คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 เซราเซีย(2)
บทที่ 3 เซราเซีย(2)
Mo
ji -b
g-
รถม้าขนาดกลางค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางสายเล็กๆหากมองไปเบื้องหลังก็จะเห็นยอด
ปราสาทสีขาวตั้งตระหง่านอยู่รำไร ภายนอกประดับประดาไปด้วยธงกางเขนสีแดงบนพื้นขาวเป็น
จำนานมากสัญลักษณ์ของเหล่าอัศวินวิหาร ดวงตาสีมรกตจับจ้องมองผ่านช่องเล็กๆในรถม้านั่น
ก่อนจะเหยียดยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ในที่สุดเขาก็ได้ออกมาจากที่นั่นเสียที "ตระกูลเบนาดิกซ์"ที่เขา
เกลียดชังเซรามนั่งห่อตัวเล็กน้อยเมื่อรถม้าแล่นไปปะทะกับความเย็นของป่าสน ไอหมอกและ
น้ำค้างยังคงเกาะเป็นหยดเล็กๆเรียงรายกันตามใบไม้ กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าอ่อนๆโชยมาตามสาย
ลมเขาสูดหายใจลึกๆซึมซับความรู้สึกนุ่มละมุนช้าๆนานแค่ไหนกันนะที่เขาไม่ได้รู้สึกสดชื่นแบบนี้
"อีกนานไหมอาเบล" เซรามชะโงกหน้าไปถามอาเบลที่นั่งคุมรถอยู่ด้านหน้า
"ต้องผ่านอีก 2 ด่านะครับคิดว่าอีกสักครึ่งชั่วโมงก็คงจะถึงด่านที่ 2 แล้วถ้าไม่มีอะไรขัดข้องเรา
จะไปที่ด่านสุดท้ายในตอนเที่ยงและถึงเซราเซียตอนช่วงบ่ายครับ" เซรามพยักหน้าก่อนจะทิ้งตัวลง
บนฟูกหนานุ่มที่บุด้วยกำมะหยี่สีแดงภายในคันรถ ตระกูลของเขาก็เป็นซะอย่างนี้คนนิยมก็มากคน
เกลียดชังก็มีจึงต้องสร้างปราการป้องกันถึง 3 ชั้นมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยตัวปราสาทถูกออกแบบ
ให้มองเห็นพื้นที่บริเวณรอบข้างได้ทุกด้านเพื่อเป็นกลยุทธ์ป้องกันการโจมตีของศัตรูหลายต่อหลาย
ศตวรรษที่ผ่านมา....โดยมีเรื่องเล่าว่าต้องปกป้องทายาทแห่งพระคริสต์ ซึ่งเป็นพันธะสัญญาที่ต้อง
ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายชั่วคน แต่ว่าไอ้ทายาทอะไรนั่นไม่เห็นจะปรากฏตัวสักทีสงสัยเรื่องเล่านั่น
จะเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพที่แต่ขึ้นมาเรียกความนิยมก็ได้มั้ง เซรามเหยียดยิ้มก่อนจะค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา
"ท่านเซรามครับ ท่านเซราม" อาเบลเรียกเบาๆ
"หืม" เซรามค่อยๆปรือตาขึ้นมา
"ออกจากด่านสุดท้ายแล้วครับ"
"อืม" แต่ทันทีที่เค้าจะยันตัวลุกขึ้น แหวกม่านออกเพื่อมองทัศนีย์ภาพภายนอกให้ชัดตา บ้านเรือน
ชั้นเดียวขนาดเล็กๆหลายหลังไล่เรียงกันไปตลอดสองข้างทาง เสียงกุบกับดังไปตลอดถนนสาย
เล็กๆ บ้านเก่าแก่เรียงกันตลอดสายดุกลมกลืนกันเลยทีเดียว หญิงชาวบ้านในชุดกระโปงสุ่มไก่เก่าๆ
มาโปรยข้าวเปลือกให้อาหารไก่อยู่หลังบ้าน เสียงเด็กเจี๊ยวจ้าววิ่งเล่นกัน ไปตามเนินหญ้าเตี้ยๆเสียง
หัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กเหล่านั้นทำให้นึกเปรียบเทียบกับตนเองเด็กคนอื่นๆมากมายช่างมี
ชีวิตที่สุขสบาย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วชีวิตของข้าช่างยากลำบากเสียนี่กระไรที่ต้องอยู่ภายใน
ปราสาทนั้นที่ต้องเรียน เรียน เรียน และเรียนตามคำสั่งของบิดา การเมือง เศรษฐศาสตร์ ศาสนา
ศิลปะการณ์ต่อสู้ วิชาการณ์ต่างๆตั้งแต่อายุเพียงแค่ 4ขวบ ตามกฎที่ว่าบุตรชายของผู้มีบรรดาศักดิ์จะ
ได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดไม่ลดหย่อน ส่วนบุตรของคนยากจนจะได้รับการปฏิบัติอย่างกรุณา
และไม่ว่าเขาจะทำอะไรทุกๆครั้งจะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่เสมอ ไม่ว่าจะพยามสักเท่าไรผู้
เป็นบิดาก็ไม่เคยหันมามองเขาบ้างเลย....มันคงจะเป็นชะตากรรม "ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้อ่อนแอ"
ประโยชน์ติดปากของบิดาที่ตัวเขามักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นเพราะเหตุอันใดเล่าพระเจ้าจึงได้
ประทานความอยุติธรรมมาสู่ตัวข้าเช่นนี้ .......เสียงฝีเท้าของม้าเริ่มลดความเร็วลงเรื่อยๆเมื่อใกล้ถึง
เขตเมืองและทันใดนั้นเองผ้าม่านด้านหน้าระหว่างคนขับก็ถูกแหวกออกกว้างทำให้ข้าได้เห็น...
เบื้องหน้ากำแพงเมืองสูงใหญ่ คนฝักใฝ่จรไปมา ร้องเรียงเสียงแม่ค้า หวังให้มาซื้อของตน (อ้าว
เพลินแต่งเป็นกลอนไปแล้ว) เซรามมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอผู้คนมาก
เท่านี้ นอกเสียจากกองทหารสวิตซ์ที่เดินตรวจตราอยู่ทั่วปราสาท และเบื้องหลังกำแพงเมืองสูงใหญ่
นั่น ปราสาทสีงาช้างตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า งดงามเสียจนทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากมันได้
หรือว่ามันคงเป็น
"เซราเซีย"
ความคิดเห็น