ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : บทที่16 ห่วง
บทที่16 ห่วง
แม้จะถอยทัพกลับแต่คณะของบ้านบดินทร์นุกูลก็ยังไม่ได้แยกย้ายกันไป ทุกคนในบ้านรวมตัวกันอยู่ภายในห้องนั่งเล่นด้วยความตึงเครียด เพราะคุณหมอกานต์รวีและสิรินทรายังไม่เข้าใจชัดเจนสองแม่ลูกจึงทำการคาดคั้นซักฟอกพ่อตัวดีทันทีว่าทำไมถึงไปทำคู่ปรับท้องได้
ศารทูลที่ถูกคาดคั้นบอกกับแม่และน้องสาวไม่ต่างจากที่พูดกับพ่อและเพื่อนพ่อขณะที่สีหราชนั้นรู้สึกขัดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่โต้แย้งอะไร
“ทำไมเพิ่งมาพูด แม่สอนปากจะฉีกถึงหูให้ลูกเป็นสุภาพบุรุษ แต่นี่อะไรปล่อยเรื่องมาจนท้องจนไส้ แม่ผิดหวังในตัวเสือจริง ๆ” คุณหมอกานต์รวีอดไม่ได้ที่จะเอ่ยตำหนิเมื่อได้ฟังเรื่องราว สิ่งเดียวที่เธอไม่พอใจก็คือการที่ลูกชายของเธอไม่กระตือรือร้นจะรับผิดชอบกันตั้งแต่เรื่องเกิดใหม่ ๆ แต่ปล่อยเลยมาจนอริสาท้องไส้แบบนี้
“ก็เขาหลบหน้าผมนี่ครับแม่ วันนี้เพิ่งเป็นวันแรกที่ผมได้เจอเขาเลย”
“แต่ก็เจอพ่อเขาทุกวันนี่”
“โธ่แม่” ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจ ไม่รู้จะบอกยังไง จะให้พูดถึงงานที่เขาทุ่มเทเวลาไปกับการกวาดล้างไอ้ยานรกนั่นก็กลัวจะถูกสงสัยจนเป็นเหตุให้เรื่องราวที่เขาไม่ได้พูดถูกเปิดเผยออกมา
“เอาเถอะกานต์ ยังไงมันก็ผ่านมาแล้ว เราอย่าพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย มาสนใจปัจจุบันและอนาคตดีกว่า ที่สำคัญตอนนี้คือหลาน” ท่านสัตยาปรามคนเป็นภรรยาก่อนจะเบนสายตามาหาลูกชาย “แกจะเอายังไงต่อไป”
“เอายังไงล่ะ ผมก็ต้องหาทางทำให้ลูกผมมีทั้งพ่อทั้งแม่และไม่ได้เป็นลูกนอกสมรสน่ะสิ”
“แม่กับพ่อจะช่วยเอง”
“ไม่กานต์ ไม่ได้ ขืนเราเข้าไปเกี่ยวไอ้อรรคได้อาละวาดสิ เราต้องอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ไอเสือมันจัดการของมันเอง มันผูกเองมันก็ต้องแก้เอง” ท่านสัตยาแย้งขึ้นก่อนที่จะสั่งให้แยกย้ายกันไป
ขณะที่สิรินทราและผู้เป็นพ่อเป็นแม่แยกย้ายไปแล้วโดยไม่คิดที่จะทานอาหารมื้อเย็นสีหราชยังคงอยู่และมองแฝดผู้พี่ราวกับคนไม่รู้จัก “ทำไมแกถึงบอกทุกคนไปแบบนั้น?”
