คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 แผลในใจของทินกร
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด มีลมพัดผ่านเข้ามาทางระเบียงอย่างแผ่วๆ สายลมปะทะกับใบหน้าที่เคร่งขรึม และแววตาที่ดูแข็งกร้าวเย็นชาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งยืนมองออกไปยังบรรยากาศภายนอกบ้าน ส่อถึงความเหม่อคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขา
เขาคือ “ทินกร สุธารมย์” ทายาทคนเดียวแห่งอลงกรณ์ สุธารมย์ เจ้าของกิจการไร่องุ่นส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และหัวหิน
ทินกร…ชายหนุ่มมาดขรึม ที่ดูเย็นชา แต่ใบหน้าที่หล่อเหลา แอบแฝงความมีเสน่ห์น่าหลงใหลแก่สาวๆ อีกทั้งเขายังเป็นชายที่เพียบพร้อมทั้งทรัพย์สินเงินทอง ทั้งเจ้าของกิจการไร่ที่สานต่อจากพ่อของเขาโดยตรง
แต่ชายหนุ่ม.. ก็ไม่เคยกราดสายตา เปิดโอกาสให้หญิงสาวใดๆเข้ามาวิ่งเล่นในหัวใจเขาได้เลย
เขาเกลียด.. เกลียดผู้หญิง และเกลียดความรัก…
ความเกลียด สร้างอคติและกำแพงอันสูงเสียดฟ้าให้กับชายหนุ่ม ผู้มีหัวใจอันโดดเดี่ยว.. จากอดีตอันเลวร้ายที่เขาไม่อาจลืมเลือนไปได้…
“ปั้ง!!!”
เสียงปืนดังลั่นกังวาน ณ กลางป่า ทำเอาหมู่นกทั้งหลายตกใจ แตกฝูงออกจากรังบนต้นไม้กันยกใหญ่ สองเท้าคู่หนึ่งวิ่งกราดเหมือนไล่ล่าอย่างรวดเร็ว ในมือพลางถือปืนกระบอกหนึ่งที่ใช้ยิงขึ้นฟ้า
“ศิราณี!! หยุดเดี๋ยวนี้น่ะ คุณจะหนีผมไปไหน?”
เสียงตะโกนไล่ตามหลังดังขึ้นอย่างน่ากลัวเป็นเสียงของทินกรที่วิ่งไล่ตามหญิงสาวคนหนึ่งมาอย่างสุดชีวิต หญิงสาวคนนั้นพลางหยุดวิ่งแล้วหันกลับมามองทางทินกร พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่พาเธอวิ่งหนี ทั้งสองต่างหยุดและหันมาเผชิญหน้ากับทินกรที่วิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว
แววตาของทินกรอันดุร้าย จับจ้องมองที่ศิราณี หญิงสาวคนรัก และปานเทพ ชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ชู้รักระหว่างเขาและเธอด้วยความโหดร้าย
“หยุดทำไมครับ? เราต้องหนีไปด้วยกันน่ะครับ”
“ไม่คะ .. ศิจะไม่หนี และศิจะอธิบายเรื่องทุกๆอย่างให้เขาฟัง”
ปานเทพมองศิราณีก่อนจะหันมายิ้มร้ายๆให้กับทินกรที่ยืนจับจ้องมองคนทั้งสองด้วยความเจ็บปวดใจ ศิราณีค่อยๆก้าวเดินเข้ามาหาทินกร แววตาของเธอมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่มีเยื่อใยของความเป็นคนรัก
“พอเถอะคะ .. คุณทินกร หยุดตามล่าฉันกับคุณปานเทพเสียที!!”
ศิราณีพูดขึ้นด้วยคำพูดที่ดูรุนแรง เย็นชา และแข็งกร้าว ดวงตาที่มองไปยังทินกรอย่างเขาเป็นศัตรูหัวใจของเธอ ทินกรกำกำปั้นขึ้นแน่น แววตาจับจ้องมองที่ใบหน้านวลๆของหญิงสาวด้วยความเจ็บปวด
“แล้วเธอ… เข้ามาในชีวิตของฉัน เพื่ออะไร?”
