ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักวุ่นๆกับคุณ(อดีต)สามี​

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 หย่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.87K
      627
      10 ก.ย. 63

     

    บทที่1 หย่า

    2 เดือนก่อน

    “เฮียจะพาน้องคิลกลับไปอยู่ด้วย” น้ำเสียงที่มุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว​อย่างคนตัดสินใจมาแล้วของพันเอกคีรี อิชยกุล ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบกประจำกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย​ที่เอื้องเอ่ยออกมาพาให้หัวใจของหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้สึกไหววูบ

    ใจหายวาบเมื่อคีรีบอกว่าจะพา “น้องคิล” หรือ เด็กชายคีรกร อิชยกุล ลูกชายวัย6ขวบเศษของคีรีที่คนทั้งคู่เลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออกในฐานะลูกบุญธรรม​ไปอยู่ที่รัสเซีย​ด้วยกัน...นั่นหมายความว่าจากนี้ไปเขาและเธอจะไม่ได้เจอเด็กน้อยในทุก ๆ เช้าและเย็นอีกต่อไปแล้ว

    คริษฐาอ้าปากหมายจะคัดค้านแต่แล้วก็ต้องหุบปากฉับ...แม่บุญธรรม​อย่างอย่างเธอไม่มีสิทธิ์​มีเสียงมากพอจะไปคัดค้านพ่อแท้ ๆ ได้เลย...ไม่มีสิทธิ์จริง ๆ 

    แน่นอนว่าไม่ใช่แค่คริษฐาที่เป็นเช่นนั้น สามีของหญิงสาวอย่างร้อยตำรวจเอกคีรินทร์ อิชยกุล หรือ ผู้กองคีรินทร์ ผู้เป็นน้องชายแท้ ๆ ของคีรีเองก็ไม่ต่างกัน...​เขาและเธอเป็นแค่พ่อแม่บุญธรรมเท่านั้นจะคัดค้านอะไรคีรีได้

    “เฮียรู้ว่าเคทกับคีย์รักน้องคิลเหมือนลูก แล้วก็เลี้ยงมาตลอด แต่ตอนนี้เฮียกับมาช่าเข้าใจกันแล้วและทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางแล้ว น้องคิลควรได้อยู่กับพ่อแม่ เฮียกับมาช่าอยากจะใช้เวลาทั้งหมดชดเชยให้ลูกที่หายไปถึง6ปี เข้าใจเฮียด้วย” คีรีเอ่ยเมื่อรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยา​ของทั้งคู่ ชายหนุ่มเองก็ละอายใจไม่น้อยเลยที่พูดออกไป 6ปีก่อนเพราะเมริย่า หรือ มาช่า ภรรยาสาวชาวรัสเซีย​ของเขาซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคริษฐาถูกผู้ไม่ประสงค์ดีหลอกให้เข้าใจเขาผิดจนฝากลูกชายที่เพิ่งคลอดได้เพียง3เดือนไว้กับคริษฐาที่เป็นญาติผู้น้องเพื่อไปเคลียร์ปัญหาและได้หายตัวไปเขาจึงตามไปทวงภรรยาคืนและยกหน้าที่ดูแลเด็กชายคีรกรให้คริษฐาก่อนจะไร้การติดต่อไปอีกคนจนทำให้ครอบครัวที่รอโอกาส​อยู่​แล้ว​สบโอกาส​คลุมถุงชนคริษฐาและคีรินทร์เพื่อรับเด็กชายคีรกรเป็นลูกบุญธรรม​และช่วยกันดูแล

    6ปีทีเดียวที่ทั้งคู่ต้องทิ้งอะไรหลาย ๆ อย่างเพื่อเด็กชายคีรกรแต่ตอนนี้เขากลับมาพูดทำร้ายจิตใจจะพรากเด็กชายคีรกรไปจากพวกเขา ช่างน่าละอายจริง ๆ 

    “เคทรักน้องคิลค่ะ ไม่รู้ว่าขาดน้องคิลไปเคทจะเป็นยังไง แต่เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับน้องคิล น้องคิลควรได้อยู่กับพ่อและแม่แท้ๆของแก ถ้าเฮียคีรีตัดสินใจแล้วเคทก็ไม่​ขัดข้อง​ค่ะ”

