คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ทำตามหัวใจให้ได้ครอบครอง 50%
ตอนที่ 2
ทำตามหัวใจให้ได้ครอบครอง
รถแท็กซี่ที่เข้ามาจอดเทียบท่าพร้อมกับประตูอัลลอยด์ที่กำลังเลื่อนเปิดออกแบบอัตโนมัติเหมือนมันกำลังเปิดอ้าต้อนรับผู้มาเยือน ประตูรถคันนั้นถูกเปิดออกก่อนที่เท้าเรียวยาวจะก้าวลงมาจากรถปรากฏร่างระหงของฝ้ายลดาที่กำลังโผล่พ้นออกมาจากรถก่อนมือเรียวจะปิดประตูรถเพื่อให้เจ้าของได้ขับเวียนออกไปเพื่อทำหน้าที่เป็นสารถีให้กับผู้ใช้บริการรายใหม่ต่อไป
ดวงตาคู่สวยของฝ้ายลดามองเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้ประตูได้สิ้นสุดการทำงานของมันแล้ว หญิงสาวยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปข้างในก็ปรากฏคุณรัศมีกำลังยืนยิ้มรอคอยการมาเยือนของเธอ
“หนูฝ้าย มาแล้วเหรอลูก?” เมื่อเห็นว่าฝ้ายลดามาถึงแล้วคุณรัศมีก็ออกมาต้อนรับด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“สวัสดีค่ะคุณป้า” หญิงสาวเดินเข้าตรงเข้าไปหานางด้วยรอยยิ้มก่อนจะทักทายและไหว้ผู้สูงอายุที่เธอนับถือ
“สวัสดีจ๊ะ มาลูกเข้ามาข้างในก่อน ป้ากำลังรออยู่พอดีเลย มาลูกมา”
เจ้าของบ้านกุลีกุจอ คะยั้นคะยอรีบชักจูงพยุงกายหญิงสาวเข้ามาภายในตัวบ้านก็เห็นคุณพิทักษ์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องโถงนั่งเล่นอย่างตั้งอกตั้งใจ หญิงสาวจึงเข้าไปทักทายพนมมือไหว้ผู้สูงอายุ
“คุณลุงคะ สวัสดีค่ะ”
“อืม ไหว้พระเถอะลูก ตามสบายนะหนูฝ้าย” เมื่อได้ยินเสียงเรียกคุณพิทักษ์ที่กำลังง่วนกับการก้มอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมองมาทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นฝ้ายลดาก็ตอบรับคำทักทายและรับไหว้เธอด้วยความยินดี
การมาของหญิงสาวไม่เป็นที่น่าแปลกใจของผู้สูงวัยนักเพราะได้ล่วงรู้จากคุณรัศมีแล้วว่าวันนี้หญิงสาวได้รับคำเชื้อเชิญให้มาร่วมทานข้าวที่บ้านของท่าน
“ขอบคุณค่ะ”
“นี่! ป้ากำลังให้แม่บ้านตั้งสำรับกับข้าวอยู่พอดีเลย มาๆหนูฝ้ายมานั่ง ไม่ต้องเกรงใจ อ้าว!แม่เนียม ไปจัดโต๊ะได้แล้ว” คุณหญิงรัศมีที่เพิ่งเดินออกมาจากในครัวหลังจากที่จัดแจงให้แม่บ้านของตนยกอาหารออกมาตั้งโต๊ะกระวีกระวาดชักชวนให้หญิงสาวนั่งก่อนจะหันไปสั่งกับแม่ครัวของตนอีกครั้ง
หลังจากที่นั่งลงหญิงสาวก็รู้สึกว่าเธอยังไม่เห็นเงาของใครบางคนเลย หญิงสาวชะแง้สายตาแลมองแต่พองามแต่ก็ไม่ อาจหลุดพ้นสายตาของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนไปได้
“พี่เขาไม่อยู่หรอกจ๊ะลูก” คุณรัศมีบอกกล่าวแก่เธอเหมือนเป็นเรื่องปกติเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกเขินอาย
“เอ่อ! ค่ะ แล้วพี่แนน พี่ทศ น้องติ๊ล่ะคะ?” หญิงสาวจึงถามหาคนอื่นๆเพราะคิดว่าทุกคนคงน่าจะมาทานข้าวด้วยกัน
“อยู่บ้านโน้นจ๊ะแต่ประเดี๋ยวก็คงมา”
คุณรัศมีตอบเพื่อเป็นการบอกกล่าวเป็นนัยว่าทั้งหมดอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ซึ่งเป็นความรู้ใหม่เพราะฝ้ายลดาคิดว่าทั้งหมดอยู่บ้านหลังเดียวกัน
