ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แรกเสน่หาซาตานร้าย

    ลำดับตอนที่ #8 : แต่งงานกับซาตานร้าย 100%

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 58


               
     แต่งงานกับซาตานร้าย (ต่อจ้า)


     
                   โครม
    !!!!

                    เสียงรถแล่นเข้ามาชนเข้ากับประตูรั้วเกิดเสียงดังจนฝ้ายลาดตกใจตื่น เธอรีบวิ่งออกมาจากตัวบ้านทันทีแม่เนียมแม่บ้านที่คุณรัศมีให้มาดูแลลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ตกใจรีบร้อนออกมาจากห้องนอนของตนเช่นกัน ทั้งสองต่างรีบวิ่งออกมาดูยังหน้าบ้าน

                    “คุณเมศวร์!!!!!

                     เสียงฝ้ายลดาร้องขึ้นด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเห็นว่ารถที่วิ่งเข้าชนประตูรั้วของบ้านคือรถของชายหนุ่ม ร่างบางรีบผวาเข้าไปหาและคว้าร่างไร้สติของชายหนุ่มบนรถที่เปิดประทุนในทันทีด้วยความเป็นห่วงน้ำตาพาลจะไหลใจก็ภาวนาอย่าให้ชายหนุ่มเป็นอะไรไป แม่เนียมที่เพิ่งมาเห็นเหตุการณ์เข้าก็ตกใจไม่แพ้กันแต่ยังสามารถควบคุมสติได้

                    “คุณเมศวร์!! คุณเมศวร์คะอย่าเป็นอะไรไปนะคะ” เสียงหญิงสาวเรียกชื่อเขาสั่นเครือออกอาการร้อนรนเมื่อคนที่เธอเรียกยังคงสลบไศลไม่ได้สติเธอไม่อยากเสียคนที่รักไปอีกแล้ว เธอแสดงอาการสั่นกลัวออกมาจนแม่เนียมสงสาร

                    “คุณฝ้าย.. คุณฝ้ายคะ ตั้งสติก่อนนะคะ คุณเมศวร์เธอคงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะเชื่อป้านะคะ”

                    “ค่ะ ขอบคุณค่ะป้า” ”

                    เมื่อคนแก่เข้าไปปลุกปลอบสติหญิงสาวก็กลับมาพลางขอบคุณก่อนจะหันไปเรียกคนที่ยังไม่ได้สติอีกครั้ง

                    “คุณเมศวร์คะ…..คุณเมศวร์/คุณเมศวร์คะ”  ทั้งฝ้ายลดาและแม่เนียมต่างก็ช่วยกันเรียกชายหนุ่ม

                    “คุณเมศวร์ค่ะตื่นสิคะเดี๋ยวฝ้ายจะพาคุณไปโรงพยาบาลนะคะ”

                    “อือ” เสียงผ่านลำคอแกร่งที่ดังขึ้นเสมือนเป็นเสียงสวรรค์ที่ชโลมใจฝ้ายลดา เธอตื่นเต้นดีใจที่เห็นว่าชายหนุ่มฟื้นคืนสติ

                    ปรเมศวร์รู้สึกรำคาญเสียงเซ็งแซ่ข้างหูของตนนักไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใครเมื่อสักครู่นี้ชายหนุ่มวูบสลบไปมารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะเสียงน่ารำคาญข้างหูไม่เป็นอะไรมากเพียงแค่หมดสติไปชั่วคราว

                    “คุณเมศวร์ คุณเมศวร์คุณปลอดภัยโอ้ขอบคุณพระเจ้าที่คุณปลอดภัย” หญิงสาวพร่ำขอบคุณด้วยความดีใจและเมื่อสติและความรู้สึกทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้งเธอก็รับรู้ได้ว่า

                    “คุณเมศวร์คุณเมานี่คะ?!!” หญิงสาวอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นร่างที่ตนพยายามประคับประคองให้ออกมาจากรถกำลังเดินโซซัดโซเซแถมยังได้กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้ง

                    “คุณเมศวร์เป็นอย่างไรบ้างคะคุณ?” แม่เนียมถามเจ้านายหนุ่มด้วยความรู้สึกเป็นห่วงแต่คนถูกถามกลับยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

                    “คุณเมศวร์คะไปหาหมอให้หมอดูอาการก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าพาไป”

