คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เมื่อ พ.ศ.2525
กรุงเทพฯ เมื่อ พุทธศักราช 2525..
ที่ร้านตัดชุดแต่งงานแห่งหนึ่ง ในย่านใจกลางเมืองกรุง
“เจ้าสาวเสร็จแล้วค่ะ”
พนักงานคนหนึ่งในร้านพูดขึ้น พร้อมกับค่อยๆเปิดผ้าม่านที่บดบังร่างหญิงงามคนหนึ่งที่ลองชุดอยู่ในห้อง ค่อยๆ เปิดเผยถึงหญิงสาว ที่กำลังสวมกายอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาด พลางประดับด้วยลายลูกไม้และลูกปัดที่งดงาม มองดูเจิดจรัสเปล่งประกายออกมาอย่างตะลึง
“วาทิยา” ค่อยๆหันตัวเองมาจากกระจกตรงหน้า พร้อมกับส่งสายตาอันแสนหวานตรงไปยังใบหน้าของ “อลงกรณ์” ชายคนรักที่ค่อยๆลุกตัวขึ้นจากเก้าอี้ และยืนมองดูเธอด้วยแววตาที่หยาดเยิ้มและเคลิ้มอย่างต้องมนต์สะกดแห่งว่าที่เจ้าสาวคนที่แสนสวยและอ่อนหวานคนนี้
“สวยไหมค่ะ?”
วาทิยาเอ่ยถามพลางยิ้มหวานให้กับชายคนรัก ที่กำลังมีใบหน้าที่เคลิบเคลิ้ม มุมปากของเขายิ้มออกมาถึงความตกตะลึงในหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“สวย.. สวยที่สุดเลยครับ เจ้าสาวของผม”
อลงกรณ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดีใจและแววตาแห่งความปลาบปลื้ม สองหนุ่มสาวยืนสบตากันด้วยแววตาแห่งความสุขชื่นมื่น
แต่จู่ๆ ก็มีแววตาคู่หนึ่ง จับจ้องมองมาที่เขาทั้งสอง ภายนอกกระจกใสของร้าน ที่มองเข้าไปเห็นถึงเหตุการณ์แห่งความสุขและความหวานทางด้านใน แววตาแห่งความอิจฉาริษยา ของหญิงสาวนางหนึ่ง กำลังยืนอยู่ภายนอกกระจกร้าน มองเข้าไปยังคู่รักคู่นั้น ในมือของหล่อนกำขึ้นแน่น แววตาและสีหน้าบ่งบอกถึงความแค้นและความเจ็บปวดที่สุมขึ้นในหัวใจราวกับกองเพลิงที่ถาโถม
“ไม่มีวันหรอก .. วาทิยา”
“อัญชลี” หญิงสาวดังกล่าว จับจ้องมองไปที่ว่าที่เจ้าสาวด้วยแววตาแห่งความเจ็บแค้น พลางพึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นคลอ แววตาที่เจ็บแค้นเปลี่ยนแปรเป็นดูครุ่นคิดแผนร้ายบางอย่าง ก่อนจะเดินออกมาจากมุมนั้นอย่างร้อนรน
อลงกรณ์ เขาเป็นชายหนุ่มมหาเศรษฐี ผู้ที่มีหน้าตาทางสังคมในปัจจุบัน เขาเป็นเจ้าของโรงงานผลิตไวน์และไร่องุ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
และตอนนี้ มหาเศรษฐีหนุ่มกำลังตกเป็นข่าวในวงสังคม เรื่องการที่เขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับ วาทิยา หญิงสาวที่มีตำแหน่งผู้หญิงที่งามที่สุดในประเทศ
แต่ อัญชลี เธอเก็บงำความเจ็บแค้นต่อเพื่อนรักที่แสนดีอย่างวาทิยามาตลอด เพราะเธอเองก็เป็นคนที่แพ้วาทิยาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม แม้แต่เรื่องของความรัก
อัญชลี ผู้พ่ายแพ้ให้กับวาทิยา เธอจะไม่ยอมให้เรื่องระหว่างวาทิยากับอลงกรณ์ได้ลงเอยกัน…
…
ค่ำคืนหนึ่ง ในผับแห่งหนึ่ง
เสียงบทเพลงที่แสนเศร้า ได้ถูกขับกล่อมออกมาอย่างไพเราะเสนาะหูจากหญิงสาวนางหนึ่ง เธอคืออัญชลี หญิงสาวผู้ต้อยต่ำและเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ ทั้งตอนนี้เธอยังรู้สึกผิดหวังจากความรัก ที่ถูกเพื่อนสนิทอย่างวาทิยาแย่งชิงหัวใจของอลงกรณ์ไปต่อหน้าต่อตา
บทเพลงอันแสนเศร้าถูกบรรเลงขึ้นจากน้ำเสียงใสและหวาน แววตาของคนที่ขับกล่อมดูเหม่อลอย และเหม่อมองจับจ้องไปยังโต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่ง ที่อยู่ด้านหน้าเวที
