ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แรกเสน่หาซาตานร้าย

    ลำดับตอนที่ #3 : แรกพบซาตาน 50%

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 58



    ตอนที่ 1

                แรกพบซาตาน

                ค่ำคืนในโรงแรมหรูใจกลางเมืองแห่งหนึ่งถูกจัดให้เป็นงานเดินแบบโชว์เพชรพลอย ให้คนในสังคมไฮโซได้เลือกชม บรรดาผู้ดีมีเงินต่างให้ความสนใจเข้าชมงานกันอย่างคึกคักเนืองแน่น นางแบบที่มีชื่อเสียงและทั้งที่ไม่มีชื่อเสียงต่างออกมาเดินโชว์เพชรหรูหราราคาแพงคอลเลคชั่นใหม่แสงของเพชรวูบวาบแปลบปลาบท้าทายแสงแฟลชของกล้องและโทรศัพท์มือถือนวัตกรรมใหม่ๆของพวกคุณหญิงคุณนายและผู้ลากมากดีมีเงินทั้งหลาย

                    ฝ้ายลดาสาวสวยหนึ่งในนางแบบได้รับความสนใจเป็นพิเศษไม่มีใครรู้จักเธอมาก่อนว่าเธอมาจากไหนเป็นลูกเต้าเหล่าใครและที่สำคัญเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าของงาน เธอสวยและโดดเด่นรูปร่างงามสง่าไม่แพ้นางแบบตัวจริง อีกทั้งการโพสต์ท่านำเสนอเพชรราคาแพงให้ดูยิ่งล้ำค่าน่าซื้อหามาเป็นเจ้าของเสมือนเป็นนางแบบมืออาชีพทั้งที่งานนี้เป็นการเดินแบบครั้งแรกของเธอ

                    เมื่อโชว์ที่เธอต้องเดินสิ้นสุดลงร่างระหงก็ก้าวลงมาจากเวที ปณิตาเจ้าของงานในการโชว์เพชรเดินตรงเข้ามาหาพร้อมทั้งกล่าวชมหญิงสาวอย่างตื่นเต้น

                    “โอ้โฮ! น้องฝ้ายจ๊ะ พี่คิดไม่ผิดเลยที่ขอฝ้ายกับคุณแม่พี่ให้มาเดินโชว์เพชรคลอเลคชั่นใหม่ให้พี่ในงานนี้สวยมากเลยจ๊ะ”

                    “ขอบคุณค่ะพี่แนนฝ้ายเองก็เพิ่งเคยทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะกลัวงานพี่แนนจะพังเหมือนกัน ตื่นเต้นมากเลย ตอนนี้ยังตื่นเต้นไม่หายเลยล่ะค่ะ” นางแบบจำเป็นยิ้มขอบคุณก่อนจะกล่าวกับเจ้าของงานอย่างถ่อมตัว

                    “ทุกคนในงานต่างก็มองฝ้ายเป็นตาเดียวกันเลยนะ นางแบบที่พี่จ้างให้มาเดินแบบให้ดูหมองไปเลยนะนี่” ปณิตากล่าวชมเธอจากใจจริงอีกครั้ง

                    “ฝ้ายคงเปรียบเทียบกับพวกเธอไม่ได้หรอกค่ะพี่แนน มีแต่มืออาชีพทั้งนั้น”

                    “ไม่จริงหรอกจ๊ะ นี่รู้ไหมว่าเพชรชุดที่ฝ้ายเดินน่ะ ถูกสั่งจองแล้วนะจ๊ะ” เจ้าของงานกล่าว

                    “จริงเหรอคะพี่แนน ฝ้ายดีใจด้วยนะคะ?” หญิงสาวถามกลับไปอย่างตื่นเต้น

                    “จ๊ะ เออ..แล้วนี่ฝ้ายเจอคุณพ่อกับคุณแม่พี่หรือยังจ๊ะ” 

                    “เจอแล้วค่ะ ท่านยังส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ฝ้ายด้านหน้าเวทีอยู่เลย แต่ฝ้ายยังไม่ได้ไปทักทายท่านเลยกะว่าจะไปกราบท่านเสียหน่อยเมื่องานเสร็จ” ฝ้ายลดาตอบกลับไปพลางระบายยิ้มบาง