                    “ม่ายปาย ผมจะปายนอน” เสียงอ้อแอ้ดังขัดขึ้น

                    “ป้าเนียมคะช่วยฝ้ายพยุงคุณเมศวร์ขึ้นห้องทีนะคะ” หญิงสาววานป้าแม่บ้านเข้าพยุงร่างสูงที่กำลังเดินเป๋เข้าบ้านเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคงอยากเข้านอนเต็มทนแล้ว

                     แม้จะชั่งใจอยู่ว่าจะพาชายหนุ่มไปโรงพยาบาลดีไหมเพราะอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่อีกใจก็ไม่อยากบังคับเพราะชายหนุ่มคงขัดขืนไม่ยอมไปแน่ สายตาสวยคมก็สำรวจตรวจตราเห็นว่าชายหนุ่มคงไม่เป็นอะไรมากจึงยอมให้เข้าบ้านตามที่ชายหนุ่มต้องการ

                    “ค่ะ คุณฝ้าย”

                    แม่เนียมจึงรีบเข้ามาประคองหิ้วปีกเจ้านายหนุ่มกับฝ้ายลดาคนละฝั่งอย่างทุลักทุเลเพราะชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กว่าคนทั้งสองมาก ชายหนุ่มยังคงรู้สึกมึนๆไม่รู้ว่าใครเป็นใครจนกระทั่งเปิดประตูเข้าไปยังภายในห้องก็ปรากฏว่า

                    “นี่! เธอเองเหรออย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น!!

                     คนที่มีอาการเมาเมื่อสักครู่นี้เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาและเมื่อเห็นว่ามือที่กำลังพยุงร่างของตนเป็นของคนที่เขาไม่ชอบและรังเกียจ มือใหญ่แข็งแกร่งจึงสะบัดเหวี่ยงแขนเธอออกพร้อมทั้งตะคอกเสียงดัง

                    “โอ๊ย!

                    ด้วยแรงเหวี่ยงสะบัดของคนตัวโตถึงแม้จะเมามายแต่ด้วยแรงของหญิงสาวที่บอบบางมิอาจจะสู้แรงผู้ชายที่แข็งแรงอย่างเขาได้ เธอจึงเสียหลักล้มไปกระแทกกับเก้าอี้เข้าอย่างจังจนแม่เนียมแม่บ้านถึงกับยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาทาบอกอย่างตกใจ

                    “โอ๊ะ! คุณฝ้ายเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณ?”

                    คนแก่รีบโผเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มได้โน้มตัวลงที่นอนของตนเองโดยไม่สนใจว่าตนทำให้ใครต้องเจ็บ

                    “ไม่เป็นไรค่ะป้า  ฝ้ายไม่เป็นไร” คนที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่นี้รีบพยุงตัวขึ้นมาทันทีเพื่อให้แม่เนียมเห็นว่าเธอไม่เป็นไรแต่มือเรียวก็อดลูบป้อยๆบริเวณร่างกายโดนที่กระแทกเสียมิได้

                    “คุณฝ้ายไม่เป็นไรจริงๆนะคะ?” คนแก่ถามด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง

                     “ค่ะป้า ฝ้ายไม่เป็นไร ขอบคุณป้ามากค่ะ เดี๋ยวฝ้ายดูแลต่อเอง ป้าไปนอนเถอะ” หญิงสาวทำตัวให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้แม่เนียมเป็นห่วงก่อนจะไล่นางไปนอนเพราะเห็นว่าดึกมากแล้วและต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเธอที่เธอเองก็เต็มใจทำให้เขา

                    “แต่คุณฝ้ายจะไหวเหรอคะ?” แม่บ้านเนียมเอ่ยถามสีหน้าวิตก

                    “ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวย้ำให้คนแก่เบาใจ แม่เนียมยังไม่วางใจ อดเป็นห่วงไม่ได้แต่ไม่อยากขัดคนเป็นนายจึงต้องจำใจยอมแต่ก่อนจะปิดประตูก็ไม่วายหันกับมากำชับนายสาวด้วยความเป็นห่วง

                    “ค่ะ.. งั้นคุณฝ้ายดูแลตัวเองด้วยนะคะ ป้าเป็นห่วง มีอะไรเรียกป้านะคะ”

                    “ค่ะ”

