบบนั้น ปกตินิสัยพ่อของหลานไม่ได้เป็นแบบนั้นนี่นา แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่เคยซ้อนท้ายยุทธการซะด้วย ทำไมเธอถึงคิดไปแบบนั้น

    ศัลยแพทย์สาวนิ่งคิดก่อนจะสลับความคิดเพ้อเจ้อทิ้งเมื่อรู้สึกปวดแปล๊บ ๆ ที่ศีรษะ อีกแล้ว พอครุ่นคิดอะไรทำนองนี้เธอก็ปวดหัวขึ้นมาอีกแล้ว เลิกคิดคงจะดีกว่า

    คนเผลอคิดอะไรไปรีบเรียกสติก่อนจะเอ่ยกับคนที่ยังคงมองไปยังถนน “นะ นี่ ขี่ดี ๆ เลยนะ อย่าคิดจะแกล้งกัน ถ้านายแกล้งฉันฉันจะทำให้วันเนี่ยนายต้องไปทำงานสายเลยคอยดู”

    “ถ้าฉันสาย เธอก็สาย เอาแบบนั้นดีมั้ย?”

    “จะบ้าเหรอ ฉันมีผ่าตัดเช้า ชีวิตคนเอามาล้อเล่นได้เหรอยะ”

    “ก็เห็นขู่คนอื่นเขาอย่างกับแมวขู่หมาก็เลยคิดว่าโดนขู่บ้างจะไม่สะท้านซะอีก” เขาว่าพร้อมกับยกยิ้มอย่างคนชนะ คนโดนหาว่าขู่อย่างกับแมวได้แต่บริภาษในใจด้วยกลัวว่าตาคนนี้จะทำให้เธอไปทำงานสายเอาจริง ๆ อย่างที่ขู่...รีบถึงโรงพยาบาลสักทีเถอะ เธอไม่อยากนั่งซ้อนท้ายตานี่แล้ว!!!

    เพียงไม่กี่นาทีต่อมารถมอเตอร์ไซค์ของยุทธการก็มาเคลื่อนมาจอดที่ด้านหน้าของโรงพยาบาล จิรัชยาก้าวลงจากรถทันทีด้วยใบหน้าเจ็บใจหญิงสาวเอ่ยขอบคุณเบา ๆ จนแทบจะไม่ได้ยินก่อนจะหันหลังก้าวเดินทันทีด้วยความรีบร้อน...ทว่ามือหนาก็ไวกว่ารั้งไว้ได้ทัน

    “อะไรยะ จะหาเรื่องเหรอ?”

    “ไม่ได้อยากหาเรื่องหรอกนะแต่ขืนเธอใส่หมวกกันน็อกเข้าไปคนทั้งโรงบาลได้มองเธอแน่ มานี่” มือหนากระตุกดึงแขนบางให้เข้ามาใกล้  มือหนายื่นมาปลดล็อคหมวกกันน็อกขณะที่ใบหน้าหวานนั้นตื่นตกใจไม่ทันตั้งรับ ใบหน้าคมที่อยู่ไม่ไกลทั้งยังมือที่ยื่นมาแตะถูกแก้มทำให้จิรัชยาลืมความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ไปจนหมด...แม่เจ้าโว้ย เธอไม่อาจต้านทานเสน่ห์ของปลาย่างได้จริง ๆ 

    คนบ้าเอ้ย ปรานีแมวบ้างเถอะ เธอมีหน้าที่แค่เฝ้า อย่าทำให้หวั่นไหวไปกว่านี้ได้มั้ย!!!

    แก๊ก

    “ฉันล่ะกลัวจริง ๆ ว่าอยู่ใกล้เธอมาก ๆ ลูกสาวฉันจะได้เชื้อความโก๊ะความเปิ่นมาจากเธอเนี่ย เฮ้อ”  น้ำเสียงราวกับหนักใจดังขึ้นพร้อม  ๆ กับที่มือหนายกหมวกออกจากศีรษะของคนที่ยืนนิ่งไป เสียงของยุทธการทำให้จิรัชยาได้สติ หญิงสาวได้แต่ชี้หน้าคนที่มาทำเป็นหนักใจกลัวว่าเธอจะทำให้หลานสาวติดเชื้อความโก๊ะไปด้วย

    “นี่!!!”

    “อะไร หรือจะเถียง?”

    “เออ ไม่เถียงเว้ย ฉันมันโก๊ะ มันเปิ่น แล้วฉันก็ภูมิใจในความโก๊ะของฉันด้วยแล้วคอยดูเลยนะ ฉันจะทำให้หวาหวาเนี่ยเป็นเหมือนฉัน หึ เตรียมหนักใจอกแตกตายไปเลย” คนถูกหาว่าโก๊ะร่ายยาวก่อนจะหันหลังจ้ำอ้าวเข้าไปภายในโรงพยาบาลด้วยความขุ่นเคืองและมุ่งมั่น คอยดูเถอะ เธอจะทำให้หลานสาวเป็นเหมือนเธอให้ได้ ตาคนปากไม่ดีนั่นจะได้อกแตกตายไปเลย หึ ไอ้ปลาย่างทำตัวไม่สมกับเป็นแค่ปลาย่างแบบนั้นน่ะต้องเจอแบบนั้นแหละ

    ร่างบางหันหลังหนีไปแล้วแต่ยุทธการยังคงอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มมองตามก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย...ก็รอดูแล้วกัน ว่าใครจะเป็นฝ่ายหนักอกหนักใจ แต่ที่แน่ ๆ ไม่ใช่เขาแน่นอน

     

     

    ปะป๊านี่ยังไง กั๊กตลอด55 

    ปะป๊ายังไม่เร่งสปีตค่ะ แต่เดี๋ยวก็จะเริ่งเร่ง…อุ๊ป 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×