ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวใจหิน2 (หัวใจ..ทรนง)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 57


              ในห้องทำงานอันแสนจะหรูหราและสุขสบายของทินกร มีกระจกใสๆที่สามารถทำให้เขามองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของไร่องุ่นโดยรอบได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มนั่งเอ็นพิงพนักเก้าอี้ พลางกอดอกแน่น แววตาที่ดูเย็นชา  เหม่อมองออกไปภายนอกกระจกใส ทะลุผ่านไร่องุ่นอย่างครุ่นคิด

              ก่อนที่ใบหน้าอันเย็นชา จะค่อยๆก้มลงมองนาฬิกาเรือนหรูที่อยู่บนข้อมือของเขา หลังจากที่เขาวางคำสั่งให้กับหญิงสาวด้วยการเริ่มต้นการทำงานอันหนักหน่วงภายในไร่ เวลาผ่านมาเนิ่นนานจะถึงเวลาพักเที่ยงของคนงาน

              ชายหนุ่มลุกขึ้น พลางเดินไปยืนหยุดอยู่ตรงกระจกใส พลางมองออกไปทางไร่องุ่น พบเห็นคนงานที่กำลังวางสิ่งของอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน และเดินกลับเข้ามาพักตามเวลาพักที่ถูกกำหนดขึ้น

              ก่อนที่เขาจะยิ้มที่มุมปากเบาๆ แอบแฝงด้วยความคิดอันร้ายกาจและอาจหาญที่ก่อเกิดขึ้นอยู่ในใจ

              ไอยรินทร์กำลังใช้กรรไกรตัดเก็บองุ่นที่ห้อยเป็นพวงอยู่บนต้นอย่างขะมักเขม้น

    โอ๊ย…”

              หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะวางกรรไกรลง แล้วมองที่มือข้างที่ใช้ถือกรรไกรตัด มือของเธอมีแผลพุพองโผล่ขึ้นมาพลางแดงช้ำ หญิงสาวก้มลงมองที่มืออย่างเจ็บปวด แต่ก็มองไปที่แถบองุ่น

              เธอได้เดินทางตัดองุ่นมาจนถึงครึ่งทางแล้ว.. และเธอจะพยายามตัดเก็บองุ่นต่อไปจนเสร็จ โดยไม่ละทิ้งความพยายามและความเหนื่อยล้า

              ตะกร้าองุ่นบางส่วน ถูกวางลงหลังจากที่เธอตัดเก็บเสร็จ และกำลังตัดเก็บองุ่นใส่ตะกร้าอันใหม่อย่างขะมักเขม้น

              เท้าคู่หนึ่ง ได้เดินเข้ามาหยุดยืนยังตะกร้าพร้อมกับใช้มือหยิบองุ่นที่อยู่ในตะกร้าขึ้นมามองดูอย่างหยั่งเชิง ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้เท้าอีกข้างถีบที่ตะกร้าองุ่น ทำให้ตะกร้าล้มลงและองุ่นได้หล่นกระจัดกระจาย

              หญิงสาวที่กำลังตัดองุ่นอยู่ หยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ก่อนจะรีบหันไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาของเธอต้องเบิกโพลงกับการกระทำอันร้ายกาจของทินกร

     

    เธอเก็บองุ่นเน่ามานานแค่ไหนแล้ว..”

              หญิงสาวหยุดมองดูเขาด้วยความชะงักและตกใจ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวด้วยแววตาที่ดุร้ายดูน่ากลัวพร้อมกับต่อว่าการทำงานอันผิดพลาดของเธอ

     

    ฉันก็เก็บตามที่คุณสั่ง และฉันก็เลือกเก็บองุ่นลูกที่ดีที่สุดแล้ว..”

    ทำอะไรสิ้นคิด.. รู้ไหม..การเก็บองุ่นแบบนี้ มันสร้างผลผลิตที่เสียหายมากขนาดไหน .. เธอเลือกเก็บองุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็นำตะกร้าองุ่นวางตากแดด ไม่นำไปเก็บไว้ในที่ร่มตามกลวิธี .. แล้วแบบนี้ จะไม่ให้ฉันต่อว่าการกระทำอันสิ้นคิดของเธอได้ยังไง?