อัญชลี ได้ทำงานเป็นนักร้องเสียงหวานในผับบาแห่งนี้ หลังจากที่เธอพ่ายแพ้จากความฝันอันยิ่งใหญ่ กับการที่จะได้เป็นหญิงสาวที่มีตำแหน่งนางงามที่สวยที่สุดในประเทศ แต่วาทิยากลับได้ตำแหน่งนั้นไป
หญิงสาวที่มีความใฝ่ฝันอยากจะโบยบินเหมือนนางฟ้า กลับตกลงมาอย่างต้อยต่ำ และพ่ายแพ้ต่อเพื่อนสนิทที่ได้ตำแหน่งนั้นไป อีกทั้งแม้แต่เรื่องความรัก อลงกรณ์ ผู้ชายที่เธอใฝ่ฝันหา ก็ยังถูกเพื่อนรักขโมยหัวใจของเขาไป
อัญชลี ได้แต่เก็บงำความเจ็บแค้นต่อเพื่อนรักไว้ภายในหัวใจ แววตาที่ดูเศร้าและอาลัยอาวรณ์ต่อโชคชะตาพร้อมกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมออกมาอย่างสุดซึ้ง ทั้งยังมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตา คอยจับจ้องมองมาที่เรือนร่างของเธอด้วยความพิศวาสอย่างน่ากลัว
แต่เธอก็ไม่เคยหันมองและเปิดโอกาสให้กับชายที่ชอบเที่ยวผู้หญิงใดๆ มาย่างกรายในหัวใจอันตกต่ำของเธอ นอกจาก อลงกรณ์ แต่เพียงผู้เดียว
อลงกรณ์ ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม มานั่งดื่มที่ผับแห่งนี้เป็นประจำ ในเวลาที่เขานัดพบกับเพื่อนฝูง ตามประสาผู้ชาย
และเธอรู้ดี… ว่าค่ำคืนนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เขาจะได้มานั่ง ทำให้เธอรู้สึกใฝ่ฝันและพร่ำเพ้อถึงเขาอย่างไร้จุดหมาย
อีกไม่กี่วัน… ก็จะถึงวันวิวาห์ ระหว่างเขา กับวาทิยาแล้ว..
“เฮ้ย!! นายกรณ์ ฉันได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์หน้าสังคมที่กำลังโด่งดังในตอนนี้มาว่า นายกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับวาทิยา นางงามที่สวยที่สุดของประเทศ ในเร็วๆนี้ ไม่ใช่หรอ?”
เพื่อนชายคนหนึ่งเอ่ยถามอลงกรณ์ พลางยกแก้วน้ำเมาขึ้นดื่ม ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาเบาๆ
“ใช่.. ต่อไปนี้ ฉันได้เป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่ฉันรักเสียที”
“อืม..ฉันขอแสดงความยินดีกับนายด้วยน่ะเพื่อน งั้น… วันนี้เรามาดื่ม ฉลองให้กับการสละโสดครั้งยิ่งใหญ่ ของท่านมหาเศรษฐีคนนี้กันเลยดีกว่า ฉันว่า..สาวๆทั้งประเทศ คงจะอกหักกันเป็นแถวๆแน่ เมื่อได้รู้ข่าวคราวในครั้งนี้”
เหล่าเพื่อนชายของเขาพูดขึ้นพลางยิ้มและหัวเราะ ก่อนจะยกแก้วที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ชนกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข แสดงความยินดีและเฉลิมฉลองให้กับชายหนุ่มเจ้าของงานเลี้ยง
เสียงเพลงเศร้าเคล้าคลอมาอย่างโหยหวนจากหญิงสาว ทำให้อลงกรณ์อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวที่ยืนขับกล่อมบทเพลงอยู่บนเวทีด้วยความสนใจ
แววตาของเขาที่ดูกรุ้มกริ่มและฉายประกายที่หยาดเยิ้ม บ่งบอกถึงการที่ได้ลิ้มรสเครื่องดื่มมึนเมาอย่างเข้าที่ ประกายแห่งแววตาของชายหนุ่ม ได้กราดมองไปยังหญิงสาวที่ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างหยาดเยิ้มและสนใจ
บทเพลงเศร้าได้ถูกขับกล่อมจนจบลง อัญชลีเหม่อมองมาที่อลงกรณ์ แววตาที่แฝงด้วยความอ้อนวอน ใบหน้าที่ดูเศร้าและแสนจะน่าสงสาร ฉายประกายมาที่ชายหนุ่มที่มองเธออยู่อย่างไม่กระพริบตา
เหล่าเพื่อนของเขาที่นั่งดื่มด้วยกัน ต่างมองมาที่อลงกรณ์ที่เหม่อมองหญิงสาวบนเวทีอยู่นานอย่างรู้เชิง ก่อนจะพูดขึ้น
“คืนสุดท้ายแล้วน่ะเพื่อน..”
