ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พันธนาการร้ายหัวใจพ่ายรัก (มี E-Book)

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่12 ปราบเสือ?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 837
      21
      12 ส.ค. 63

    บทที่12 ปราบเสือ?

     

    พงศ์พยัคฆ์นั่งมองแพรวารินทร์คุยงานกับปกรณ์ลูกค้าวัยกลางคนของน้องสาวที่แพรวารินทร์ต้องเข้ามาพูดคุยและรับผิดชอบแทนโดยไม่คิดจะละสายตา เขาไม่ได้มองหญิงสาวมาตั้งนานในตอนนี้เขาจึงอยากจะมองชดเชยที่ไม่กล้ามองมานาน...มองเธอให้นานที่สุด

    แม้ว่าจะมีพงศ์พยัคฆ์มานั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ แต่แพรวารินทร์ก็ไม่ได้ประหม่าจนเสียงาน หญิงสาวพูดคุยกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงสบายหูจนแม้แต่พงศ์พยัคฆ์เองยังรู้สึกสบายไปด้วยแม้จะมีหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจก็ตาม

    “ผมไม่มีปัญหากับแบบที่นำเสนอนะครับ ทางผมไม่ได้รีบร้อนอะไรทางบริษัทไม่ต้องกังวล และคุณแพรวารินทร์เองก็ไม่ต้องมาคุมงานนี้แทนหรอกครับ ผมได้ยินว่าคุณแพรวารินทร์มีงานใหญ่ที่ต้องทำอีกหลายงาน ไม่ต้องลำบากหรอก บอกตามตรงผมถูกชะตาคุณพิมพ์พิชชามากอยากให้เธอได้เป็นคนควบคุมงานที่เธอออกแบบด้วยตัวเธอเอง”

    “ทางเราเองก็อยากให้พิมพ์พิชชาได้ทำค่ะ แต่ก็เกรงว่าทางคุณปกรณ์รอไม่ไหว”

    “รอได้ครับ ผมจะรอมัณฑนากรเจ้าของแบบนี้ แล้วก็หวังว่าคุณพิมพ์พิชชาจะหายกลับมาจัดการงานนี้ด้วยตัวเองได้ในเร็ววันนะครับ”

    “พิมพ์พิชชาจะกลับมาจัดการงานนี้ในเร็ววันแน่นอนค่ะ”

    “ถ้าคุณรับประกัน ผมก็รอได้ครับ อ้อจริงสิ ผมรู้จักหมอเก่ง ๆ หลายคนให้ผมแนะนำให้มั้ย”

    “ไม่รบกวนคุณปกรณ์หรอกค่ะ พี่ชายของพิมพ์พิชชาเขาเป็นหมอน่ะค่ะคนนี้น่ะ” หญิงสาวเอ่ยกับลูกค้าก่อนจะชี้ไปที่ชายหนุ่มที่นั่งมองเธออยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ “นายแพทย์พงศ์พยัคฆ์พี่ชายแท้ ๆ ของพิมพ์พิชชาเขาค่ะ”

    “โอ้ว เกือบหน้าแตกแล้วสิผมกำลังจะแนะนำคุณหมอพงศ์พยัคฆ์พอดีเลยเพราะเห็นว่าอยู่โต๊ะข้าง  ๆ” ปกรณ์ผู้เป็นลูกค้าเอ่ยด้วยความขัดเขินเล็กน้อยก่อนจะหันไปชวนพงศ์พยัคฆ์ให้มานั่งด้วยกัน “ถ้าหมอเสือไม่ได้นัดใครไว้ เชิญมานั่งดื่มกาแฟกันสักแก้วนะครับ”

    “ไม่ได้นัดใครไว้ครับคุณกรณ์ ผมมารอคนนี้ครับ”

    “รอคุณแพรวารินทร์?”

    “ครับ รอภรรยาน่ะครับ”

    “ภรรยา โฮ ไม่คิดไม่ฝันว่าผู้หญิงที่ปราบเสือยิ้มยากได้จะเป็นคนรู้จักกันนะครับเนี่ย” 

    “ปราบเหรอคะ?” แพรวารินทร์สะดุดใจกับคำว่าปราบจนต้องเอ่ยออกมาแม้ว่าจะขัดเขินเพราะมีคนแนะนำว่าเธอคือภรรยา

    “ใช่สิ หมอเสือน่ะเขาว่ากันว่าเป็นเสือยิ้มยาก หวงเนื้อหวงตัว เป็นภรรยาเสือยิ้มยากได้แสดงว่าต้องปราบผู้ชายคนนี้ได้อยู่หมัด หรือผมพูดผิดครับ”