                    หลังจากที่ประตูถูกปิดลงหญิงสาวก็หันมาถอดรองเท้าถุงเท้าให้ชายหนุ่ม ปลดเนคไทกระดุมเสื้อเพื่อให้ไม่รู้สึกอึดอัด ก่อนจะรีบรองน้ำอุ่นใส่ในกะละมังเล็กอย่างขะมักเขม้นแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดเช็ดตามตัวให้ชายหนุ่มได้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวขึ้นและได้นอนหลับอย่างสบาย

                    จากนั้นก็ลงจากห้องชายหนุ่มเพื่ออกมาจัดแจงขับรถที่ยังจอดแอ้งแม้งอยู่หน้าบ้านเข้ามาจอดยังภายในบ้าน โชคยังดีที่รถเขาไม่เป็นอะไรมากนักและยังสามารถขับใช้การ

     

                    ปรเมศวร์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็รู้สึกเวียนหัว จำได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาเมาเพราะไปงานสังสรรค์กับลูกค้าจึงได้ดื่มกันเป็นพิเศษ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะดื่มมากนัก หากเป็นคนอื่นเจอเรื่องแบบนี้คงจะดื่มเอาการ แต่เขากลับไม่คิดแบบนั้นชายหนุ่มนึกเสมอว่ามันคงจะไม่ช่วยอะไรสิ่งที่เขาต้องทำคือตามหาคนรักของตนให้เจอเท่านั้น

                    หลังจากดื่มกินเสร็จก็ล่ำลาและแยกย้ายกันกลับแต่เมื่อขับมาจนเกือบจะถึงบ้านเขาก็ชะลอความเร็วลงแต่คงจะวูบไปเมื่อกำลังจะหักรถเลี้ยวเข้าบ้าน จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก

                    มีสิ่งที่จดจำได้พอลางเลือนคือได้ผลักผู้หญิงที่เขารังเกียจจนล้มกระแทกกับโต๊ะ จากนั้นตนก็โน้มตัวลงนอนบนที่นอนก่อนจะผล็อยหลับไป นึกสะใจอยู่ไม่น้อยต่อไปนี้เธอคงไม่กล้าเข้ามาจุ้นจ้านและแตะเนื้อต้องตัวเขาอีก

                    ปรเมศวร์ก้มลงสำรวจตรวจตราร่างกายของตนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในชุดทำงานตัวเมื่อคืนแล้ว แต่กลับอยู่ในชุดนอนของเขาคือสวมกางเกงนอนเพียงตัวเดียว ทุกอย่างในตัวเขาดูเหมือนจะสะอาดหมดจดคงเหลือเพียงแต่อาการมึนศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น ป้าเนียมคงจัดการทุกอย่างให้เขาเหมือนกับที่เคยทำตอนครั้งที่ยังอยู่บ้านโน้นชายหนุ่มสะบัดศีรษะเพื่อให้รู้สึกตื่นก่อนร่างสูงจะกระเด้งตัวจากที่นอนลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปทำงาน

                    “คุณเมศวร์..ตื่นแล้วเหรอคะ?” เสียงของแม่เนียมทักขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างสูงของนายหนุ่มกำลังก้าวเดินลงจากบันไดมา

                    “ครับ ขอกาแฟผมแก้วสิครับป้า”

                    “ค่ะรอเดี๋ยวนะคะ” ชายหนุ่มเดินตรงมายังโต๊ะอาหารกล่าวกับแม่บ้านก่อนจะพาดเสื้อสูทกับพนักพิงเก้าอี้ทานข้าว สักครู่แม่เนียมก็เดินออกมาพร้อมถ้วยข้าวต้มหอมฉุย ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วมุ่น

                    “ผมไม่ได้สั่งนี่ครับป้า ผมสั่งแต่กาแฟ”

                    “คุณเมศวร์ทานหน่อยสิคะ”

                    “ไม่ล่ะ ผมจะรีบไปทำงาน”

                    ชายหนุ่มปฏิเสธทันทีเพราะเขารู้ดีว่าข้าวต้มถ้วยนี้เป็นฝีมือใคร สอดส่ายไปกลับไม่เจอใบหน้าสวยหวานของคนที่คอยจะมาจุ้นจ้านกับเขาเหมือนทุกที นึกกระหยิ่มในใจว่าสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อคืนนี้คงจะทำให้เธอไม่กล้าเข้าใกล้หรือมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกแล้วเป็นแน่

