คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่11 ซวยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
บทที่11 ซวยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
แม้จะบอกนลินญาว่าว่างวันพฤหัสบดีและวันศุกร์หน้าแต่จริง
ๆ แล้วบ่ายวันต่อมาก็เป็นวันว่างของอริสาแต่หญิงสาวกลับไม่บอกนลินญาเพราะอยากใช้วันว่างนี้ไปหาหมอ...ไมอที่ไม่ใช่สีหราช
ด้วยอาการที่ฟ้องให้กังวลและอริสาเป็นคนไม่อยากจะรู้สึกค้างคาหรือกังวลหญิงสาวจึงอยากจะตรวจให้รู้ชัดไปเลยว่าท้องหรือไม่...จากนั้นเธอจะเอายังไงค่อยคิดอีกที
ในตอนเช้าอริสามาทำงานปกติโดยไม่ได้บอกกับชริมาหรือแม้แต่แพนธีราว่าจะไปหาหมอ
แน่นอนว่าเรื่องในคืนนั้นนอกจากเธอกับคู่ปรับแล้วไม่มีเพื่อนคนไหนรับรู้
เช่นเดียวกับเรื่องยาในชาที่รู้กันแค่4คนเท่านั้น
แม้จะเป็นเพื่อนแต่เธอก็ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่จึงไม่ได้เล่าให้แพนธีราฟัง
และเดาได้ว่าอีก3คนก็ไม่ต่างกัน
“ช่วงบ่ายพี่ไม่เข้ามาใช่มั้ยคะ?”
ชริมาสอบถาม
“ใช่ พอดีมีธุระน่ะ
ว่าแต่...สองคนนั้นออกไปแล้วใช่มั้ย?” อริสาตอบและถามกลับถึงบุคคล2คนที่เธอไม่อยากเจอที่สุด
ตฤณกันตและนภิตรา
ที่ผ่านมาเพราะไม่อยากจะมีปัญหาและไม่อยากเสวนาเธอจึงหลบเลี่ยงคนทั้งคู่อยู่บ่อยครั้ง
ก่อนเวลาพักจะต้องให้ชริมาไปดูให้เสมอว่าสองคนนั้นออกไปกันรึยัง วันนี้ก็เช่นกัน
“ออกไปแล้วค่ะ
ได้ยินว่านางมีนัดตรวจครรภ์ล่ะ” ชริมาตอบคำตอบของสาวรุ่นน้องทำให้อริสาถอนใจพรืด
หลักฐานการนอกใจที่ขยายขึ้นมาทิ่มตาเธอเรื่อย ๆ นี่มันช่างทำให้ปวดใจจริง ๆ
แม้ว่าตอนนี้เธอจะเริ่มจะไม่รู้สึกอะไรกับตฤณกันตแล้วแต่ก็จี๊ดขึ้นทุกครั้งที่หันไปเห็นนภิตราในชุดคลุมท้อง
มันย้ำเตือนว่าเธอโง่ขนาดไหนอยู่เป็นประจำเลยล่ะ
“ออกไปแล้วก็ดี พี่จะได้ไม่ต้องเจอ
ฝากเคลียร์ห้องแล้วก็บอกแพนด้วยนะว่าบ่ายพี่ไม่เข้า” อริสาสั่งผู้ช่วยสาวก่อนจะลุกออกจากห้อง
เวลาต่อมา...