    “ก็ยังปราบไม่ได้หรอกค่ะ ยังดื้อบ้าง ดังนั้นอย่าพูดเหมือนแพรเก่งมากแบบนั้นเลยค่ะ” แพรวารินทร์เอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนจะพูดคุยกันเรื่องอื่นต่อโดยมีพงศ์พยัคฆ์ร่วมวงด้วยในบ้างเรื่องที่ชายหนุ่มเข้าใจจนกระทั่งเสร็จสิ้นกันพูดคุย

    “ยังไงผมก็ขอฝากความหวังเปลี่ยนบ้านสวนหลังเก่าให้เป็นสวนสุขไว้กับหมอเสือแล้วกันนะครับ ผมจะรอคุณพิมพ์พิชชากลับมาเนรมิตให้”

    “ขอบคุณที่ไว้ใจยัยน้องครับ อีกไม่นานยัยน้องจะต้องกลับมาสานฝันของคุณกรณ์ได้แน่นอนครับ”

    “ผมเชื่อมือหมออยู่แล้ว งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน อ้อ มื้อนี้ให้ผมได้เลี้ยงคุณทั้งสองคนนะครับ เนื่องในโอกาสพิเศษที่ผมได้เจอผู้หญิงที่ปราบเสือยิ้มยากสักที” ปกรณ์เย้าแหย่ในประโยคสุดท้ายก่อนจะจ่ายค่าเครื่องดื่มและเดินจากไป แพรวารินทร์ที่ยังคงนั้นอยู่ส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความขบขัน

    “ปราบเสือยิ้มยาก...ใช่เราที่ไหนเล่า”

    “หนูแพรไม่อยากปราบพี่เหรอ?” คนที่ถูกเรียกว่าเสือยิ้มยากถามทันทีด้วยความอยากรู้แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับไม่ใช่คำตอบที่เขาพึงพอใจเท่าไหร่นัก

    “ไม่”

    “ทำไมล่ะ?”

    “คุณหมอน่ะปราบง่าย ๆ ที่ไหน แพรงัดทุกวิธีก็ทำไม่ได้หรอก”

    “ก็ไม่แน่นะ หนูแพรอาจจะปราบพี่ได้อย่างราบคาบ หมอบแทบเท้าหนูแพรเลยก็ได้”

    “พูดเป็นเล่นไป” หญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นแต่แล้วก็ชะงักมือบางยื่นไปหมายจะหยิบบางสิ่งที่เธอเคยหยิบประจำเมื่อคุยงานเสร็จ...สมุดโน้ตจดงาน

    “โอ้ยตายแล้ว ลืมเรื่องสมุดโน้ตไปเลย”

    “สมุดโน้ต?”

    “สมุดที่เอาไว้จดงานน่ะค่ะ แพรไปลืมไว้บ้านลูกค้าแล้วลืมไปเอาเพราะเกิดเรื่องกับทราย” แพรวารินทร์ตอบคำถามแล้วก็รู้สึกเคือง ๆ “ลูกค้า” ที่พูดถึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากวันนั้นเธอก็ได้รู้ว่าลูกค้าวีไอพีคนนั้นไม่ได้ไปฮ่องกงด่วนอย่างที่บอกและยิ่งกว่านั้นคืออีกฝ่ายรู้ว่าเธอลืมสมุดโน๊ตไว้แต่ไม่ยอมส่งคืนรณพีร์ ต้องให้เธอไปเอาเองเท่านั้น...ช่างเป็นคนที่ชื่นชอบการกลั่นแกล้งคนจริง ๆ 

    “งั้นเดี๋ยวพี่พาไปเอามั้ย?”  

    “จะไปนิติเวชไม่ใช่เหรอคะ?”

    “ไปเอาก่อนค่อยไปนิติเวชก็ได้ครับ พี่แค่แวะเอาเอกสารไปคืนน่ะ ไม่ได้เร่งด่วน”

    “คุณหมอ....ยังสนใจด้านนั้นอยู่เหรอคะ?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจว่าตัวเองควรถามคำถามนี้หรือไม่ ในตอนแรกพงศ์พยัคฆ์ไม่ได้คิดจะเป็นหมอผ่าตัด เขาเคยอยากเป็นแพทย์นิติเวช และเกือบจะได้ทำงานด้านนั้นอยู่แล้วแต่แล้ววันนึงก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้พงศ์พยัคฆ์เปลี่ยนใจมาเรียนต่อด้านศัลยศาสตร์ โดนเฉพาะด้านสมองหลังจากที่จบจากคณะนิติเวชศาสตร์ได้เพียงไม่นาน แม้จะไม่รู้ที่มาที่ไปของการหักเหมาสนใจด้านการผ่านตัดแต่หลังจากนั้นมาเธอก็คิดมาตลอดว่าเขาจะไม่หวนกลับไปสนใจวิชาการผ่าชันสูตรที่เรียนมาจนกระทั่งได้เห็นเอกสารชันสูตรศพที่ห้องพักของเขาเมื่อวานนี้ล่ะ

