คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ทำตามหัวใจให้ได้ครอบครอง 100%
ทำตามหัวใจให้ได้ครอบครอง (ต่อจ้า)
“อรครับ แม่ผมต้องการให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านเลือก”
เมื่อบทรักของทั้งคู่จบลง ปรเมศวร์ก็เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ตนหงุดหงิดและเป็นกังวลให้คนรักฟัง แล้วมันก็ทำให้หล่อนตกใจจนแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ
“อะ..อะไรนะคะ เมื่อกี้นี้เมศวร์ว่าอะไรนะคะ?”
“คุณแม่ผมต้องการให้ผมแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนท่าน”
“ได้ยังไงกันล่ะคะ แล้วอรล่ะคุณจะเอาอรไปไว้ไหน?” พัศอรพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ นึกขัดใจมารดาของชายหนุ่มที่ลุกขึ้นมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องแต่งงานของเขา
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะอร ผมไม่มีทางยอมแต่งเด็ดขาด” ปรเมศวร์เอ่ยคำพูดที่ทำให้คนรักสบายใจ
“เมศวร์พูดจริงนะคะ?” หล่อนจึงถามย้ำอย่างดีอกดีใจ พลางนึกในใจอย่างสมใจและเป็นต่อ ‘ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอและเขาก็จะเลือกหล่อนไม่ใช่มารดาอย่างของเขาแน่นอน’
“ จริงสิครับ” ชายหนุ่มย้ำอย่างมั่นใจพลางยิ้มบาง
“รักเมศวร์ที่สุดเลยค่ะ” แล้วร่างอวบอิ่มของพัศอรกระโดดเข้าสวมกอดร่างแกร่งของปรเมศวร์ด้วยความพอใจ เพื่อประจบประแจงเอาใจ
ปรเมศวร์สวมกอดคนรักตอบชายหนุ่มอยากให้คนรักได้มั่นใจเพราะไม่ว่าอย่างไรคนอย่างเขาไม่มีวันยอมให้มารดามาบงการชีวิตอย่างแน่นอน
พัศอรลอบยิ้มอย่างสมใจหล่อนแน่ใจว่าอย่างไรเสีย ปรเมศวร์ไม่มีวันที่จะทิ้งหล่อนและยอมแต่งงานกับผู้หญิงอื่นโดยเด็ดขาด หล่อนไม่มีวันให้ขุมทรัพย์ของหล่อนขุมนี้หลุดลอยไปอย่างแน่นอนหลังจากหล่อนนั้นก็ปรนเปรอชายหนุ่มด้วยบทรักที่จะทำให้เขาไม่มีวันลืมและหลงใหลหล่อนตลอดไป
ณ ห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางกรุง สถานที่ที่ผู้ดีไฮโซ ดารานางแบบชอบมาเดินกัน เพราะจะได้หลบหลีกผู้คนที่พลุกพล่านเพราะห้างนี้หากใครที่ไม่มีเงินทองล้นมือคงไม่เดินเข้ามาเฉียดใกล้เพราะของแต่ละชิ้นแบรนด์เนมส่งตรงมาจากต่างประเทศ ราคาที่คนธรรมดาๆไม่มีทางได้มาเป็นเจ้าของ
ไม่นานนักก็ปรากฏร่างอวบอิ่มของพัศอรที่กำลังเดินเฉิดฉายวางมาดเป็นผู้ดีไฮโซเข้าไปยังร้านกระเป๋าแบรนเนมที่หล่อนเข้าออกและเป็นลูกค้าประจำของที่นี่
“อุ๊ย! คุณอรขาสวัสดีค่ะ เชิญข้างในก่อนค่ะ” เจ้าของร้านที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจีบปากจีบคอกล่าวทักและเชิญชวนหล่อนเข้าร้าน
“สวัสดีค่ะ พี่จิ๊บกระเป๋าใบที่อรมาดูคราวนั้นยังอยู่ใช่ไหมคะ?” พัศอรถามด้วยน้ำเสียงข่มพลางวางมาดผู้ดี
“ยังอยู่สิคะ พี่จะกล้าขายไปได้ยังไงในเมื่อน้องอรสั่งไว้แล้วนี่พี่เก็บไว้ให้น้องอรโดยเฉพาะเลยนะคะ” เจ้าของร้านพูดจาเอาอกเอาใจลูกค้าวีไอพี
“ดีค่ะ อย่างนี้สิคะถึงจะได้เป็นลูกค้ากันไปนานๆ”
“นี่! คร่า ใบนี้ใช่ไหมคะ?” พูดพลางรีบไปหยิบกระเป๋าใบนั้นส่งให้หล่อนตรวจดู