จะมีใครซวยแบบเธอมั้ย?...อริสาก็ได้แต่ถามตัวเอง
อุตส่าห์แอบมาหาหมอดันมาเจอคนที่ไม่อยากเจอถึง4คน
“พี่อลินมาหาหมอเหรอคะ?” น้ำเสียงดัดจริตของนภิตราผู้ใสซื่อถามมาด้วยน้ำเสียงคล้ายจะห่วงใยขณะที่คนข้างกายหญิงสาวอีกสองคนยังคงยืนนิ่ง
หนึ่งคือตฤณกันตผู้นึกสงสัยแต่ก็ต้องวางมาดว่าไม่สนใจ
ขณะที่อีกคนคือมารดาของชายหนุ่มที่ไม่ค่อยปลื้มเธอมาตั้งแต่แรกแต่ปลื้มอกปลื้มใจลูกสะใภ้ผู้ใสซื่อเงินหนา
อริสาอยากจะอาละวาดใส่คนทั้ง3แต่ก็ทำได้แต่นิ่งเพื่อไม่ให้เสียลุคบก.สาวสุดสตรองต่อหน้าสาธารณะชน
“มาโรงพยาบาลและเข้าคิวรอแบบนี้ไม่มาหาหมอก็คงมาพบตำรวจมั้ง”
อริสาตอบไปในที่สุดก่อนจะมองอีกคนที่เข้าในข่ายไม่อยากเจอ
จะบ้าตายเธออุตส่าห์หลบและกำชับกำชาพยาบาลว่าไม่ต้องการตรวจกับหมอสีหราชแต่ดันเจออีกฝ่ายเข้าจัง
ๆ วันนี้เธอคงก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้างถึงได้ไม่เป็นดั่งหวังแบบนี้
“พี่พยาบาลคะ บอกแล้วไงว่าไม่ตรวจกับหมอสิงห์”
หญิงสาวทำเป็นไม่สนใจนภิตราและครอบครัวแล้วหันไปกระซิบกับพยาบาลสาวที่จัดแจงให้เธอเข้ามารอในห้องตรวจและพบเข้ากับคนที่ไม่อยากเจอทั้ง4คน
“พอดีหมอมิ้นลากิจกะทันหันน่ะค่ะ
คนไข้ของหมอมิ้นเลยโอนมาให้หมอสิงห์”
พยาบาลสาวกระซิบบอกก่อนจะยื่นประวัติคนไข้ทั้งสองรายให้กับคุณหมอ
คนไข้รายแรกก็คือนภิตราที่ความจริงมีนัดตรวจครรภ์กับหมอผู้หญิงอีกคนแต่เพราะวันนี้หมอคนนั้นมีธุระกะทันหันและสีหราชก็ว่างและรับอาสาตรวจแทนให้
และอีกรายก็คืออริสา
สีหราชรับประวัติของคนไข้ทั้งสองมาทว่ากลับไม่ได้อ่านรายละเอียดข้างในในทันที
ดวงตาจดจ้องมาที่เพื่อนสาวด้วยความสงสัย “แกมาตรวจภายใน หรือมาทำอะไร
ทำไมถึงเจาะจงไม่ตรวจกับฉัน?”
“เอ่อ มาตรวจภายในน่ะ แต่คิดดูอีกที
ไม่ตรวจแล้วดีกว่า กลับล่ะนะ” อริสาลนลานบอกก่อนจะออกจากห้องตรวจไปทันทีทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้กับคุณหมอหนุ่มและอีก3คน
ทว่าอริสาคงลืมไปว่าก่อนจะเข้ามาห้องตรวจได้แจ้งจุดประสงค์ให้กับพยาบาลไว้แล้วและจุดประสงค์ของหญิงสาวก็ถูกระบุชัดในระเบียนประวัติทันทีที่สีหราชเปิดดูก็รู้ได้ในทันที
‘ตรวจการตั้งครรภ์งั้นเหรอ?’ สีหราชได้แต่เก็บความสงสัยไว้และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
เสร็จงานแล้วค่อยสืบหาความจริงก็ยังไม่สาย
ด้านอริสาที่ลนลานออกมาจากห้องตรวจได้แต่นั่งกลุ้ม
ตรวจก็ไม่ได้ตรวจ แถมยังเจอคนที่ไม่อยากเจออีก ไหนจะไปเผยพิรุจให้สีหราชสงสัยอีก
นี่มันวันอะไรกันนะ
“สารวัตรคะ คุณโอเคมั้ย?”
