คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอ
ในห้องทำงานอันแสนจะหรูหราและสุขสบายของทินกร มีกระจกใสๆที่สามารถทำให้เขามองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของไร่องุ่นโดยรอบได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มนั่งเอ็นพิงพนักเก้าอี้ พลางกอดอกแน่น แววตาที่ดูเย็นชา เหม่อมองออกไปภายนอกกระจกใส ทะลุผ่านไร่องุ่นอย่างครุ่นคิด
ก่อนที่ใบหน้าอันเย็นชา จะค่อยๆก้มลงมองนาฬิกาเรือนหรูที่อยู่บนข้อมือของเขา หลังจากที่เขาวางคำสั่งให้กับหญิงสาวด้วยการเริ่มต้นการทำงานอันหนักหน่วงภายในไร่ เวลาผ่านมาเนิ่นนานจะถึงเวลาพักเที่ยงของคนงาน
ชายหนุ่มลุกขึ้น พลางเดินไปยืนหยุดอยู่ตรงกระจกใส พลางมองออกไปทางไร่องุ่น พบเห็นคนงานที่กำลังวางสิ่งของอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน และเดินกลับเข้ามาพักตามเวลาพักที่ถูกกำหนดขึ้น
ก่อนที่เขาจะยิ้มที่มุมปากเบาๆ แอบแฝงด้วยความคิดอันร้ายกาจและอาจหาญที่ก่อเกิดขึ้นอยู่ในใจ…
…
ไอยรินทร์กำลังใช้กรรไกรตัดเก็บองุ่นที่ห้อยเป็นพวงอยู่บนต้นอย่างขะมักเขม้น
“โอ๊ย…”
หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะวางกรรไกรลง แล้วมองที่มือข้างที่ใช้ถือกรรไกรตัด มือของเธอมีแผลพุพองโผล่ขึ้นมาพลางแดงช้ำ หญิงสาวก้มลงมองที่มืออย่างเจ็บปวด แต่ก็มองไปที่แถบองุ่น
เธอได้เดินทางตัดองุ่นมาจนถึงครึ่งทางแล้ว.. และเธอจะพยายามตัดเก็บองุ่นต่อไปจนเสร็จ โดยไม่ละทิ้งความพยายามและความเหนื่อยล้า
ตะกร้าองุ่นบางส่วน ถูกวางลงหลังจากที่เธอตัดเก็บเสร็จ และกำลังตัดเก็บองุ่นใส่ตะกร้าอันใหม่อย่างขะมักเขม้น
เท้าคู่หนึ่ง ได้เดินเข้ามาหยุดยืนยังตะกร้าพร้อมกับใช้มือหยิบองุ่นที่อยู่ในตะกร้าขึ้นมามองดูอย่างหยั่งเชิง ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้เท้าอีกข้างถีบที่ตะกร้าองุ่น ทำให้ตะกร้าล้มลงและองุ่นได้หล่นกระจัดกระจาย
หญิงสาวที่กำลังตัดองุ่นอยู่ หยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ก่อนจะรีบหันไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาของเธอต้องเบิกโพลงกับการกระทำอันร้ายกาจของทินกร
“เธอเก็บองุ่นเน่ามานานแค่ไหนแล้ว..”
หญิงสาวหยุดมองดูเขาด้วยความชะงักและตกใจ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวด้วยแววตาที่ดุร้ายดูน่ากลัวพร้อมกับต่อว่าการทำงานอันผิดพลาดของเธอ
“ฉันก็เก็บตามที่คุณสั่ง และฉันก็เลือกเก็บองุ่นลูกที่ดีที่สุดแล้ว..”
“ทำอะไรสิ้นคิด.. รู้ไหม..การเก็บองุ่นแบบนี้ มันสร้างผลผลิตที่เสียหายมากขนาดไหน .. เธอเลือกเก็บองุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็นำตะกร้าองุ่นวางตากแดด ไม่นำไปเก็บไว้ในที่ร่มตามกลวิธี .. แล้วแบบนี้ จะไม่ให้ฉันต่อว่าการกระทำอันสิ้นคิดของเธอได้ยังไง?”