    “ผมด้วย น้องคิลอยู่กับพ่อแม่ต้องมีความสุขกว่าอยู่กับผมกับเคทแน่ ๆ แต่ยังไงขอผมกับเคทยังเป็นพ่อคีย์กับแม่เคทได้มั้ย ไม่ชินเป็นอาคีย์เลย” คีรินทร์เอ่ยขณะที่มือหนายื่นมากุมมือคนเป็นภรรยาไว้ แม้ว่าเขาและเธอจะแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่และเพราะเด็กชายคีรกรแต่อย่างไรก็คือสามี หน้าที่ปลอบใจภรรยาก็คือหน้าที่ของเขา 

    คีรีที่ไม่อยากให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบถอนใจก่อนจะเอ่ยขึ้นราวกับเพิ่งคิดขึ้นมาได้ “จริงสิ คีย์ เคท ตั้งแต่กลับมาเฮียยังไม่ได้ขอบใจทั้งสองคนเลย ขอบใจนะที่ช่วยดูแลน้องคิล ขอบใจจริง ๆ”

    “ขอบจงขอบใจอะไรกัน เจ้าคิลก็หลานผม อาดูแลหลานทำไมต้องขอบใจ”

    “นั่นสิคะไม่เห็นต้องขอบจงขอบใจเลย มาช่ากับเคทก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มาช่าฝากน้องคิลไว้กับเคท เคทก็ต้องดูแลอยู่แล้ว ถ้าเฮียคีรีอยากขอบคุณจริง ๆ หลังจากนี้ก็ดูแลน้องคิลดี ๆ แล้วก็หาเพื่อนเล่นให้น้องคิลด้วย น้องคิลร่ำ ๆ อยากมีน้องมาพักใหญ่แล้ว เคทกับเฮียคีย์ไม่มีน้องให้แกเล่นด้วย น้องคิลต้องเหงามาหลายปี เฮียคีรีต้องรีบๆ มีน้องให้น้องคิลนะคะ” ลูกเสี้ยวสาวที่มีแม่เป็นน้องสาวของพ่อตาอีกฝ่ายเอ่ยก่อนจะแสร้งเย้าแหย่กลบเกลื่อนความเสียใจ “แว่ว ๆ ว่าน้องคิลอยากมีน้องสาวนะคะ ฝาแฝดได้ก็ดีนะ”

    “เฮียกับมาช่าก็คิด ๆ อยู่ ว่าแต่เราสองคนเถอะ ต่อไปไม่มีน้องคิลอยู่ด้วยคงจะเหงากันแน่...ไม่คิดจะมีสักคนสองคนไว้คลายเหงาเหรอ?”

    “ก็ถามกันแต่แบบนี้ล่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายก่อนจะบ่นราวกับอัดอั้น “ลูกนะไม่ใช่หมาใช่แมว นึกอยากมีก็หามาเลี้ยงได้เลยน่ะ  ถ้าเขาไม่อยากมาบังคับให้มาเขาก็ไม่มาหรอก เลิกถามกันสักทีเถอะค่ะ”

    “เอ่อ..เฮียขอโทษนะเฮียไม่รู้ว่ามีคนถามบ่อย” คีรีที่รู้ว่าตัวเองอาจจะไปพูดแทงใจดำเข้าให้แล้วเอ่ยก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างคนอยู่เป็น “เออจริงสิ คืนนี้เฮียว่าจะพาน้องคิลกับมาช่าไปกินข้าวนอกบ้าน เราสองคนไปด้วยกันสิ”

    “ผมมีธุระแล้ว ไปด้วยไม่ได้หรอกครับ”

    “เคทเองก็มีนัดกับพี่หมอแล้ว เฮียคีรีกับมาช่าพาน้องคิลไปเถอะค่ะ พ่อแม่ลูกจะได้คุ้นชินกันมากขึ้น” 

    “หว่า เสียดายจัง งั้นไว้คราวหน้าแล้วกัน ก่อนเฮียกลับต้องได้ไปกินข้าวกับเราสองคนนะ” คีรีไม่รบเร้า ชายหนุ่มเอ่ยแล้วก็ลุกออกไปเมื่อได้ยินเสียงเรียกของภรรยาสาวที่ดังแว่วมาจากสนามหญ้าของบ้านทิ้งให้สองสามีภรรยาที่แต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่ไว้เพียงลำพัง

    ดวงตาคู่หวานทรงเสน่ห์ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากมารดาชาวรัสเซียมองผ่านผนังกระจกไปยังสนามหญ้าที่ตอนนี้มีเมริย่า คีรี และเด็กชายคีรกรกำลังวิ่งเล่นกันอยู่อย่างสนุกสนาน รอยยิ้มของเด็กชายคีรกรทำให้คริษฐาคลี่ยิ้มตาม การได้อยู่กับพ่อแม่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหนุ่มน้อยคนนี้ขอเพียงแค่หนุ่มน้อยมีรอยยิ้มเธอก็มีความสุขแล้ว แม้ว่าหลังจากนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนที่เป็นมาตลอด 

