คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พ่อผมเป็นนักร้อง
“กริ่งๆๆๆๆ” เสียงนาฬิกาปลุกดังแผดขึ้นท่ามกลาง บรรยากาศยามเช้า ที่แสนจะสดใส แต่ดูเหมือนว่า มันไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของคนที่กำลังนอนอยู่ บนเตียงใหญ่ นั่นแม้แต่น้อย
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้า ย่ำบนพื้นมาจนถึงหน้าประตูห้อง
“พ่อ พ่อ ตื่นได้แล้ว ผมกำลังจะไปโรงเรียนสายแล้วนะ ไหนบอกว่า วันนี้มีงานจะรีบไปงัย” เสียงตะโกนบอก จากเด็กหนุ่มที่เปิดประตู้ห้องเข้ามา
เขากวาดสายตาไปรอบๆห้องที่รกอย่างกับรังหนู เสื้อผ้า กางเกง ถุงเท้า ถูกโยนไปรอบๆ เศษกระดาษเกลือนห้อง แม้แต่กางเกงใน ยังถูกถอดมาวางไว้ บนโต๊ะ อ่านหนังสือ เทซองมองเห็นสภาพห้องอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดจะเก็บทำความสะอาดขึ้นมาตอนนี้หรอก
สิ่งสำคัญที่สุด คือการปลุกพ่อจอมขี้เซา ของเขาเสียก่อน แม้ต้องฉุดกระชากขึ้นมาก็คงต้องทำ เขาก้าวข้าม เสื้อผ้า หลบหนังสือ เศษขยะ บนพื้นไปมาจนกระทั้ง มาถึงข้างเตียง เสียงนาฬิกาก็ยังดังอยู่ไม่ขาดหายไป แต่คนบนเตียงนั้น กลับนอนหลับตาพริ้ม ประดุจเจ้าชาย นอนหลับในประสาทยังงัยยังงั้น
“พ่อๆ ตื่นเสียทีสิ คุณจุนโฮ ครับ ตื่นได้แล้ว” เสียงเรียกให้ตื่นจากลูกชาย ที่ค่อยดังขึ้น บอกอารมณ์ได้ว่า เริ่มจะโมโห กับ พ่อคนดีนี่เสียแล้ว
“อืม.. รู้แล้วน่า ขอต่ออีกนั้น” เสียงงึมงำ หลุดออกมา และคำตอบที่ได้กลับทำให้ เทซองรู้ว่า เขาจะใช้วิธีปกติในการปลุกพ่อให้ตื่นคงไม่เป็นผล วิธีสุดท้ายคือการเอาน้ำมาราดคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่อยากใช้วิธีนี้ก็ตาม
“งั้นพ่ออาบน้ำบนเตียงนี่เลยนะ” ไม่ทันขาดคำ หยดน้ำก็หล่นลงไปบนหน้าของคนเป็นพ่อ
“เฮ้ยๆๆ มันจะมากไปแล้วนะ เจ้าเทซอง” คนเป็นพ่อสะดุ้งโหย่ง นึกว่าลูกชายตัวดีจะเอาน้ำราดเขาขึ้นมาจริงๆ แต่ปรากฏว่า เทซองถือกระบอกฉีดน้ำ ฉีดใส่เขาเท่านั้น
“ก็พ่อไม่ตื่นเองนี่ เรียกตั้งนานแล้ว ไหนบอกว่าวันนี้มีงานด่วนต้องไปทำแต่เช้า และยังจะไปส่งผมอีก นี่ผมรอนานแล้วนะ ถ้าต้องเสียประวัติเพราะมาสายละก็ พ่อโดนดีแน่”
“น้อยๆ หน่อย เจ้าตัวดี ฉันเป็นพ่อนะเว้ย ไม่ใช่ลูกชาย แก่ เดี่ยวเถอะ ฉันจะไปปรากฏตัวที่โรงเรียนแก่” คราวนี้คนเป็นพ่อขู่กลับบ้าง เพราะรู้ว่า ลูกชายของเขา ไม่อยากให้ใครรู้ว่า เขาเป็นพ่อ ซึ่งการที่เขาเป็นพ่อ เทซองไม่ได้อับอายหรือไม่พอใจ แต่ที่ไม่อยากให้ใครรู้นั้น ก็เพราะว่า เขาเป็นนักร้องดัง ที่มีชื่อเสียงมากในวงการเพลงของเกาหลีนั้นเอง