                    “งั้นฝ้ายไปตอนนี้ได้เลยจ๊ะท่านคงกำลังรออยู่”

                    ปณิตากล่าวกับนางแบบจำเป็นของเธอเมื่อคิดว่าป่านนี้มารดาเธอเองคงกำลังชะเง้อชะแง้คอรอคนโปรดของท่านอยู่

                    “ค่ะพี่แนน งั้นฝ้ายขอตัวก่อนนะคะ”  

                    “จ๊ะ”

                    ฝ้ายลดาเป็นสาวสวยวัย 22 ปี เพิ่งจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษหญิงสาวเดินทางมาเมืองไทยได้เพียงแค่ไม่กี่วันก็ได้รับการเชิญชวนจากปณิตาลูกสาวคนโตของคุณรัศมีเพื่อนรักของมารดาเธอที่เสียไปเมื่อไม่นานมานี้ให้มาเดินแบบโชว์เพชรคอลเลคชั่นใหม่ให้กับตน

                    ปณิตารู้ว่าฝ้ายลดาเป็นคนโปรดของมารดาและงานนี้ก็มาเพื่อให้กำลังใจเธอโดยเฉพาะคืนนี้ท่านกำลังจะดำเนินแผนการบางอย่างซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จหรือไม่ จึงได้แต่คอยเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆเท่านั้น

                     ไม่แปลกใจเลยที่มารดาของเธอรักและเอ็นดูหญิงสาวคนนี้นัก เพราะเธอมีความน่ารัก อ่อนน้อมถ่อมตน เจ้าของงานมองตามร่างบางที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกรักใคร่ ก่อนจะหันกลับไปดูแลความเรียบร้อยบนเวทีที่ตอนนี้มีทั้งสามีและลูกสาววัยใสคอยช่วยดูแลอยู่อีกฝั่งของงาน

     

                    ร่างระหงเดินตรงไปยังด้านหน้าเวทีเพื่อไปหาญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคารพ และเมื่อมาถึงก็เห็นว่าท่านทั้งสองกำลังยืนรอเธออยู่

                สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”  ฝ้ายลดายกมือไหว้ทักทายผู้สูงวัยทั้งสองที่กำลังยืนยิ้มให้เธอ

                    “สวัสดีจ๊ะ วันนี้หนูฝ้ายสวยมากแถมยังเดินแบบได้อย่างมืออาชีพเสียอีก  นี่! ถ้าป้าไม่รู้จักหนูคงคิดว่ายัยแนนจ้างนางแบบมาเดินโชว์เพชรให้นะนี่” คุณรัศมีทักทายกลับไปพร้อมทั้งเข้าไปจับไม้จับมือและชื่นชมเธอด้วยความรักใคร่เอ็นดูเสมือนเป็นลูกในไส้

                    “คุณป้าก็ชมฝ้ายเกินไปฝ้ายยังไม่ถึงขั้นเรียกว่ามืออาชีพหรอกค่ะ”เธอเอ่ยอย่างถ่อมตัว

                    “แล้วนี่ตาเมศร์ยังไม่มาอีกเหรอคะคุณ? เหลวไหลจริงๆลูกคนนี้”

                    คุยไปได้ไม่เท่าไหร่คุณรัศมีก็หันไปถามคุณพิทักษ์ผู้เป็นสามีถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นัดกันไว้เพื่อมางานนี้แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นแม้เงาเจ้าตัว

                    “นั่นไงมาโน่นแล้ว” คุณพิทักษ์กล่าวพลางพยักพเยิดไปยังทางเข้าที่อยู่ไม่ไกลก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาร่างสูงสมาร์ทกำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในงาน

                    “ขอโทษครับคุณพ่อคุณแม่ที่ผมมาช้า”