“อ๋อ! ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางพยักหน้ารับรู้และยิ้มให้กับผู้สูงอายุที่ยิ้มส่งมาให้เธอ
ไม่นานนักทุกคนก็มาร่วมรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ฝ้ายลดาเข้ากับทุกคนในบ้านได้เป็นอย่างดีและทุกคนก็รักและเอ็นดูเธอมากแม้กระทั่งปณิตาและทศพลที่เพิ่งรู้จักกับฝ้ายลดาและได้เห็นเธอเป็นครั้งที่สองเท่านั้นเอง
ส่วนติยดาสาวน้อยวัย 19 ปี หลานสาววัยใสของปรเมศวร์นั้นก็แทบไม่ต้องพูดถึงเธอรู้สึกชื่นชอบและปลื้มพี่สาวคนนี้มากอย่างออกหน้าออกตามันทำให้ฝ้ายลดารู้สึกว่านี่คือครอบครัวใหม่ของเธอและเธอก็มีความสุขมาก
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัย คุณพิทักษ์แยกตัวออกไปห้องทำงานที่อยู่อีกชั้นเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์ตามเดิม คุณรัศมีก็ชักชวนฝ้ายลดาออกไปนั่งเล่นที่สวนหลังบ้านเพื่อพูดคุยถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุให้นางต้องเชื้อเชิญฝ้ายลดามาที่บ้านในวันนี้
“มานั่งลงก่อนสิจ๊ะหนูฝ้าย” คุณรัศมีผายมือให้หญิงสาวนั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตน
“ค่ะคุณป้ามีอะไรจะคุยกับฝ้ายหรือคะ?” ร่างบางหย่อนกายนั่งลงก่อนจะเอ่ยถาม
“หนูฝ้าย ป้าถามจริงๆนะ หนูคิดยังไงกับตาเมศวร์ลูกชายของป้า?” เมื่อหญิงสาวนั่งลงเรียบร้อยแล้วคุณหญิงรัศมีก็เข้าเรื่องทันทีมือเหี่ยวย่นพลางลูบไล้ไปตามแขนของฝ้ายลดาดั่งผู้สูงวัยเอ็นดูผู้ที่อ่อนวัยกว่า
“คุณป้า.. เอ่อ! คือฝ้าย…” คนถูกถามตกใจไม่น้อยด้วยไม่คิดว่านางจะยิงคำถามออกมาตรงๆเช่นนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความเขินอาย
“ไม่ต้องอายหรอกลูก บอกป้ามาตามตรง หนูฝ้ายรักตาเมศวร์ลูกชายของป้าใช่ไหม?” นางเอ่ยถามพลางปลอบประโลม
“ค่ะ” คนตอบบอบพลางก้มหน้าตอบไม่กล้าสบตาผู้สูงอายุ คุณรัศมีพอใจในคำตอบนั้นแค่นี้นางก็ไม่ลังเลที่จะถามคำถามต่อ
“ป้าอยากขอหนูให้ตาเมศวร์ลูกชายป้า หนูฝ้ายจะว่ายังไง?”
“ คะ..คุณป้าว่าอะไรนะคะ? ” ฝ้ายลดาตื่นตะลึงไม่คาดคิดจากที่ก้มหน้าปรับเปลี่ยนเป็นเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อจบคำถามและเพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อกี้เธอได้ยินไม่ผิดไป
“ป้าพูดจริงๆนะ ป้าอยากขอให้หนูแต่งงานกับลูกชายป้า”
“แต่ฝ้ายได้ข่าวว่าพี่เมศวร์มีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอคะคุณป้า” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความคลางแคลงใจเพราะเธอเองก็พอจะรู้ข่าวคราวของชายหนุ่มอยู่บ้าง
“นั่นแหละคือสิ่งที่ป้าไม่ต้องการ” หญิงสูงวัยถอนหายใจก่อนจะเอ่ย
“ฝ้ายจะช่วยป้าได้ไหมลูก ป้าเชื่อว่าลูกชายของป้าจะต้องหันมารักหนู” สีหน้าและน้ำเสียงคนพูดดูจริงจังและมั่นใจกับคำพูดของตน
“แต่ คุณป้าคะ” หญิงสาวอยากจะปฏิเสธแต่ผู้สูงวัยกลับคว้ามือนุ่มไปกอบกุมพลางพูดเป็นเชิงขอร้องและขอความเห็นใจ