แม้ว่าตอนนี้ เขาจะไม่ได้ออกอัลบัมเดี่ยวแล้ว และหันมาเอาดีทางด้านการเป็นโปรดิวเซอร์ดูแลการทำเพลงให้กับนักร้องหน้าใหม่ก็ตาม แต่อัลบัมเพลงฮิตที่เพิ่งทำออกมาก็ขายได้ดีและกลับมาฮิตอีกครั้ง พวกแฟนเพลงที่เติบโตมากลับเพลงของเขาทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ต่างก็เรียกร้องให้จัดคอนเสริต์ใหญ่ขึ้นอีกสักครั้ง ซึ่งเขาก็ยังไม่ตกลง เพียงแต่กำลังรอดูจังหวะที่เหมาะสม
จุนโฮ ตวัดผ้าห่มออกจากตัว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ของชายหนุ่มใหญ่เต็มที่ และมีเสน่ห์สุดๆ ซึ่งสวมเพียงบ๊อกเซอร์นอนเพียงตัวเดียว เทซองเห็นพ่อตื่นนอนแล้ว ก็หันหลังกลับ ก่อนจะเดินออกพ้นประตู ก็หันไปพลางพูดว่า
“ยังกับ ดาราหนังโป้ แก้ผ้านอนอยู่ได้ สักวันจะปอดบวมตายหรอก”
“หน่อย แก่ว่าใคร อิจฉาฉันละซีแก่ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
“โครม” เสียงปิดประตูดังสนั่นหวันไหว จากลูกชายที่กำลังเดินจากไป
จุนโฮยืนยิ้มออกมา เมื่อลูกชายลับหายไป เขาเป็นชายหนุ่มวัยแค่ 34 แต่ก็มีลูกชายโตเป็นหนุ่มแล้ว แถมยังดูหล่อเหลา กว่าเขาตอนอายุเท่ากันอีกด้วย ใครจะไปคิดได้ว่า นักร้องหนุ่มโสด จุนโฮ จะมีลูกชายโตขนาดนี้ เขาไม่เคยบอกใครว่ามีลูกชาย
ยกเว้นแต่เพื่อนสนิทและคนไกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ แม้ว่าจะมีใครถาม ว่าเทซองเป็นใคร เขาก็ได้แต่บอกว่าเป็นน้องชาย ที่อายุห่างกันมากเพราะว่า หน้าตาของเขา แม้จะอายุมากขนาดนี้ แต่ก็ดูอ่อนเยาว์เหมือนหนุ่มวัย 27 เท่านั้นเอง
เทซอง เดินลงบันไดไปห้องครัว เขานั่งลงทานอาหารเช้า ที่ทำเองไว้ ซึ่งก็แค่ข้าวต้นง่ายๆ ใส่หมูนิดหน่อย เครื่องปรุงอีกเล็กน้อย ก็พอจะอิ่มไปได้ เขากับพ่อก็อยู่กันแค่สองคนในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งอาทิตย์หนึ่งจะมีแม่บ้านที่จ้างไว้มาค่อยทำความสะอาดให้ แต่อาหารการกิน ส่วนมากเขาจะเป็นคนทำ ส่วนจะเป็นอะไร อร่อยแค่ไหน นั่นก็แล้วแต่อารมณ์ของเขาเช่นกันว่า จะทำอะไร
เพียงไม่นาน ชายหนุ่มผู้พ่อก็เดินเข้ามา ในชุดแต่งกายที่แม้แต่นายแบบในนิตยสารก็ยังอาย แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะพ่อมักจะได้เสื้อผ้าใหม่ๆ ฟรีๆ จากห้องเสื้อดังๆมากมาย ทุกฤดูกาลที่เดี่ยว เพราะพ่อเป็นคนดังแถมยังได้โฆษณาเสื้อผ้าให้ฟรีๆอีกด้วย ซึ่งเขาก็ได้รับอานิสงส์จากพ่อ จนไม่ต้องซื้อเสื้อใหม่ๆ มาได้เกือบปีแล้ว