                     ชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยขอโทษขอโพย เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังนั้นทำให้ใจดวงน้อยของใครบางคนเต้นแรงยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายของชายหนุ่มที่อยู่ในใจและแอบปลื้มมานานก็ยิ่งทำให้ใจสาวยิ่งสั่นไหว ตัวจริงของเขาหล่อเหลากว่ารูปในนิตยสารที่เธอเก็บไว้ดูต่างหน้าเสียอีก

                    ปรเมศวร์หนุ่มหล่อวัย 32 ปี ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าดังกลางใจเมืองที่รับช่วงต่อจากผู้เป็นบิดาและเจ้าของบริษัทสินค้าแช่แข็งส่งออกที่ชายหนุ่มเป็นคนก่อตั้ง โดยใช้ความสามารถในการดำเนินกิจการบริหารจนกระทั่งเป็นบริษัทส่งออกแช่แข็งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ จนชายหนุ่มได้รับรางวัลนักธุรกิจดีเด่น และเคยได้สัมภาษณ์ขึ้นปกนิตยสารต่างประเทศอีกด้วย

                    “ทำไมมาช้านักล่ะตาเมศวร์? นี่! งานก็ใกล้จะเสร็จแล้วด้วย”  คุณรัศมีตำหนิลูกชาย

                    นางอุตส่าห์นัดแนะให้ปรเมศวร์ได้มาเห็นฝ้ายลดาตอนที่หญิงสาวเดินแบบ เพราะชายหนุ่มจะได้เห็นว่าฝ้ายลดาสวยและโดดเด่นเพียงใดในค่ำคืนนี้ แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อลูกชายตัวดีของนางกลับมาสายเสียนี่!

                    “เอ่อ! คือผม….” คนถูกตำหนิอึกอัก

                    คุณรัศมีมองลูกชายด้วยความไม่พอใจทำไมนางจะไม่รู้ว่าลูกชายไปไหนมาทำไมถึงมาสาย ‘ก็เพราะมัวแต่ไปกกอยู่กับยัยพัศอรปลิงในคราบของมนุษย์นั่นยังไงล่ะ’ คิดพลางหมั่นไส้ลูกชาย

                    “หนูฝ้าย..นี่! ตาเมศวร์ลูกชายป้าเองจ๊ะ”

                    คุณรัศมีมองค้อนลูกชายนิด ก่อนจะหันมายิ้มแย้มให้กับฝ้ายลดา พลางแนะนำให้เธอรู้จักกับลูกชายอย่างเป็นทางการ

                    “ สวัสดีค่ะพี่เมศวร์” ฝ้ายลดากล่าวยกมือไหว้และกล่าวทักทายชายหนุ่ม

                    “ใครเหรอครับคุณแม่?”

                    ปรเมศวร์มองใบหน้าสวยหวานสะดุดตาที่กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาเป็นประกายชายหนุ่มรับไหว้หญิงสาวแบบงงๆก่อนจะหันมาถามมารดาด้วยความสงสัยซึ่งเขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นเธอมาก่อน

                    “หนูฝ้ายลูกสาวของเพื่อนแม่เอง แกจำเพื่อนแม่ที่อยู่อังกฤษได้หรือเปล่าคนที่เพิ่งเสียไปเมื่อ 6 เดือนก่อนน่ะ?”      

                    “อ้าว! เหรอครับ? ผมก็นึกว่าเธอเป็นลูกครึ่งเสียอีก”

                     แวบหนึ่งชายหนุ่มรู้สึกสงสารเห็นใจหญิงสาวเป็นอย่างมากจำได้ว่าครั้งหนึ่งมารดาของเขาเคยเล่าให้ฟังว่านางมีเพื่อนเป็นคนไทยที่อยู่อังกฤษซึ่งรักกันมากคนหนึ่ง เพื่อนของมารดาคนนี้มีบุตรสาวหนึ่งคน แต่นอกนั้นเขาไม่ค่อยได้จำรายละเอียดอะไรมากนัก

                    “ไม่ใช่จ๊ะ หนูฝ้ายเป็นคนไทยบิดาของเธอเลิกร้างกับเพื่อนแม่ แต่ก็ได้พบรักใหม่กับมิสเตอร์แดเนียลที่มาเที่ยวเมืองไทย หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ”