ขณะที่กำลังคิดอย่างกลัดกลุ้มเสียงสนทนาหนึ่งก็ลอยเข้ามาในหูจนต้องให้ความสนใจเมื่อเสียงสนทนาตอบรับนั้นเป็นเสียงที่คุ้นหู
“ผมโอเคครับซากิโกะ
คุณล่ะเจ็บตรงไหนมั้ย”
“ฉันโอเคค่ะสารวัตร ดีใจจังที่คุณเป็นห่วง”
เสียงผู้หญิงที่ตอบโต้พูดด้วยสำเนียงเปร่ง ๆ
บ่งบอกว่าไม่ใช่คนไทยขณะที่เสียงของผู้ชายนั้นแค่ฟังคำเดียวอริสาก็รู้สึกคุ้นจนต้องมองหาต้นเสียงและแอบลอบมอง
เป็นเขาคนนั้นจริง ๆ
...เสียงที่คุ้นหูนั้นเป็นของศารทูลจริง ๆ
ดวงตาคู่คมเฉียบลอบมองชายหนุ่มในชุดนอกเครื่องแบบมีผ้าพันแผลพันรอบฝ่ามือขวา
ข้าง ๆ กันเป็นสาวที่สูงเกือบจะเท่าชายหนุ่มยืนอยู่ เธอคนนั้นผมยาวสลวย
ใบหน้าบ่งบอกสัญชาติว่าไม่ใช่สาวไทยแต่เป็นสาวต่างชาติ ยิ่งก่อนที่ศารทูลเรียกเธอว่าซากิโกะ
เดาได้ไม่ยากว่าสาวคนนี้เป็นสาวเจแปนนิสอย่างแน่นอน
มันน่าหนักเชียวขณะที่เธอกำลังกลุ้มใจและรู้สึกผิดอีตานี้กลับมาจีบกับสาวเจแปนนิสภายในโรงพยาบาลโดยไม่แคร์สายตาใคร
มือบางกำแน่นโดยไม่รู้ตัว อยู่ ๆ
อริสาก็รู้สึกลมออกหูขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เราทำงานด้วยกัน
และคงจะต้องร่วมงานกันไปอีกสักพัก ไม่เป็นห่วงกันไม่ได้หรอกครับ” ศารทูลตอบกลับสาวญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ข้าง
ๆ ด้วยรอยยิ้มโดยไม่รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ใกล้ ๆ ของใครอีกคนแม้แต่น้อย
ไม่รู้เลยด้วยว่าคน ๆ นั้นกำลังขุ่นเคืองไม่ใช่น้อย
อริสาสะบัดหน้าเดินหนีทันทีที่เห็นรอยยิ้มของคนทั้งคู่
รู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะอาวาดโรงพยาบาลโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หญิงสาวจากไปแล้วแต่ศารทูลและสาวญี่ปุ่นยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่นานก็มีใครอีกคนเดินเข้ามาหาทั้งคู่
คนมาใหม่เป็นหนุ่มสัญชาติเดียวกับหญิงสาวและมาประเทศไทยพร้อมกับหญิงสาว
แท้จริงแล้วทั้งคู่คือตำรวจญี่ปุ่นที่ติดตามคนร้ายมาถึงประเทศไทย
เมื่อมีการประสานงานเข้ามาและได้รับข้อมูลมาว่าคนร้ายคนนั้นเกี่ยวข้องกับคดีที่ศารทูลกำลังสืบอยู่ผู้ใหญ่จึงให้ศารทูลเป็นผู้ช่วยและร่วมมือกับทั้งคู่จับคนร้ายคนนั้นให้ได้
“เฮ้สารวัตร