                    “จะไหวเหรอคะนี่? ป้าว่าทานข้าวต้มก่อนนะคะ”

                    “ผมบอกว่าไม่ทานไง” คนปฏิเสธเริ่มออกอาการหงุดหงิด

                    “ค่ะ ไม่ทานก็ไม่ทาน” เมื่อถูกตะคอกด้วยความไม่พอใจแม่เนียมจึงก้มหน้านิ่ง แก้วกาแฟร้อนถูกวางลงเมื่อหมดแก้ว ชายหนุ่มจึงลุกจากเก้าอี้เอี้ยวตัวออกมาก่อนจะหยิบเสื้อสูทพี่พาดไว้กับพนักพิงขึ้นมาพาดแขนแกร่ง

                    “ผมไปทำงานล่ะครับ” คนพูดเห็นว่าตนลืมตัวใช้น้ำเสียงดุไปจึงลดน้ำเสียงลงจากเมื่อครู่

                    “ค่ะ” คนแก่ก้มหน้ารับคำหน้าม่อยเมื่อชายหนุ่มเดินออกไป

     

                    ปรเมศวร์กับฝ้ายลดามาทานข้าวที่บ้านพ่อแม่ของชายหนุ่มตามคำเชิญชวนของคุณรัศมี ครอบครัวของปณิตาไปเที่ยวต่างจังหวัดหลายวันแล้วยังไม่มีกำหนดกลับทำให้คนแก่ที่เฝ้าบ้านสองคนเกิดอาการเหงาและคุณรัศมีเองก็คิดถึงฝ้ายลดาจึงออกปากชวนลูกชายกับลูกสะใภ้ให้มาทานข้าวที่บ้าน ปรเมศวร์ก็ยอมมาโดยดีเพราะเขาเองก็ไม่อยากอยู่กับฝ้ายลดาสองต่อสองนัก

                    “สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่/สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”

                    ปรเมศวร์และฝ้ายลดาเข้าไปไหว้ทักทายผู้สูงวัยเมื่อมาถึงซึ่งท่านทั้งสองกำลังนั่งรอทั้งคู่อยู่ในห้องรับแขก คุณพิทักษ์พยักหน้ารับและกล่าวชักชวนเข้ามาข้างใน ส่วนคุณรัศมีก็แสดงออกถึงความตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นทั้งลูกชายและลูกสะใภ้พร้อมหน้าพร้อมตา

                    “ตาเมศวร์ หนูฝ้ายมาแล้วเหรอลูก? แม่คิดถึงหนูนะ หนูฝ้าย” พูดพลางเดินเข้ามาจับไม้จับมือหญิงสาว

                    “ฝ้ายก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกันค่ะ” ฝ้ายลดากล่าวพลางยิ้มละไมให้ผู้เป็นแม่สามี        

                    คุณรัศมีก็จัดแจงให้แม่บ้านยกอาหารคาวหวานของโปรดของลูกชายกับลูกสะใภ้ที่ตระเตรียมไว้ออกมาจัดก่อนที่ทั้งหมดจะมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร

                    “ทานเยอะๆนะหนูฝ้ายนี่หนูดูผอมไปนะจ๊ะ” คุณรัศมีชักชวนฝ้ายลดาพลางตักกับข้าวใส่จานให้เธอก่อนจะสังเกตเห็นว่ารูปร่างของลูกสะใภ้ที่ดูบอบบางอยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับผอมซูบมากกว่าเดิม

                    “ขอบคุณค่ะคุณแม่” หญิงสาวยิ้มรับกับความเอ็นดูและใส่ใจจากผู้เป็นแม่สามีเธอรู้สึกมีความสุขอบอุ่นใจยิ่งนักบิดามารดาของชายหนุ่มช่างดีกับเธอเหลือเกิน เมื่อต่างก็ทานกันไปได้สักพักคุณพิทักษ์ก็กล่าวกับลูกชาย

                    “เอ้อ! ตาเมศวร์”

                    “ครับ”

                    “งานเลี้ยงคืนวันอาทิตย์นี้พ่ออยากให้แกไปกับหนูฝ้าย”

                     เมื่อได้ยินว่าต้องออกงานกับผู้หญิงที่ไม่เต็มใจแต่งงานด้วยในตอนแรก ชายหนุ่มก็หน้าตึงทันทีก่อนจะถามออกไป

                    “งานอะไรเหรอครับ?”