“เพื่อเงินไงละค่ะ… ศิต้องการเงิน ต้องการความสุขสบาย และตอนนี้ศิผลาญเงิน ผลาญความสุขของคุณจนอิ่มล้นแล้ว ศิไม่ต้องการเงินแล้วคะ … แต่ศิ ต้องการจะใช้ชีวิต… กับผู้ชายที่ศิรัก..”
คำพูดจาที่แสนจะดุร้าย กัดกินจิตใจของชายหนุ่มให้เจ็บปวดยิ่งกว่าการถูกของแหลมทิ่มแทง ถึงขณะนั้น เขากำกำปั้นแน่นเสียจนจะกลายเป็นหินที่แข็งกร้าว พร้อมที่จะปล่อยความแค้นออกไปสู่หญิงสาวที่มีความคิดทรยศต่อเขามาตลอด
ศิราณีหันไปมองปานเทพ ที่ทำท่าทียืนมองเธออยู่อย่างเป็นห่วง แต่ในใจของปานเทพ มีแต่ความสะใจเมื่อได้เห็นทินกรเจ็บปวดและโกรธแค้นอย่างหมาที่บ้าคลั่ง
“ศิรักคุณปานเทพ.. และตอนนี้ ศิกับคุณปานเทพ ก็เป็นผัวเมียกันแล้ว”
ศิราณีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สะใจ มองทินกรด้วยแววตาที่ร้ายกาจ ชายหนุ่มตาเบิกโพลง หน้าแดงก่ำด้วยความโมโหเลือดขึ้นหน้า พลางสั่นไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวดภายในใจ มองหญิงสาวอย่างไม่คาดคิด
“ได้ยินมาขนาดนี้ … คุณยังจะโง่ให้ศิหลอกอีกหรอค่ะ?”
“ศิราณี!!”
ชายหนุ่มอดรนทนเก็บความเจ็บไม่ไหว มืออีกข้างที่กำปืนแน่นยกขึ้นมาจ่อที่ใบหน้าของหญิงสาวอย่างโกรธแค้น ศิราณียืนมองปืนอย่างอึ้งด้วยความตกใจ ปานเทพเห็นท่าไม่ดี รีบมาปิดบังตัวของศิราณี และทำท่าทีปกป้องเธอเอาไว้
“ไอ้ทินกร… ฉันรู้ว่าแกเสียใจมาก แต่แกก็ต้องเห็นใจความรักของฉัน กับเมียฉันบ้าง..”
“มึง.. ไอ้เพื่อนทรยศ!!”
ทินกรกัดฟันพูดด้วยความโกรธ นิ้วของเขาแทบอยากจะเหนี่ยวไกลยิงคนทั้งคู่ให้มีชีวิตที่จบลง .. พวกคนทรยศ
“อย่ายิงคุณปานเทพน่ะ..”
หญิงสาวรีบออกมาปิดบังตัวชายหนุ่ม พลางจับจ้องมองใบหน้าทินกรด้วยความเจ็บปวด
“เดี๋ยวนี้.. ตายแทนกันได้แล้วสิน่ะ”
ทินกรพยักหน้าเบาๆ มือที่ถือปืนพลางสั่นไปด้วย และนิ้วที่ค่อยๆเหนี่ยวไกลปืนช้า ดวงตาที่จับจ้องมองไปยังใบหน้าหญิงสาวผู้ทรยศอย่างเจ็บปวดหัวใจ
“ปั้ง!! ปั้ง!!”
เสียงปืนดังกังวานลั่นป่าเขา หมู่นกและสัตว์ต่างพากันแตกตื่นออกจากรังอีกครั้ง..
ภาพแห่งความทรงจำอันเจ็บปวดของทินกรได้แล่นผ่านไป แต่ถึงแม้จะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจจะลบล้างความทรงจำนั้นได้ มันทั้งสร้างความเจ็บปวดและอคติก่อเป็นกำแพงที่ต่อต้านผู้หญิงทั่วสารทิศในใจเขา..
ผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้… ไม่มีวัน ไม่มีวันที่เขาจะให้ใครมาทรยศ หักหลังผู้เป็นราชสีห์ที่ยิ่งใหญ่และทะนงตนอย่างเขาได้.. ไม่มีวัน..
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มชำเลืองมองด้วยหางตาที่เย็นชา ..
“เชิญ!!”
สิ้นเสียงเพียงไม่นาน ประตูก็ถูกเปิดออก พร้อมกับมีคนรับใช้เดินเข้ามาภายในห้องของเขาอย่างสงบเสงี่ยม
“นายครับ.. คุณผู้หญิงให้มาตามนายไปที่ห้องรับแขกครับ”
ทินกรชำเลืองไปที่คนรับใช้ พร้อมกับพยักหน้าเบาๆอย่างเคร่งขรึม คนใช้ก้มหน้าก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องของเขา..
…
ที่ห้องรับแขก ภายในบ้านไร่สุธารมย์ ที่ตกแต่งด้วยไม้สักทองที่สวยงามตามสไตล์อย่างเรียบหรู พร้อมกับมีโซฟาและเฟอร์นิเจอร์ที่ตกแต่งให้ดูไฮโซและโออ่าอย่างบ้านมหาเศรษฐี
ไอยรินทร์ค่อยๆก้าวเดินตามอัญชลีมาอย่างเรียบร้อย พลางมองออกไปรอบๆด้วยความตกตะลึง ..นั่นสิน่ะ..ชีวิตของมหาเศรษฐี เจ้าของกิจการไร่องุ่นที่มีชื่อเสียง และยิ่งใหญ่ ก็ต้องสุขสบายและดูหรูหราทุกกระเบียดนิ้ว
อัญชลีค่อยๆนั่งลง พร้อมกับมีคนใช้มาคอยปรนนิบัติพัดวีให้หล่อนอย่างใกล้ชิด
“น้ำคะ.. คุณผู้หญิง”
แก้วน้ำถูกยื่นให้กับอัญชลีที่ท่าทางเหนื่อย ตามประสาคนแก่ที่นั่งรถนาน และถูกยื่นให้ไอยรินทร์อีกหนึ่งแก้วเพื่อเป็นการต้อนรับแขก
“แล้วอาหารในค่ำคืนนี้ เรียบร้อยหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วคะ คุณผู้หญิง..”
“งั้น..พวกเธอเอาของของหนูไอยรินทร์ ไปไว้บนห้องที่จัดเตรียมไว้สิ..”
“ได้คะ..”
คนรับใช้หญิงน้อมรับคำสั่ง ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาเดินไปถือกระเป๋าเสื้อผ้าของไอยรินทร์ขึ้นไปบนบ้าน ไอยรินทร์ยืนมองคนใช้ถือของก่อนจะรีบลุกขึ้นไปช่วยถือ
“ไม่เป็นไรจ๊ะ.. ฉันถือเองได้”
“หนูไอ.. ให้คนรับใช้ป้าถือขึ้นไปเถอะ หนูมาอยู่ที่นี่ในฐานะลูกสาวป้านะ.. ไป!! พวกเธอ รีบเอาขึ้นไปเก็บให้เรียบร้อย”
คนใช้พลางถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินขึ้นไปบนบ้าน ไอยรินทร์หันมามองอัญชลีที่ยืนยิ้มให้กับเธออยู่ ก่อนที่อัญชลีจะเดินเข้ามาหาหญิงสาวพร้อมกับรอยยิ้ม
“ฉันสั่งให้คนเตรียมอาหารค่ำเอาไว้ .. เราไปทานอาหารค่ำกันเถอะ”
อัญชลีเอ่ยชักชวนไอยรินทร์ พร้อมกับพาเธอเดินไปที่ห้องครัวอันหรูหราและกว้างขวาง ไอยรินทร์ค่อยๆนั่งลงอย่างรู้สึกเกร็ง พลางมองทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งอาหาร จาน ถ้วย ช้อน แจกันประดับที่ดูหรูหราล้ำค่า อาหารที่ถูกจัดขึ้นแปลกตาอย่างกับเป็นมื้อใหญ่ในงานเลี้ยง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอัญชลีที่นั่งยิ้มอยู่
“อยู่ที่นี่… ทำตัวให้สบายๆน่ะหนูไอ.. ป้าจะดูแลหนูอย่างดี เหมือนหนูเป็นลูกแท้ๆของป้า”
“คะ… คุณป้า”
ไอยรินทร์พยักหน้าเบาๆอย่างเกร็งใจ อัญชลียิ้มก่อนจะหันมามองคนใช้ที่ยืนอยู่
“ให้คนไปตามทินกรมาหรือยัง?”