หญิงสาวได้แต่ยืนมององุ่นที่หกหล่นกระจัดกระจายจากการกระทำของชายหนุ่มด้วยความเสียใจ พลางยืนมองชายหนุ่มด้วยความสั่นเกร็งและรู้สึกเกร็งกลัวต่อดวงตาอันแสนจะอันตรายของเขา
“ฉัน.. ฉันไม่รู้..”
“กับการที่เธอใช้คำแก้ตัวอันมารยาของเธอ มาอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเสียหาย มันไม่ได้ผลกับฉันหรอกน่ะ… ไร่องุ่นของฉัน ผลิตองุ่นและไวน์ที่มีคุณภาพระดับประเทศ ฉันทุ่มเทและใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม จนกระทั่งการเก็บผลผลิตที่ดีที่สุด .. แต่ผู้หญิงอย่างเธอ กลับมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ความตั้งใจของคนงานทุกคนในที่นี่ เธอกลับทำลายมันลงไปด้วยความสิ้นคิด… อย่ามาใช้มารยาสารไถของเธอ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้..”
ชายหนุ่มพูดต่อว่าหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าวและดุร้าย ทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ ก่อนที่ดวงตาของชายหนุ่มจะชำเลืองมองกรรไกรที่อยู่ในมือของเธอ เขารีบใช้มือคว้ากรรไกรนั้นมาไว้ในมือ
“โอ๊ย…”
หญิงสาวร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางใช้มืออีกข้างประคับประคองมือข้างที่เป็นแผลพุพองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ทินกรมองที่มือของหญิงสาวอย่างยิ้มเยาะออกมาเบาๆด้วยความสมเพช
“เพียงแค่นี้… เธอก็พิสูจน์ตัวเองไม่ได้แล้ว .. ฉันคิดไว้ไม่ผิด ว่าเธอคงไม่สามารถทนความลำบากในไร่นี้ได้นานถึงวัน.. แต่ก็ช่างเถอะ ไร่ของฉัน ไม่ได้ต้องการคนที่ไร้คุณภาพและความคิดอย่างเธอมาทำงานอยู่แล้ว… ต่อไปนี้ เธอก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าเธอที่ไร่แห่งนี้อีก…”
สิ้นเสียงชายหนุ่มที่ต่อว่าด้วยคำพูดอันรุนแรงและแสนจะเสียดแทงลงหยั่งลึกลงในใจของไอยรินทร์ ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอย่างไม่สนใจใยดีในตัวเธอ ไอยรินทร์ได้แต่กล้ำกลืนของเจ็บปวด พลางมีน้ำใสๆไหลซึมเล็ดออกมาทางดวงตาทั้งสองข้าง เธอหยุดยืนเหม่อมองชายหนุ่มที่เดินจากไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน พลางหันมามองแผลพุพองที่เกิดจากการจับกรรไกรนานด้วยความเวทนา
ไอยรินทร์ตัดสินใจก้มเก็บองุ่นที่ถูกชายหนุ่มเตะจนกระจัดกระจายมาไว้ในตะกร้าดังเดิม ระหว่างที่เธอก้มเก็บองุ่นอยู่ จู่ๆน้ำใสๆก็ไหลพรั่งพรูออกมาทางดวงตา ใบหน้าที่ดูเศร้าหมองอย่างคนหมดแรง ทำได้เพียงแค่ก้มเก็บลูกองุ่นอันไร้ค่าที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้นด้วยความรู้สึกกล้ำกลืน
…
ไอยรินทร์เดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนของเธออีกครั้ง.. หลังจากการถูกต่อว่าจากชายหนุ่ม ที่ต่อต้านเธอจากการทำงานภายในไล่
ก่อนที่หญิงสาวจะเปิดตู้เสื้อผ้าออก พร้อมกับเก็บเสื้อผ้าและของใช้ทุกอย่าง รวบรวมลงในกระเป๋าใบใหญ่ด้วยแววตาที่เศร้าและท้อแท้ในดวงจิต
หลังจากที่เธอเก็บของทุกอย่างใส่ในกระเป๋าจนเสร็จ.. ในเวลานี้ อัญชลีพร้อมกับคนรับใช้ ได้เดินทางออกไปข้างนอก จึงไม่มีใครอาศัยอยู่ในบ้าน ในเวลานี้…
เสียงของคนที่ค่อยๆยกกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ เดินลงบันไดมาทางชั้นล่าง พร้อมกับสวมใส่รองเท้า และค่อยๆเดินลากกระเป๋าออกไปทางภายนอกบ้าน..