                    “เป็นงานเลี้ยงเปิดบริษัทของลูกสาวนักธุรกิจที่อยากมีอะไรเป็นของตนเอง เป็นงานเล็กๆไม่ใหญ่มากพ่ออยากให้แกไปเพราะไหนๆเรากับเขาก็เคยทำธุรกิจร่วมกันมา”

                    “ก็ได้ครับ”

                    แม้ใจจริงจะไม่ต้องการออกงานกับเธอแต่เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงงานที่จัดกันเล็กๆเท่านั้นชายหนุ่มจึงยอมรับปากแต่โดยดี

                    หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วสองพ่อลูกก็นั่งคุยกันเรื่องงานและเรื่องอื่นๆจิปาถะตามประสาผู้ชายในห้องนั่งเล่น ส่วนคุณรัศมีก็ได้ชักชวนฝ้ายลดาไปเดินเล่นและพูดคุยกันในสวนหลังบ้านที่บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นน่าไปสูดอากาศยามเย็น

                     “เป็นไงบ้างจ๊ะหนูฝ้าย?” คุณรัศมีเอ่ยถามฝ้ายลดาหลังจากที่หย่อนกายนั่งลงบนม้านั่งหินอ่อนตัวโปรดของนาง

                    “เอ่อ! ก็ดีค่ะ” ฝ้ายลดารู้ดีว่าผู้สูงวัยถามถึงเรื่องการแต่งงานของเธอ หญิงสาวยิ้มออกไปก่อนจะฝืนใจตอบ          

                    “แล้วนี่! เมื่อไหร่หนูฝ้ายจะมีหลานให้แม่เสียทีล่ะจ๊ะ?” คุณรัศมีถามอย่างตื่นเต้นเมื่อคิดว่าฝ้ายลดากับชายหนุ่มคงจะเข้ากันได้บ้างแล้ว

                    “เอ่อ! คือว่า….”  คนถูกถามได้แต่ก้มหน้านิ่งจะให้เธอตอบอย่างไรก็ในเมื่อเขาไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักนิด

                    “มีอะไรเหรอลูก?”  คุณรัศมีเห็นอาการของลูกสะใภ้นางก็ให้รู้สึกสงสัยก่อนจะเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วง

                    “ฝ้ายกับคุณเมศวร์แยกห้องนอนกันตั้งแต่เข้าหอวันแรกแล้วค่ะ” หญิงสาวกล่าวพลางก้มหน้า

                    “ห๊ะ นี่! แสดงว่าตาเมศวร์ไม่เคยแตะต้องหนูเลยอย่างนั้นใช่ไหม?”

                    “ค่ะ” เธอตอบ คนแก่ได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้คนฟังต้องตกใจ

                    “หนูฝ้ายต้องคุยกับตาเมศวร์แล้วนะลูก”

                    “ เอ่อ! คะ.. คุณแม่พูดว่าอะไรนะคะ?!

                    “หนูต้องคุยกับตาเมศวร์” นางย้ำชัดอีกครั้ง

                    “แต่มันคงน่าอายนะคะ ฝ้ายไม่กล้าหรอกค่ะ”

                    “มันไม่น่าอายเลยสักนิด ฝ้ายกับตาเมศวร์เป็นผัวเมียกันนะลูกเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาจะตายไป” คุณรัศมีกล่าวเตือนพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจ

                    “ฝ้ายจะพยายามค่ะ”

                    ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนรถกับชายหนุ่ม ฝ้ายลดาตกอยู่กับความคิดของตัวเองตลอดทาง เรื่องที่คุยกับแม่สามีเมื่อสักครู่นี้ทำให้หญิงสาวคิดหนักว่าจะพูดคุยกับชายหนุ่มอย่างไรดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสักนิดสำหรับเธอหญิงสาวถอนหายใจแทบจะเป็นร้อยครั้งสายตาหวานเหลือบมองชายหนุ่มหลายต่อหลายครั้งว่าชายหนุ่มจะคิดอย่างไรบ้างหากเธอพูดเรื่องลูกกับเขา

     