ในตอนนี้เขารูปร่างสูงเท่ากับพ่อแล้ว แม้ว่า ตัวจะไม่ล่ำบึกบึนสมชาย มากเท่าพ่อ แต่ก็พอที่จะคำนวนได้ว่า ถ้าหากโตขึ้นกว่านี้ เขาก็คงไม่ต่างจากพ่อเท่าใดนัก
“พ่อจะทานข้าวต้มก่อนไหม”
“ไม่ล่ะ พ่อขอแค่ ขนมปัง กับ กาแฟก็พอ”
“มันจะไม่อิ่มนะครับ”
“ก็บอกจะรีบไปงัย เดี่ยวก็ไม่ทันหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ พ่อทานให้อิ่มแล้วค่อยออกไปก็ได้” เทซองพูดด้วยความเป็นห่วง เพราะพ่อของเขาเป็นพวกที่ทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา เวลามีงานทีไรมักจะลืมทานอยู่เป็นประจำ จนต้องเป็นโรงกระเพาะ ก็หลายครั้ง
“งั้นพ่อขอแค่ถ้วยเล็กๆ ถ้วยเดียวพอ”
“นี่ครับ” เทซองยิ่นถ้วยข้าวต้มให้
จุนโฮ ตักข้าวต้มขึ้นทาน ก่อนจะบอกว่า “อร่อย” เรียกรอยยิ้มกว้างจากลูกชายออกมาได้ จนกระทั้งหมดถ้วยนั้นแล้ว ก็ลุกเอาไปวางไว้บนอ่างล้างที่อยู่ไกล้ๆ
“ยังไม่ต้องล้างนะครับ เดี่ยวตอนเย็นผมมาจัดการเอง ตอนนี้รีบไปกันเถอะครับ เดี่ยวจะสาย ผมจะแย่เอา” เทซองรีบเตือนก่อนจะลุกไปหยิบกระเป๋ามาสะพายไว้ ก่อนจะเดินตรวจดูรอบๆ บ้านว่า ได้ปิดประตูทุกบานเรียบร้อยแล้ว เพื่อกันขโมย แม้ว่า ย่านที่เขาอาศัยจะเป็นย่านเศรษฐีมีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างดีก็ตาม
จุนโฮ มองดูลูกชายที่ทำอะไรเป็นระเบียบ เรียบร้อย แถมยังรอบคอบ ก็ได้แต่รู้สึกภูมิใจ แม้ว่าเทซองจะเขาเป็นพ่อเพียงคนเดียวในบ้าน แต่เขาก็พยายามให้ความรักแทนแม่ของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้เทซองฟัง เทซองก็ไม่เคยถามเขาเหมือนกันว่า แม่เขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน
จุนโฮถอยรถสปอร์ตออกมารอหน้าบ้าน คอยเทซองออกมาปิดประตูก่อนที่จะขึ้นรถไปด้วยกัน
“ลูก เรียนอยู่ปีไหนแล้ว” จุนโฮถามขึ้นมาระหว่างขับรถ
“ปีนี้ ปีสุดท้ายแล้วครับ จบเทอมนี้ผมก็จบ ม ปลายแล้ว” เทซองตอบ
“แล้วคิดไว้หรือยังว่า จะเรียนหรือทำอะไรต่อไป”
“ผมคิดว่าจะเรียน บริหาร”
“เหรอ”
“ครับ”
เทซองไม่อธิบายเหตุผลอะไรต่อให้มากมายเพราะรู้ว่า พ่ออยากให้เขาเรียนด้านดนตรี เป็นนักดนตรี หรือ นักร้องเหมือนกับพ่อ แต่เพราะเขาไม่ชอบ เพราะเห็นอยู่ว่า พ่อมักจะไม่ค่อยมีเวลาให้ แถมยังต้องทำงานดึกๆดื่นๆ อีกทั้งยังหาความเป็นส่วนตัวได้ลำบาก