บรรยากาศแดดที่แรงในยามบ่าย ถนนเข้าออกบ้านไร่ที่ไร้แม้กระทั่งต้นไม้และศาลาพักพิง มีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินลากกระเป๋าไปตามถนนเรื่อยๆอย่างยากลำบาก…
ก่อนที่สองเท้าจะหยุดชะงัก พร้อมกับมืออีกข้างที่ถูกเอาขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้าอันเรียวรูปไข่เบาๆ พลางค่อยๆหันไปมองประตูหลังใหญ่ของบ้านไร่ด้วยแววตาที่เศร้าสลดและรู้สึกผิด
“ไอขอโทษน่ะค่ะ… ไอไม่สามารถอยู่บ้านไร่หลังนี้ได้จริงๆ.. ลาก่อน..”
ไอยรินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้า พร้อมกับค่อยๆหันหลังให้กับประตูบ้านไร่ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว แต่พยายามเดินลากกระเป๋าตรงไปตามถนน เพียงหวังให้มีรถคันใดคันหนึ่งวิ่งผ่าน และรับเธอไปให้พ้นจาก ณ ที่ตรงนี้…
ทันใดนั้น… ก็ได้มีรถยนต์คันสีดำคันหนึ่ง ขับเคลื่อนมองผ่านเธออย่างเช้า ก่อนจะหยุดจอดลง ไอยรินทร์หยุดชะงักมองรถยนต์สีดำคันนั้นด้วยความฉงนสงสัยแกมมีความหวัง ก่อนที่จะมีชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเดินลงมาจากรถเก๋งคันดำนั้น พร้อมกับตรงมาหาหญิงสาว
“คุณกำลังจะไปไหนหรอครับ?”
ปานเทพ… มองหญิงสาวด้วยความสนใจ และแววตาที่แสนจะเจ้าเล่ห์ภายใต้แว่นตาสีดำที่บดบังอยู่ พลางเสแสร้งเอ่ยถามอย่างคนที่มีน้ำใจ ไอยรินทร์มองปานเทพทื่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะตอบออกไป
“ฉันกำลังจะเดินทางไปในตัวเมือง เพื่อหารถเดินทางกลับกรุงเทพคะ… คุณพอจะช่วยพาฉันไปได้ไหมค่ะ?”
“ฉันไม่อนุญาต!!”
เสียงของชายหนุ่มอีกคนดังก้องขึ้นมาจากทางด้านหลังของหญิงสาว ไอยรินทร์รีบหันไปมองทางต้นเสียงด้วยความตกใจ
“ทินกร…”
ทินกรกับลูกน้องอีกคนเดินตรงมาที่เธอ ก่อนที่กระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวจะถูกลูกน้องของเขายื้อแย่งเข้าไปถือเอาไว้ และเดินจากไปยังภายในบ้านไร่อีกครั้ง.. หญิงสาวหยุดยืนชะงักมองทินกรด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์
ทินกรมองหญิงสาวด้วยแววตาที่ดุร้าย พร้อมกับใช้มืออันแข็งกร้าวคว้าจับมือของเธอแน่น และดึงเธอมาไว้อยู่ข้างกาย ดวงตาอันดุร้ายแปรเปลี่ยนไปจับจ้องปานเทพที่ยืนอยู่ตรงหน้า อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันไม่อนุญาต … ให้คนของฉัน ไปกับใครทั้งนั้น..”
ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าวและดุร้ายโดยไม่สนใจหญิงสาวที่เขารั้งให้ยืนอยู่ข้างๆ ปานเทพมองทินกรด้วยแววตาที่ขวางดูไม่พอใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
ก่อนที่ทินกรจะฉุดกระชากลากไอยรินทร์ให้เดินตามเขา กลับเข้าไปในบ้านไร่อีกครั้ง อย่างไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปกับใคร..
เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน ชายหนุ่มก็ได้สะบัดมือของเธอออกอย่างแรง หญิงสาวผละออกเซตามแรงมือ แล้วหันมามองใบหน้าของเขาอย่างอยากเผชิญหน้ากับดวงตาอันร้ายกาจคู่นั้น
“ถ้าคิดจะจับผู้ชายสักคน… ก็ช่วยแหกตาดูให้มันดีๆหน่อยน่ะ …ว่ามันเป็นคนดีหรือว่าคนเลว”
“ทำไม… ก็ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงอย่างที่คุณกล่าวหา … ก็ทำไมละ.. ฉันจะทำอะไร ไปกับใคร คุณจะมีสิทธิ์ห้ามฉันได้งั้นหรอ?”
“ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้..”
“งั้น… ฉันขอออกไปจากบ้านหลังนี้ เพื่อแลกกับการที่คุณไม่มีสิทธิ์ในตัวฉันอีกต่อไป..”
“ฉันไม่อนุญาต!!”
“เอ๊ะ… คุณนี่มัน….”
ทั้งสองพลอยยืนต่อล้อต่อเถียงกันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร…
“คุณต้องการอะไร..คุณทินกร.. ทั้งๆที่คุณบอกเกลียดฉัน ไม่อยากเจอหน้าฉัน ทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันทรมาน ทนอยู่ที่นี่ไม่ได้.. และวันนี้ฉันยอมแพ้คุณแล้ว ทำไมคุณถึงมารั้งฉัน มาห้ามไม่ให้ฉันออกไปจากบ้านหลังนี้..”
ไอยรินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอ ความรู้สึกที่แสนจะสับสนในตัวของชายหนุ่มในเวลานี้ ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ และทำไมเขาจึงเป็นผู้ชายที่แสนจะเดาใจยากขนาดนี้ ไม่รู้จะไปซ้ายหรือไปคว้า เขาบงการชีวิตเธออย่างคนที่เอาแต่ใจตัวเอง โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอเลยสักครั้ง…
“เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะออกจากบ้านหลังนี้ ตราบใดที่แม่ของฉันไม่อนุญาต … และเธอจะต้องอยู่ที่นี่ ฉันเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของไร่ที่นี่ และมีสิทธิ์ในตัวคนทุกคน.. ในเมื่อฉันพูดว่าไม่อนุญาต เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาขัดค้าน..”
“คุณคิดว่าคุณเป็นใครมาจากไหน… ถึงได้มาออกคำสั่งกับฉันได้… ฉันจะขอคุณป้าให้ออกไปจากบ้านหลังนี้เอง..”
“ไม่ได้หรอกจ๊ะ.. หนูไอ…”
เสียงของอัญชลีดังขึ้น ในขณะที่กำลังยืนมองทั้งสองทะเลาะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทินกรและไอยรินทร์หันมามองอัญชลีอย่างชะงัก อัญชลีเดินเข้ามาใกล้ๆทั้งสอง พลางหยุดยืนมองโดยมีคนใช้อีกคนคอยพยุง ประคับประคองคนแก่อย่างเธอเอาไว้
“เพราะตอนนี้… ฉันได้สั่งให้ร้านตัดเสื้อ มาตัดชุดแต่งงานให้กับเธอทั้งสองคนแล้ว.. ทินกร และไอยรินทร์ จะต้องเข้าพิธีวิวาห์กันในเร็วๆนี้ ตามสัญญาที่ฉันกับแม่เธอเคยหมั้นหมายกันไว้ เมื่อ 23 ปีที่แล้ว..”
อัญชลีพูดขึ้นพลางยิ้มออกมาเบาๆ แล้วเดินเลี่ยงไปยังห้องรับแขก ไอยรินทร์และทินกรถึงกับชะงักเมื่อได้ยินในสิ่งที่อัญชลีพูด
จะเป็นไปได้อย่างไร.. เมื่อคนที่เกลียดกัน จะมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน.. อย่างคนที่ถูกคลุมถุงชน..
…
ความคิดเห็น