“นะจ๊ะหนูฝ้าย ป้าไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว ป้ากลัวว่าลูกชายของป้าจะไปคว้าเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเมีย ป้าหมายถึงเมียแต่งซึ่งป้าไม่ยอมรับเด็ดขาด”
ประโยคหลังคนพูดหยุดชะงักไปนิด เพราะเป็นที่รู้กันว่าทั้งคู่คงจะผ่านพ้นคำว่าผัวเมียมาไกลแล้ว แต่สิ่งที่ยังห่างไกลคือคำว่าคือเมียแต่งและเมียจดทะเบียนซึ่งนางเองก็มั่นใจว่าทั้งคู่ยังไม่ได้แอบไปทำเช่นนั้นแต่ตอนนี้นางจะวางใจไม่ได้
“แล้วพี่เมศวร์ล่ะคะ?” คนที่เริ่มลำบากใจอดถามถึงเป็นห่วงความรู้สึกของชายหนุ่มไม่ได้และคิดว่าเขาคงไม่ยอมอย่างแน่นอน
“เรื่องตาเมศวร์ป้าจะจัดการเอง ป้าคิดว่าป้าพอมีวิธี”
ฝ้ายลดารู้สึกอึดอัดใจและสงสารในคราวเดียวกันเมื่อสายตาหันไปมองหน้าผู้สูงวัยตรงหน้าที่มองมาด้วยสายตาเว้าวอนร้องขอความเห็นใจไม่ใช่ว่าหญิงสาวไม่อยากตอบรับในสิ่งที่นางร้องขอแต่ติดตรงที่หากชายหนุ่มทราบเรื่องนี้เข้าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรเธอรู้สึกวิตกกังวล
หญิงสาวมองหน้าผู้สูงวัยที่รักเธอดั่งลูกในไส้ก็ให้รู้สึกสงสารเธอสูดหายใจพลางคิดว่าหลังจากที่แม่ของเธอเสียก็เหลือเพียงคุณรัศมีและคุณพิทักษ์รักใคร่เอ็นดูเธอเหมือนลูกในไส้เลยก็ว่าได้
“นะหนูฝ้าย หนูเองก็รู้พอๆกับที่ป้ารู้ไม่ใช่เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไง?”
หญิงสาวไม่ปฏิเสธเพราะทุกครั้งที่นางกับมารดาของเธอพูดคุยปรับทุกข์กันก็มักจะมีเรื่องของปรเมศวร์พ่วงท้ายเสมอและทุกครั้งที่ได้ยินบทสนทนานั้นหญิงสาวก็ให้มีความรู้สึกเป็นห่วงชายหนุ่ม
“เอ่อ! ถ้าอย่างนั้นแล้วแต่คุณป้า ฝ้ายยังไงก็ได้ค่ะ”หญิงสาวชั่งใจอยู่นิดก่อนจะตอบตกลงออกไปอย่างยากลำบากหากเธอจะช่วยเหลือนางสักครั้งและเพื่อตัวเธอเอง เธอจะยอม
“จริงๆนะจ๊ะ หนูฝ้าย หนูพูดจริงๆนะจ๊ะ?” คุณรัศมีถามย้ำอีกครั้งอย่างตื่นเต้นดีใจมือพลางกอบกุมมือนุ่มของหญิงสาวเอาไว้
“จริงค่ะ คุณป้าฝ้ายตกลงค่ะ” หญิงสาวย้ำกับนาง
“ขอบใจหนูมากนะหนูฝ้าย” คุณรัศมีขอบคุณหญิงสาวยิ้มตื้นตัน ฝ้ายลดายิ้มตอบนางอย่างขื่นๆเล็กน้อยเพราะแม้จะนึกดีใจอยู่บ้างแต่ก็ให้นึกหนักใจอยู่นิดว่าชายหนุ่มจะยินดียินร้ายประการใด และเธอจะสามารถทำให้ชายหนุ่มรักดังคำที่คุณป้าของเธอพูดได้หรือไม่เธอไม่แน่ใจเอาเสียเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นของอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมาคุณรัศมีเรียกปรเมศวร์ให้ลงมาหานางแต่เช้าเพราะต้องการคุยเรื่องแต่งงานของชายหนุ่มกับฝ้ายลดา
“คุณแม่เรียกผมมาแต่เช้ามีธุระอะไรกับผมหรือครับ?” ปรเมศวร์เอ่ยถามผู้เป็นมารดา
“แม่มีเรื่องสำคัญอยากคุยกับแก นั่งก่อนสิ” นางเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะผายมือชี้ชวนให้ลูกชายนั่งลง
“คุณแม่มีอะไรว่ามาได้เลยครับ” ร่างสูงใหญ่เดินไปที่โซฟาตัวนุ่มก่อนจะหย่อนกายลงนั่ง จากนั้นก็เริ่มถามคำถามเมื่อสักครู่นี้
“แม่ต้องการให้แกแต่งงานกับหนูฝ้าย” คุณรัศมีตอบตรงประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อมทำเอาลูกชายที่นั่งอยู่ถึงกับตกใจแทบตกจากโซฟากับคำตอบของมารดา