                    “ฉันเสียใจกับเธอด้วยนะ” ชายหนุ่มกล่าวแสดงความเสียใจกับฝ้ายลดา

                    “ค่ะ”

                    “ผมขอตัวไปหาพี่แนนก่อนนะครับคุณแม่” ปรเมศวร์กล่าวแสดงความเสียใจกับเธอ เขาก็หันกลับมาเอ่ยกับมารดาของตน

                    “ได้ ไปสิลูก” คุณรัศมีเอ่ยอนุญาต

                    เมื่อคนร่างสูงขยับต่อก้าวเท้าเดินจากไป ก็มีสายตาคู่หวานของฝ้ายลดามองตามแผ่นหลังกว้างไปอย่างชื่นชม โดยภาพทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของคุณรัศมีที่คอยมองอยู่อย่างรู้สึกพึงพอใจ

                    ปรเมศวร์เดินไปหาพี่สาวและหลานสาวของตนที่อยู่อีกฟากฝั่ง ภาพที่ชายหนุ่มทักทายพี่สาวก่อนจะหันไปยีหัวหลานสาววัยใสเล่นด้วยความเอ็นดูทำให้หญิงสาวแอบยิ้ม ตัวจริงของชายหนุ่มดูดีกว่าในหน้าหนังสือมากเขาหล่อเหลาคิ้วดกเข้ม จมูกโด่งเป็นสันคม ใบหน้าคมคาย อีกทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่บึกบึนสมเป็นชายชาตรี และเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังนั่นอีก

                    หญิงสาวเชื่อว่าชายหนุ่มคงเป็นที่คลั่งไคล้ต้องตาต้องใจของสาวๆหลายๆคนอย่างแน่นอน เพราะดูจากตอนนี้ชายหนุ่มก็เริ่มจะเป็นจุดสนใจของสาวๆที่อยู่ภายในงานเลยก็ว่าได้ทั้งสาวแก่ แม่หม้าย ไม่วายชม้ายชายตาแลมอง

                    บรรดาสาวสวยนางแบบที่เพิ่งลงมาจากเวทีก็ยังเข้ามาซุบซิบกันถึงความหล่อเหลาพลางส่งสายตาให้ชายหนุ่มอยู่ไม่ขาดสาย เธอเองก็คลั่งไคล้ชายหนุ่มไม่ต่างจากพวกเขานัก หญิงสาวนึกพลางผ่อนลมหายใจยิ้มกับตัวเองสายตามองไปที่ชายหนุ่มมิได้คลาดคลา

                   

                    งานในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งและได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด  เจ้าของงานต่างก็ได้รับคำชมอยู่ไม่ขาดสาย บรรดากลุ่มคุณหญิงคุณนายไฮโซไฮซ้อต่างก็ได้เลือกชุดเพชรและสั่งจองคอลเลคชั่นต่างๆตามแต่ใจชอบอย่างชื่นอกชื่นใจพร้อมด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจไปตามๆกันทั้งผู้จัดงานและผู้มาร่วมงาน

                    จนกระทั่งงานเลิกบรรดาผู้มาร่วมงานต่างก็เริ่มทยอยกันเดินออกมาในงานจนบางตากันไปบ้างแล้วนั้น ก็ยังคงเหลือเพียงกลุ่มเจ้าของงานที่ตามกันออกมาเบื้องหลังกลุ่มของปรเมศวร์ปณิตา ทศพลสามีปณิตา และติยดาหลานสาววัยใสของปรเมศวร์เดินออกมาเพื่อมาสมทบกับกลุ่มของคุณรัศมี คุณพิทักษ์ และฝ้ายลดาที่ยืนรออยู่หน้างานเพื่อทั้งหมดจะเดินทางกลับ

                    “ยินดีด้วยนะคะพี่แนน”

                     เมื่อคนทั้งหมดเข้ามาสมทบฝ้ายลดาก็หันไปกล่าวแสดงความยินดีกับปณิตาอย่างตื่นเต้นดีใจ