              หญิงสาวได้แต่ยืนมององุ่นที่หกหล่นกระจัดกระจายจากการกระทำของชายหนุ่มด้วยความเสียใจ พลางยืนมองชายหนุ่มด้วยความสั่นเกร็งและรู้สึกเกร็งกลัวต่อดวงตาอันแสนจะอันตรายของเขา

     

    ฉัน.. ฉันไม่รู้..”

    กับการที่เธอใช้คำแก้ตัวอันมารยาของเธอ มาอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเสียหาย มันไม่ได้ผลกับฉันหรอกน่ะไร่องุ่นของฉัน ผลิตองุ่นและไวน์ที่มีคุณภาพระดับประเทศ ฉันทุ่มเทและใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การปลูกในพื้นที่ที่เหมาะสม จนกระทั่งการเก็บผลผลิตที่ดีที่สุด .. แต่ผู้หญิงอย่างเธอ กลับมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ความตั้งใจของคนงานทุกคนในที่นี่ เธอกลับทำลายมันลงไปด้วยความสิ้นคิดอย่ามาใช้มารยาสารไถของเธอ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้..”

            ชายหนุ่มพูดต่อว่าหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าวและดุร้าย ทำให้หญิงสาวหยุดชะงัก พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ ก่อนที่ดวงตาของชายหนุ่มจะชำเลืองมองกรรไกรที่อยู่ในมือของเธอ เขารีบใช้มือคว้ากรรไกรนั้นมาไว้ในมือ

     

    โอ๊ย…”

              หญิงสาวร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางใช้มืออีกข้างประคับประคองมือข้างที่เป็นแผลพุพองด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ทินกรมองที่มือของหญิงสาวอย่างยิ้มเยาะออกมาเบาๆด้วยความสมเพช

     

    เพียงแค่นี้เธอก็พิสูจน์ตัวเองไม่ได้แล้ว .. ฉันคิดไว้ไม่ผิด ว่าเธอคงไม่สามารถทนความลำบากในไร่นี้ได้นานถึงวัน.. แต่ก็ช่างเถอะ ไร่ของฉัน ไม่ได้ต้องการคนที่ไร้คุณภาพและความคิดอย่างเธอมาทำงานอยู่แล้วต่อไปนี้ เธอก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าเธอที่ไร่แห่งนี้อีก…”

              สิ้นเสียงชายหนุ่มที่ต่อว่าด้วยคำพูดอันรุนแรงและแสนจะเสียดแทงลงหยั่งลึกลงในใจของไอยรินทร์ ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอย่างไม่สนใจใยดีในตัวเธอ ไอยรินทร์ได้แต่กล้ำกลืนของเจ็บปวด พลางมีน้ำใสๆไหลซึมเล็ดออกมาทางดวงตาทั้งสองข้าง เธอหยุดยืนเหม่อมองชายหนุ่มที่เดินจากไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน พลางหันมามองแผลพุพองที่เกิดจากการจับกรรไกรนานด้วยความเวทนา

              ไอยรินทร์ตัดสินใจก้มเก็บองุ่นที่ถูกชายหนุ่มเตะจนกระจัดกระจายมาไว้ในตะกร้าดังเดิม ระหว่างที่เธอก้มเก็บองุ่นอยู่ จู่ๆน้ำใสๆก็ไหลพรั่งพรูออกมาทางดวงตา ใบหน้าที่ดูเศร้าหมองอย่างคนหมดแรง ทำได้เพียงแค่ก้มเก็บลูกองุ่นอันไร้ค่าที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้นด้วยความรู้สึกกล้ำกลืน

              ไอยรินทร์เดินกลับเข้ามาที่ห้องนอนของเธออีกครั้ง.. หลังจากการถูกต่อว่าจากชายหนุ่ม ที่ต่อต้านเธอจากการทำงานภายในไล่

              ก่อนที่หญิงสาวจะเปิดตู้เสื้อผ้าออก พร้อมกับเก็บเสื้อผ้าและของใช้ทุกอย่าง รวบรวมลงในกระเป๋าใบใหญ่ด้วยแววตาที่เศร้าและท้อแท้ในดวงจิต

              หลังจากที่เธอเก็บของทุกอย่างใส่ในกระเป๋าจนเสร็จ.. ในเวลานี้ อัญชลีพร้อมกับคนรับใช้ ได้เดินทางออกไปข้างนอก จึงไม่มีใครอาศัยอยู่ในบ้าน ในเวลานี้

              เสียงของคนที่ค่อยๆยกกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ เดินลงบันไดมาทางชั้นล่าง พร้อมกับสวมใส่รองเท้า และค่อยๆเดินลากกระเป๋าออกไปทางภายนอกบ้าน..