จำได้ว่าเมื่อตอนยังเป็นเด็กเมื่อไหร่ที่ขอให้พ่อพาออกไปเที่ยวนั้น พวกเขาต้องคอยหลบพวกแฟนเพลงของพ่อตัวแจเลยที่เดียว บางครั้งถึงกับต้องพากันวิ่งหนี หลบพวกนักข่าวและแฟนเพลง จนเหงือตก ตอนนั้นเขายังสนุกไม่รู้อะไร คิดว่าเป็นการเล่นไล่จับเสียอีก แต่พอโตขึ้นก็รู้ว่า มันไม่ใช่ ทำให้เขาไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนกับพ่อได้บ่อย เท่ากับเด็กคนอื่นที่ได้ออกไปเที่ยวกับพ่อ
เมื่อรถได้มาได้มาจอดไม่ไกลจากประตูโรงเรียนเท่าใด ด้วยความเด่นสะดุดตาของรถสปอร์ตสีน้ำเงิน ยีห้อหรูจากต่างประเทศ จึงเป็นที่สนใจของนักเรียนที่กำลังเดินมา เทซองรีบบอกลาจากพ่อ แล้วเปิดประตูออกมาก่อนจะรีบปิดในทันที พร้อมกับก้าวออกมาให้รวดเร็วจากรถหรูคันนี้
จุนโฮได้แต่หัวเราะ หึ หึ ในลำคอกับท่าทางของลูกชาย เขารู้สึกอยากแกล้ง จึงออกรถช้าๆ ขับไปไกล้ๆ แล้วก็เลือนกระจกลง พร้อมกับ ส่งเสียงและโบกมือให้
“ตั้งใจเรียน ดีๆ นะ ที่รัก” พอสิ้นเสียงก็หัวเราะ ฮ่า ฮ่า แล้วรีบขับออกไปโดยเร็ว
“เฮ้ย” เทซอง ร้องอย่างตกใจ กับคำพูดประโยคนั้น เขาหันมองไปรอบๆ ก็เห็นคนมองมา กับทำหน้าตาประหลาด แกมสงสัย จึงรีบก้าวออกไปโดยเร็ว จนในที่สุดก็วิ่งเข้าโรงเรียนไปทันที
จนกระทั้งมาถึงห้องเรียนด้วยอาการเหนือยหอบๆ เดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ตรงๆไปที่นั่งประจำของเขา ริมหน้าต่างๆ โดยไม่ได้สนใจใคร
“โป๊ก” เสียงสมุดกระทบศรีษะ เสียงดัง
“โอ้ย ใครว่ะ” เสียงร้องด้วยความโมโห
“ฉันเอง” อูฮีซู เพือนสนิทที่นั่งอยู่ด้านหลังยื่นหน้าเข้ามา
“เจ็บนะเว้ย ตีเขามาได้ หัวคนนะ ไม่ใช่ เหล็ก” เทซองพูดด้วยน้ำเสียงมีโหโห
“ก็นายวิ่งหน้าตื่นมาทำไม มีใครทำอะไรนายหรืองัย”
“ไม่มีหรอก ฉันแค่อยากมาให้ถึงห้องเร็วๆ เท่านั้น”
“งั้นเหรอ ไม่ใช่ว่า ถูกใครรุม หาเรื่องแต่เช้านะ”
“ไม่มีหรอกน่า ใครจะมาสนใจฉันล่ะ”
อูฮีซู พยักหน้าเห็นด้วยกับเทซอง ใครจะมาสนใจหนุ่มซื่อบื่อ คนที่ดูภายนอกแล้ว ไม่น่าสนใจ แม้ว่าเทซองจะมีความสูงที่โดดเด่น พอจะสะดุดตาอยู่บ้าง แต่พอมองเห็น เขาแล้วก็เลิกสนใจได้
ก็เพื่อนเขาคนนี้ เป็นคนที่เก็บตัวเงียบๆ ไม่ทำอะไรให้โดดเด่นเลยให้ตายสิ เขาเกลียดทรงผมกับแว่นตาสุดขี้เหร่ของเทซองที่สุด มันดูผิดที่ผิดทาง เขาเคยขอร้องให้เทซองตัดผมข้างหน้าออกบ้าง อย่าให้บังดวงตาและใบหน้า และเลิกเอาแว่นตากรอบใหญ่น่าเกลียดนั่นออกซะ แต่เพื่อนเขาก็ไม่ยอม ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ได้สายตาสั้น
เขาเคยถามว่า ใส่มันทำไม ไอ้แว่นตาทุเรศนี่ คำตอบที่ได้มาก็คือ เพื่อความมั่นใจ เท่านั้น เขาไม่กล้าพูดต่อหน้าคนอื่นได้ ถ้าไม่มีแว่นตามาบังไว้ ซึ่งฟังดูงี่เง่าอย่างไรชอบกล แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถบังคับให้เทซองเลิกใส่ได้ จนความพยายามของเขาหมดไป