“อีกสักพัก.. คุณทินกรจะลงมาคะ”
อัญชลีพยักหน้าเบาๆพร้อมกับยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม สักพักร่างของชายหนุ่มได้ก้าวย่างเข้ามาในห้องอาหารอย่างหยั่งเชิง ดวงตาที่แข็งกร้าวกวาดมองไปยังโต๊ะอาหาร พร้อมกับคนที่ร่วมโต๊ะอีกคนหนึ่งอย่างแปลกใจแกมสงสัย อัญชลีเห็นลูกชายพลางยิ้มออกมาเบาๆ
“นั่งสิ.. ทินกร”
ทินกร.. ไอยรินทร์ได้ยินดังนั้น เธอจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าชายหนุ่มที่มีนามว่าทินกรอย่างช้าๆ เขายืนอยู่ตรงหน้า มองเธอด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ดูเย็นชาและไม่เป็นมิตร
ท่าทางของชายหนุ่มดูน่ากลัว มากเสียกว่าการที่เธอจะกล้าทำรู้จักทักทาย ทินกรจับจ้องมองมาที่ใบหน้าของหญิงสาวด้วยแววตาดุร้ายและไร้ความเป็นมิตร
“นี่คือ.. ไอยรินทร์ ลูกสาวของเพื่อนสนิทแม่ เขาจะมาอยู่กับเราที่นี่”
“ผมบอกแล้วไงครับ… ว่าผมเกลียด..ผู้หญิง”
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวพลางมองเธอด้วยแววตาที่ดุร้ายและเย็นชา อัญชลีมองลูกชายที่หัวรั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
หญิงสาวพลางมองแววตาของเขาด้วยความสั่นเกร็ง กลัวต่อแววตาชายหนุ่มที่จับจ้องมาอย่างคนเอาเรื่อง
“ทำไมพูดจาแบบนี้น่ะเจ้าลูกคนนี้… หนูไออย่าถือสาทินกรเลยน่ะลูก..”
อัญชลีพูดขึ้นพลางมองทินกร ลูกชายของเขาด้วยความรู้สึกเหนื่อยและหนักใจกับการกระทำอันไม่เป็นมิตรต่อใครของเจ้าตัว
ไอยรินทร์ค่อยๆก้มหน้ารับประทานอาหาร ภายในใจของเธอพลางรู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในที่ๆปราศจากอากาศหายใจ เมื่อชายหนุ่มพลางรับประทานอาหารพร้อมกับจับจ้องใบหน้าเธออย่างเขม็งด้วยแววตาที่โหดร้าย..
ชายหนุ่มวางช้อนลง พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วลุกขึ้นอย่างรุนแรง
“ผมขอตัวนะครับ”
สิ้นเสียง เขาก็รีบเดินพรวดพราดออกไปจากห้องอาหารอย่างรวดเร็ว อัญชลีได้แต่ส่ายหน้าให้กับการกระทำของลูกชาย พลางมองมาที่ไอยรินทร์ที่มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
…
“เธอคงเป็น.. ผู้หญิงประเภทอย่างว่าสิน่ะ..”