    มือหนายื่นมาตบไหล่คนที่ยืนยิ้มอยู่ทว่านัยน์ตาเศร้าก่อนจะเอ่ย “ไม่อยู่3วันนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย” 

    “งานใหญ่?” หญิงสาวถามพร้อมกับหันมามองใบหน้าคม คีรินทร์เป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติดหลายครั้งหลายหนที่เขาหายไปเพื่องานของเขาเป็นเวลาหลายวัน 2-3วันบ้าง 2-3สัปดาห์บ้าง และทุก ๆ ทั้งก็จะบอกเธอไว้อย่างนี้เสมอและทุก ๆ ครั้งเธอก็จะถามอย่างนี้ทุกครั้งเช่นกัน

    “ก็หนักเอาการ แต่สบายใจได้ ยังไงก็กลับมาส่งเจ้าคิลได้แน่นอน”

    “ให้มันจริงเถอะ”

    “เคยพูดแบบนี้แล้วมาไม่ได้มั้ยล่ะยัยจุ้น” เขาพูดก่อนจะยักไหล่และเอ่ยในเชิงเย้าแหย่ “ไปล่ะ อย่านอนร้องไห้นะ ไม่ได้อยู่ปลอบ”

    “ใครเขาจะให้ปลอบ เหอะ” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะหันหลังให้ราวกับคนแสนงอนทว่าคริษฐาก็รู้ดีว่าคนที่ควรจะเย้าหยอกต่อนั้นไม่มีทางสานต่อ เวลาของคีรินทร์มีค่าเกินกว่าจะมาเสียเวลาหยอกเย้าภรรยาที่ผู้ใหญ่หาให้ หยอกไม่จบอย่างนี้ประจำนั่นล่ะ แรก ๆ คริษฐาหันหลังให้เขาเล่นต่อแต่หลัง ๆ การหันหลังคือการตัดใจส่งคนขึ้นชื่อว่าเป็นสามีไปทำภารกิจที่อาจจะเสี่ยงถึงชีวิต 

    เธอไม่อยากจะมองเขาเดินจากไป ด้วยกลัวว่าเขาจะจากไปแล้วจากไปลับไม่กลับมาหาเธออีก เธอจึงเป็นฝ่ายหันหลังให้เขาเสมอ แม้ไม่พูดอะไรออกไปแต่คีรินทร์ก็รับรู้และเข้าใจได้เสมอ ก็เป็นอย่างนี้ประจำนั่นล่ะ

    หลายต่อหลายคนมาเห็นท่าทีของทั้งคู่คงจะแปลกใจอยู่บ้าง ไม่ก็คิดว่าเป็นคู่รักที่น่ารักและเข้าอกเข้าใจกันดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย แม้หลายอย่างจะเหมือนเข้าใจได้โดยไม่ต้องพูดแต่ก็มีอย่างนึงที่ทั้งคู่ไม่เคยพูดกัน และไม่แน่ว่าอาจจะไม่รู้กันด้วยก็ได้

    เพราะคีรินทร์และคริษฐาแทบจะเติมโตมาอย่างเพื่อน อย่างพี่อย่างน้องไม่ได้มาเจอกันในวันนึงและตกหลุมรักกัน คบหาดูใจกัน และแต่งงานกันเหมือนกับคู่แต่งงานคู่อื่น ๆ แต่ทั้งคู่แทบจะอยู่ด้วยกันในเกือบทุกช่วงเวลา บ้านก็อยู่ห่างกันแค่คนละฟากถนน ครอบครัวสนิทสนมเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ พี่น้องต่างเติบโตมาด้วยกันรวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวเดียวเมื่อต้องมาแต่งงานกันสิ่งหนึ่งที่ไม่มีเหมือนกับคู่แต่งงานคู่อื่นก็คือความรัก และไม่รู้ว่าจะเริ่มปลูกต้นรักกันอย่างไรเพราะความสัมพันธ์มันเกินจุด ๆ นั้นไปแล้ว

    เพราะไร้ข่าวคราวของคีรีและเมริย่าเพื่อไม่ให้เด็กชายตัวน้อยต้องรู้สึกขาดคริษฐาจึงต้องรับบทแม่และภรรยา คีรินทร์เองก็ต้องรับบทพ่อและสามีเวลาส่วนใหญ่ก็คือการทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้กับหนุ่มน้อย ความสัมพันธ์ทางด้านหัวใจของทั้งคู่จึงแทบไม่คืบหน้า...ถ้าไม่มีหนุ่มน้อยคีรกรก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นเช่นไรต่อไป