“นายเห็นประกาศอันดับ คะแนน สอบกลางเทอมนี้หรือยัง”
“ยัง นายดูมาแล้วหรือ” เทซองลุกขั้นพลางหมุนตัวนั่งหันกลับไปด้านหลัง เพื่อให้คุยกับ อูฮีซูได้สะดวกขึ้นจะได้ไม่ต้องหันมาให้เมื่อยคอ
“อืม ของฉันได้อันดับ สิบ”
“ก็ดีนะ ยังติดท๊อปเท็นเนียะ คราวที่แล้วนายหล่นไปอยู่ เกือบ 20 แนะ”
“เหอะๆ นั้นมันอดีต คราวนี้ฉันพยายามแทบตายกว่าจะไต่มาอยู่ เท่านี้ได้ นับว่าไม่เสียแรงไปเปล่าๆ”
“ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง งั้นวันนี้ไปฉลองกัน นายเลี้ยงนะ” เทซองแสดงความยินดีไปแล้ว ก็ปรบมือให้อีกเหมือนกับว่า เพื่อนของเขาได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่
“จะให้ฉันเลี้ยงได้ยังงัย คนที่จะต้องเลี้ยงฉัน มันต้องเป็นนาย” อูฮีซู โต้กลับ
“ทำไมฉันต้องเลี้ยงด้วย ก็นายทำคะแนนได้ดีขึ้น ก็สมควรแสดงความยินดี ก็ถูกต้องแล้วงัยล่ะ”
“แล้วนายล่ะ ไม่อยากรู้เหรอ ว่าสอบได้ที่เท่าไหร่” ฮีซูถาม
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากรู้” เทซองกอดอก ปฏิเสธ
“น่า นายแสดงอาการอยากรู้หน่อยสิ ไม่อยากรู้เหรองัย ว่าได้ที่เท่าไหร่”
“ไม่”
“ฉันบอกนายก็ได้ แต่นายต้องเลี้ยงข้าวฉันเย็นนี้” ฮีซู ไม่สนใจว่า มันจะเกี่ยวกันหรือไม่ แต่เขาอยากแกล้ง เทซองที่แกล้งทำเป็นไม่อยากรู้อันดับของตัวเอง
“ฉันได้ ที่หนึ่งคราวนี้” เทซองพูดแทรกขึ้นมาก่อน ด้วยความมั่นใจว่า เขาทำได้อันดับนี้แน่นอน
“ห๋า นายรู้ได้งัย ไหนบอกว่า ไม่ได้ไปดูบอร์ดมางัย” เพราะไม่เชื่อว่า เพื่อนเขาจะรู้ได้
“ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ปกติฉันก็ได้อันดับ ไม่ต่ำกว่า ที่ 3 อยู่แล้ว และคราวนี้ฉันก็มันใจว่า ทำได้หมดทุกข้อ เพราะฉะนั้น ผลก็คือ ฉันได้ที่ หนึ่ง ถูกต้องไหมล่ะ”เทซองพูดอย่างมั่นใจ สุดๆ ไม่มีการถ่อมตนแม้แต่น้อย
คนที่ทำตัวไม่โดดเด่นด้านรูปลักษณ์ภายนอก แต่กลับมีมันสมองที่ปราชเปรื่อง พูดได้น่าตาเฉย จนอูฮีซู อึ้งไปทันใด
“มันก็ใช่หรอกนะ เพราะฉะนั้น ในฐานะ ที่นายสอบได้ที่หนึ่ง นายต้องเลี้ยงฉัน เพื่อการฉลอง”
“ก็ได้ ๆ” เทซองยอมตกลง พลางทำหน้าเหมือนถูกบังคับ และไม่เต็มใจอย่างไรอย่างนั้น
แต่ความจริงแล้ว เขาไม่ได้เป็นอย่างที่แกล้งทำออกมา เพียงแต่อยากแกล้ง ฮีซูเล่นเท่านั้น