พัศอรพิศกระเป๋าใบนั้นกลับไปกลับมาด้วยความพอใจ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นกระเป๋าใบเดิมที่หล่อนอยากได้ไม่มีผิดเพี้ยนก็ควักกระเป๋าจ่ายเจ้าของร้านแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เมื่อได้กระเป๋าสมใจแล้วจึงพาร่างอวบอิ่มของตนเดินนวยนาดออกมาจากร้านท่ามกลางเสียงขอบคุณและเชิญใช้บริการครั้งต่อไปจากเจ้าของร้านหล่อนหันไปยิ้มให้เจ้าของร้านอย่างวางท่า แต่เมื่อหล่อนกำลังเดินออกเกือบจะพ้นร้านพลันเสียงโทรศัพท์มือถือราคาแพงของหล่อนก็ดังขึ้น
“ใครโทรมาเนี่ย เบอร์ไม่คุ้น” หล่อนบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดเมื่อมีสายเข้ามาและเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเลยสักนิด
“ฮัลโหล ฉันพัศอรพูด”
“คุณ!!?” แล้วก็ต้องตกใจตาเบิกโพลงเมื่อเสียงที่ตามสายมานั้นเป็นคนที่หล่อนไม่คาดคิด
“ได้ค่ะ ที่ไหน?” มือเรียวกดวางสายก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นอย่างครุ่นคิดว่าคนปลายสายต้องการสิ่งใด ก่อนจะบึ่งตรงไปยังที่นัดหมายกับคนปลายสายในทันที
ปรเมศวร์กลับไปที่คอนโดหรูซึ่งเป็นรังรักของเขาและพัศอรหลายวันมานี้ชายหนุ่มไม่ค่อยได้เข้ามาหาหล่อนนักเพราะกำลังยุ่งๆกับงานที่บริษัท เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องเคลียร์งานจนไม่มีเวลา ชายหนุ่มเสียบคีย์การ์ดและเปิดประตูเข้าไปก็ให้รู้สึกแปลกใจกับความเงียบเชียบ หรือว่าคนรักของเขาจะออกไปข้างนอก คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อนึกสงสัยซึ่งปกติเวลานี้หล่อนจะไม่ออกไปไหน เพราะมันเป็นเวลาที่ชายหนุ่มจะต้องมาหาหล่อน
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องอย่างสำรวจตรวจตรามันเงียบผิดปกติจนเกิดความรู้สึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหล่อน ถึงแม้ว่าคอนโดที่นี่จะมีระบบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมก็ตาม แต่อีกใจหนึ่งก็พยายามปลุกปลอบตนเองว่าคนรักอาจจะมีธุระไปที่ไหนก็เป็นได้
ร่างสูงของปรเมศวร์เดินเข้าไปในห้องนอนของเขาและคนรัก แล้วสายตาคู่คมก็เหลือบไปมองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนหัวโต๊ะข้างที่นอนชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาอ่านด้วยมือสั่นเทาใจหายวาบ
เมศวร์คะ
หากว่าคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้อรคงไม่อยู่แล้ว อรมาคิดๆดูแล้วค่ะ ว่าเราสองคนคงจะไม่มีทางที่จะลงเอยกันได้ อรเองก็ไม่อยากฝืนอีกต่อไปแล้วค่ะเมศวร์ อรรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน แม่ของคุณไม่เคยเปิดใจยอมรับอรเลย ท่านไม่เคยให้โอกาสอรเลยมันทำให้อรเสียใจมากและต่อให้อรพยายามทำดีเท่าไหร่ก็คงไม่มีทางทำให้ท่านยอมรับในตัวของอรได้
อรผิดเองค่ะ ผิดที่เกิดมาจน ท่านคงรับอรข้อนี้ไม่ได้ ดังนั้นอรจึงต้องขอไปตามทางของอร เมศวร์คะไม่ต้องตามหาอรนะคะ ขอให้อรได้ทำอะไรเพื่อเมศวร์บ้างนะคะ
รักเมศวร์ที่สุด
พัศอร
“อร…ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้” เสียงพึมพำถามคนรักอย่างเจ็บปวดเสียใจ กระดาษใบเดิมแทบจะร่วงหลุดจากมือแกร่งเมื่ออ่านจบ