ชายหนุ่มค่อยๆหันมามองใบหน้าเพื่อนที่นั่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเขาอยู่ด้วยความมึนเมา ก่อนจะหันไปมองที่หญิงสาวที่ยืนอยู่บนเวทีอีกครั้ง
…
รุ่งเช้า… ที่คฤหาสน์หลังใหญ่อันเป็นบ้านที่พักพิงของมหาเศรษฐีหนุ่ม
วาทิยา ได้เดินทางมาที่นี่ พร้อมกับถือตะกร้าที่มีขนมกุหลาบชาววังจัดอย่างสวยงามในตะกร้า หญิงสาวแต่งกายด้วยความสุภาพเรียบร้อย สมกับเป็นกุลสตรีงามอย่างไทย และงดงามที่สุดในประเทศ
คนใช้คนหนึ่งได้รีบเดินออกมาต้อนรับหญิงสาวที่ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านอย่างลุกลี้ลุกลน
“สวัสดีคะ.. คุณวาทิยา”
“สวัสดีจ๊ะ วันนี้ฉันตั้งใจทำขนมกุหลาบชาววังมาให้คุณอลงกรณ์ ช่วยนำไปจัดใส่จานให้ทีน่ะจ๊ะ”
“คะ”
คนใช้รีบรับเอาตะกร้าขนมหวานในมือหญิงสาว พลางทำสีหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน บ่งบอกถึงความไม่สบายใจในบางสิ่งบางอย่าง วาทิยาเห็นผิดสังเกต จึงรีบเอ่ยถามขึ้นด้วยความฉงนสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่า?ดูท่าทางไม่สบายใจเลยน่ะจ๊ะ?”
“ปะ.. ปะ.. เปล่าคะ คุณวาทิยา”
คนใช้ตอบด้วยน้ำเสียงกระอึกกระอักเหมือนติดขัดอะไรบางอย่าง วาทิยาสังเกตมองท่าทางมีพิรุจนั้น ก่อนจะเอ่ยถามหาชายหนุ่ม
“แล้วคุณอลงกรณ์ละจ๊ะ?”
คนใช้สะดุ้งขึ้นพลางทำตามเบิกโพลงด้วยความตกใจในคำถามของหญิงสาวอย่างมีพิรุจ
“คุณท่านยังไม่ตื่นคะ”
“แปลกจังเลยน่ะจ๊ะ ปกติคุณอลงกรณ์เป็นคนตื่นเช้า งั้น..ฉันขอขึ้นไปดูที่ห้องหน่อยน่ะจ๊ะ”
วาทิยาพูดจบ ก่อนจะก้าวขาเดินขึ้นบันไดไปด้านบนด้วยความฉงนสงสัย คนใช้เห็นท่าไม่ดี จึงรีบวิ่งขึ้นไปก่อนจะคว้าที่มือวาทิยาเพื่อรั้งเธอไว้ วาทิยาหันมามองด้วยความแปลกใจ
“เอ่อ… คุณวาทิยาค่ะ อย่าเพิ่งขึ้นไปตอนนี้เลยน่ะค่ะ”
“ทำไมจ๊ะ? มีอะไรหรือเปล่า?”
“เอ่อ… คือ..”