                    ปรเมศวร์ขับรถเข้ามาจอดเทียบท่าภายในเรือนหอ ก่อนจะดับเครื่องยนต์เท้ายาวก้าวลงจากรถไปอย่างไม่สนใจคนข้างกายสักนิด ที่ตอนนี้ได้แต่มองตามหลังชายหนุ่มไปอย่างคิดหนักและลำบากใจก่อนเท้าเรียวยาวจะก้าวลงจากรถและตามชายหนุ่มเดินเข้าบ้านติดๆ

                    ฝ้ายลดายอมรับว่าชายหนุ่มคือคนที่เธอรักและปลาบปลื้มเอามากๆตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเธอปรารถนาในตัวของชายหนุ่มตรงหน้าอยากอยู่ในวงแขนแข็งแรงอ้อมกอดของเขาอยากพิสูจน์ว่ามันจะอบอุ่นเพียงใดและอบอุ่นเท่าที่เธอคิดไว้หรือไม่

                    ร่างสูงก้าวเท้ายาวขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นสองของตัวบ้าน ซึ่งอยู่เยื้องออกไปจากห้องนอนของฝ้ายลดา ร่างบางก้าวเท้าตามชายหนุ่มไปติดๆและก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินก้าวเข้าห้องไป เธอก็ถอนหายใจยาวเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น

                    “คะ..คุณเมศวร์คะ” เสียงที่ออกจากริมฝีปากบางสวยตะกุกตะกักทั้งสั่นและแปร่ง

                    “มีอะไร?” เท้ายาวชะงักนิดก่อนจะก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าใดนักโดยที่ไม่หันมองคนเรียกเลยสักนิด

                    “เอ่อ!.. คือวันนี้คุณเมศวร์จะเข้าไปนอนในห้อง.. เอ่อ!.. ห้องของเราได้ไหมคะ?” เป็นคำถามที่ทำให้คนถามหายใจเข้าออกอย่างยากลำบาก

                    “ทำไม?”  ร่างสูงใหญ่หันกลับมาถามเสียงห้วนจัดมีแววขุ่นเคืองและนึกแปลกใจผสมอยู่

                    “คือ..คุณแม่ท่านอยากได้หลานค่ะ”  ฝ้ายลดาถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจพูดประโยคที่หนักใจออกไปในที่สุด

                    “หึ เธอนี่มันร่านจริงๆ ฝ้ายลดาร่านกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะแต่อย่างว่าแหละนะอยู่เมืองนอกเมืองนามานานคงหากินได้ง่ายๆไม่ขาดปาก” เขาว่าเธออย่างดูถูกที่เธอเหมือนกับมาเสนอให้เขาคำพูดนี้ถึงกับทำให้ฝ้ายลดาหน้าชาตัวแข็งทื่อมองชายหนุ่มตาค้างพูดอะไรไม่ออกในตอนนั้น คำพูดของชายหนุ่มทำให้เธออึ้งจนนิ่งงันไปชั่วขณะ

                    ปรเมศวร์พูดจบร่างใหญ่ก็หันหลังกลับแล้วเดินก้าวไปอย่างไม่สนใจเธออีก ชายหนุ่มรู้สึกรังเกียจขยะแขยงเธออย่างมากนึกเคืองมารดาที่มาต้องการในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้ ‘หึ อยากได้หลานงั้นรึก็หาคนอื่นมาทำให้แล้วกันแต่คงไม่ใช่เขา’ แล้วก็เดินหัวเสียก้าวเข้าห้องของตนไป

                    เมื่อประตูห้องชายหนุ่มถูกปิดลงน้ำตาที่เมื่อครู่นี้เหมือนโดนแช่แข็งในตอนนี้กลับเหมือนกับน้ำแข็งที่โดนอุณหภูมิความร้อนที่สูงจัดมันไหลพร่างพรูออกมาและเหมือนกับว่าจะไม่หมดไปเลยสักที มือเรียวปาดน้ำตาพลางสะอื้นฮัก เธอพยายามทำทุกอย่างแต่อีกคนกลับไม่เคยรู้สึกอะไรเลยสักนิด ร่างบางพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่แทบไม่มีหลงเหลือเพื่อเดินเข้าห้องของตนเพราะในตอนนี้เธอคงไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังได้รับบาดเจ็บ

    ***************************************************************************************************************




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×