                    “ขอบใจจ๊ะน้องฝ้าย และก็ขอขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะที่วันนี้มาช่วยงานพี่

                    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่ฝ้ายไม่ทำงานพี่แนนพังฝ้ายก็ดีใจแล้วค่ะ”

                    “แหมฝ้ายก็พูดเกินไป ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ๊ะ เอ๊ะ! แล้วนี่! ฝ้ายจะกลับยังไง?” ปณิตาเอ่ยถาม

                    “ตาเมศวร์แม่วานไปส่งหนูฝ้ายที่พักทีนะลูก”  คุณรัศมีเอ่ย

                     อันที่จริงคุณรัศมีได้คิดเรื่องนี้ไว้อยู่ก่อนแล้วเมื่อจบคำถามของลูกสาวคนโตที่ถามฝ้ายลดาขึ้นมานางจึงรีบจัดแจงให้ลูกชายไปส่งฝ้ายลดาเสร็จสรรพเพื่อต้องการให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันและจะได้สานต่อความสัมพันธ์

                    “เอ่อ!ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า ฝ้ายกลับแท็กซี่เองได้ค่ะ” เสียงหวานของฝ้ายลดากล่าวแทรกขึ้นด้วยความเกรงใจเพราะเธอตั้งใจว่าจะกลับเองและไม่คาดคิดว่าคนที่จะไปส่งเธอคือผู้ชายที่เธอแอบปลื้มหญิงสาวเกิดความรู้สึกสองอย่างขึ้นภายในเวลาเดียวกันคือทั้งอยากให้ชายหนุ่มไปส่งอยากใกล้ชิดและทั้งเขินอายไม่กล้าอยู่ใกล้ชายหนุ่มนั่นเองแต่ใจดวงน้อยก็แอบหวังอยู่ลึกๆว่าเขาจะไปส่งเธอ

                    “ได้อย่างไรกันจ๊ะ? กลับคนเดียวมันอันตรายให้พี่เขาไปส่งนั่นล่ะดีแล้ว

                    “อืม จริงด้วยสิหนูฝ้ายให้ตาเมศวร์ไปส่งเถอะนะหนูผู้หญิงกลับคนเดียวกลางค่ำกลางคืนลุงเป็นห่วง”  คุณพิทักษ์สนับสนุนคำพูดของภรรยาแต่ท่านหารู้กับแผนการไม่ แต่เพราะคิดว่าจะเป็นการดีกว่าหากลูกชายท่านไปส่งเพราะด้วยเป็นห่วงหญิงสาว

                    “ใช่จ๊ะ พี่ว่าให้ตาเมศวร์ขับรถไปส่งดีกว่านะ”เสียงของปณิตกล่าวสนับสนุนด้วยอีกแรง

                    “ติ๊เห็นด้วยค่ะ พี่ฝ้ายให้น้าเมศวร์ไปส่งนะคะ”

                    เสียงใสของหลานสาวคนสวยของปรเมศวร์ที่สนับสนุนคะยั้นคะยอขึ้นมาอีกคน และทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นพ้องต้องกัน

                    “แต่ฝ้าย” 

                    ฝ้ายลดายังรู้สึกเกรงใจชายหนุ่มแม้จะมีเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่ายก็ตามแต่เธอกลับเห็นว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไรมากนัก

                    “ไม่ต้องเรื่องมากหรอกน่า เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง” เสียงเข้มของปรเมศวร์กล่าวขึ้นเมื่อรู้สึกหงุดหงิดและเริ่มรำคาญจนหญิงสาวรู้สึกได้

                    ปรเมศวร์เห็นการกระทำของมารดาที่พยายามจะจับคู่ให้ตนกับหญิงสาวตรงหน้าจึงรู้สึกหงุดหงิดแต่คิดว่าเธอคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเขาดูออกว่ามารดาของตนนั้นมีจุดประสงค์อันใดแอบแฝงที่ทำเช่นนี้ แต่ที่เขายอมทำตามคำร้องขอของมารดาเพราะเห็นแก่เธอ