    ดวงตาคู่หวานมองไปยังเด็กชายคีรกรอีกครั้งก่อนจะถอนใจ...หรืออิสระที่เธอเคยฝันหากำลังจะมาเยือนเธอแล้วจริง ๆ 

    แล้วตอนนี้เธอต้องการมันหรือไม่? หากตั้งคำถามนี้กับตัวเองในตอนนี้หญิงสาวก็รู้สึกสมองขาวโพลนไปหมด เธอไม่รู้ ไม่สามารถตอบได้ มันสับสนไปหมด 

    เธอรักคีรินทร์เหรอ? คำถามนี้เธอก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ มันสับสนยิ่งกว่าคำถามที่แล้วเสียอีก เธอไม่รู้ว่ารักคีรินทร์หรือแค่ผูกพัน ไม่รู้ว่าระหว่างกันมันควรเรียกว่ารักหรือผูกพัน...ไม่รู้จริง ๆ 

    วันเวลาผ่านพ้นไปแต่คนที่บอกว่าจะไปแค่3วันก็ไม่โผล่หัวกลับมา เผลอแว่บเดียวก็ถึงเวลาที่เด็กชายคีรกรต้องเดินทางแล้ว

    ร่างบางกอดอกมองร่างสูงที่นั่งยอง ๆ ให้ตัวเองอยู่ในระดับสายตาของหนูน้อยผู้เคยเป็นลูกชายมาโดยตลอดด้วยความหมั่นไส้ ปากบอกว่าไม่อยู่3วันแต่เอาเข้าจริงแล้วหายไปเป็นสัปดาห์ กว่าจะกลับมาก็วันที่เด็กชายคีรกร ต้องไปแล้วซะอย่างนั้น...น่าโมโหนักเชียว 

    “คิล พ่อคีย์ขอโทษนะที่หายไปหลายวัน กว่าจะโผล่มาก็วันคิลจะไปแล้ว” 

    “พ่อคีย์ชอบเบี้ยวตลอดนั่นล่ะ คิลชินแล้ว ให้อภัยได้ครับ” เด็กชายคีรกรเอ่ยกับพ่อบุญธรรมที่เพิ่งจะโผล่มาหลังจากหายไปหลายวันก่อนจะยักไหล่ “คิลรู้นา ความจริงแล้วที่หายไปน่ะ หายไปทำใจใช่มั้ยล่า ต่อไปไม่มีคิลอยู่ด้วยแล้ว พ่อคีย์จะต้องไปแอบไปร้องไห้มาแน่ ๆ เลย”

    “ทำเป็นรู้ไป ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้หรอกนะ” 

    “หึ อย่าให้คิลรู้ก็แล้วกันว่าคิลไม่อยู่แล้วพ่อคีย์ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

    “ไม่มีทางหรอกเจ้าหนู” คีรินทร์เอ่ยพลางยกมือยีผมเจ้าหนูน้อยอย่างที่เคยทำมาโดยตลอด รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมก่อนที่ชายหนุ่มจะรวบร่างเล็กเข้ามากอด “ต่อไปไม่มีพ่อคีย์คอยแหย่ ไม่มีแม่เคทคอยปรามแล้ว อย่าดื้อกับแด๊ดดี้กับม๊ามี้นะเจ้าหนู พ่อคีย์รักคิลนะ โทรหาพ่อคีย์กับแม่เคทบ่อย ๆ ด้วยล่ะ”

    “ครับ คิลก็รักพ่อคีย์ รักแม่เคท คิลไม่อยู่พ่อคีย์ต้องดูแลแม่เคทดี ๆ นะ”

    “ถ้าคิลสัญญาจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อ พ่อคีย์ก็สัญญาว่าจะดูแลแม่เคทอย่างดี”

    “อือ คิลจะเป็นเด็กดีครับ” หนุ่มน้อยตอบรับก่อนที่สองพ่อลูก(บุญธรรม)จะผละออกจากอ้อมกอดของกันและยกมือขึ้นชนกำปั้นทำสัญญาระหว่างกัน หลังจากทำสัญญาระหว่างลูกผู้ชายหนุ่มน้อยคีรกรก็ผละไปหาแม่เคทของตน หญิงสาวนั่งลงและกอดลาร่างเล็กที่กำลังจะไปจากอ้อมกอดของเธอไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงด้วยใบหน้าที่กลั้นความรู้สึกเต็มที่