เมื่อครู่ผมเดินชนกับคนหน้าตาเหมือนคุณแต่ใส่เสื้อกาวน์ด้วย” มิซาว่า เคนอิจิ สารวัตรหนุ่มจากกรุงโตเกียวเอ่ยบอกด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ทั้งตัวเขาและมัตสิมิ ซากิโกะ ที่มาด้วยกันต่างก็สื่อสารภาษาไทยได้เนื่องจากเคยร่ำเรียนมาบ้างจึงใช้ภาษาไทยสนทนากับศารทูลแทนการใช้ภาษาสากล
“อ้อ ฝาแฝดของผมน่ะ
เขาเป็นหมอสูติอยู่โรงพยาบาลนี้ล่ะ” ศารทูลชี้แจงก่อนจะเชิญชวนทั้งสองคน
“ทำแผลเสร็จแล้วเราออกจากที่นี่กันเถอะ ผมไม่ค่อยอยากเจอน้องชายเท่าไหร่
ขืนเจ้านั่นเห็นผมได้แผลคงได้บ่นยับแน่”
“โอเค” เคนอิจิตอบรับทว่าทั้ง3กลับไม่ทันได้ก้าวไปไหนสีหราชก็ร้องเรียกศารทูลเข้าเสียก่อน
“จะรีบไปไหนไอ้เสือ
ทำอย่างกับไม่อยากเจอฉันงั้นแหละ”
“ก็ไม่อยากเจอน่ะสิ” ศารทูลตอบกลับพยายามซ่อนมือที่เจ็บไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น
ทว่าสีหราชกลับไม่สนใจแผลของแฝดผู้พี่มากไปกว่าการมองหา
“เออ แกเห็นอลินมั้ย?”
“อลิน? ยัยนั่นมาโรงพยาบาลเหรอ?”
ได้ยินชื่ออริสาขึ้นมาศารทูลก็แทบบ้า หัวเสียไม่น้อยกับสิ่งที่อริสาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าและหลบหน้าหลบตาไปในเช้าวันนั้น
วันนั้นเขาตื่นมาเจอเพียงหยดเลือดแห้งกรังบนผ้าปูที่นอนและความว่างเปล่า...ใครว่าฟันแล้วทิ้งทำได้แค่ผู้ชายเล่า
ผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน ยัยนั่นได้เขาแล้วทิ้งอย่างไม่ใยดี
หลบหน้าหลบตาไม่ยอมเปิดโอกาสเคลียร์แม้แต่น้อย มันน่าโมโหนัก
“ก็เออสิ ยัยอลินมาหาหมอมิ้น
แต่หมอมิ้นติดธุระเลยโอนคนไข้มาให้ฉัน แต่ยัยนั่นไม่ยอมตรวจกับฉันแล้วก็ขอตัวกลับ”
สีหราชบอก “แต่คงกลับแล้วมั้ง ช่างเถอะ”
ศารทูลมองน้องชายฝาแฝดที่พูดเหมือนจะตัดใจแล้วก็เดินหนีไปไม่สนใจอาการเจ็บของเขาสักนิด
ไอ้น้องบ้านี่มันน้องเขาหรือน้องของอริสากันแน่ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
ถ้าให้เลือกระหว่างเขากับอริสา เจ้านี่เลือกห่วงยัยนั่นมากกว่าเขาประจำ
“เขาถามหาแฟนเขาเหรอคะ?” ซากิโกะแทรกขึ้น
“เปล่า เพื่อนน่ะ” เพื่อนสนิทของสีหราชแต่เป็นยัยผู้หญิงไร้ความรับผิดชอบที่ได้เขาแล้วทิ้งน่ะ คิดแล้วก็ได้แต่หงุดหงิดอยู่ลึก ๆ พร้อม ๆ กับสงสัยด้วยเช่นกันว่าหญิงสาวมาหาสูตินารีแพทย์ทำไม
เธอป่วย? หรือว่า...
หรือว่าาาาาาาาาา ว่าอะไรน๊า ต้องตามติดกันจ้า
ความคิดเห็น