ปรเมศวร์มือชาไปหมด ความรู้สึกของชายหนุ่มในตอนนี้แทบไม่อยากจะทำอะไรแล้วรู้สึกสงสารคนรักเป็นอย่างมากที่ต้องเป็นฝ่ายเสียสละที่เธอจากไปเป็นเพราะต้องการเปิดทางเพื่อให้ชายหนุ่มได้แต่งงานอย่างแน่นอนยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารคนรักจับใจ
ชายหนุ่มกลับเข้ามาบ้านด้วยความเสียใจร่างสูงเดินอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงก่อนจะหย่อนกายลงบนโซฟาตัวยาวอย่างหมดหมดอาลัยตายอยากนึกถึงการจากไปของคนรัก เขาบอกกับตัวเองว่าไม่ว่าจะอย่างไรเขาจะต้องออกตามหาคนรักของตนให้พบและจะไม่ยอมให้หล่อนจากไปอีกเป็นอันขาด จะปกป้องคนรักของเขาไม่ให้ต้องรู้สึกว่าตนต่ำต้อยที่เกิดมาจนทำให้คิดมากจนจากไป
อีกสองสัปดาห์ต่อมาคุณรัศมีก็ได้เข้ามาคุยเรื่องการแต่งงานกับปรเมศวร์อีกครั้ง ครานี้นางตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่าจะยังไงนางต้องพูดให้ชายหนุ่มยอมรับในการตัดสินใจของนางในครั้งนี้ให้ได้ เพราะในเมื่อสิ่งที่เป็นปัญหาในเรื่องนี้ได้หมดไปแล้ว
ก๊อก!! ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูห้องของปรเมศวร์ดังขึ้นด้วยฝีมือของผู้เป็นมารดา วันนี้เป็นวันหยุดของชายหนุ่มแต่ตั้งแต่เช้าแล้วปรเมศวร์ก็ยังคงขลุกอยู่แต่ในห้องของตนไม่ยอมลงมากินข้าวกินปลาจนมารดาต้องขึ้นมาถึงยังหน้าห้องนอนของลูกชาย
“ตาเมศวร์ตื่นหรือยัง? เปิดประตูให้แม่หน่อยสิลูก” เสียงคุณรัศมีเยถามพลางเคาะประตูเรียก
“คุณแม่มีอะไรหรือครับ?”
ปรเมศวร์เดินออกมาเปิดประตูให้กับมารดาด้วยใบหน้าเศร้าซึมทั้งอิดโรยเพราะเสียใจกับการจากไปของคนรัก แม้จะถามมารดาออกไปแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าผู้เป็นมารดามาด้วยต้องการสิ่งใด
เมื่อผู้เป็นมารดามองเห็นใบหน้าอิดโรยของลูกชายความรู้สึกสงสารก็แวบขึ้นมาในความรู้สึกของนาง แต่อีกความรู้สึกหนึ่งคือนางจะถอดใจไม่ได้เพราะนางคิดว่าตนได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายแล้ว
“ลงไปทานข้าวก่อนสิลูก” น้ำเสียงแสดงความรู้สึกเป็นห่วง
“ไม่จำเป็นหรอกครับคุณแม่มีอะไรก็ว่ามาได้เลยครับ เพราะผมก็กำลังจะออกไปข้างนอก”
“แม่ต้องการจะคุยกับแกเรื่องแต่งงานกับหนูฝ้ายอีกครั้ง ตกลงแกจะว่ายังไง” คุณรัศมีเข้าเรื่องและถามลูกชายในทันทีไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมอีกต่อไป
“ถ้าผมไม่แต่งล่ะครับ คุณแม่จะว่ายังไง” ชายหนุ่มกำลังลองเชิงมารดาว่านางจะเอ่ยอะไรกับเขาเพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
“ตาเมศวร์ เลือกเอาว่าแกจะยอมแต่งงานหรือว่าจะยอมตัดขาดความเป็นแม่เป็นลูกกับฉัน”
เมื่อได้ยินคำพูดท้าทายของลูกชายคุณรัศมีก็ทิ้งไม้ตายให้กับลูกชายเช่นกัน นางคิดไว้แล้วเพราะไม่ว่ายังไงนางต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ปรเมศวร์ตกลงยอมแต่งงานกับฝ้ายลดา
“คุณแม่หมายความว่ายังไงกันครับ?” ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินคำตอบจากปากมารดาไม่คาดคิดว่านางจะกล้ายื่นคำขาดแบบนี้กับเขา
“ฉันรู้ว่าแกเข้าใจ ว่ายังไงตาเมศวร์ตกลงจะเอายังไง?”