อูฮีซู เป็นเพือนสนิทเพียงคนเดี่ยวในโรงเรียน เมื่อเขาได้ย้ายมาเรียนที่นี่ เพราะอยู่ห้องเดี่ยวกันมาเกือบสามปีแล้ว แต่เพื่อนเขาคนนี้ ก็ยังไม่รู้ความลับของเขา ไม่ใช่ว่า ไม่ไว้ใจเพื่อน แต่เพราะเขาไม่ได้เล่าให้ฟัง และไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้าน เท่านั้น อีกทั้ง ฮีซูก็ไม่ได้ถามด้วยว่า ครอบครัวของเขาเป็นใคร นอกจากจะรู้แค่ว่า พ่อของเทซอง ทำงานเกี่ยวกับดนตรี
“ส่วนคนที่ได้อันดับรองจากนาย นะคือ ลีมินวู ฉันว่า มันคงช็อคน่าดูที่จู่ก็ตกอันดับลงมา ทั้งๆ ที่ได้ที่หนึ่งมาโดยตลอดอย่างนั้น” อูฮีซู เหมือนจะสะใจ ที่มีคนสามารถเอาชนะ ลีมินวูได้
“นายอิจฉา นายลีอะไรนั้นหรืองัย” เทซองเย้ากลับไป
“ใครจะไปอิจฉากัน ฉันแค่หมั่นใส้ มันก็เท่านั้นเอง นายไม่รู้หรืองัยว่า มันได้รับเลือกให้เป็นหนุ่มป๊อบอันดับหนึ่งของโรงเรียนเรา มา สามปีซ้อนแล้ว ยังไม่มีใครเอาชนะหมอนั้นได้”
“ไม่รู้หรอก ฉันไม่ได้สนใจนี่” เทซองผู้ไม่เคยทำตัวให้โดดเด่น ทำหน้าเบื่อหน่ายกับคนเรื่องของคนอื่น
เขารู้จักลีมินวูตั้งแต่ เข้าเรียนที่นี้แต่แรกแล้ว หมอนั้น ได้รับเกียรติให้พูดขอบคุณในวันปฐมศึกษา ต้อนรับนักเรียนใหม่ เมื่อตอนเข้ามาเรียนที่นี่ในปีแรก เพราะความที่หมอนี้หน้าตาดี บุคคลิกเด่น และความสามารถด้านกีฬาเลิศ จึงเป็นที่สนใจของนักเรียนทุกคน
ต่างกับเทซอง ที่มาเรียนที่นี่ด้วยลักษณะท่าทางเฉิมๆ เชยๆ ไม่สนใจใคร แม้ว่าผลการเรียนจะดีเลิศไกล้เคียง เรื่องกีฬาเขาก็ทำได้ดีมาก แม้จะไม่ดีเลิศ แต่เพราะเขามีบุคคลลิกเหมือนกับคนทั่วไปๆ จึงไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจ
ซึ่งการที่เป็นแบบนี้ ก็เป็นความชอบและความตั้งใจของเขาเอง ที่จะเปลี่ยนชีวิตให้มีความเรียบง่าย และสบายตัว ที่จะทำอะไรได้เต็มที่โดยไม่ต้องเป็นที่จับตามองของใคร ต่างจากชีวิตตอนมัธยมต้นของเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว
ตอนนั้นเขาก็ไม่ต่างจากลีมินวูเท่าใดนัก แต่เพราะรำคาญ และรู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวได้หายไปจากชีวิต เหมือนพ่อของเขานั้น จึงทำให้เขาหาทางเปลี่ยนลุคตัวเองเสียใหม่ จนกระทั้งไม่เหลือเค้าเดิม
“เออ นายก็ไม่เห็นจะสนใจใครทั้งนั้นแหล่ะ นี่ถ้าฉันไม่มาเป็นเพื่อนกับนาย นายจะโดดเดี่ยวผู้น่ารักอยู่คนเดี่ยวนะจะบอกให้” ฮีซูพูดประชดใส่เพื่อน
“ฉันต้องขอบคุณนายมาก ละสิ ที่สละเวลามาคบกันฉันเนียะ”
“ใช่ นายต้องขอบคุณฉัน”
“เหอะๆ ดูทำงอน ไปได้ ผู้ชายที่ไหนเขาทำงอน ไม่น่ารักสักนิด” ฮีซู ไม่ตอบ หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง มองออกไปเรื่อย ๆ เหมือนไม่สนใจ