“แบบนี้ดีแล้วไอ้สิงห์ ดีกับคะนิ้งและอลินที่สุดแล้ว” คนเป็นพี่ตอบกลับ เหตุผลหลักที่เขาโกหกไปว่าทุกอย่างเป็นเพราะเขาก็เพราะเขาไม่อยากให้ใครมองนลินญาไม่ดีโดยเฉพาะพ่อแม่ของเพื่อนสนิทรวมไปถึงพ่อแม่ของแฟน มันอาจจะเป็นเขาคิดมากไปแต่กันไว้ย่อมดีกว่าแก้
“คะนิ้งก็เหมือนน้องของฉัน และน้องของฉันคนนี้รักแกมาก ฉันไม่อยากให้คะนิ้งถูกพ่อกับแม่มองไม่ดี จะยาปลุกหรือยาถ่ายมันก็ไม่ดีกับคะนิ้งทั้งนั้น ฉันยอมเป็นคนที่ถูกด่าเพื่อความรักของแกกับคะนิ้งเชียวนะ อย่าทำให้ฉันผิดหวัง” ศารทูลเอ่ยพร้อมยิ้มน้อย “เอาเวลาไปหาทางเข้าหาครอบครัวคะนิ้งดีกว่านะ ส่วนเรื่องของฉันกับอลิน ฉันจัดการเอง ฉันเก่ง ฉันทำได้”
“พูดมาเกือบจะซึ้งแล้ว มาหมั่นไส้ตรงบอกว่าตัวเองเก่งนี่ล่ะ ถุ้ย ทำได้ก็ทำไปเถอะ ใครบอกว่าฉันจะไปยุ่งเรื่องของแก ฉันอยู่ข้างอลินกับหลานต่างหากล่ะ”
“เออ ๆ อยู่ข้างไหนก็อยู่ แต่ตอนนี้ไปนอนไป ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน” คนเป็นพี่พูดก่อนจะเดินนำน้องชายขึ้นบันไดไป สีหราชมองตามก่อนจะตามขึ้นไป เขาเชื่อในตัวศารทูล ถ้าเมื่อไหร่ที่พูดว่าตัวเองเก่งและทำได้แล้วล่ะก็นั่นหมายความว่าต่อให้เจอเรื่องยากขนาดไหนศารทูลก็จะไม่ถอยจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จตามเป้า
พี่ชายของเขาเป็นคนที่จริงจังกับสิ่งที่ตั้งใจทำมาก ไม่มีทางยอมถอดใจหรือเปลี่ยนใจง่าย ๆ แค่นี้เขาก็เบาใจได้แล้วว่าอริสากับหลานของเขาจะต้องได้มาใช้นามสกุลบดินทร์นุกูลอย่างแน่นอนไม่มีผิดพลาด...เพียงแค่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
แต่ถ้ามันช้าเกินไปเขากับนลินญานี่ล่ะที่จะเป็นทัพเสริมคอยช่วยเหลือ ส่วนพ่อแม่กับน้องสาวน่ะให้เป็นทัพหลังไปก่อนถ้าทัพหน้าและทัพเสริมไม่ไหวจริง ๆ ค่อยเคลื่อนพล
กลางดึกสงัดขณะที่คนในบ้านหลับไปแล้วทัพหน้าของบ้านกลับย่องออกจากบ้านด้วยชุดดำอำพรางกายให้เข้ากับความมืด เขาออกจากบ้านโดยไม่มีใครรู้และปีนเข้าบ้านผู้บังคับบัญชาโดยไม่มีผู้ใดเห็นเช่นกัน
ชายหนุ่มในชุดดำเดินลัดเลาะมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากระเบียงห้องห้องหนึ่งที่ไฟยังคงสว่างจ้าต่างจากห้องอื่นก่อนจะลงทุนปีนขึ้นไปบนต้นไม้นั้นด้วยท่วงท่าชำนาญและว่องไวปานลิงปานค่างจนมาถึงกิ่งก้านที่ทอดยาวยื่นไปใกล้กับระเบียงห้องนั้นก่อนจะโหนตัวเข้าไปยืนอยู่บนระเบียงนั้น
ต้นไม้ต้นนี้เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ และจำได้ดีว่าเป็นต้นไม้ที่อยู่ตรงกับระเบียงห้องของลูกสาวของบ้านพอดิบพอดี