              บรรยากาศแดดที่แรงในยามบ่าย ถนนเข้าออกบ้านไร่ที่ไร้แม้กระทั่งต้นไม้และศาลาพักพิง มีเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินลากกระเป๋าไปตามถนนเรื่อยๆอย่างยากลำบาก

              ก่อนที่สองเท้าจะหยุดชะงัก พร้อมกับมืออีกข้างที่ถูกเอาขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้าอันเรียวรูปไข่เบาๆ พลางค่อยๆหันไปมองประตูหลังใหญ่ของบ้านไร่ด้วยแววตาที่เศร้าสลดและรู้สึกผิด

     

    ไอขอโทษน่ะค่ะไอไม่สามารถอยู่บ้านไร่หลังนี้ได้จริงๆ.. ลาก่อน..”

              ไอยรินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้า พร้อมกับค่อยๆหันหลังให้กับประตูบ้านไร่ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว แต่พยายามเดินลากกระเป๋าตรงไปตามถนน เพียงหวังให้มีรถคันใดคันหนึ่งวิ่งผ่าน และรับเธอไปให้พ้นจาก ณ ที่ตรงนี้

              ทันใดนั้นก็ได้มีรถยนต์คันสีดำคันหนึ่ง ขับเคลื่อนมองผ่านเธออย่างเช้า ก่อนจะหยุดจอดลง ไอยรินทร์หยุดชะงักมองรถยนต์สีดำคันนั้นด้วยความฉงนสงสัยแกมมีความหวัง ก่อนที่จะมีชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเดินลงมาจากรถเก๋งคันดำนั้น พร้อมกับตรงมาหาหญิงสาว

     

    คุณกำลังจะไปไหนหรอครับ?

              ปานเทพมองหญิงสาวด้วยความสนใจ และแววตาที่แสนจะเจ้าเล่ห์ภายใต้แว่นตาสีดำที่บดบังอยู่ พลางเสแสร้งเอ่ยถามอย่างคนที่มีน้ำใจ ไอยรินทร์มองปานเทพทื่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะตอบออกไป

     

    ฉันกำลังจะเดินทางไปในตัวเมือง เพื่อหารถเดินทางกลับกรุงเทพคะคุณพอจะช่วยพาฉันไปได้ไหมค่ะ?

    ฉันไม่อนุญาต!!”

            เสียงของชายหนุ่มอีกคนดังก้องขึ้นมาจากทางด้านหลังของหญิงสาว ไอยรินทร์รีบหันไปมองทางต้นเสียงด้วยความตกใจ

     

    ทินกร…”

              ทินกรกับลูกน้องอีกคนเดินตรงมาที่เธอ ก่อนที่กระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวจะถูกลูกน้องของเขายื้อแย่งเข้าไปถือเอาไว้ และเดินจากไปยังภายในบ้านไร่อีกครั้ง.. หญิงสาวหยุดยืนชะงักมองทินกรด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์

              ทินกรมองหญิงสาวด้วยแววตาที่ดุร้าย พร้อมกับใช้มืออันแข็งกร้าวคว้าจับมือของเธอแน่น และดึงเธอมาไว้อยู่ข้างกาย ดวงตาอันดุร้ายแปรเปลี่ยนไปจับจ้องปานเทพที่ยืนอยู่ตรงหน้า อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ

     

    ฉันไม่อนุญาต ให้คนของฉัน ไปกับใครทั้งนั้น..”

              ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าวและดุร้ายโดยไม่สนใจหญิงสาวที่เขารั้งให้ยืนอยู่ข้างๆ ปานเทพมองทินกรด้วยแววตาที่ขวางดูไม่พอใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก

              ก่อนที่ทินกรจะฉุดกระชากลากไอยรินทร์ให้เดินตามเขา กลับเข้าไปในบ้านไร่อีกครั้ง อย่างไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปกับใคร..

              เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน ชายหนุ่มก็ได้สะบัดมือของเธอออกอย่างแรง หญิงสาวผละออกเซตามแรงมือ แล้วหันมามองใบหน้าของเขาอย่างอยากเผชิญหน้ากับดวงตาอันร้ายกาจคู่นั้น

     

    ถ้าคิดจะจับผู้ชายสักคนก็ช่วยแหกตาดูให้มันดีๆหน่อยน่ะ ว่ามันเป็นคนดีหรือว่าคนเลว

    ทำไมก็ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิงอย่างที่คุณกล่าวหา ก็ทำไมละ.. ฉันจะทำอะไร ไปกับใคร คุณจะมีสิทธิ์ห้ามฉันได้งั้นหรอ?

    ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้..”

    งั้นฉันขอออกไปจากบ้านหลังนี้ เพื่อแลกกับการที่คุณไม่มีสิทธิ์ในตัวฉันอีกต่อไป..”

    ฉันไม่อนุญาต!!”

    เอ๊ะคุณนี่มัน….”

              ทั้งสองพลอยยืนต่อล้อต่อเถียงกันอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร

     

    คุณต้องการอะไร..คุณทินกร.. ทั้งๆที่คุณบอกเกลียดฉัน ไม่อยากเจอหน้าฉัน ทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันทรมาน ทนอยู่ที่นี่ไม่ได้.. และวันนี้ฉันยอมแพ้คุณแล้ว ทำไมคุณถึงมารั้งฉัน มาห้ามไม่ให้ฉันออกไปจากบ้านหลังนี้..”

              ไอยรินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอ ความรู้สึกที่แสนจะสับสนในตัวของชายหนุ่มในเวลานี้ ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ และทำไมเขาจึงเป็นผู้ชายที่แสนจะเดาใจยากขนาดนี้ ไม่รู้จะไปซ้ายหรือไปคว้า เขาบงการชีวิตเธออย่างคนที่เอาแต่ใจตัวเอง โดยไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอเลยสักครั้ง

     

    เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะออกจากบ้านหลังนี้ ตราบใดที่แม่ของฉันไม่อนุญาต และเธอจะต้องอยู่ที่นี่ ฉันเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของไร่ที่นี่ และมีสิทธิ์ในตัวคนทุกคน.. ในเมื่อฉันพูดว่าไม่อนุญาต เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาขัดค้าน..”

    คุณคิดว่าคุณเป็นใครมาจากไหนถึงได้มาออกคำสั่งกับฉันได้ฉันจะขอคุณป้าให้ออกไปจากบ้านหลังนี้เอง..”

     

    ไม่ได้หรอกจ๊ะ.. หนูไอ…”

              เสียงของอัญชลีดังขึ้น ในขณะที่กำลังยืนมองทั้งสองทะเลาะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทินกรและไอยรินทร์หันมามองอัญชลีอย่างชะงัก อัญชลีเดินเข้ามาใกล้ๆทั้งสอง พลางหยุดยืนมองโดยมีคนใช้อีกคนคอยพยุง ประคับประคองคนแก่อย่างเธอเอาไว้

     

    เพราะตอนนี้ฉันได้สั่งให้ร้านตัดเสื้อ มาตัดชุดแต่งงานให้กับเธอทั้งสองคนแล้ว.. ทินกร และไอยรินทร์ จะต้องเข้าพิธีวิวาห์กันในเร็วๆนี้ ตามสัญญาที่ฉันกับแม่เธอเคยหมั้นหมายกันไว้ เมื่อ 23 ปีที่แล้ว..”

     

              อัญชลีพูดขึ้นพลางยิ้มออกมาเบาๆ แล้วเดินเลี่ยงไปยังห้องรับแขก ไอยรินทร์และทินกรถึงกับชะงักเมื่อได้ยินในสิ่งที่อัญชลีพูด

              จะเป็นไปได้อย่างไร.. เมื่อคนที่เกลียดกัน จะมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน.. อย่างคนที่ถูกคลุมถุงชน..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×