น้ำเสียงอันแข็งกร้าวพูดขึ้นตามหลังของไอยรินทร์ พลางปิดประตูห้องเสียงดัง แล้วย่างกรายเดินเข้ามาทางด้านหลังของหญิงสาว ไอยรินทร์ค่อยๆหันหน้ามา พร้อมกับมองใบหน้าชายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์
“ต้องการที่จะเรียกร้องความสงสาร ความเห็นใจจากผู้ชาย แต่ลึกๆแล้ว ก็ต้องการเงินทั้งนั้น”
“นั่นสิค่ะ.. ใครกันละ จะไม่ต้องการเงิน จะไม่ต้องการความสุขสบายให้กับตัวเองบ้าง”
“ถึงขนาดยอมขายศักดิ์ศรี ขายความบริสุทธิ์ของตัวเองเพื่อแลกกับความสุขสบายอย่างว่า งั้นนะหรอ?”
“นี่คุณกำลังจะดูถูกผู้หญิงอย่างไม่มีเหตุผลมากเกินไปแล้วน่ะค่ะ”
ไอยรินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและไม่พอใจในคำพูดที่เสียดแทงและดูถูกอย่างไร้เหตุผลของเขา ชายหนุ่มค่อยๆย่างกรายเข้ามาหาหญิงสาว พลางกวาดสายตามองเธอด้วยแววตาที่ร้ายกาจ หญิงสาวค่อยๆเดินถอยหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำอันร้ายกาจของชายหนุ่ม
“เธอมันก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป ที่ชอบเข้าหาผู้ชาย จับผู้ชายรวยๆ เพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่างสิน่ะ.. อย่าปฏิเสธเลย กับการที่เธอต้องอ้างตัวเองว่า มาทำตามสัญญาที่แม่ของฉันให้ไว้กับแม่ของเธอ อันที่จริง…เธอก็อยากจะมาเป็นเมียฉันใจจะขาดละสิ”
“คุณหมายความว่ายังไง? แล้วทำไม? ฉันจะต้องอยากมาเป็นเมียของคุณด้วย..”
สิ้นเสียงหญิงสาว ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆในคออย่างร้ายกาจ พลางมองเธอด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“นี่เธอแกล้ง เสแสร้ง ไร้เดียงสา หรือว่ามารยา ทำเป็นไม่รู้กันแน่..”
หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าให้กับคำพูดของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มยิ้มมองหญิงสาวอย่างร้ายกาจ
“ก็สัญญาที่ว่า.. แม่ของเธอ จะให้เธอมาเป็นเมียฉันนี่สิ”
“นี่คุณ…”
หญิงสาวผลักร่างชายหนุ่มออกด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง สายตาที่เจ็บปวดพลางจ้องมองไปที่เขาอย่างแข็งกร้าว
“หยุดพูดจาดูถูกผู้หญิง และเลิกเอาอคติร้ายๆของคุณมาใช้กับฉันน่ะ ฉันเพียงแค่มาทำตามสัญญา ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรักคุณ และฉันก็ไม่ได้อยากเป็นเมียคุณ รู้ไว้ซ่ะด้วย”
หญิงสาวพูดจบก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปห้องพร้อมกับล็อคประตู พลางหายใจเหนื่อยหอบอย่างช้าๆ แววตาของเธอส่อถึงความเจ็บปวดจากการถูกชายหนุ่มพูดจาดูถูกเหยียดหยามอย่างคนไร้ค่า
“ฉันแค่มาอยู่ที่นี่ตามสัญญา ฉันไม่ได้มาเป็นเมียใคร..”
หญิงสาวพูดขึ้นพึมพำปลอบขวัญตัวเอง เมื่อนึกถึงสิ่งที่ชายหนุ่มพูดขึ้น เรือนร่างเล็กๆพลางล้มลงบนเตียงนอนอย่างอ่อนล้า พร้อมกับน้ำตาคลอออกมาเบาๆ
“ทำไม..ชีวิตฉัน ต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย...”
หญิงสาวพูดขึ้น น้ำตาพลางหลั่งพรั่งพรูออกมาจากดวงตาใสๆ มือพลางกำผ้าปูที่นอนด้วยความเจ็บแค้น..
…
ความคิดเห็น