หญิงสาวส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจว่าคนใช้จะสื่ออะไร ก่อนจะรีบเดินขึ้นไปที่ห้องนอนของอลงกรณ์ที่อยู่อีกชั้นของคฤหาสน์ คนใช้รีบเดินตามหลังวาทิยาไปด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจ
มืออันบอบบางค่อยๆจับลูกบิด พร้อมกับเปิดประตูห้องนอนของอลงกรณ์ออกอย่างง่ายดาย แล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอนของชายหนุ่มด้วยความสงสัย
ร่างอันบอบบางของหญิงงาม เดินมาถึงยังปลายเตียงของชายหนุ่ม จากแววตาที่ดูอ่อนโยนกลับกลายเป็นดวงตาอันเบิกโพลงโตอย่างสุดขีด เมื่อภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้วาทิยารู้สึกช็อคจนตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูก
อัญชลีค่อยๆลุกขึ้นมาจากอ้อมกอดของอลงกรณ์ด้วยความรู้สึกงัวเงียเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ พร้อมกับหยิบจับผ้าห่มหนึ่งผืนขึ้นมาคลุมกายปกปิดเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้ อลงกรณ์เองก็ค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา พลางเอามือกุมขมับตัวเอง และขมวดคิ้วอย่างรู้สึกเจ็บปวดและมึนหัวจากอาการมึนเมาเมื่อคืน
อัญชลีค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ปลายเตียง ก่อนที่แววตาอันงัวเงียจากแสงจะเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกใจ
“วาทิยา…”
อัญชลีมองเพื่อนรักที่ยืนมองเขาทั้งคู่อยู่อย่างตกตะลึง น้ำใสๆพรั่งพรูออกจากดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาว พร้อมกับมือที่กำแน่นสั่น บ่งบอกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวภายในใจของวาทิยา ที่ถูกหักหลังจากชายคนรัก
อลงกรณ์เงยหน้าขึ้นมองวาทิยาที่ยืนร้องไห้อยู่ด้วยแววตาที่เบิกโพลงอย่างตกใจ พลางหันมามองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆกายเขาด้วยเรือนร่างอันเปลือยเปล่า
“วา…”
วาทิยาส่ายหน้ามองทั้งสองคนด้วยความรู้สึกสมเพช ก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเจ็บปวด โดยมีคนใช้รีบวิ่งตามไป อลงกรณ์หันมองตามวาทิยาด้วยแววตาที่ร้อนรน แล้วรีบลุกจากที่นอนวิ่งตามวาทิยาไปอย่างไม่คิดชีวิต
“วา… คุณฟังผมก่อน วา..”
วาทิยาไม่สนใจ เธอรีบวิ่งหนีออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นอย่างสุดขีด ก่อนจะรีบโบกรถแท็กซี่ที่อยู่หน้าบ้าน พร้อมกับขึ้นรถออกไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มวิ่งตามวาทิยาไปด้วยความรู้สึกผิดและสำนึกอย่างที่สุด
“วา!! วา!!”
อลงกรณ์ใช้เสียงตะโกนเรียกหญิงสาวที่ขึ้นแท็กซี่ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เขารู้และสำนึกตัวดีว่าสิ่งที่เขาทำลงไปในวันนี้ คงทำให้วาทิยาเจ็บปวดและมากพอที่จะไม่มีวันให้อภัยแก่คนอย่างเขา
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทรุดตัวลงนั่งอยู่กับพื้นพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจและรู้สึกผิด คนใช้และคนรถรีบวิ่งตามอลงกรณ์มา ก่อนจะหยุดยืนมองดูชายหนุ่มที่นั่งเสียใจอยู่อย่างอาลัยอาวรณ์
แววตาคู่ร้ายคู่หนึ่ง มองผ่านออกมาทางหน้าต่างจากชั้นบนของคฤหาสน์ เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความรู้สึกสะใจ
“ในที่สุด.. ฟ้าก็เข้าข้างฉัน … คุณอลงกรณ์ ต้องเป็นของฉัน”
น้ำเสียงใสพึมพำออกมาอย่างคนชนะ แววตาอันร้ายกาจจับจ้องมองออกไปยังเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายนอกหน้าต่างอย่างพึงพอใจ
…
ในเวลาพลบค่ำ ที่ริมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่ง
วาทิยาเดินตามสะพานมาเรื่อยๆด้วยจิตใจที่เหม่อลอยจากความผิดหวัง ก่อนที่สองเท้าจะหยุดยืนอยู่ตรงกลางสะพาน แววตาที่เต็มไปด้วยน้ำใสๆที่ไหลรินล่วงลงมาทางตาอยู่ตลอดเวลา ความเสียใจ ความเจ็บปวดที่หลอมรวมกันเป็นอันหนึ่งได้เดียวในใจเธอตอนนี้
หญิงสาวค่อยๆเอามือบางๆ จับที่ราวสะพานทั้งสองข้าง แล้วก้มลงมองลงไปยังแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวและมืดมิด จนไม่สามารถหยั่งรู้ถึงระดับความลึกนั้นได้ น้ำตาของหญิงสาวได้ไหลพร่วงพรูออกมาด้วยความเสียใจ
เท้าทั้งสองเริ่มจะเหยียบขึ้นไปบนราวสะพานอย่างช้าๆ พร้อมที่จะปล่อยตัวเองลงสู่ห้วงแม่น้ำอย่างไม่มีใครค้นหาเจอ
“คุณวา!! อย่า..”