    “พี่ก็ยังไม่ได้ทิ้งการเป็นนิติเวชนะ คิดว่าที่พี่กลับบ้านดึก ๆ หรือบางวันไม่กลับนี่พี่มีแค่งานผ่าตัดเหรอ พี่แดนไม่ให้พี่ผ่าตัดมากกว่า4เคสหรอก ส่วนใหญ่แล้วจะไปนิติเวชตำรวจซะส่วนใหญ่น่ะเพราะพสินธ์ไหว้วานให้ช่วย แต่ถ้าหนูแพรไม่โอเคพี่ไม่ทำแล้วก็ได้นะ” 

    “อะไร ทำไมแพรต้องไม่โอเค?”

    “ก็หนูแพรกลัว...”

    “ใครกลัว ไม่มี๊” หญิงสาวร้องปฏิเสธก่อนจะหลบสายตาอย่างคนปากแข็ง ถึงจะปฏิเสธอย่างนั้นแต่ตอนที่รู้ว่าเขาจะสอบเข้าคณะนิติเวชศาสตร์ก็เคยร้องไห้งอแงและบอกว่าจะไม่เข้าใกล้เขามาแล้ว...ก็เธอกลัวผีนี่นา

    “มะ...”

    “ไม่มีก็คือไม่มี”

    “ครับ ๆ ไม่มีครับ ปะ เราไปกันดีกว่าเดี๋ยวถึงโรงพยาบาลช้ายัยตัวแสบจะบ่นเอา” พงศ์พยัคฆ์เลือกที่ยอมลงให้ตามที่หญิงสาวต้องการก่อนที่แพรวารินทร์จะค้อนให้คนทำท่าเหมือนยอมแต่สายตายังล้อเลียนและเดินออกจากร้านไป

    การจะไปเอาสมุดโน้ตจะต้องโทรไปเช็คก่อนว่าเจ้าของบ้านผู้เก็บของสำคัญไว้อยู่หรือไม่ แต่วันนี้เหมือนจะยังไม่ใช่วันที่เหมาะสมที่หญิงสาวจะได้สมุดโน๊ตกลับมาคำตอบของปลายสายจึงเป็นคำว่าไม่ว่างและตามด้วยคำว่าติดธุระอยู่ต่างจังหวัด

    “ไม่เป็นไรคะบอส ไว้วันหลังก็ได้” น้ำเสียงหวานตอบปลายสายขณะที่พงศ์พยัคฆ์นั้นกำลังให้ความสนใจกับการจราจรที่ติดขัดอยู่เบื้องหน้า ชายหนุ่มเหลือบมองมาที่ร่างบางซึ่งกำลังเก็บสมาร์ทโฟนย่อนกลับลงไปในกระเป๋าก่อนจะถามทั้งที่สายตายังคงมองด้านหน้า

    “เขาไม่อยู่เหรอครับ?”

    “ค่ะ บอสบอกว่าเขาอยู่ภูเก็ต  อีกสักพักถึงจะกลับ คุณหมอไปทำธุระของคุณหมอได้เลยค่ะไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว” คนที่เพิ่งวางสายจากเจ้านายซึ่งเป็นธุระสอบถามลูกค้าวีไอพีให้เอ่ยก่อนจะถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ 

    “สมุดโน้ตนั้นมีอะไรสำคัญรึเปล่า ดูหนูแพรเซ็งไม่น้อยเลย แล้วก็เหมือนกังวลหน่อย ๆ ด้วย”

    “ก็มีเรื่องสำคัญหลายอย่างในนั้นคะ มันค่อนข้างน่าอาย” แพรวารินทร์ตอบแค่นั้นก็ไม่พูดอะไรอีก จะให้เธอพูดต่อได้ยังไงว่าสมุดโน๊ตเล่มนั้นมีรูปวาดตลก ๆ และข้อความอะไรหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับผู้ชายจอมเย็นชาที่ชื่อพงศ์พยัคฆ์ที่เธอมักจะวาดและเขียนในตอนว่าง ๆ และเครียด ๆ น่ะ