                    มิใช่เพราะชายหนุ่มมีใจแต่ถึงอย่างไรเขาก็คงอดห่วงไม่ได้ที่ผู้หญิงจะกลับกลางค่ำกลางคืนดึกๆดื่นๆคนเดียว เขาไม่ต้องการมีส่วนผิดหากเมื่อเธอเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆก็เท่านั้น

                     อีกอย่างชายหนุ่มเห็นว่าที่เธอมาก็เป็นงานของพี่สาวตนดังนั้นจึงคิดว่าหากจะไปส่งเธอตามคำขอของมารดานั้นคงไม่เสียหายอะไร และนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเล่นไปตามเกมของมารดาเสียทีเดียวเขารู้ทันความคิดของมารดาและรู้ดีว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่มารดาเขาต้องการอย่างแน่นอน

                    “นั่นสิหนูฝ้ายให้พี่เขาไปส่งเถอะนะ ป้าเป็นห่วงผู้หญิงตัวคนเดียวเดินทางดึกดื่น ป้ากลัวจะเป็นอันตราย แล้วถ้าหนูเป็นอะไรไปป้าจะมองหน้าแม่หนูที่อยู่บนสวรรค์ได้อย่างไรกันล่ะลูก? ”  เสียงคุณหญิงร่ายยาวกล่าวสนับสนุนขึ้นมาอีกครั้ง

                    “ค่ะ.. คุณป้า งั้นฝ้ายกลับกับพี่เมศวร์ก็ได้ค่ะ งั้นฝ้ายลาเลยนะคะคุณลุง คุณป้า พี่แนน พี่ทศ น้องติ๊”

                    ฝ้ายลดาตอบตกลงก่อนจะล่ำลาทุกคนและพนมมือไหว้ผู้สูงวัย เมื่อเธอเห็นว่าคงไม่สามารถขัดได้และไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะทำให้ผู้ใหญ่ที่เธอนับถืออย่างคุณหญิงไม่สบายใจและอีกอย่างเธอเห็นอาการหงุดหงิดของชายหนุ่มจึงรู้สึกว่าตนไม่ควรจะทำให้เขาไม่พอใจและหงุดหงิดมากไปกว่านี้เพราะเธอเป็นต้นเหตุของความหงุดหงิดนั้น

                    “จ๊ะ.. ไปตาเมศวร์ไปส่งน้องแม่ฝากดูแลน้องด้วยนะ แล้วก็ขับรถดีๆล่ะ” คุณรัศมีรับไหว้ฝ้ายลดาก่อนจะหันไปกำชับและฝากฝังหลานสาวสุดรักกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

                    “ ได้ครับคุณแม่ แต่คืนนี้ผมคงไม่กลับบ้านนะครับ คงไม่ต้องเรียนคุณแม่ใช่ไหมครับ? เพราะผมเชื่อครับว่าคุณแม่เองคงจะรู้นะครับว่าผมไปไหน”

                    ชายหนุ่มพูดพลางส่งสายตารู้ทันมารดาและท้าทายอยู่ในที คำพูดของลุกชายทำให้คุณหญิงนิ่งอึ้งไปสักพัก ‘ขนาดนี้แล้วยังจะไปนึกถึงนังปลิงดูดเลือดนั่นอีกนะลูกชายฉัน นางค่อนขอดลูกชายในใจ

                    “ ย่ะ.. จะไปไหนก็ไปเถอะ ขอเพียงไปส่งหนูฝ้ายให้ถึงที่พักอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว”

                    “ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับคุณแม่”

                    แล้วร่างสูงกับร่างระหงก็เดินจากไป คุณรัศมีมองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองไปอย่างใช้ความคิด ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก นางคงมีความสุขมากหากผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างลูกชายของนางคือฝ้ายลดาแต่ลูกชายของนางกลับไม่เป็นอย่างที่นางหวัง

                    คุณหญิงรัศมีได้แต่ทอดถอนหายใจมองตามหลังลูกชายไปส่ายหน้าระอา พลางคิดนางว่าคงต้องจัดการอะไรบางอย่างเสียแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายจนเกินไป

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×