“อะไรนะครับ!!!?” ชายหนุ่มถามกลับอย่างไม่เชื่อหู
“แกต้องแต่งงานกับหนูฝ้าย” นางย้ำอีกครั้ง
“ได้อย่างไรกันครับ คุณแม่ก็รู้นี่ครับว่าผมรักกับอร” ชายหนุ่มหมายถึงพัศอรคนรักของเขา คนรักที่คุณรัศมีไม่เคยยอมรับ
“แต่แม่ไม่มีวันยอมรับมันมาเป็นลูกสะใภ้แกต้องเลิกกับนางนั่น แกก็เห็นเขาแล้วนี่หน้าตาหนูฝ้ายสะสวยมากขนาดไหนแล้วแม่ก็เชื่อว่าแกจะรักหนูฝ้ายได้ไม่ยาก” ผู้เป็นมารดาเริ่มขึ้นเสียง ตามอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นเมื่อได้ยินลูกชายบอกว่ารักผู้หญิงที่นางเกลียดเต็มปากเต็มคำ
“มันไม่ได้เกี่ยวกับหน้าตานะครับคุณแม่ผมรักอร รักอรคนเดียวเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างอ่อนใจเมื่อต้องมาถกเถียงกับมารดาด้วยเรื่องนี้
ปรเมศวร์นึกไปถึงใบหน้าสวยหวานของฝ้ายลดา เขายอมรับว่าเธอสวยมาก สวยสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักเธอและคนรักเขาเองก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรเคยเป็นถึงดาวคณะ
“ฉันไม่ต้องการให้นังปลิงดูดเลือดนั่นมาเป็นลูกสะใภ้ของฉัน” นางกล่าวกับลูกชายพลางเชิดหน้าไม่พอใจไม่ว่าอย่างไรนางไม่มีวันยอมรับพัศอรโดยเด็ดขาด
“คุณแม่มีเหตุผลหน่อยสิครับถึงอรจะใช้เงินสิ้นเปลืองแต่นั่นก็เป็นเงินของผม ผมยินดีให้เธอและผมก็ไม่เคยใช้เงินของคุณแม่เลยนะครับ” เสียงทุ้มเริ่มขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มยอมรับว่าโกรธมากที่มารดาว่าคนรักของตน
“นี่! แกจะหาว่าฉันไปยุ่งกับเงินของแกหรือยังไงตาเมศวร์ หรือจะรอให้มันมาสูบแกจนหมดตัวก่อนใช่ไหม?” คราวนี้ผู้เป็นมารดาเสียงเริ่มดังขึ้นอีกครั้งเพราะความโกรธและไม่พอใจในตัวลูกชาย
“ที่คุณแม่ไม่ยอมรับเธอเพราะว่าเธอไม่ร่ำรวยใช่ไหมครับ?”
“ตาเมศวร์แกดูถูกแม่มากไปแล้วนะ เพราะหนูฝ้ายเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ”
“แล้วทำไมคุณแม่อยากให้ผมแต่งงานกับเธอนักล่ะครับ”
“ก็เพราะว่าแม่รักและเอ็นดูเธอน่ะสิ เธอเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ตอนที่แม่ยังอยู่ที่ต่างจังหวัดก่อนที่จะพบกับพ่อของแก แม่จึงต้องการให้แกแต่งกับหนูฝ้าย”
“ผมไม่แต่งครับคุณแม่ ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งเด็ดขาด” ชายหนุ่มรู้สึกหัวเสียอย่างมากที่ผู้เป็นมารดามาเยียดยัดผู้หญิงคนอื่นให้กับตน
“เอ๊ะ!นี่ตาเมศวร์แกกล้าขัดคำสั่งแม่เหรอ?”
“ก็เพราะคุณแม่ไม่มีเหตุผลนี่ครับ” ชายหนุ่มไม่สนใจจะฟังมารดาอีกต่อไปพร้อมกับเดินออกไปอย่างหัวเสีย
“เฮ้อ! ตาเมศวร์เมื่อไหร่แกถึงจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาซะทีนะลูก” นางได้แต่สายศีรษะพร้อมทั้งรำพึงรำพันตามแผ่นหลังกว้างของลูกชายอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
**********************************************************************************************************************************************
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ไว้เจอกันใหม่คร่า!!
จินต์พัฒน์
ความคิดเห็น