ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซราเซีย ภาค หีบพันธะสัญญา

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 เซราเซีย(2)

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 50


    บทที่  3 เซราเซีย(2)

    Mo ji -b g-

    รถม้าขนาดกลางค่อยๆเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางสายเล็กๆหากมองไปเบื้องหลังก็จะเห็นยอด

    ปราสาทสีขาวตั้งตระหง่านอยู่รำไร ภายนอกประดับประดาไปด้วยธงกางเขนสีแดงบนพื้นขาวเป็น

    จำนานมากสัญลักษณ์ของเหล่าอัศวินวิหาร ดวงตาสีมรกตจับจ้องมองผ่านช่องเล็กๆในรถม้านั่น

    ก่อนจะเหยียดยิ้มที่มุมปากน้อยๆ ในที่สุดเขาก็ได้ออกมาจากที่นั่นเสียที "ตระกูลเบนาดิกซ์"ที่เขา

    เกลียดชังเซรามนั่งห่อตัวเล็กน้อยเมื่อรถม้าแล่นไปปะทะกับความเย็นของป่าสน ไอหมอกและ

    น้ำค้างยังคงเกาะเป็นหยดเล็กๆเรียงรายกันตามใบไม้ กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าอ่อนๆโชยมาตามสาย

    ลมเขาสูดหายใจลึกๆซึมซับความรู้สึกนุ่มละมุนช้าๆนานแค่ไหนกันนะที่เขาไม่ได้รู้สึกสดชื่นแบบนี้

    "อีกนานไหมอาเบล" เซรามชะโงกหน้าไปถามอาเบลที่นั่งคุมรถอยู่ด้านหน้า

      "ต้องผ่านอีก 2 ด่านะครับคิดว่าอีกสักครึ่งชั่วโมงก็คงจะถึงด่านที่ 2 แล้วถ้าไม่มีอะไรขัดข้องเรา

    จะไปที่ด่านสุดท้ายในตอนเที่ยงและถึงเซราเซียตอนช่วงบ่ายครับ
    " เซรามพยักหน้าก่อนจะทิ้งตัวลง

    บนฟูกหนานุ่มที่บุด้วยกำมะหยี่สีแดงภายในคันรถ ตระกูลของเขาก็เป็นซะอย่างนี้คนนิยมก็มากคน

    เกลียดชังก็มีจึงต้องสร้างปราการป้องกันถึง 3 ชั้นมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยตัวปราสาทถูกออกแบบ

    ให้มองเห็นพื้นที่บริเวณรอบข้างได้ทุกด้านเพื่อเป็นกลยุทธ์ป้องกันการโจมตีของศัตรูหลายต่อหลาย

    ศตวรรษที่ผ่านมา....โดยมีเรื่องเล่าว่าต้องปกป้องทายาทแห่งพระคริสต์ ซึ่งเป็นพันธะสัญญาที่ต้อง

    ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายชั่วคน แต่ว่าไอ้ทายาทอะไรนั่นไม่เห็นจะปรากฏตัวสักทีสงสัยเรื่องเล่านั่น

    จะเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพที่แต่ขึ้นมาเรียกความนิยมก็ได้มั้ง เซรามเหยียดยิ้มก่อนจะค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทรา


    "ท่านเซรามครับ ท่านเซราม" อาเบลเรียกเบาๆ


    "หืม" เซรามค่อยๆปรือตาขึ้นมา


    "ออกจากด่านสุดท้ายแล้วครับ"

    "อืม" แต่ทันทีที่เค้าจะยันตัวลุกขึ้น แหวกม่านออกเพื่อมองทัศนีย์ภาพภายนอกให้ชัดตา บ้านเรือน

    ชั้นเดียวขนาดเล็กๆหลายหลังไล่เรียงกันไปตลอดสองข้างทาง เสียงกุบกับดังไปตลอดถนนสาย

    เล็กๆ บ้านเก่าแก่เรียงกันตลอดสายดุกลมกลืนกันเลยทีเดียว หญิงชาวบ้านในชุดกระโปงสุ่มไก่เก่าๆ

    มาโปรยข้าวเปลือกให้อาหารไก่อยู่หลังบ้าน เสียงเด็กเจี๊ยวจ้าววิ่งเล่นกัน ไปตามเนินหญ้าเตี้ยๆเสียง

    หัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กเหล่านั้นทำให้นึกเปรียบเทียบกับตนเองเด็กคนอื่นๆมากมายช่างมี

    ชีวิตที่สุขสบาย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วชีวิตของข้าช่างยากลำบากเสียนี่กระไรที่ต้องอยู่ภายใน

    ปราสาทนั้นที่ต้องเรียน เรียน เรียน และเรียนตามคำสั่งของบิดา การเมือง เศรษฐศาสตร์ ศาสนา

    ศิลปะการณ์ต่อสู้ วิชาการณ์ต่างๆตั้งแต่อายุเพียงแค่ 4ขวบ ตามกฎที่ว่าบุตรชายของผู้มีบรรดาศักดิ์จะ

    ได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดไม่ลดหย่อน ส่วนบุตรของคนยากจนจะได้รับการปฏิบัติอย่างกรุณา 

      และไม่ว่าเขาจะทำอะไรทุกๆครั้งจะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่เสมอ ไม่ว่าจะพยามสักเท่าไรผู้

    เป็นบิดาก็ไม่เคยหันมามองเขาบ้างเลย....มันคงจะเป็นชะตากรรม "ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้อ่อนแอ"

    ประโยชน์ติดปากของบิดาที่ตัวเขามักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นเพราะเหตุอันใดเล่าพระเจ้าจึงได้

    ประทานความอยุติธรรมมาสู่ตัวข้าเช่นนี้ .......เสียงฝีเท้าของม้าเริ่มลดความเร็วลงเรื่อยๆเมื่อใกล้ถึง

    เขตเมืองและทันใดนั้นเองผ้าม่านด้านหน้าระหว่างคนขับก็ถูกแหวกออกกว้างทำให้ข้าได้เห็น...

    เบื้องหน้ากำแพงเมืองสูงใหญ่ คนฝักใฝ่จรไปมา ร้องเรียงเสียงแม่ค้า หวังให้มาซื้อของตน (อ้าว

    เพลินแต่งเป็นกลอนไปแล้ว) เซรามมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเจอผู้คนมาก

    เท่านี้ นอกเสียจากกองทหารสวิตซ์ที่เดินตรวจตราอยู่ทั่วปราสาท และเบื้องหลังกำแพงเมืองสูงใหญ่

    นั่น ปราสาทสีงาช้างตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า งดงามเสียจนทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากมันได้

    หรือว่ามันคงเป็น





     "เซราเซีย"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×