เทซองมองเพื่อนสนิทของตนเอง ก็ขำในใจ อยากจะปล่อยให้งอนไปเหมือนกัน แต่ก็รู้ว่า เพื่อนแกล้งทำงอนเป็นผู้หญิงไปอย่างนั้นเอง ฮีซูเป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่เป็นมิตรกับใครๆ สนุกสนานเฮฮา นำความสุขมาให้กับทุกคน และก็เป็นหนุ่มป๊อปคนหนึ่ง มีคนมาขอเป็นแฟนกับฮีซูก็หลายคน แต่ก็เห็นหมอนี้ไม่สนใจใครเป็นตัวเป็นตนจริงๆ ได้แต่เจ้าชู้ไปมา
พอฮีซูทำเป็นไม่สนใจ และคอยอยู่ว่า เพื่อนจะง้อตนเองเร็ว แล้วเขาก็จะหันมาพูดด้วยเหมือนเดิม แต่ก็รอแล้ว ก็เงียบ เทซองไม่ขยับหรือทำอะไร จะพูดก็ไม่พูดสักที เขารู้สึกอึดอัด จะเลิกทำเป็นงอนก็ไม่ได้ เสียศักดิศรีหมด
“ก็ได้ ก็ได้ ขอบคุณครับ คุณเพื่อนที่เคารพที่ได้กรุณาเป็นอย่างมาก ที่เคารพกับผม” เทซองง้อเสียยืดยาว หรือจะประชดกันล่ะนี่
ฮีซูก็ไม่สนเหมือนกันว่า เทซองจะง้อจริง หรือประชด แต่เขาพอใจที่เพื่อนกลับมาง้อ แม้จะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม
“ดีมาก สมกับเป็นเพื่อนรักฉันจริง”
“เพราะฉันไม่อยากให้นาย อึดอัดใจตาย ตะหากเล่า นายอูฮีซู”
“แล้วนายจะ...” ฮีซูพูดไม่ทันจบ ครูประจำชั้นก็เดินเข้ามาพอดี ทำให้ทุกคนในห้องรีบกลับเข้าประจำที่ของตนเองทันที
“ทุกคน เคารพ” เสียงบอกจากหัวหน้าห้อง
“สวัสดีทุกคน วันนี้มีใครขาดเรียนหรือเปล่าจ๊ะ” แล้วเธอก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง เห็นว่าไม่มีใครขาดเรียนวันนี้ เพราะเธอจำนักเรียนของเธอได้ทุกคน จึงไม่จำเป็นต้องขานชื่อให้เสียเวลา
“วันนี้ห้องของเรามีเรื่องน่ายินดี เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งครูรู้สึกภูมิใจที่พวกเธอทุกคน ทำได้ดี และ มีคนทำได้ดีที่สุดอยู่ในนี้ด้วย เรื่องที่น่ายินดีนั้นก็คือ นักเรียนในห้องของเราคนหนึ่งสามารถทำคะแนนได้เป็นอันดับหนึ่งในชั้นปี เป็นครั้งแรกของห้องเราด้วย ดังนั้นขอเสียงปรบมือให้กับ จุนเทซองด้วย” เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้นภายในห้อง ทุกคนหันไปมอง จุนเทซอง เขานั่งก้มหน้า พลางซ่อนหน้าที่กำลังแดงขึ้นเพราะความอาย ที่ถูกคนอื่นปรบมือให้อย่างนี้ จนกระอูฮีซูที่นั่งอยู่ด้านหลัง ต้องเต๊ะเท้าใส่ เพื่อบอกให้เขาลุกขึ้น
เทซองรีบลุกขึ้น พลางโค้งขอบคุณให้กับ เสียงปรบมือ และกล่าวขอบคุณ เสร็จก็นั่งลงทันที
“เอาล่ะ นอกจากนี้ครูมีเรื่องจะบอกกับพวกเธอ ว่าจากนี้ไปอีก 2 เดือนพวกเธอ ก็จะสอบและจบการศึกษากันแล้ว ดังนั้นวันนี้ครูจึงมี ใบ เลือกมหาวิทยาลัย และความตั้งใจมาให้เธอ กรอก จากนั้นก็ค่อยทะยอยมาพบครูน๊ะจะ”