เมื่อมายืนอยู่บนระเบียงห้องได้ศารทูลก็ได้แต่ทอดถอนใจกับตัวเอง ให้ตายเถอะ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมาปีนห้องคู่อริแบบนี้
แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะใบหน้าที่ซีดจนน่าเป็นห่วงของอริสาในตอนที่เรื่องที่เธอท้องถูกเปิดเผยออกมามันกวนใจเขาจนนอนไม่หลับนี่น่า อยู่ ๆ ก็เป็นห่วงยัยคู่ปรับขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ไม่...ไม่ใช่ เขาห่วงลูกต่างหากกลัวว่ายัยผู้หญิงใจร้ายจะทำให้ลูกของเขาไม่สบายไปด้วยต่างหากล่ะ ไม่ได้ห่วงยัยแม่ใจร้ายของลูกเลย
ก๊อก ๆ ๆ
เมื่อเห็นว่าไฟในห้องยังเปิดอยู่ชายหนุ่มจึงเคาะประตูกระจกที่เชื่อมกับระเบียงแทนที่จะหาทางแงะเข้าไปรอไม่นานร่างบางก็เปิดประตูทว่าคนที่เปิดนั้นไม่ใช่คนที่เขาต้องการจะเจอ
เป็นคุณตันหยงที่เปิดประตูและยืนกอดอกมองมาที่เขาด้วยมาดคุณครู...ศารทูลฉีกยิ้มแห้ง ๆ ส่งให้ทันทีที่เห็นท่าทีนั้น
ความจริงแล้วเขาไม่กลัวท่านอาทิตย์เลยนะ เพราะท่านก็มีนิสัยคล้ายพ่อเขา แต่คนที่เขาหวาด ๆ จริง ๆ คือคนที่ปกติยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างคุณตันหยงหรือที่ช่วงหนึ่งเขาเรียกอีกฝ่ายว่าคุณครูตันหยงต่างหากล่ะ
แม่ยาย(โดยไม่ได้ตั้งใจ)ของเขาเป็นอดีตครูโรงเรียนประถมที่ฟาดเขาได้เจ็บที่สุด เป็นคนที่วางมาดคุณครูทีไรเขาเสียวสันหลังทุกที ขนาดที่เลิกเป็นครูตั้งแต่อินทัชอายุ10ขวบเขาก็ยังคงกลัวอยู่ไม่เปลี่ยน เวลายิ้มแย้มน่ะคุยกันได้ดีอยู่หรอกแต่เวลาวางมาดแบบนี้...ขนแขนลุกชันไปหมดแล้ว
“คิดไว้แล้วไม่มีผิด นี่คุณสารวัตร คุณไม่รู้เหรอว่าเข้าบ้านคนอื่นในยามวิกาลโดยไม่ได้รับอนุญาตน่ะมันผิดกฎหมายนะ”
“ผะ ผมแค่...”
“เป็นห่วงเมีย?”
“ผะ ผมห่วงลูก” ชายหนุ่มแย้งก่อนจะเจอคุณครูสมัยประถมค้อนเข้าให้
“หึ จะห่วงลูกห่วงเมียก็ช่างเถอะ แต่อลินน่ะร้องไห้จนหลับไปแล้วล่ะ ถ้าจะคุยไว้วันหลังดีกว่านะ”
“ร้องไห้เหรอครับ? อลินเนี่ยนะ”
“นี่ ๆ มีแม่กับน้องชายเป็นหมอสูติฯเสียเปล่าไม่รู้รึไงว่าคนท้องน่ะอารมณ์อ่อนไหว มีอะไรกระทบนิดหน่อยก็บ่อน้ำตาแตกแล้วล่ะ”
“ถึงจะมีแม่มีน้องเป็นหมอแต่ผมก็ไม่ใช่หมอนี่ครับ ผมจะไปรู้ได้ยังไงเล่า จริงมั้ย”
“เหอะ ไม่ไหวเล้ย” แม่ของเจ้าของห้องว่าให้ด้วยท่าทีสบายกว่าตอนแรก ท่าทีของท่านเหมือนไม่ได้ขุ่นเคืองใด ๆ ต่างไปจากคนเป็นสามีที่รายนั้นเคืองจนไม่อยากมองหน้าผู้ชายผู้เป็นพ่อของหลาน
“ดูคุณอาไม่โกรธเลย?”