“ก็ได้ครับ ผมจะแต่งกับเธอ แต่คุณแม่อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าที่ผมแต่งเพราะกลัวคำขู่ของคุณแม่”
“จริงเหรอ ตาเมศวร์นี่ลูกพูดจริงนะ?”
“ครับ แต่ผมมีข้อแม้” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอขึ้นมาต่อรอง
“ ข้อแม้ ข้อแม้อะไร…..?” คุณรัศมีถามลูกชายออกไปให้หายเคลือบแคลงนางอยากรู้ว่าลูกชายมีข้อแม้อะไรแล้วปรเมศวร์ก็บอกข้อแม้ที่ว่านั้นออกไป
“ได้แม่ยอมขอแค่ให้ได้หนูฝ้ายมาเป็นลูกสะใภ้เท่านั้น”
คุณรัศมีตอบตกลงทำตามข้อเสนอของลูกชายทันทีเพราะนางรักเพื่อนของนางมากจึงอยากได้ฝ้ายลดาที่นางรักและเอ็นดูมาเกี่ยวดองในฐานะลูกสะใภ้ อยากให้หลานที่เกิดมาเป็นเชื้อสายของนางและเพื่อนรักเท่านั้นส่วนเรื่องอื่นนางไม่สนใจและคิดว่าฝ้ายลดาเองก็คงยินยอม
“คุณแม่บังคับเธอด้วยเหรอครับ?” ปรเมศวร์ถามมารดาขึ้นพลางนึกสงสารเธอเมื่อคิดว่านางคงจะใช้วิธีเดียวกันกับที่บังคับตนทำให้ฝ้ายลดาแต่งงานกับเขา
“หนูฝ้ายเค้ารักแก” คุณหญิงรัศมีเปิดเปลือยความรู้สึกของฝ้ายลดาให้ชายหนุ่มรับรู้
“คุณแม่ว่าไงนะครับ?!!” แต่คำบอกกล่าวที่ได้ยินมันทำให้ชายหนุ่มตกใจไม่น้อย
“หนูฝ้ายเขารักแกรักมานานแล้ว” เพราะคิดว่าหากบอกความจริงอาจจะทำให้ลูกชายนางเห็นใจฝ้ายลดาขึ้นมาบ้างนางจึงเปิดเผยความจริงให้ชายหนุ่มฟัง
“อ้อ! ก็เลยใช้คุณแม่มาบังคับผมใช่ไหมครับ? เลวมาก” ประโยคสุดท้ายพูดพลางบดกรามด้วยความโกรธ เขาคิดว่าหากแต่งงานกับฝ้ายลดาไปเขาคงพูดคุยกับเธอให้เห็นใจเขาได้หากเมื่อเขาต้องการเลิกราหลังจากที่ชายหนุ่มตามหาพัศอรคนรักของเขาเจอและจะกลับไปหาหล่อน
แต่เมื่อรู้ว่าหญิงสาวรักตนเขากลับคิดไปว่าเป็นแผนของเธอและมารดาของเขาที่รวมหัวกัน มันทำให้ชายหนุ่มเริ่มไม่พอใจขึ้นมาแต่ที่ยังตอบตกลงแต่งงานเพื่อต้องการให้มารดาสบายใจไปก่อนในตอนนี้ให้นางคิดว่าเขาตัดใจและไม่คิดจะสืบเสาะตามหาพัศอร
“แกเข้าใจผิดแล้วตาเมศวร์หนูฝ้ายไม่เคยใช้แม่แต่เป็นความต้องการของแม่เอง” เมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังเข้าใจฝ้ายลดาผิดนางจึงพยายามอธิบายแต่เหมือนกับว่าชายหนุ่มจะไม่สนใจฟัง
“ก็ได้ครับ ในเมื่อเธออยากแต่งงานกับผม ผมก็จะแต่งแต่ผมก็ขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่า เธอจะไม่มีวันมีความสุขอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่ร่างสูงจะเดินจากไปทิ้งแต่ความหนักใจให้ผู้อยู่เบื้องหลัง
**********************************************************************************************************************************************
ความคิดเห็น