“ครับ/ค่ะ”
“หัวหน้าห้อง หลังจากเลิกเรียนตอนเที่ยงแล้วเธอ ไปเอาเอกสารที่ห้องพักครู มาแจกให้เพื่อนๆ นะจ๊ะ เอาล่ะวันนี้ครูมีเรื่องแค่นี้ เลิกได้จ๊ะ”
“ทั้งหมดเคารพ”
“ขอบคุณครับ / ค่ะ”
“นี่ นี่ เทซอง” อูฮีซู เรียกเทซองที่อยู่ข้างหน้า
“อะไร เรียกทำไม เดี่ยวครูก็มาแล้ว” เทซองหันมาถาม
“ฉันไม่ได้ถามหาครู” ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เห็นว่าครูยังไม่เข้ามา ก็คงจะอีกสักประเดี๋ยวล่ะ
“แล้วนายเรียกทำไม มีอะไรก็พูดมาสิ” เทซองชักสีหน้าว่า รำคาญเต็มที่แล้ว
“นายจะเรียนอะไร”
“คณิตศาสตร์งัย”
“ไอบ้า ฉันไม่ได้ถามแก่แบบนี้ ฉันถามว่า ที่ครูเขาถามเรื่องมหาวิทยาลัยนะ นายเลือกเรียนอะไร” เฮซู ต้องอธิบายยืดยาว ไม่อย่างนั้น เทซองต้องกวนกลับมาอีกแน่ๆ
เทซอง เงียบไปครูหนึ่ง เขารู้ว่าตนเองอยากจะเรียนอะไร แต่จะบอกไปทำไม ดูคนตรงหน้าสิ สนใจอยากจะรู้เต็มแก่แล้ว ให้หมอนี้ กระวนกระวายเล่นดีกว่า หุ หุ
“ไม่บอก”
“ไอ้บ้า นายยังไม่ได้คิดละสิ ไม่ต้องมาอำฉัน”
“ฉันคิดไว้แล้ว เมื่อเช้า พ่อฉันก็ถาม”
“เหรอ แล้วนายตอบไปว่างัย”
“ก็ฉันไม่บอกนายงัย อุ้วว”
“เออ ไม่ตอบ ก็ไม่ต้องตอบ ฉันไม่ถามนายก็ได้”
“บริหาร” เทซองพูดตอบเสียงเบา
“นายเลือกบริหารเหรอ”
“อืม ทำไม นายอยากมาเรียนกับฉันหรืองัย” ว่าแล้วก็หรีตามอง เหมือนจะถามว่า สนใจรึ
“เปล่า นายว่าฉันไปเรียนด้านดนตรี เป็นนักร้องได้มะ”
“ไม่มีทาง อย่างนายเขาไม่รับหรอก”
“ทำไม ฉันไม่ดีตรงไหน ทำไมไม่รับ”
“ก็เสียงนาย” เทซองกะจะพูดอธิบายว่า ทำไม แต่ก็หยุดไว้ “ฉันว่านายไม่เหมาะเป็นนักร้องหรอก เสียงร้องของนายไม่ดีขนาดนั้น”
“แต่ฉันก็ร้องเพลงได้นะ ใครๆ ก็ชมว่าฉันเสียงดี”
เทซองเคยไปร้องเพลงคาราโอเกะกับอูฮีซูมาหลายครั้ง ก็พอจะรู้ว่า เพื่อนเขาร้องเพลงได้ดี แต่จะให้ไปเป็นนักร้องนั้น ยังอีกห่างไกล ในฐานะที่เขามีพ่อเป็นนักร้อง เคยเห็นการฝึก การซ้อม ของพ่อก็บอกได้ว่า ฮีซู ไปไม่ถึงฝันแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้อยากลบความฝันเฟืองของเพื่อนตอนนี้
“ฉันว่า นายลองหาอะไรอย่างอื่นดูเผื่อไว้บ้างดีกว่า ถ้านายอยากเป็นนักร้องจริง ลองไปสมัครการประกวดอะไรเข้าสิ เผื่อว่าจะชนะขึ้นมาได้ นายก็อาจจะมีโอกาสกับเขาบ้าง”
“อืม นั่นสินะ มันก็จริงของนาย” ฮีซูพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของเทซอง
ความคิดเห็น