“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่” คุณตันหยงว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะถอนใจโล่ง “จริง ๆ อามองออกตั้งแต่วันเกิดอินแล้วล่ะว่าอลินท้อง อลินคิดว่าตบตาทุกคนได้แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยอลินตบตาคนที่เลี้ยงอลินมาอย่างอาไม่ได้หรอก ตอนนั้นอาทั้งตกใจแล้วก็เครียดแทบแย่เพราะคิดว่าอลินท้องกับนายตฤณกันต์”
“พอรู้ว่าไม่ใช่ก็โล่งอกได้เลยล่ะ ถึงจะผิดคาดที่พ่อของลูกในท้องอลินเป็นเราก็เถอะ แต่ก็ดีกว่าเป็นผู้ชายที่แต่งงานไปแล้วและตอนนี้ก็กำลังมีลูกอีกคนอย่างนายคนนั้นนี่ ถูกหาว่าท้องก่อนแต่งมันไม่แย่เท่าถูกหาว่าเป็นเมียน้อยสามีชาวบ้านหรอกนะ” จิตใจของพ่อแม่ย่อมไม่ปรารถนาให้ลูกต้องอับอายหรือถูกประณามว่าร้าย สำหรับคุณตันหยงแล้วการที่พ่อของลูกในท้องลูกสาวไม่ใช่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วต่อให้เป็นคนที่คาดไม่ถึงยังไงมันก็สร้างความโล่งใจให้ได้แล้วล่ะ
“อีกอย่างเราก็รู้ว่าอาน่ะหวงแต่ลูกชายไม่ได้หวงลูกสาว ไอ้เรื่องหวงเรื่องเคืองน่ะปล่อยให้พ่อเขาเป็นไปเถอะ” ใช่...เธอไม่ได้หวงลูกสาวแบบพ่อของลูกหรอกนะ เธอน่ะหวงลูกชายมากกว่าอีก เพราะอริสาน่ะมีคนดุยิ่งกว่าร็อคไวเลอร์อย่างท่านอาทิตย์หวงคนเดียวก็พอแล้วล่ะ ผิดกับลูกชายสองคนที่พ่อของลูกปล่อยให้ใช้ชีวิตโดยไม่คอยตามหวง ไม่สนใจด้วยว่าจะไปคว้าใครมาเป็นสะใภ้ ซึ่งเธอยอมไม่ได้ ลูกสาวน่ะแต่งงานยังได้สินสอดแต่ลูกชายน่ะแต่งไปเธอต้องเป็นฝ่ายจ่ายนะ ถ้าเกิดได้ลูกสะใภ้ไม่ดีมาเธอก็ขาดทุนแย่สิ คนที่ควรค่าแก่สินสอดทองหมั้นของเธอน่ะต้องเป็นคนที่เธอเห็นว่าเหมาะสมไม่ใช่คว้าใครมาก็ได้
“ขี้งก” ศารทูลพึมพำราวกับอ่านใจอดีตคุณครูสมัยประถมออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไอ้ที่หวงลูกชายน่ะเขารู้หรอกว่าเพราะความขี้งก ก็มีลูกชายตั้งสองคนขืนเอาใครมาเป็นสะใภ้ก็ได้เกิดได้ผู้หญิงไม่ดีมาก็ขาดทุนป่นปี้น่ะสิ เพราะฉะนั้นจึงหวงลูกชายไว้เพื่อที่จะได้หาผู้หญิงที่ควรค่าแก่สินสอดของท่านจริง ๆ ส่วนลูกสาวที่ไม่หวงไม่ใช่เพราะไม่รักแต่เพราะเลเวลความหวงน่ะท่านอาทิตย์กินขาดจึงไม่จำเป็นต้องไปหวงอีกคน...เพราะเดี๋ยวจะขายไม่ออก
“ได้ยินนะ” อดีตคุณครูจิกตาบอกก่อนจะส่งเสียงฮึหมั่นไส้ในลำคอและวกกลับมาเรื่องอริสาก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปกว่านี้ “ว่าแต่ที่ตัดสินใจออกมาพูดในวันนี้แสดงว่าเตรียมการมาดีแล้ว?”