    ขืนรู้ก็หมดกันพอดีสิความลับของเธอน่ะ

    เวลาต่อมา

    ถึงแม้ว่าพงศ์พยัคฆ์จะบอกว่าใช้เวลาทำธุระไม่นานแต่พอเอาเข้าจริงแล้วเธอกับเขาก็ติดเเหง็กอยู่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจกว่า1ชั่วโมงเพราะมีเพื่อนสมัยเรียนนิติเวชของพงศ์พยัคฆ์หลายคนทำงานที่นี่และเคยพบเจอแพรวารินทร์ตั้งแต่ตอนยังเป็นเพียงเพื่อนน้องสาว จนกระทั่งมีโอกาศได้ไปร่วมงานแต่งงานของทั้งคู่การได้พบเจอภรรยาของเพื่อนที่หายหน้าหายตาก็ต้องมีการพูดคุยกันบ้าง

    แพรวารินทร์ค่อนข้างจะสงวนท่าทีแต่ก็เคยพูดคุยกับเพื่อน ๆ เหล่านี้ของพงศ์พยัคฆ์มาบ้างการพูดคุยจึงไม่ได้อึดอัดนักออกจะสนุกสนามเสียด้วยซ้ำเพราะเพื่อนหลายคนของพงศ์พยัคฆ์เป็นคนตลกซ้ำยังเผาพงศ์พยัคฆ์ให้แพรวารินทร์ฟังหลายต่อหลายเรื่องและบางเรื่องก็น่าขำจนแยกย้ายกันมาแล้วและมาถึงโรงพยาบาลรักษ์บดินทร์แล้วหญิงสาวยังไม่หยุดขบขัน

    “ขำอะไรขนาดนั้นครับ?”

    “ก็มันน่าขำนี่คะ เผลอหลับขณะชันสูตรศพ ดีนะเขาไม่หลอกพี่หมอเอาน่ะ” แพรวารินทร์ตอบแล้วก็หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง นึกถึงวีรกรรมที่เพื่อนชายหนุ่มเล่าให้ฟังขึ้นมาก็นึกขำขึ้นมาจนไม่อาจห้ามได้ 

    พงศ์พยัคฆ์นึกอยากสาปส่งไอ้เพื่อนจอมนินทาแต่ก็สาปส่งแค่เพียงในใจและเกาท้ายทอยด้วยความเขินเก้อ ก็ตอนนั้นเขาเริ่มทำงานผ่าตัดด้วยและวันนั้นก็มีผ่าตัดตั้ง2เคสนี่นะ เจ้าลูกพี่ลูกน้องตัวดีที่เป็นตำรวจก็ตามตัวเขามาบอกว่าเป็นคดีลับและด่วนมากทำให้เขาไม่ได้พักเลยจะไม่ให้เผลอหลับไปได้ยังไง ช่วงนั้นไม่กลับบ้านเพราะไม่อยากไปงานที่มหาวิของแพรวารินทร์ให้เธอต้องโดนเพื่อนแซวว่าแต่งงานแล้วซะด้วย

    “พอเลยครับ ไม่เห็นจะน่าขำเลย คนเราทำงานเหนื่อย ๆ มันก็ต้องมีเผลอหลับกันบ้าง ว่าแต่เมื่อกี้กับตอนอยู่กับเพื่อนพี่หนูแพรเรียกพี่ว่าอะไรนะ พี่หมอเหรอ?”

    “ก็ไม่อยากให้ใครเขารู้ว่าแพรเป็นภรรยาที่มีสามีไม่ค่อยกินปลา แพรเลยต้องเรียกว่าพี่หมอเหมือนที่เรียกพี่ ๆ เขา เขาจะได้ไม่สงสัยความสัมพันธ์ของเราก็เลยเรียกแบบนั้น แต่ถ้าเขารู้อยู่แล้ว แพรเรียกคุณหมอก็ได้นะ”

    “แล้วทำไมไม่เรียกพี่เสือเหมือนเดิมล่ะครับ”

    “พี่เสือที่แพรรู้จักชอบกินปลา ไว้ลบล้างความผิดได้ค่อยเรียกแบบเดิม”

    “งั้น...ตอนนี้เรียกพี่ว่าพี่หมอนะ อย่าเรียกคุณหมอเลยพี่ไม่ค่อยชอบ แล้วพี่จะรีบพิสูจน์ให้หนูแพรเห็นว่าพี่เหมาะจะเป็นพี่เสือของหนูแพร”

    “เวลาจะพิสูจน์เองค่ะ แพรจะรอดู” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะเดินนำหน้าพงศ์พยัคฆ์เข้ามาในโรงพยาบาล แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ตามมาฉวยมือบางไปกุมไว้อย่างทุกที ครั้งนี้แพรวารินทร์ไม่ขัดยอมปล่อยให้พงศ์พยัคฆ์จูงมือเดินต่อหน้าสายตาผู้คนไปแบบนั้นโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มีคนเห็นและรู้สึกเจ็บปวดจากการได้พบเห็น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×