มือคู่หนึ่งรีบเข้ามาฉุดกระชากตัวเธอให้ลงมาจากสะพานด้วยน้ำเสียงที่น่าตกใจ วาทิยาได้แต่พยายามขัดขืน ไม่ให้ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ ขัดการกระทำอันสิ้นคิดของเธอได้
“คุณเป็นถึงนางงาม เป็นคนที่ใครๆทั้งประเทศให้ความยกย่อง ชื่นชม และสรรเสริญในตัวคุณ กับการที่คุณจะทำแบบนี้ คุณไม่รู้หรอครับ? ว่าคนอื่นจะเสียใจมากแค่ไหน”
ชายหนุ่มนามว่า “อนุรักษ์” ได้พูดเกลี้ยกล่อมหญิงสาวเพื่อหยุดความคิดและการกระทำ วาทิยาหันไปมองชายหนุ่มกำลังเฝ้ามองเธออยู่ด้วยแววตาที่เป็นห่วง หญิงสาวร้องไห้ปล่อยโฮออกมา น้ำตาไหลรินบนใบหน้าสวยงามอย่างไม่คิดอะไร ก่อนที่เธอจะโผลเข้ากอดชายหนุ่มด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
“ฉันขอโทษ… ฉันขอโทษ”
วาทิยาโอบกอดอนุรักษ์พลางร้องไห้ออกมา ชายหนุ่มค่อยๆเอามือขึ้นมาโอบกอดปลอบขวัญเธอและมองเธอที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยแววตาที่เป็นห่วง
“ผมไม่รู้ว่าคุณเสียใจเรื่องอะไร? แต่ผมขอให้น้ำตาของคุณในวันนี้ เป็นน้ำตาหยดสุดท้ายน่ะครับ”
อนุรักษ์พูดขึ้นปลอบขวัญหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง วาทิยาเป็นเพื่อนหญิงสาวที่สนิทคนหนึ่งของเขา เขาย่อมรู้ดีว่าเพื่อนหญิงคนนี้จะเก็บงำเอาความทุกข์ความเจ็บไว้ในใจได้ไม่นาน และพร้อมจะลืมมันไปได้เสมอ
วาทิยาคือเพื่อนหญิงที่เขารัก…
…
2 ปีผ่านไป…
รถเก๋งสีดำคันหรูหรา ได้ค่อยชะลอเข้ามาจอดตรงหน้าบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่โอบล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว มีความสดชื่นอยู่โดยรอบของบริเวณบ้าน
คนรถรีบลงจากรถ ก่อนจะมาเปิดประตูหลังให้กับสตรีนางหนึ่ง พร้อมกับก้าวเท้าลงจากรถ มาในชุดสีสันสดใส แลดูเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล
เธอคือ.. อัญชลี หญิงสาวที่ในอดีตเคยเป็นผู้หญิงต้อยต่ำ ด้อยวาสนา แต่ตอนนี้..เธอเปลี่ยนไปมาก เธอกลายเป็นคุณผู้หญิงแห่งคฤหาสน์สุธารมย์ไปเรียบร้อย ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อ 2 ปีก่อน..
บ้านหลังนี้ เป็นบ้านของอนุรักษ์และวาทิยา ซึ่งทั้งสองตัดสินใจเข้าพิธีวิวาห์กันอย่างลับๆ และวาทิยาก็ได้ลาออกจากการเป็นคนของสังคม เพื่อมาใช้ชีวิตหลบหนีจากความวุ่นวายร่วมกับอนุรักษ์ ผู้ชายที่รักและเข้าใจเธอมาตลอด
“เสียงเหมือนมีใครมาที่หน้าบ้านเราเลย เดี๋ยวผมออกไปดูก่อนน่ะ”
อนุรักษ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินออกไปทางหน้าบ้าน ปล่อยให้วาทิยาอุ้มลูกและเล่นอยู่กับลูกสาวคนเล็กอย่างมีความสุข
อนุรักษ์เดินตรงมายังหน้าบ้าน พร้อมกับเปิดประตูรั้วบ้านที่กั้นอยู่ออก เขามองหญิงสาวที่บนใบหน้าสวมใส่แว่นตาสีดำที่มืดทึบ หญิงสาวค่อยๆถอดแว่นออก พร้อมกับยิ้ม
“อัญชลี…”
อนุรักษ์อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบเห็น..
ความคิดเห็น