“ก็ดีในระดับนึงครับ”
“ทำไมถึงเป็นระดับนึง?”
“ก็ผมประมาณค่าความโมโหของอาอรรคผิดไปหน่อย คิดว่าพอบอกไปแล้วอาอรรคอาจจะโกรธแล้วก็แค่ต่อย จากนั้นก็คุยเรื่องรับผิดชอบกันและจบด้วยการสั่งให้อลินแต่งงานกับผม ใครจะไปคิดว่าจะปล่อยให้อลินเป็นคนตัดสินใจกันล่ะ”
“แล้วยังไง? เป็นอย่างนี้แล้วจะทำยังไงต่อ?”
“ผมก็ต้องจัดการเองสิ” ทีแรกกะจะฟ้องให้ผู้ใหญ่สั่งให้แต่งงานกันเพื่อลูกแต่พอผู้ใหญ่ไม่เอาด้วยเขาก็คงจะต้องเปลี่ยนหนทางใหม่ ก็เลยมาหาอริสานี่ไงล่ะ
“ก็เลยจะมาคุยกับอลินนี่ล่ะ”
“หมายความว่าไม่ได้คิดที่จะต่างคนต่างอยู่?”
“อาจจะเพราะผมสนิทกับคะนิ้งที่มีแค่แม่ไม่มีพ่อมั้งครับผมถึงรู้สึกว่าลูกผมไม่ควรจะเป็นแบบนั้น ก่อนจะรวมแก็งคะนิ้งเขาก็ไม่มีเพื่อนเลยนะ ผมไม่อยากให้ลูกผมพบเจอกับคำว่าลูกไม่มีพ่อ หรือลูกไม่มีแม่ ต่อให้ผมกับอลินจะไม่ถูกกันแต่ผมก็อยากให้ลูกอยู่กับทั้งพ่อและแม่”
“แต่เรากับอลินจะไหวจริง ๆ เหรอ?”
“ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ไปแล้วผมก็อยากจะลองดูสักตั้งครับ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยถอย มันดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วอยู่ ๆ ก็โผล่มาแสดงตัวว่าเป็นพ่อเหมือนกับพ่อของคะนิ้ง”
“นี่จะบอกอะไรให้นะ ถึงอาอรรคเขาจะบอกว่าห้ามยุ่งแต่อาก็อดไม่ได้จริง ๆ ถ้าเรามั่นใจว่าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อลูกแล้วล่ะก็...เราต้องปราบแม่ของลูกให้อยู่หมัดเสียก่อนหลานของอาถึงจะมีครอบครัวที่ไม่ใช่แค่สมบูรณ์แต่ยังอบอุ่นด้วย”
“แน่นอนว่าผมต้องปราบพยศยัยนั่น”
“จ้ะ อาเอาใจช่วยนะ แต่ก็มีเรื่องที่จะเตือนด้วยนะ” คนที่ตอนนี้เหมือนจะอยู่ฝั่งเขาไม่ใช่ฝั่งลูกสาวเอ่ยบอก
“เตือนอะไรครับ”
“อย่ามั่นใจจนเกินไปว่าตัวเองเป็นเสือไม่มีอะไรล้มเราได้ง่าย ๆ อย่าหลงลืมไปว่าผึ้งน่ะมีเหล็กใน เกิดเผลอตัวโดนเหล็กในของผึ้งเข้าไประวังล้มไม่เป็นท่าจากจะปราบเขาจะกลายเป็นโดนเขาปราบกลายเป็นทาสเมียแบบอาอรรคกับพ่อของเราเข้าล่ะ”
“เหอะ ผึ้งน่ะถ้าพวกน้อยมันไม่ดุหรอกครับ จับมาดึงเหล็กในออกได้ง่ายเชียวล่ะ ผึ้งน้อยอย่างลูกสาวคุณอาน่ะผมจะปราบให้ดู”