    “แล้วแม่เคทจะไปเยี่ยมนะครับ”

    “ฝากความคิดถึงถึงคุณตาด้วยนะมาช่า” ทันทีที่ผละจากร่างเล็กหญิงสาวก็หันไปบอกแก่ญาติผู้น้องและโอบกอดคนเป็นลูกผู้น้องก่อนที่การจากลาจะเกิดขึ้นจริง ๆ ในวินาทีต่อมา

    ร่างบางยืนมองจนเครื่องบินที่ทั้งสามคนโดยสารบินห่างไปลับตาจึงได้ตัดใจหันหลังให้ ดวงตาคู่หวานที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองใบหน้าคมที่คล้ายกับมีเรื่องครุ่นคิดก่อนจะเช็ดน้ำตาที่ไหลนองหน้า

    “เคทนึกว่าคีย์จะร้องไห้ซะอีก อุตส่าห์ปล่อยไปตั้งเยอะนึกว่าจะมีคนร้องไห้เป็นเพื่อน”

    “บังเอิญไม่ได้ชอบเป่าปี่”

    “เหอะ แล้วนี่เป็นอะไร มีเรื่องที่ต้องกังวลเหรอทำหน้าคิดหนักอยู่ตลอด”

    “ก็...นิดหน่อย” เขาตอบก่อนจะยักไหล่ “ช่างเถอะ มันอาจจะไร้สาระเกินไป กลับเถอะ”

    คริษฐามองตามแผ่นหลังของคนที่เดินนำออกไปด้วยความแปลกใจ...เขาดูแปลกไปจากเดิม ไม่เหมือนคีรินทร์คนเดิมที่เธอรู้จัก

    ร่างสูงก้าวนำร่างบางมาจนถึงลานจอดรถกก่อนจะหยุดราวกับตัดสินใจในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ได้ในนาทีต่อมาจึงเอ่ยเรียกโดยไม่หันหน้ามามองคนที่เดินตามหลังมา “เคท”

    “อะไร?”

    “หย่ากันเถอะ” น้ำเสียงที่ไม่แสดงความรู้สึกเอ่ยออกมาโดนไม่แม้แต่หันมามองคนที่รับฟังก่อนจะเอ่ยต่อโดยไม่รีรอให้หญิงสาวได้ตั้งตัว “ไม่มีคิลแล้วไม่มีความจำเป็นต้องฝืนอยู่ด้วยกันอีก” 

    “คีย์”

    “เธอเคยบอกว่าถ้าหมดห่วงเรื่องคิลเธออยากจะทำงานมีชีวิตอิสระไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็หมดเรื่องคิลแล้ว ถึงเวลาคืนอิสรภาพแล้ว ไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”

    คริษฐานนิ่งอึ้งราวกับมีคนเอาค้อนปอนด์มาทุบหัวซ้ำ ๆ เมื่อลองรวบรวมสติและคิดทบทวนกับสิ่งที่ได้ยิน...เขาพูดเรื่องหย่าอย่างนั้นเหรอ?

    พูดโดยที่ไม่แสดงความรู้สึกอีกด้วยว่าเป็นการพูดโดยไม่รู้สึกอะไรหรือฝืนพูด...เขาไม่ได้อยากให้เธออยู่ในฐานะภรรยาต่อไปอย่างนั้นใช่มั้ย?

    “แรกเริ่มเราแต่งงานกันเพราะคิล ตอนนี้คิลได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงแล้ว เราก็ควรเดินไปตามทางที่แต่ละคนเคยวาดฝันไว้...จริงมั้ย?”

    “คะ คีย์ตัดสินใจดีแล้วเหรอ?”

    “อื้อ” คำว่าอื้อคำเดียวเป็นการตอบกลับคำถาม หญิงสาวตั้งสติเมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการจะได้ก่อนจะพยักหน้าให้ “โอเค...เราหย่ากัน”

    “วันไหนดีล่ะ...วันนี้เลยมั้ย?”

    “วันนี้เลยก็ดี ถ้าช้าพวกผู้ใหญ่รู้เข้าจะไม่ดี” เขาตอบมาราวกับไม่รู้ถึงความนัยของสิ่งที่หญิงสาวถาม...เธอประชด แต่เขาก็ยังคงตอบราวกับว่าเธอถามจริง ๆ 

    ได้...ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว เธอก็จะทำตามที่เขาต้องการ

    วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการเป็นสามีภรรยากัน...นี่คือสิ่งที่ตัวเขาเป็นฝ่ายเลือกเอง

     

     

    มาต่อแล้วจ้า  

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×