“ก็ให้มันจริงเถอะ” คุณตันหยงว่าให้อย่างหมั่นไส้ มันก็จริงของศารทูลที่ผึ้งเป็นสัตว์ที่มีเหล็กในแต่ถ้าพวกน้อยมันก็จะไม่ต่อยเพราะโอกาสตายสูง แต่ศารทูลลืมไปหรือไม่ผึ้งที่พูดถึงกันนั้นคืออริสาที่มีชื่อเล่นมีความหมายว่าผึ้งไม่ใช่ผึ้งจริง ๆ เหล็กในของอริสาย่อมไม่สามารถดึงออกง่าย ๆ และผึ้งตัวนี้ก็มีตัวประกันอยู่ในท้อง...ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งคน หรืออาจจะสองคนยังไงเสียผึ้งตัวนี้ก็เล่นงานยาก ประมาทมาก ๆ อาจกลายเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียเอง
“อลินหลับไปแล้วงั้นผมกลับดีกว่า ขืนอยู่นานผมอาจจะได้ลูกปืนเป็นรางวัล” ศารทูลเอ่ยขึ้นหลังจากที่ลอยหน้าลอยตามั่นใจว่าตัวเองเป็นเสือที่ล้มยากแค่ผึ้งตัวเดียวทำอะไรเขาไม่ได้หรอก เมื่ออริสาหลับไปแล้วเขาก็ไม่มีธุระที่จะต้องอยู่ต่อ ขืนอยู่นานกว่านี้อาจมีลูกปืนลอยมาเฉียดหัวจากที่ใดที่หนึ่งก็ได้
“อือ รีบไปเถอะ อาก็ว่าจะพูดอยู่เชียว” คนรู้ดีว่าลูกปืนจะลอยมาจากทางไหนบอกก่อนที่ศารทูลจะกลับออกไปในเวลารวดเร็ว
“เหอะ ดึงเหล็กในออกได้ง่ายจะปราบให้ดูเหรอ ไอ้ที่พูดแบบนี้จอดที่ทาสเมียมากี่รายแล้วไม่สำเหนียกเลยลูกไอ้สันต์เนี่ย” เสียงพึมพำจากไม่ใกล้ไม่ไกลไปจากจุดที่คุณตันหยงยืนอยู่ทำให้คุณตันหยงที่ยืนยิ้มน้อย ๆ อยู่ต้องหันไปยิ้มให้
“ที่บอกว่าจอดที่ทาสเมียน่ะรวมพี่ด้วยรึเปล่าคะพี่อรรค?”
“ก็เพราะเป็นหนึ่งในนั้นแล้วเมื่อก่อนก็มั่นหน้าแบบมันนี่ไงถึงได้พูดแบบนี้” ท่านอาทิตย์ที่เข้ามาในห้องตั้งแต่เห็นเงาคนปีนต้นไม้ขึ้นมาเอ่ยทั้งขุ่นเคืองทั้งหมั่นไส้ไอ้คนเพิ่งออกไปเสียจริงเชียว ไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่เคยเล่าให้ฟังรึไงว่าไอ้ที่พูดว่าจะปราบเมียน่ะโดนปราบมากี่รายแล้ว
เขานี่คนนึงไง สัตยาก็อีกคน สมัยก่อนก็ซ่า ๆ มั่นหน้าปรามาสว่าจะปราบสองสาวกานต์รวีและตันหยงให้สยบแทบเท้าให้ได้ สุดท้ายเป็นไงเหนือกว่าผบช.ปส.ก็เมียผบช. เหนือกว่ารองผบ.ตร.ก็เมียท่านรองนี่ล่ะ “คอยดูเถอะ วันไหนมาสยบแทบเท้าอลินนะพี่จะยุให้อลินเล่นงานให้หนัก”
5ความคิดเห็น